“เคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา?” มีคนถามอย่างสงสัย
สายลับผู้นั้นที่อยู่ในเงื้อมมือของชายชรามีใบหน้าซีด เขาหวาดกลัวทันที “ปล่อยข้า ปล่อยข้า!!!” ขณะที่พูดเขาเพ่งสายตาไปยังจุดหนึ่งด้วยความหวาดผวา เด็กหนุ่มในอาภรณ์สีดำเดินออกมาจากหมอกหนาทึบในป่าที่มืดมิด สีผิวขาว ใบหน้าหล่อเหลา ร่างสูงโปร่ง ริมฝีปากยิ้มน้อยๆ อย่างอ่อนโยน ราวกับเด็กหนุ่มข้างบ้านที่สนิทสนมกันก็ไม่ปาน
สายลับเบิกดวงตากว้าง พึมพำสามคำอย่างสิ้นหวัง “ฉิงชางจวิน...”
กลุ่มคนจากสำนักจงหลีซานดวงตาเบิกกว้าง ต่างรีบเพ่งสายตาไปบนร่างของเด็กหนุ่มคนั้น ชั่วขณะหนึ่งพวกเขาเงียบงันไร้สุ้มเสียง เป็เวลานานเจียงเฉิงเยว่จึงกอดอกอย่างใจเย็นพลางมองชายชราผู้นั้นที่เป็ผู้นำเขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นักพรตหนี ไม่เจอกันนาน ไม่ทราบว่าทุกท่านทุ่มเทแรงใจตามหาข้าเช่นนี้ มีธุระสำคัญอันใด?”
ผู้เฒ่าหนีกล่าว “ฉิงชางจวิน?”
ทันใดนั้นสายลับกลับร้องคร่ำครวญ “ฉิงชางจวิน! ฉิงชางจวินละเว้นชีวิตด้วย ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย...ข้าไม่ได้พูดอะไรเลยจริงๆ ฉิงชางจวินโปรดตรวจสอบให้กระจ่าง!”
เจียงเฉิงเยว่ชำเลืองมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเ็า “ใช่หรือ? เ้าพูดมากเกินไปต่างหาก”
สีหน้าของสายลับผู้นั้นยิ่งซีดลง ทั้งร่างสั่นเทาจนแทบอ่อนแรง “ฉิงชางจวินละเว้นชีวิตด้วย! ละเว้นชีวิตข้าด้วยเถิด!”
เจียงเฉิงเยว่มองอย่างหงุดหงิด จากนั้นขมวดคิ้ว “หนวกหู” สายลับเงียบเสียงโดยพลัน ไม่กล้าหายใจดัง เจียงเฉิงเยว่มองพื้นที่ว่างด้านข้างของตนเองแล้วกล่าว “ข้าไม่ได้มาหาเ้า”
สายลับพลันรู้สึกยินดี ราวกับมีชีวิตรอดจากสถานการณ์อันตรายที่น่าสิ้นหวัง “ขอรับ”
เจียงเฉิงเยว่ “ไสหัวไป”
ทันใดนั้น สายลับคลานไปอย่างเชื่อฟัง ออกจากเขตอาคมของเจียงเฉิงเยว่ไปอย่างไร้ร่องรอย
สำนักจงหลีซานที่เหลือรีบหยิบดาบเซียนออกมาจากแขนเสื้อ ชี้มาที่เจียงเฉิงเยว่ด้วยความสับสนและสั่นสะท้านเล็กน้อย
ผู้เฒ่าหนีกล่าว “คาดไม่ถึงว่า ใต้เท้าถึงกับเป็ฉิงชางจวิน หนึ่งในสองาาผีผู้ยิ่งใหญ่แห่งปรโลก เพียงแต่ไม่ทราบว่าเหตุใดฉิงชางจวินจึงปลอมตัวเป็คนไม่มีชื่อเสียงผู้หนึ่ง ไปหลอกลวงเด็กสาวที่โลกมนุษย์หรือ? หรือว่าฉิงชางจวินจำเป็ต้อง...ขยายขอบเขตการล่าสตรีไปถึงสามโลก?”
