เรือเหาะบินเร็วกว่าเรือที่แล่นในทะเลมาก ไม่กี่วันก็มาถึงเกาะจิ๋วหวู่แล้ว
“ไปสำนักชิงเหอ!” หลงหว่านชิงสั่ง
“ขอรับ!” ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ด้านหลัง ควบคุมไป๋อวิ๋นให้บินไปทางสำนักชิงเหอทันที
หัวหน้าสังกัดอัคคีที่อยู่ใกล้ๆ ขมวดคิ้ว พร้อมกล่าวว่า “ถังจู่ ข้ารู้ว่าท่านพึงพอใจในตัวกู่ไห่ผู้นี้ และรู้ว่าสิทธิ์ในการแต่งตั้งหัวหน้าสังกัดเป็ของท่าน
แต่อย่างไรก็ตาม หออี้ผินนั้นมีกฎ ที่ถูกบัญญัติโดยถังจู่คนก่อน ว่าไม่อนุญาตให้พวกเราสังหารกันเอง ถังจู่ ท่านจะไม่ทำสิ่งใดจริงๆ หรือเ้าคะ? จะปล่อยให้กู่ไห่ที่ทำผิดกฎ สังหารศิษย์หออี้ผิน ลอยนวลไปจริงๆ หรือเ้าคะ?”
“เิไท่หาเื่ใส่ตัวเอง” หลงหว่านชิงกล่าว น้ำเสียงจริงจัง
ติงรุ่ยส่ายหน้า พร้อมกล่าว “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เิไท่ก็เป็หัวหน้าสังกัดปฐี กู่ไห่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินโทษเขา นี่ถือเป็การกระทำที่ลุแก่อำนาจ แม้เิไท่จะทำผิด แต่ท่านจะปล่อยผ่านเื่นี้ไปจริงหรือ? หากวันหนึ่งถังจู่กระทำผิด กู่ไห่ผู้นี้ก็มีสิทธิ์สังหารท่าน กระนั้นหรือ?”
“หัวหน้าติง เราจะหารือเื่นี้กันในภายหลัง” หลงหว่านชิงกล่าวพลางนิ่วหน้า
“หารือกันอีกครั้งในภายหลัง? ตอนนี้ยังหาตัวกู่ไห่ไม่พบ แต่ผู้น้อยเพียง้าเตือนถังจู่ ว่าเขาทำผิดกฎหออี้ผิน โดยการสังหารเิไท่ แม้ชื่อของกู่ไห่จะยังไม่ได้รับการบันทึกเอาไว้ แต่เขาก็ต้องถูกลงโทษในเื่นี้เช่นกัน”
“อย่างที่ข้าได้บอกไปแล้ว ว่าเราจะคุยกันทีหลัง ตอนนี้การตามหาฆาตกรที่สังหารท่านแม่ เป็เื่สำคัญที่สุด!” หลงหว่านชิงกล่าวเสียงเคร่ง
“เ้าค่ะ!” ติงรุ่ยแม้จะไม่พอใจ แต่ในที่สุด ก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าตกลง
...
เรือเหาะทั้งสองมาถึงจุดหมายปลายทางอย่างว่องไว
สำนักชิงเหอล้อมรอบไปด้วยูเาและป่าไม้ มีอาคารและที่พักจำนวนมาก ทั้งยังมีเมฆหมอกโอบล้อมไปทั่ว ราวกับภาพฝัน
การมาถึงของเรือเหาะสองลำ ส่งผลให้สำนักชิงเหอเกิดความวุ่นวายทันที
ศิษย์บางคนถึงกับสบถด้วยโทสะ
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าสำนักชิงเหอได้มองสำรวจเรือพวกนั้นอย่างละเอียด และจดจำไป๋อวิ๋น รวมถึงเรือเหาะของเฉินจีหยิงได้อย่างรวดเร็ว
“ทุกคน! มาคารวะถังจู่แห่งหออี้ผิน และผู้บัญชาการกองกำลังเฉินจีหยิง” หัวหน้าสำนักชิงเหอร้องเรียกเสียงดัง
“โอ้!”
