แล้วก็เป็ไปตามนั้น ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาอย่างโกรธเคืองจากด้านหน้า
อวิ๋นอี้เบะปากออกมาเบาๆ
นางรู้อยู่แล้วว่ามาที่นี่ไม่ดีแน่
ไทเฮามองนางขัดหูขัดตาอยู่เสมอ กำลังหาที่ลงความโกรธอยู่พอดี นางก็เข้ามาเป็ตัวระบายอารมณ์แล้ว
หากไม่เริ่มจากนางคงเสียใจแย่!
“อวิ๋นอี้!” ไทเฮาเรียกชื่อนางตรงๆ โกรธอย่างเห็นได้ชัด “คำสั่งของข้า มิเห็นจำได้เลยว่าเรียกเ้ามาด้วย เ้ามาทำไมกัน! คิดว่าที่นี่คือตลาดที่ผู้ใดจะมาได้งั้นหรือ?”
หากที่นี่เป็ตลาดจริงๆ เช่นนั้นหว่านฉือเป็กระไร?
คนขายผักหรือไร?
อวิ๋นอี้ต่อว่าในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ เพราะมันเป็การเอาหน้ายื่นเข้าไปหาคมมีด ตอนที่นางกำลังคิดว่าจะตอบไทเฮาอย่างไรดี ไม่ให้เป็การยั่วยุนางอีก นางก็ได้ยินหรงซิวพูดขึ้น
“รายงานไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ” เขาพูดนิ่งๆ “เป็ข้าเองที่ขอให้นางมาด้วย”
ไทเฮามองเขาอย่างเคร่งขรึม “ข้าเรียกเ้ามา เ้ากลับพากันมาทั้งครอบครัว! ในเมื่อรู้ดีว่าตนเองมีครอบครัวอยู่แล้วก็ไม่ควรจะไปหาเื่นาง! ดูสิว่าตอนนี้เป็เช่นไรไปแล้ว!”
“ไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ ระหว่างข้ากับแม่นางหว่านฉือ ได้พูดไปชัดเจนแล้วนี่พ่ะย่ะค่ะ ว่าไม่มีเื่ใดเกิดขึ้นจริงๆ ข้ามิได้หาเื่นางด้วย เื่ของข่าวลือ หวังว่าท่านจะไปตรวจสอบให้ชัดเจน จะฟังคำพวกนั้นมิได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” น้ำเสียงของหรงซิวฟังดูร้อนรน ทว่าสีหน้าเขากลับนิ่งมาก ไม่แยแสราวกับความเยือกเย็นของดวงจันทร์บนฟ้า
ไทเฮาไม่มีอารมณ์ที่จะฟังคำอธิบายของเขา ไม่รอให้หรงซิวพูดจบก็โบกมือปัด ให้เขาเข้าไป
“เ้าเป็บุรุษ เ้าไม่สนใจเื่นินทาเป็ธรรมดาอยู่แล้ว แต่หว่านฉือเป็สตรีที่ยังมิออกเรือน มันส่งผลกระทบต่อนางมากเพียงใดเ้ารู้บ้างหรือไม่!”
หรงซิวพูดตามจริงว่า “วันนั้นข้าได้พูดกับแม่หญิงหว่านฉือแล้ว นางดูไม่เหมือนคนที่สนใจชื่อเสียง!"
"เ้ากำลังพูดกระไร!" ไทเฮาขึ้นเสียงทันใด ดวงตาของนางแทบจะไฟลุกขึ้นมาหากว่ามีสิ่งของใกล้ตัว นางคงปาไปใส่หรงซิวแล้วแน่ๆ "ถึงนางจะเป็คนที่ไม่สนใจชื่อเสียง ทว่าจะทำให้นางป่นปี้เช่นนี้หรือ!"
“ท่านย่า!” หรงซิวหมดคำพูด พูดเตือนนาง “ระวังคำพูดหน่อยพ่ะย่ะค่ะ!”
“ข้ารู้ว่าคำพูดของข้ามันร้ายแรง แต่ในตอนที่เ้าทำเื่พวกนั้น เ้ามิได้คิดถึงความเหมาะสมหรือ?”
“......”
ไปๆ มาๆ ก็วกกลับมาที่จุดเริ่มต้น
หรงซิวเสียใจจนลำไส้สีเข้มแล้ว [1]
หากเขารู้ว่าการกระทำเช่นนั้นจะนำปัญหามาให้เยอะเช่นนี้ ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่ทำ
เมื่อเห็นว่าหรงซิวไม่เถียงแล้ว ไทเฮาตัดสินใจไม่ใช้ไม่อ่อนกับเขาอีกแล้ว นางสีหน้าเข้ม พูดอย่างโกรธเคือง “มานี่ ไปดูหว่านฉือ”
“ท่านย่า ทำเช่นนี้เหมาะสมหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“อย่าพูดมากอีก!” ไทเฮาเป็คนมีประสบการณ์โชกโชน จะฟังคำเสียดสีในน้ำเสียงของหรงซิวไม่ออกได้อย่างไร นางยื่นมือออกไปจะตีเขา “ความผิดพลาดครั้งใหญ่เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้ย่ากำลังจะช่วยเ้าชดใช้!”