เจียงเฉิงเยว่หัวเราะ “พรืด” ออกมา “ปรมาจารย์ แม้แต่เื่นี้ยังต้องสนใจด้วยหรือ?”
ผู้เฒ่าหนีขมวดคิ้ว
เจียงเฉิงเยว่กล่าว “แล้วอย่างไรเล่า? เพราะขอบเขตการล่าสตรีของข้านั้นกว้างเกินไป ทุกท่านจึง้ากำจัดข้าออกไปเพื่อผดุงความยุติธรรมแทน์อย่างนั้นหรือ?”
ทุกคนของสำนักจงหลีซานนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ผู้ที่ค่อนข้างหวาดกลัวอยู่เื้ักลับเปิดปาก “ฉิงชางจวิน พวกเราไม่ได้มีเจตนาเช่นนี้”
ผู้เฒ่าหนีหันศีรษะไปจ้องอีกฝ่ายแวบหนึ่ง “เ้าคิดว่า...ได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของาาผีแล้ว เขาจะปล่อยพวกเราไปหรือ?”
เจียงเฉิงเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม “นักพรตหนีช่างเป็คนเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง”
ผู้เฒ่าหนีเริ่มกระตุ้นกลุ่มศิษย์ร่วมสำนักที่อยู่ด้านหลังด้วยเสียงดัง “ในเมื่อวันนี้คงหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้ พูดคุยไปก็ไร้ประโยชน์! เป็าาผีแล้วอย่างไร? ท้ายที่สุดแล้วก็เป็เพียงภูตผีร้าย! เพียงใช้ความสามารถในการปราบภูตผีร้ายของพวกเ้าตามปกติอย่างเต็มที่ก็พอ!”
เหล่าศิษย์ที่อยู่ด้านหลังเอ่ยพร้อมกัน “ขอรับ!”
หลังเวลาผ่านไปธูปหนึ่งดอก คนในสำนักจงหลีซานกลับนอนลงบนพื้นร้องโอดโอยด้วยความเ็ป
‘ฟิ้ว’ โม่หลงกลับไปที่ตำแหน่งเดิม เจียงเฉิงเยว่จึงลูบดาบเหล็กสีนิลที่เอวอย่างชื่นชม หลังจากเห็นผู้ฝึกฝนธรรมดาที่นอนเรียงรายอยู่บนพื้น เขาถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้ต่อสู้อย่างสนุกสนานเช่นนี้มานานแล้ว” เขายืดเอวอย่างเกียจคร้าน “นับว่าได้ออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายสักครู่ ขอบคุณก็แล้วกัน”
สำนักจงหลีซาน “...”
เจียงเฉิงเยว่นั่งยองลง ชาวจงหลีซานถอยหลังไปครั้งแล้วครั้งเล่า เจียงเฉิงเยว่ยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉินจินฮุย ลูกน้องของข้าเป็พวกท่านบังคับอัญเชิญไปใช่หรือไม่?”
ชาวสำนักจงหลีซานตกตะลึงไปชั่วครู่ ชายชราผู้นั้นมองเขา “ใช่แล้วอย่างไร?”
เจียงเฉิงเยว่ยื่นมือออกมา “มอบิญญาของเขามาเสีย”
ผู้เฒ่าหนีขมวดคิ้ว ดวงตาเป็ประกาย “เช่นนี้ ฉิงชางจวินจะปล่อยพวกเราไปอย่างนั้นหรือ?”
เจียงเฉิงเยว่หัวเราะอย่างเ็า “ท่านนักพรตกำลังเจรจาเงื่อนไขกับข้าหรือ?”