เหล่าศิษย์ที่อยู่รายรอบ ต่างตกอยู่ในความโกลาหลทันที เห็นได้ชัดว่าชื่อของหออี้ผินและเฉินจีหยิง ค่อนข้างโด่งดังในเกาะจิ๋วหวู่แห่งนี้
เมื่อเรือเหาะมาถึง จึงไม่ได้ถูกสกัดโดยค่ายกลใดๆ พวกมันค่อยๆ ร่อนลงบนลานกว้างอย่างสง่างาม
“หัวหน้าสำนักชิงเหอ ข้ามารบกวนเ้าอีกแล้ว” หลงหว่านชิงกล่าว พร้อมยกยิ้ม
“มิได้ๆ ถังจู่มาที่นี่ ถือเป็โชคดีของสำนักชิงเหอ คารวะถังจู่แห่งหออี้ผิน ผู้บัญชาการกองกำลังเฉินจีหยิง หัวหน้าสังกัดติง และไต้ซือหลิวเหนียน” หัวหน้าสำนักชิงเหอทักทาย อย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
“หัวหน้าสำนักชิงเหอ กองกำลังเฉินจีหยิงจะพักที่นี่ชั่วคราว ขอสถานที่ให้กองกำลังตั้งค่ายได้หรือไม่?” หลี่ฮ่าวหรานถาม น้ำเสียงหนักแน่น
“ย่อมได้ๆ ทุกท่านเชิญด้านใน!” หัวหน้าสำนักชิงเหอตอบ ท่าทางสุภาพยิ่ง
...
ไม่นาน ข่าวเื่เรือเหาะของเฉินจีหยิง และถังจู่หออี้ผิน มาจอดเทียบที่สำนักชิงเหอ ก็แพร่ไปยังสำนักต่างๆ ทั่วเกาะจิ๋วหวู่
ผู้ฝึกตนจากสำนักต่างๆ จึงทยอยเข้ามาคารวะพวกเขา
...
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ในห้องโถงสำนักชิงเหอ
หัวหน้าสังกัดอัคคี ติงรุ่ย ก็ได้พบกับหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย
“ท่านหัวหน้าสังกัดติง สิ่งที่ท่านพูดมาทั้งหมดเป็เื่จริงหรือ?” หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยเปลี่ยนสีหน้าทันที
ติงรุ่ยบีบไม้เท้าในมือแน่น สายตาของนางเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง “ใช่! ดังนั้นนับจากนี้ไป เ้าจงกระจายข่าวทั้งหมดที่ข้าให้ออกไป มิใช่แค่ที่เกาะจิ๋วหวู่ แต่รวมถึงเกาะต่างๆ โดยรอบด้วย เป็เพราะกู่ไห่มีลูกท้อร้อยปีอยู่ เช่นนั้น เราจะให้คนอื่นๆ เป็ผู้ตามหาเขาแทน”
“ขอรับ! แต่เราคงไม่กระจายข่าวแค่พื้นที่ใกล้ๆ นี่ ข้าคิดว่าผู้ฝึกตนหลายคนจากเกาะเทียนหยวน น่าจะกำลังไล่ล่าหาตัวเขาอยู่ ฉะนั้นเราควรกระจายข่าวไปทั่วทะเลพันเกาะ ท่านคิดว่าอย่างไร?” หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยพยักหน้า
“อย่าประมาท! เท่าที่ข้ารู้ กู๋ไห่ผู้นี้เชี่ยวชาญในการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ต่างๆ เขาเป็ตัวแปรสำคัญ ไม่อาจปล่อยให้มาทำลายแผนการของเราได้... กู่ไห่ต้องตาย! เข้าใจหรือไม่?” ติงรุ่ยหรี่ตา ขณะจับจ้องอีกฝ่าย
หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย พยักหน้ารับ พลางกล่าว “เข้าใจแล้ว! ข้าจะส่งศิษย์ของซ่งเจี่ยทั้งหมดออกไป”
“ยังไม่พอ! เมื่อเ้ากระจายข่าวออกไปแล้ว ให้เพิ่มอีกข้อลงไปด้วย” ติงรุ่ยกล่าวเสียงเคร่ง
“โอ้?”
