การทำน้ำเต้าหู้ไม่ต้องใช้ทักษะฝีมือมากมายอะไร วิธีทำก็คือ นำถั่วเหลืองแห้งไปแช่น้ำจนนุ่มแล้วนำเข้าเครื่องโม่ บดจนได้น้ำออกมา
ส่วนเต้าฮวยกับเต้าหู้นั้นจะต้องมีทักษะการทำที่ดี โดยการทำเต้าฮวยจะง่ายกว่าการทำเต้าหู้ คำโบราณกล่าวว่า ใช้น้ำเกลือสร้างเต้าหู้ ดังนั้นเต้าฮวยและเต้าหู้จะอร่อยหรือไม่ ก็ต้องดูว่าจะใช้น้ำเกลือเช่นไร
ที่กล่าวว่า น้ำเกลือแท้จริงแล้วคือ ดีเกลือ เมื่อแยกสารออกมาแล้วจะพบว่า มีทั้งแมกนีเซียมคลอไรด์ แคลเซียมซันเฟต แคลเซียมคลอไรด์ และโซเดียมคลอไรด์ มีรสขมและมีพิษ
ูเาที่หลังบ้านหลี่หรูอี้มีหินเกลืออยู่ด้วย ่หลายเดือนมานี้นางให้คนในครอบครัวไปเก็บหินเกลือกลับมาในตอนที่พวกเขาขึ้นเขาไปเก็บฟืน จากนั้นก็นำดีเกลือที่ติดอยู่กับก้อนหินมากลั่น
หากใส่เกลือน้อยก็จะเป็เต้าฮวย หากใส่เกลือมากก็จะเป็เต้าหู้
ในโลกก่อน วิธีการทำเต้าหู้ของทางเหนือมักจะใช้น้ำเกลือทำให้เต้าหู้แข็งตัว เต้าหู้ที่ทำจากของสิ่งนี้จะมีความแข็ง ความยืดหยุ่น และความเหนียวดี ถูกเรียกว่าเป็เต้าหู้เก่า หรือไม่ก็เต้าหู้เหนือ หรือเต้าหู้แข็ง
เต้าหู้เหนือไม่แตกตัวง่าย สะดวกในการขนส่ง เหมาะสำหรับนำไปทำอาหารประเภทต้ม ผัด ทอด มีรสชาติอร่อย เหมาะสำหรับทุกวัย
เต้าหู้ที่หลี่หรูอี้คิดจะทำก็คือ เต้าหู้เหนือนั่นเอง
หลี่สือกล่าวอย่างยินดี “หรูอี้ ข้าอยากกินน้ำเต้าหู้หวาน หวานๆ”
“ได้ หากอยากกินหวานก็ใส่น้ำตาลมากหน่อย” หลี่หรูอี้ย้อนคิดไปถึงน้ำเต้าหู้ในโลกก่อน เต้าหู้ของปักกิ่งจะมีรสเปรี้ยว คนทั่วไปไม่คุ้นเคยรสชาติ ส่วนใหญ่จะชอบกินแบบใส่น้ำตาลหรือรสดั้งเดิมมากกว่า
หลี่ิ่หานกล่าวขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “น้องห้า เหตุใดจึงเรียกว่า เต้าฮวย (สมองเต้าหู้) หรือ”
หลี่หรูอี้อธิบายด้วยรอยยิ้ม “ที่เรียกเช่นนี้เพราะดูจากสีเ้าค่ะ ลองดูเถิด เหมือนสมองหมูสมองแพะหรือไม่”
เด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่รีบเข้ามามุงดู ดวงตาสี่คู่จับจ้องไปยังเต้าฮวย แล้วกล่าวขึ้นพร้อมกันว่า “นับว่าเหมือน”
หลี่หรูอี้อธิบายต่อไป “กินเต้าฮวยบำรุงสมอง กินแล้วฉลาด ร่างกายแข็งแรง”
ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองมีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถกินเพื่อบำรุงร่างกายและมีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร เพิ่มความอยากอาหาร มีประโยชน์ต่อพัฒนาการของกระดูกและฟัน ไม่มีคลอเลสเตอรอล เป็อาหารยาสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเืสูง โรคหลอดเืแข็งตัว และโรคหลอดเืหัวใจ ทั้งยังเป็อาหารเสริมสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยอีกด้วย
ในโลกก่อน พระในวัดกินเจ ไม่กินเนื้อ แต่กลับมีร่างกายแข็งแรง เหตุก็เป็เพราะกินผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองเพื่อบำรุงร่างกายนั่นเอง
เด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่สบตากัน ในใจคิดว่าที่แท้น้องห้าทำเต้าฮวยให้พวกเรากินเพื่อบำรุงสมองนี่เอง