ชายชราหยุดนิ่งไปชั่วคราว ลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นหยิบถุงกักิญญาออกมาจากเอว เจียงเฉิงเยว่เปิดมันก่อนเคลื่อนไหวด้วยเคล็ดวิชาเพื่อปล่อยฉินจินฮุยออกมา เงาร่างของชายหนุ่มสว่างวาบในทันทีพร้อมมองไปยังเบื้องหน้า หลังจากนั้นก้มลงคำนับอยู่ข้างกายของเจียงเฉิงเยว่พลางกล่าวอย่างตื่นเต้น “คุณชาย! ข้าน้อยไร้ความสามารถ”
เจียงเฉิงเยว่ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง “ไม่เกี่ยวกับเ้า เ้าไปก่อนเถิด”
ฉินจินฮุยพูดพลางคำนับ “ขอบคุณคุณชาย!” พูดจบเงาร่างพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เจียงเฉิงเยว่มองไปยังชาวจงหลีซานอีกครั้ง “ในเมื่อนักพรตหนีเป็ผู้ที่เมื่อได้รับความไว้วางใจแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด ดังนั้นตัวตนของข้าเป็อย่างไร กลับไปบอกคนผู้นั้นที่อยู่เื้ัดีๆ ด้วยล่ะ”
ผู้เฒ่าหนีตกตะลึงเล็กน้อย “ท่านยอมปล่อยพวกเราหรือ?”
เจียงเฉิงเยว่เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ “มีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว”
“เงื่อนไขอะไร?” ทันใดนั้น สีหน้าของชาวจงหลีซานเผยความคาดหวัง ราวกับกำลังจะมีชีวิตรอดจากสถานการณ์ที่อันตรายและสิ้นหวังนี้
เจียงเฉิงเยว่เอ่ย “ข้าเคยผนึกิญญาของจินฮุยเองกับมือเพื่อไม่ให้ถูกบังคับอัญเชิญ คนผู้นั้นที่ทำลายผนึกของข้าก็อยู่ในหมู่พวกเขาหรือไม่? ข้ารู้สึกสนใจศิษย์คนนี้อยู่เล็กน้อย”
ทุกคนตกตะลึง ล้วนเพ่งสายตาไปที่เด็กหนุ่มซึ่งอายุไม่เกินสิบห้าหรือสิบหกปีอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กหนุ่มกลับหน้าถอดสีในทันที เจียงเฉิงเยว่จึงเพ่งสายตาไปบนหน้าของเด็กหนุ่มแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โอ้ เป็เ้าหรือ?”
เมื่อเด็กหนุ่มสบตาก็อดไม่ได้ที่จะเผยความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกวาดสายตาไปที่กลุ่มคนร่วมสำนักกับชายชราที่เป็ผู้นำราวกับจะขอความช่วยเหลือ เอ่ยเรียกเสียงแ่เบา “อาจารย์...ศิษย์พี่...”
ผู้เฒ่าหนีจ้องเขาด้วยสีหน้าซับซ้อนเป็เวลานาน จากนั้นหันไปมองเจียงเฉิงเยว่ “ฉิงชางจวิน”
เจียงเฉิงเยว่เลิกคิ้วเล็กน้อย “หืม?”