“พลังของลูกท้อร้อยปีที่กู่ไห่กินนั้น อยู่ในร่างกายของเขา หากผู้ใดได้กินกู่ไห่ หรือใช้เขาในการกลั่นยา จะทำให้อายุขัยของคนผู้นั้นเพิ่มขึ้น” ติ่งรุ่ยกล่าว
“เอ๊ะ! เป็ไปไม่ได้กระมัง?”
“ข้ารู้ว่ามันเป็ไปไม่ได้ แต่ขอเพียงข่าวลือนี้แพร่ออกไปมากเข้า จากเท็จก็จะกลายเป็จริง แม้ว่ามันจะเป็เื่หลอกลวงก็ตาม” ติงรุ่ยกล่าว
“ขอรับ!”
...
ในทะเลพันเกาะ
กู่ไห่และพวกโดยสารเรือลำใหญ่ ที่แล่นข้ามทะเลได้อย่างรวดเร็ว
การเดินเรือเป็กิจการที่ทำกำไรได้ค่อนข้างดีอย่างหนึ่ง การลงเรือ จำเป็ต้องจ่ายด้วยหินิญญา สำหรับอาหารการกินระหว่างเดินทาง ซึ่งอาจใช้เวลานานหลายเดือน ก็ต้องจ่ายด้วยหินิญญาเช่นกัน เ้าของเรือจึงได้รับหินิญญาเป็จำนวนมาก ในการเดินเรือข้ามทะเลพันเกาะแต่ละครั้ง
ส่วนใหญ่ กู่ไห่มักจะใช้เวลาอยู่ในห้องส่วนตัวเพื่อฝึกพลัง มีแค่บางครั้งที่จะออกไปสูดอากาศ
วันนี้ทั้งสามมาที่ดาดฟ้าบริเวณหัวเรือ และทอดสายตามองไปด้านหน้า
“ท่านหัวหน้าสังกัด พวกเราอยู่ในทะเลมานานกว่าสองเดือนแล้ว อีกไม่นานก็น่าจะถึงเกาะจิ๋วหวู่” เฉินเทียนซานกล่าวอย่างตื่นเต้น และชี้ไปยังที่ไกลๆ
“ข้าก็ไม่แน่ใจว่าการกลับไปครานี้ จะเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง พวกเ้าไม่ควรเรียกข้าว่าหัวหน้าสังกัดอีก เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวตนของเราถูกเปิดเผย จากนี้ให้เรียกข้าว่า ‘นายท่าน’ แทน” กู่ไห่สั่ง
“ขอรับ นายท่าน!” ทั้งสองปฏิบัติตามทันที
ขณะที่ทั้งสามทอดสายตามองไปยังที่ห่างไกลนั้น พลันมีลมกระโชกเข้ามา
ฟิ้ว!
เมื่อสายลมพัดผ่าน สภาพอากาศก็เปลี่ยนทันที ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใส กลายเป็มืดสลัวอย่างรวดเร็ว เมฆดำปกคลุมทั่วฟ้า ราวกับกำลังจะเกิดพายุ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก โดยไม่มีเค้าลางล่วงหน้า
สายลมที่พัดกรรโชก ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ เรือทั้งลำโคลงเคลงอย่างรุนแรง
“อ๊าก! ข้าจะถูกเขย่าจนตายแล้ว เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“เหตุใดท้องฟ้าจึงเปลี่ยนไป?”
“พายุกำลังจะมา?”
ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนที่ยืนอยู่บนดาดฟ้า ต่างมีสีหน้างุนงง เพียงชั่วอึดใจ เหตุใดท้องฟ้าถึงได้มืดสลัวเช่นนี้?
วูบ!
ค่ายกลบนเรือถูกเปิดใช้งาน ทันใดนั้น ม่านแสงสีฟ้าพลันปรากฏขึ้นรอบตัวเรือ เหมือนลูกแก้วสีฟ้าที่คลุมเรือทั้งลำเอาไว้
ปัง!
คลื่นมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่ค่ายกลที่ปกป้องเรืออยู่ ก็ยังเริ่มสั่นะเื
เกลียวคลื่นก่อตัวสูง คลื่นบางลูกสูงหลายสิบจั้งเลยทีเดียว ปลานับไม่ถ้วนถูกคลื่นหอบขึ้นไปกลางเวหา
“นี่ไม่ใช่พายุธรรมดา ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่!” นายเรือร้องโพล่งด้วยความใ หน้าถอดสีทันที
เปรี้ยง!