หลี่หรูอี้ไปทำน้ำแกงสำหรับนำไปประกอบอาหารกับเต้าฮวย ซึ่งสิ่งที่จะใส่ลงไปประกอบด้วย ผักหวงฮวา ไข่ไก่ และเห็ดหูหนู
ผักหวงฮวามีถิ่นกำเนิดอยู่ทางเหนือและทางใต้ นิยมนำไปตากแห้ง ร้านธัญพืชในตำบลจินจีมีขาย ชั่งละยี่สิบทองแดง แพงกว่าเนื้อหมูเสียอีก
ส่วนเห็ดหูหนูนั้นหลี่หรูอี้และอู่โก่วจื่อเก็บมาจากูเา นับเป็สมบัติแห่งขุนเขาชนิดหนึ่ง เห็ดหูหนูแห้งก็มีขายในร้านธัญพืชที่ตำบลจินจีเช่นกัน ชั่งละยี่สิบห้าทองแดง แพงกว่าหวงฮวาเสียอีก
อาหารเช้าของบ้านหลี่มีน้ำเต้าหู้และเต้าฮวย อาหารหลักคือ แป้งย่างต้นหอม
น้ำเต้าหู้ทำให้ชุ่มคอ ให้ความรู้สึกที่ดีเป็อย่างยิ่ง ส่วนเต้าฮวยก็มีรสัันุ่ม ฝีมือทำครัวของหลี่หรูอี้ค่อนข้างดีจึงทำให้เต้าฮวยมีรสโอชาทั้งยังมีกลิ่นหอมอร่อย
มื้อนี้ครอบครัวหลี่กินอาหารกันอย่างอุดมสมบูรณ์ กระทั่งหลี่ซานที่ไม่ค่อยแสดงท่าทีอะไรยังอดชมไม่ได้ “อาหารเช้าวันนี้อร่อยจริงๆ”
หลี่เจี้ยนอันเอ่ยขึ้นว่า “น้องห้าบอกว่า จะไม่ขายน้ำเต้าหู้ ขายแค่เต้าฮวยกับเต้าหู้”
จ้าวซื่อถามอย่างสงสัย “น้ำเต้าหู้อร่อยเช่นนี้เหตุใดจึงไม่ขายเล่า?”
หลี่หรูอี้อธิบาย “น้ำเต้าหู้ทำง่าย ไม่นานก็จะมีคนเลียนแบบออกมาได้แล้วเ้าค่ะ”
“ขายอะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงทำเงินได้ก็พอแล้ว ข้าว่าควรเริ่มขายวันนี้เลย ไม่ต้องรอขายพรุ่งนี้หรอก” หลี่ซานว่างทั้งวันจนทนไม่ไหวแล้ว อีกทั้งวันนี้ก็อากาศดี หากไม่ไปทำการค้าคงจิตใจไม่สงบ
“วันนี้ต้องสอนพวกท่านก่อน” หลี่หรูอี้เห็นหลี่ซานมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ จึงกล่าวต่อไปว่า “หากทันก็นำไปขายที่ตลาดในอำเภอ่บ่ายๆ ก็ได้เ้าค่ะ” ลองตลาดดูเสียหน่อยก็คงดี
หลี่ซานกลัวหลี่หรูอี้เปลี่ยนใจจึงรีบพูดว่า “เช่นนั้นก็เอาตามนี้”
ครอบครัวหลี่ทำตามการจัดแจงของหลี่หรูอี้ในด้านการค้าขายโดยไม่รู้ตัว ต่อให้เป็หลี่ซานที่มีความคิดดื้อรั้นเอาตนเองเป็ใหญ่ก็เป็เช่นเดียวกัน
หลี่หรูอี้พาคนในครอบครัวทั้งหมดรวมไปถึงจ้าวซื่อไปทำเต้าหู้ที่ลานด้านหลัง ครอบครัวหลี่ยุ่งจนมือเท้าแทบพันกัน ส่วนคนตระกูลหวังก็ยุ่งอยู่กับการประชุมของตระกูล
เมื่อคืนหวังซานนิวซ่อนตัวอยู่ทีู่เา นางหนาวจนทนไม่ไหว ทั้งยังได้ยินเสียงหมาป่าดังแว่วมาจากระยะที่ไม่ไกลนัก จึงเกิดความหวาดกลัว สุดท้ายก็ลงเขามาและคิดจะหนีไปนอกหมู่บ้าน
คนตระกูลหวังที่เฝ้าอยู่ตรงทางขึ้นลงเขาดักรอหวังซานนิวอยู่นานแล้ว ไม่นานก็จับนางได้
หวังไห่เปิดการประชุมของตระกูลกลางดึก เนื่องจากยังหารือกับตระกูลฟางเื่การแต่งงานของหวังซานนิวไม่ได้เสียที จึงรอเวลามาถึงตอนนี้ค่อยเริ่มประชุม
หวังไห่ถลึงตาใส่ชวีหง กล่าวอย่างเ็าว่า “ข้าเชื่อคำพูดของหรูอี้ ไม่ต้องเรียกนางมา ไม่ต้องรบกวนนางหรอก”
หวังจื้อเกาปรายตามองไปยังหวังลี่ตงที่นั่งห่อไหล่ก้มหน้าอยู่ในมุมหนึ่ง กล่าวเสียงแ่ว่า “ท่านพ่อ ท่านจะให้พี่ใหญ่ไปบ้านฟางหรือ”
หวังซานนิวทำเื่น่าอายเช่นนี้ หากอิงตามกฎของตระกูลหวังก็คือ ต้องนำนางไปใส่กรงหมูและจับถ่วงน้ำ แต่หวังซานนิวถูกหมั้นหมายไว้กับผู้อื่นแล้ว สินสอดก็รับมาแล้ว อีกไม่นานจะต้องออกเรือน ต่อให้ตระกูลสามีเหลือเพียงครึ่งคนก็ยังต้องถามตระกูลสามีของนางก่อน