ผู้เฒ่าหนีหนีดึงเด็กหนุ่มผู้นั้นออกมาจากในหมู่ชาวสำนักจงหลีซานอย่างไม่รีรอ ก่อนผลักไปตรงหน้าของเจียงเฉิงเยว่ “ศิษย์คนนี้เป็ศิษย์สายตรงในสำนักจงหลีซานของเรา ผนึกของเซียนจวินก็เป็เขาที่ทำลาย”
เด็กหนุ่มผู้นั้นถูกเขาผลักไปข้างหน้าสองสามก้าวอย่างโซซัดโซเซจนมาถึงตรงหน้าของเจียงเฉิงเยว่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและสิ้นหวัง เจียงเฉิงเยว่มองจากด้านข้างด้วยสายตาเ็า จากนั้นยกริมฝีปากหัวเราะเล็กน้อย เป็เวลานานจึงกล่าวกับทุกคนที่เหลือ “ข้าพูดคำไหนคำนั้น พวกท่านออกไปกันเองได้แล้ว”
ด้วยเหตุนี้ เด็กหนุ่มผู้นั้นจึงเห็นด้วยตาของตนเองว่าอาจารย์และศิษย์พี่น้องร่วมสำนักของตนทิ้งเขาไว้ที่เดิม ต่างทยอยจากไปอย่างลุกลี้ลุกลนด้วยความแน่วแน่
ภายในป่าจึงเหลือเพียงฉิงชางจวินกับเด็กหนุ่มที่ทั้งร่างสั่นสะท้าน เด็กหนุ่มเห็นว่ารูปลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่ายท่าทางอายุไล่เลี่ยกันกับตนเอง ทว่าความแข็งแกร่งที่เขาแสดงให้เห็นเมื่อครู่นี้ ตนที่เป็ผู้ฝึกฝนธรรมดาตัวน้อยกลับไม่อาจต่อต้านได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณทำให้เขายังคงถือดาบเซียนไว้ในมือ ออกแรงจนปลายนิ้วเป็สีขาว เหงื่อเย็นไหลอาบ
เจียงเฉิงเยว่เดินวนรอบเด็กหนุ่มผู้นั้นรอบหนึ่ง เด็กหนุ่มเคร่งเครียดจนแทบยืนอย่างมั่นคงไม่ได้ เป็เวลานานเขาจึงถามด้วยรอยยิ้มขบขัน “เ้าชื่ออะไร?”
เด็กหนุ่มตกตะลึง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงตอบกลับ “หนีเสวียนเฮ่อ” สำนักจงหลีซานนั้น แซ่ของสำนักคือหนี ศิษย์สายตรงทุกคนล้วนใช้แซ่นี้ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่แซ่เดิมของครอบครัว ยามตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เด็กคนนี้ยังคงภูมิใจกับตัวตนของตนเองในสำนักจงหลีซาน
เจียงเฉิงเยว่ไม่ได้สืบถามอย่างลึกซึ้ง เขาถามด้วยรอยยิ้ม “เ้าทำลายผนึกของข้าได้อย่างไร?” เขาไม่เชื่อว่าผู้ฝึกฝนธรรมดาตัวน้อยจะมีระดับการบ่มเพาะเช่นนี้ได้
หนีเสวียนเฮ่อนิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่ง หลังครุ่นคิดแล้วยังคงบอกไปตามความจริง “ตราประทับของเซียนจวินต่อต้านพลังิญญาขั้นสูงสุด แม้ว่าจะมั่นคงแต่กลับอยู่อย่างสันโดษ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงแตกหักอย่างง่ายดาย เพียงต้องเสริมด้วยพลังหยินชั่วร้ายเป็เวลานานเพื่อแทรกซึม...ย่อมสามารถพบช่องโหว่ได้”
เมื่อเจียงเฉิงเยว่ได้ฟังกลับส่งเสียงหัวเราะ “ใช้ได้ๆ กลับเป็ข้าเองที่ข้าประมาทเลินเล่อ หายากนักที่ผู้ฝึกฝนธรรมดาในโลกมนุษย์จะสร้างความแตกต่างอย่างเ้าที่รู้จักยืดหยุ่น ไม่โอ้อวดอย่างโง่เขลาเช่นนี้”
เด็กหนุ่มพลันมีใบหน้าสับสน
เจียงเฉิงเยว่เห็นว่าท่าทางของเขาดูแปลกไปจึงถาม “ทำไม?”