ฟ้าแลบฟ้าร้องท่ามกลางเมฆดำ แล้วจู่ๆ พายุฝนก็โปรยปรายลงมาบนท้องทะเล คลื่นสาดซัดอย่างแรง เกลียวคลื่นถาโถมเข้าปะทะม่านแสงของเรือ เสียงดังสนั่น ทำให้ใบหน้าของทุกคนบนดาดฟ้า เปลี่ยนไปทันที
แม้แต่เฉินเทียนซาน ก็ยังลอบกลืนน้ำลาย
นี่คือพลังอันยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติ เมื่อเห็นสิ่งนี้ แม้แต่เฉินเทียนซานซึ่งเป็ผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคำ ก็ยังอดกังวลไม่ได้
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง เมฆดำเหล่านี้พิกลนัก คล้ายมิใช่พายุฝน!”
“มันเกิดขึ้นเร็วเกินไป อาจมีบางสิ่งเรียกมันออกมา”
“เรียกออกมา? อสูรแห่งท้องทะเล? เราคงไม่เจออสูรทะเล ใช่หรือไม่?”
ใบหน้าของผู้ฝึกตนทั้งหลาย ปรากฏแวววิตกกังวล
กู่ไห่สีหน้าเปลี่ยน หันไปถามเฉินเทียนซานทันที “อสูรทะเล? อสูรทะเลคือสิ่งใด?”
“โฮก!”
ฉับพลันนั้นเอง เสียงคำรามดังกึกก้องมาจากใต้ทะเล มีบางสิ่งพุ่งเข้าใส่ใต้ท้องเรือ
ปัง!
เรือใหญ่กว่าร้อยจั้ง ลอยขึ้นไปบนฟ้า พร้อมคลื่นั์
“อ๊าก!”
“อ๊าก!”
ผู้ฝึกตนหลายคนแผดเสียง
กู่ไห่และพวกคว้าราวจับเอาไว้ ร่างลอยขึ้นไปบนฟ้าพร้อมเรือ
เกลียวคลื่นขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นโดยรอบ ระหว่างที่ถูกกระแทกจนลอยนั้น กู่ไห่สังเกตเห็นเงาั์ร่างหนึ่ง ศีรษะัไร้เขาสีดำขนาดมหึมา ผุดขึ้นจากใต้ทะเล
ัั์ส่งเสียงคำรามอย่างดุร้าย มันมีแผลเป็ขนาดใหญ่อยู่ที่ตาซ้าย ทำให้ดูดุร้ายยิ่งขึ้น เสียงที่คำรามออกมา ดังะเืเลื่อนลั่นไปทั่ว
“โฮก!”
เสียงคำรามของัดังก้องฟ้า ทำให้ท้องทะเลมีระลอกคลื่น เมฆดำบนนภาหมุนวนเข้ามารวมตัวกัน เกิดฟ้าแลบฟ้าร้อง และฝนห่าใหญ่ เมื่อเห็นเช่นนั้น ทุกคนต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัว
กู่ไห่มองดูสัตว์อสูรตัวนั้น มันมีความยาวอย่างน้อยสามร้อยจั้ง ที่บอกว่า ‘อย่างน้อย’ ก็เพราะร่างกายส่วนใหญ่ของมัน ยังคงซ่อนอยู่ใต้ทะเลนั่นเอง
“เจียวหลง[1]? อสูรแห่งทะเลพันเกาะ… เหตุใดถึงอยู่นี่? มันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“จบแล้ว… พวกเราจบสิ้นแล้ว นั่นคือเจียวหลง!”
เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ดังขึ้นทั่วสารทิศ
กู่ไห่และพวกจ้องเจียวหลงเขม็ง
เจียวหลง? นี่มิใช่อสูรเมฆาที่เคยเห็นเมื่อไม่นานมานี้หรอกหรือ ทว่า แม้ขนาดจะใกล้เคียงกัน แต่กลิ่นอายนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
อสูรเมฆาเป็เพียงสัตว์อสูรที่มีดีแค่ตัวใหญ่ แต่เจียวหลงที่อยู่ตรงหน้า กลับสามารถเรียกลมฝน และควบคุมท้องทะเลได้ด้วยเสียงคำราม ความแข็งแกร่งนั้น จึงไม่อาจเทียบกันได้
“โฮก!”