“มิทราบว่าท่านย่าจะชดใช้อย่างไร?” หรงซิวถาม
“จะถามเยอะแยะไปทำไม?” ไทเฮาเลิกคิ้ว ความอดทนของนางกำลังจะหมดลง แผดเสียงอย่างเ็า “ย่าจะทำร้ายเ้าหรือ? ความคิดมากมายของเ้าพวกนั้น เอาไปอบรมคนข้างกายเสียจะดีกว่า!"
อวิ๋นอี้ทำตัวไม่ถูก
นางยั่วยุผู้ใดแล้วหรือ นางมาที่นี่ก็ทำตัวเป็ขอนไม้ ยังไม่พูดกระไรเลย เหตุใดนางถึงโดนด่า?
ขัดตาขัดใจกับนาง กระไรก็มาลงที่นางงั้นหรือ?
ม้าดีถูกคนขี่ คนดีถูกรังแกสินะ
อวิ๋นอี้พ่นลมหายใจ เห็นหรงซิวมองมาก็ส่ายหน้าให้เล็กน้อย นางทำเป็มองไม่เห็น แล้วพูดเบาๆ “ที่ท่านย่าพูด กำลังว่าหลานหรือเพคะ?”
“สมองของเ้า เพียงประโยคนี้ยังพูดไม่เข้าใจ ลงโทษเ้าให้คัดสามเชื่อฟังสี่จริยา [2] หนึ่งร้อยจบ ตั้งใจเรียนเถิด!”
อวิ๋นอี้เบิกตากว้าง " ??”
“ยังไม่รีบไปอีก!”
“หลานคิดว่า... "
“แม่นม มาพาพระชายาเจ็ดออกไป! ชีวิตของแม่หญิงหว่านฉือกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน มิใช่ผู้ใดก็เข้าเยี่ยมได้! จะยืนอยู่ทำไม!" ท่าทีของไทเฮาหนักแน่น นางโกรธขึ้นมาพลังเหลือล้นไม่เหมือนหญิงชราเลย ดูดุนัก ไม่คิดเลยว่าปกติแล้วดูเป็หญิงชราตัวเล็กๆ น้ำเสียงตอนโกรธจัดจะทำให้แม้แต่แพทย์หลวงยังต้องตะลึง
หรงซิวท่าทีมั่นคง เริ่มเอ่ยปากขอร้องอีกครั้ง “ท่านย่า อวิ๋นเออร์นางแค่...”
“หยุดพูดแทนนางเสียที มิเช่นนั้นจะมิใช่แค่ร้อยจบ!” ไทเฮาใช้อำนาจขู่เข็ญ ดึงแขนเสื้อเขา “มากับข้า!”
บนเตียงใหญ่ปกคลุมด้วยผ้ามุ้ง สตรีผู้หนึ่งนอนอยู่นิ่งๆ หน้าซีดและริมฝีปากไร้เื นางซึ่งอ่อนแอมากอยู่แล้ว มองดูน่าเวทนายิ่งกว่าเดิม
ที่พื้นข้างเตียง สาวใช้ของหว่านฉือนั่งอยู่ เหลียนเหอนั่งร้องไห้ปาดน้ำตา
“คุณหนู...คุณหนูเ้าคะ...ตื่นขึ้นมาสิเ้าคะ! เหตุใดถึงคิดสั้นไปได้!”
"คุณหนู...ฮือ ฮือฮือ...หากคุณหนูจากไป ข้าจะอยู่อย่างไรล่ะเพคะ!"
"ข่าวลือพวกนั้น มากเกิน...มากเกินไปจริงๆ ...”
นางร้องไห้อย่างโศกเศร้าเสียใจ ราวกับว่ามิได้สังเกตเห็นว่าเกิดกระไรขึ้นด้านนอก แม้แต่หรงซิวเดินเข้ามานางยังไม่ทันรู้สึก
จนกระทั่งไทเฮาส่งเสียง ให้เหลียนเหอออกไป นางถึงได้ลุกขึ้นอย่างสั่นเทาพลันมองขึ้นไปหาหรงซิว ดวงตาที่แดงก่ำและบวมแดงอาบน้ำตาอีกทันที
“องค์ชายเจ็ด! เราจะทำอย่างไรดีเพคะ! ข้างนอกต่างพูดกันเื่ของท่านกับคุณหนู... เดิมทีคุณหนูไม่สนใจ...” นางหยุด หายใจเข้าลึก ๆ สะอื้น “แต่ว่า...ฮือ ฮือฮื้อ.. ทว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน...คุณหนูได้ยินเข้า...นางห่อเหี่ยวอยู่ตลอด...แล้ว... นางะโลงไปในสระ...ฮื้อ ฮือฮือ...คุณหนูทำเช่นนี้ได้อย่างไร...องค์ชาย...ท่านทำเช่นนี้กับคุณหนูของข้าได้อย่างไร...”