เด็กชายตกตะลึงเป็เวลานานจึงบอก “พวกอาจารย์กับศิษย์พี่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการของข้า”
เจียงเฉิงเยว่หัวเราะ “ก็เป็ภูตผีปีศาจนี่นา...เมื่อจับคู่กับคำที่เป็บาปดั้งเดิมเหล่านี้ก็ไม่น่าแปลกใจ”
หนีเสวียนเฮ่อสีใบหน้าซีดขาวไปชั่วขณะ
เจียงเฉิงเยว่กล่าวต่อ “เ้าอายุยังน้อยก็ประสบความสำเร็จเช่นนี้ คิดว่าในอนาคตในหมู่ผู้ฝึกฝนธรรมดาที่มีชื่อเสียงในโลกมนุษย์ ต้องมีนามของเ้าเป็แน่” หนีเสวียนเฮ่อรู้สึกประหลาดใจ เขาหันมามองอย่างเหลือเชื่อ กลับเห็นาาผีผู้นั้นกล่าวอย่างสบายๆ “กลับไปเถอะ”
เขายังไม่ทันฟื้นคืนสติ ตนเองกลับปรากฏตัวบนถนนของเมืองปี่อั้นเมื่อยามที่มา ผู้คนสัญจรโดยรอบต่าง ใมองมาที่เขา หลังคิดว่าอาจเป็เคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา พวกเขาเคยเห็นมานักต่อนักแล้วจึงเข้าใจแยกย้ายกันไปทำอะไรที่ควรทำ
หนีเสวียนเฮ่อมองไปรอบด้านกลับไม่เห็นเงาร่างของาาผีผู้นั้นอีก
แน่นอนว่าเจียงเฉิงเยว่ตั้งใจ เขาชื่นชมเด็กคนนี้มาก จึงส่งกลับไปยังสถานที่ที่จับตัวมาเป็อย่างดี แต่ศิษย์พี่และอาจารย์เ่าั้ที่ขายสหายร่วมสำนักเพื่อเอาชีวิตรอดล้วนออกมาจากเขตอาคมของเจียงเฉิงเยว่ที่อยู่ในส่วนลึกของปรโลก พลังความอาฆาตแค้นเดิมทีก็เป็สิ่งที่นักพรตธรรมดาไม่อาจต้านทานได้ พวกเขาต้องคิดหาทางไปเมืองปี่อั้นเพื่อกลับไปยังโลกมนุษย์อย่างราบรื่นด้วยตนเอง หากการบ่มเพาะเอาชนะไม่ได้ เกรงว่าอาจไม่รอดออกไป เจียงเฉินเยว่คร้านที่จะสนใจจึงปล่อยให้รอดหรือตายด้วยตัวพวกเขาเองเพื่อเป็การลงโทษ
เวลาต่อมา เด็กหนุ่มผู้มีนามว่าหนีเสวียนเฮ่อ ไม่เพียงกลายเป็ผู้มีชื่อเสียงในโลกมนุษย์ตามที่เขาเคยทำนายไว้เท่านั้น อีกฝ่ายเกินว่าที่เจียงเฉิงเยว่คาดการณ์เสียด้วยซ้ำ ถึงกับขึ้นสู่ตำแหน่งของไป๋เจ๋อจวิน แม้ว่าตัวจะอยู่ที่สำนักจงหลีซาน ทว่าสุดท้ายกลับไม่มีความรู้สึกว่าเป็ส่วนหนึ่งกับสำนักของตนเอง หลายปีหลังจากที่เขาอัญเชิญเศษเสี้ยวดวงิญญาของฉิงชางจวินไปแทนที่หลี่อวิ๋นเฉิน ราวกับผู้ที่ละทางโลกก็ไม่ปาน อีกฝ่ายออกท่องเที่ยวอย่างสันโดษ ไม่มีผู้ใดพบร่องรอยอีก
ความจริงแล้ว เจียงเฉิงเยว่เองเคยครุ่นคิด แม้ว่าผู้ที่ทำลายคำสาปร้อยผีกลืนใจและรักษาชีวิตของหลี่อวิ๋นเฉินจะเป็ตนเอง ทว่า...สุดท้ายแล้วยามนั้น เด็กคนนี้มีความคิดที่จะช่วยตนเองอยู่ในใจบ้างหรือไม่ ฉิงชางจวินเองก็ไม่อาจรู้ได้
ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เจียงเฉิงเยว่รู้สึกซาบซึ้งต่ออีกฝ่ายมากที่สุดคือ เพราะอีกฝ่าย เขาจึงได้พบกับหลี่อวิ๋นหัง
.............................