คนที่หวังซานนิวต้องแต่งด้วยแซ่ฟาง ว่าที่สามีชื่อ ฟางหู่
ตระกูลฟางอยู่ในหมู่บ้านเสี่ยวอิ๋งจื่อ ซึ่งห่างจากหมู่บ้านหลี่ยี่สิบลี้ มีสมาชิกในครอบครัวไม่มากนัก มีที่ดินสิบกว่าหมู่ ก็นับว่าฐานะเหมาะสม
“บุตรสาวของเขา หากเขาไม่ไปแล้วผู้ใดจะไป?” แต่หวังไห่ย่อมไม่ไปให้ขายหน้าแน่นอนและไม่อาจปล่อยให้ขายหน้าเช่นนี้ด้วย นอกจากนี้ก็แยกบ้านกันแล้ว หลังจากแยกบ้านจึงค่อยรู้ว่าบ้านเ้าใหญ่และบ้านเ้าสองไม่ดีเลย ก่อนหน้านี้เขาคงสายตาฝ้าฟางไปแล้วจริงๆ
คนในตระกูลรวมตัวกันแล้ว หวังไห่จึงเริ่มสอบสวนหวังซานนิว
ผู้เสียหายอย่างหวังเยี่ยนร้องห่มร้องไห้เล่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวานต่อหน้าทุกคน ส่วนหวังซานนิวก็ไม่ได้เล่นลิ้น ยอมรับไปตามตรง
ผู้าุโหลายคนในตระกูลโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ “ซานนิวทำความผิดร้ายแรงเช่นนี้ หากว่ากันตามกฎตระกูลแล้วต้องจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำ”
“ใช่ ต้องจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำ หากไม่ทำผู้อื่นคงเลียนแบบนาง”
“เกิดเื่เลวทรามเช่นนี้ตระกูลเราแย่แน่”
เมื่อหวังซานนิวได้ยินคำว่า จับใส่กรงหมูถ่วงน้ำ ก็เป็ลมล้มพับไปทันที หากรู้เช่นนี้คงซ่อนตัวอยู่บนูเาอีกหลายวัน หรือไม่ก็ว่ายข้ามแม่น้ำไปที่อื่นแล้ว คงไม่กลับมาอีก
“ซานนิวเป็คนตระกูลฟางครึ่งหนึ่งแล้ว เื่นี้จะต้องให้ตระกูลฟางทราบก่อน” หวังไห่มีสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนหวังลี่ตงผู้เป็บิดาแท้ๆ ของหวังซานนิวกลับนั่งคุกเข่าอยู่ในมุมหนึ่ง ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ไม่ได้ขอร้องให้หวังซาน นิวเลยแม้แต่น้อย ทำเพียงยอมรับคำตำหนิของผู้อื่น ท่าทีขี้ขลาดเช่นนี้ นิสัยเช่นนี้ ต่อไปคงไม่อาจคาดหวังอะไรได้อีก
คนในตระกูลบางคนอดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “ท่านลุง เหตุใดไม่ส่งตัวนางให้ทางการเล่า?”
“หากส่งให้ทางการจะกลายเป็เื่ใหญ่ ตระกูลของพวกเราจะเสียหน้าและเสียชื่อ ทางการต้องลงโทษแน่” ซึ่งหวังไห่ก็ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลย
กฎหมายของแคว้นต้าโจวกำหนดบทลงโทษของผู้กระทำผิดไว้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะความผิดที่ส่งผลกระทบใหญ่หลวง ครอบครัวของพวกเขาจะไม่สามารถเข้าร่วมการสอบเคอจวี่ได้อีก
หากหวังซานนิวติดคุกเพราะเื่นี้ หวังจื้อเกาที่เป็อาแท้ๆ ของนางจะไม่สามารถเข้าร่วมการสอบเคอจวี่ได้ในระยะเวลาห้าปี
หลังจากเลิกประชุม หวังลี่ตงและภรรยาจึงไปที่บ้านฟางตามคำสั่งของตระกูลหวัง เพื่อให้ตนยังมีที่ยืนในตระกูล
ตอนบ่าย ช่างไม้จางนำแม่พิมพ์ไม้ที่ทำได้ค่อนข้างแข็งแรงมาส่ง หลี่หรูอี้พาคนในครอบครัวทำเต้าหู้ออกมาได้สองร้อยกว่าชั่งและเต้าฮวยอีกสองถังใหญ่
หลี่ซานรีบควบเกวียนลาไปยังตลาดในอำเภอเพื่อขายเต้าฮวยและเต้าหู้ เพิ่งถึงหน้าหมู่บ้านก็พบสองสามีภรรยาหวังลี่ตงกลับมาจากบ้านตระกูลฟางแล้ว
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้