ไทเฮาโบกมือ ถอนหายใจ "เ้าลงไปก่อนเถิด"
เหลียนเหอไม่กล้าอยู่ต่อจนทำให้เสียเวลา นางจึงรีบปาดน้ำตา และเดินก้มหัวจากไปอย่างรวดเร็ว
เหลือเพียงไทเฮาและหรงซิวอยู่ในห้อง
ไทเฮานั่งบนขอบเตียง จับมือหว่านฉือพลันดึงมือหรงซิวมา แล้วส่งมือหว่านฉือให้เขา
ใบหน้าสงบนิ่งของหรงซิว ในที่สุดก็ทนไม่ไหว เขาเงยหน้าขึ้นอย่างเฉยเมย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความงุนงง “ท่านย่า?”
“เื่มาถึงเช่นนี้แล้ว เ้าปฏิเสธมิได้ เื่เช่นนี้เกิดขึ้น หากเ้าไม่อภิเษกกับนาง นางจะอยู่อย่างไร? หากเ้าตกลงแต่งกับนางั้แ่แรก มันจะมีเื่ซุบซิบนินทาเช่นนี้ขึ้นหรือ? จะเกิดเื่คิดจะฆ่าตัวตายเช่นนี้หรือ? ไม่ว่าอย่างไรเื่นี้ก็เป็ความผิดของเ้า ทำผิดแล้วควรคิดบัญชีด้วยตนเอง มิใช่ให้สตรีผู้หนึ่งมาแบกรับ ความผิดและคำด่าทอที่นางมิควรได้รับ!” ไทเฮาพูดเสริม "ซิวเออร์ เ้าต้องอภิเษกกับนาง"
“ท่านย่า แต่ข้ามิได้...” หรงซิวหงุดหงิด “ความรู้สึกที่มีต่อนางมิได้...”
“นั่นเป็สิ่งที่เ้าคิดไปเอง!” ไทเฮาขัดจังหวะเขา พูดอย่างจริงจังว่า “เ้าคิดหรือว่าเื่ของเ้ากับแม่หญิงหว่านฉือก่อนหน้า หญิงชราผู้นี้จะมิรู้เื่ใดเลย? ในเมื่อเมื่อก่อนเ้ามีความรู้สึกให้นาง มันจะหายไปหมดได้อย่างไร? เหตุผลที่เ้ามิรู้สึกกับนางแล้ว เพราะว่าพวกเ้ามิได้อยู่ด้วยกันหลายปี พวกเ้ามีชะตาต่อกัน ควรจะรักษาเอาไว้ให้ดี ก่อนหน้านี้นางป่วยหนัก ทว่าวันนี้นางกลับมาแล้ว ดีกว่าเมื่อก่อนมาก เหตุใดเ้ามิลองดูอีกครั้ง? "
"ปัญหามิได้อยู่ที่จะลองหรือไม่ลองพ่ะย่ะค่ะ หลานมีคนในใจแล้ว” หรงซิวไม่ปิดบัง พูดอย่างใจเย็นว่า "หลานมีคนในใจอยู่แล้ว มิมีพื้นที่สำหรับผู้อื่นพ่ะย่ะค่ะ"
"เ้าหมายถึงอวิ๋นอี้หรือ?” ไทเฮาหุบยิ้มลง "แต่งมาสามปีแล้ว แม้แต่ไข่ยังฟักไม่ออก ตามคำแนะนำของข้า ชายาประเภทนี้ควรจะหย่าไปได้แล้ว!"
"มิได้นะพ่ะย่ะค่ะท่านย่า!" หรงซิวใ "เื่นี้จะโทษอวิ๋นอี้มิได้ ปัญหามันอยู่ที่หลานมาตลอด!"
“ฮึ่ม!” ไทเฮาไม่เชื่อ “เ้าต้องปกป้องนางเป็ธรรมดา! ทว่าคำสั่งข้าจะขัดมิได้ หากเ้าจะให้นางเป็พระชายาต่อไปก็ต้องแต่งกับหว่านฉือซะ เ้าถึงจะเก็บนางไว้ได้!"
เชิงอรรถ
[1] เสียใจจนลำไส้สีเข้ม 悔得肠子都青 หมายถึง เสียดาย เสียใจกับเื่ที่ทำสุดๆ เสียใจจะตายแล้ว
[2] สามเชื่อฟังสี่จริยา 三从四德 หมายถึง กรอบคุณธรรมที่ใช้ในการอบรมกุลสตรีชั้นสูง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้