ผ่านไปนาน วันนี้เจียงเฉิงเยว่นอนหลับอยู่ที่จวนของตนเองในเมืองอี้หลี ฉับพลันกลับมีคนบุกเข้ามาอย่างรีบร้อน
ต้องกล่าวก่อนว่าฉิงชางจวินซึ่งเป็สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งปรโลก พลังและความแข็งแกร่ง่นี้ล้วนราวกับพระอาทิตย์ที่อยู่กลางนภา มีแนวโน้มจางๆ ว่าในปรโลกนอกจากตี้จวินที่มาพบเขาแล้ว ปกติหากกวาดสายตาคมกริบออกไปล้วนทำให้เหล่าภูตผีตัวเล็กใจนขวัญหนีดีฝ่อ และสิ่งที่เป็การกระทำต้องห้ามสำหรับาาผีผู้นี้ อาจทำให้รำคาญและโดนโกรธอย่างยิ่งคือการถูกรบกวนตอนหลับ ดังนั้น ทั่วทั้งปรโลกจึงทราบดีว่าเมื่อาาผีผู้นี้หลับใหล วิธีที่จะรักษาชีวิตให้ดีที่สุดคือการหลบหนีไปให้ไกล หากเป็เช่นนี้จะมีใครกล้ามารบกวนเขาได้กันเล่า?!
ช่วยไม่ได้ที่กลับมีจริงเชียว และคนผู้นั้นคือเสวียนชิง
“เฉิงเยว่! ลุกขึ้น!” เมื่อทุกคนถอยออกไป เหลือเพียงเขาสองคนในห้องนอนจึงะโเรียก
เจียงเฉิงเยว่หรี่ตา โม่หลงที่อยู่บนหัวเตียงแทบจะถูกเขาขับเคลื่อนด้วยปราณดาบแสงแห่งการทำลายล้างเพื่อฟาดฟันผู้ที่บังอาจรบกวนการนอนของเขาแยกเป็ครึ่งซีก และคนผู้นั้นก็มองมาตรงหน้าเขาพลางยกผ้าห่มขึ้น
เมื่อเห็นอย่างชัดเจนว่าใครมา ฉิงชางจวินลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก พูดอย่างโกรธเคือง “เ้าทำอะไร! เข้าใจกฎบ้างได้หรือไม่?”
เสวียนชิงไม่สนใจแล้วดึงเขาออกมา “ตามข้ามาเร็วเข้า!”
เจียงเฉิงเยว่ขยี้ตาจากนั้นท่องคาถา เสื้อผ้ากับโม่หลงจึงพันรอบกายของเขาด้วยตัวมันเอง เสวียนชิงเปิดอาวุธวิเศษที่ผู้คุมิญญาใช้ยามเข้าออกโลกมนุษย์กับปรโลกทั้งสองภพ เมื่อเจียงเฉิงเยว่เห็นสถานการณ์ตรงหน้าอย่างชัดเจนกลับเบิกตากว้างในทันที ความง่วงงุนหายเป็ปลิดทิ้ง
สถานที่ที่พวกเขาปรากฏตัวคือสวนดอกไม้ของจวนสกุลสวี มีเสียงร้องไห้ที่กลั้นเอาไว้ของสตรีและเสียงที่ลุกลี้ลุกลนของคนรับใช้ดังแว่วมาจากห้องส่วนตัวของสวีอี่ซินจางๆ ท่ามกลางเสียงฝีเท้าวุ่นวาย มีเงาร่างหนึ่งที่คุ้นเคยและงุนงงเหมือนกับพวกเขาล่องลอยอยู่ในสวนดอกไม้ กำลังมองไปทางห้องของสวีอี่ซินอย่างเหม่อลอย
ซึ่งเงาร่างนั้นคือสวีอี่ซิน
“เกิดอะไรขึ้น?” เจียงเฉิงเยว่เอ่ยออกมา
------------------------