เสียงคำรามของเจียวหลงดังกึกก้อง เรือลำนี้มีขนาดใหญ่มาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเจียวหลง มันก็หาได้ใหญ่โตอันใด
ตูม!
เรือพุ่งตกลงไปในทะเล ขณะที่ม่านแสงสีฟ้ารอบตัวเรือกะพริบถี่ ราวกับจะพังทลายได้ทุกเมื่อ
ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ ต่างหน้าถอดสีด้วยความหวาดกลัว
“จบแล้ว... เราจบสิ้นแล้ว!” ทุกคนต่างแผดเสียงอย่างพรั่นพรึง
“โฮก!”
ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงคำรามดังขึ้นจากก้นทะเลอีกครั้ง
ตูม!
เรือที่เพิ่งร่วงลงสู่ทะเล ถูกคลื่นซัดขึ้นฟ้าอีกครั้ง
ครืน!
เมฆดำทะมึนที่ปกคลุมท้องฟ้า รวมตัวกันอีกครั้ง เกิดฟ้าแลบฟ้าร้องขึ้น พร้อมฝนห่าใหญ่ที่เทลงมา
“อสูรทะเลหรือ? ยังมีอสูรทะเลอีกตัว ที่สามารถเรียกลมเรียกฝนได้? เป็ไปได้อย่างไร?”
เสียงร้องดังขึ้นเกือบทั่วทั้งเรือ
ตอนที่เรือร่วงลงทะเลอีกครั้งนั้น กู่ไห่ก็เห็นรูปร่างอสูรทะเลตัวนั้น
เป็เต่าั์ตัวหนึ่ง ขนาดอย่างน้อยๆ ก็ราวสองร้อยจั้ง ทว่ามันไม่เหมือนเต่าทั่วไป เพราะมีเขาัอยู่บนศีรษะ ทำให้ดูน่าเกรงขามยิ่ง
“โฮก!”
เต่าั์ส่งเสียงคำราม พลันเกิดพายุขึ้นรอบตัวมันทันที น้ำวนขนาดใหญ่ที่หมุนด้วยความเร็วอันน่าครั่นคร้าม ก่อตัวขึ้นในทะเล
“ป้าเซี่ย[2]? มันคือป้าเซี่ย! เป็ไปได้อย่างไร? เหตุใดมันถึงมาโผล่ที่นี่?” เหล่าผู้ฝึกตนต่างมีสีหน้าสิ้นหวัง
แค่ตัวเดียว ก็จบสิ้นแล้ว แต่วันนี้กลับพบอสูรทะเลดุร้ายถึงสองตัว
ผู้คนต่างร่ำไห้ด้วยความสิ้นหวัง
หากรู้มาก่อน พวกเขาไม่มีทางไล่ตามกู่ไห่มาแน่
ปัง!
เรือของพวกเขาร่วงลงไปตรงกลาง ระหว่างอสูรั์
อสูรทะเลทั้งสองคล้ายจะไม่สนใจเรือนัก เจียวหลงและป้าเซี่ยส่งเสียงคำราม และจ้องฝ่ายตรงข้ามเขม็ง ราวกับ้าจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง
“จบสิ้นแล้ว พวกเราแย่แล้ว จะทำอย่างไรกันดี?” เฉินเทียนซานร้องโพล่งอย่างหวาดหวั่น
“ใส่เสื้อชูชีพเร็วเข้า!” กู่ไห่สั่งเสียงดัง
ขณะพูด เขาก็รีบหยิบเสื้อชูชีพสามตัวออกมา นี่เป็สิ่งที่กู่ไห่สร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้ แม้จะไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ จะมีประโยชน์อันใดในสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ แต่เขาก็ยังคงสวมมันไว้
เฉินเทียนซานและเกาเซียนจือ รีบสวมเสื้อชูชีพทันที
ขณะที่คนอื่นๆ ยังคงตะลึงงันด้วยความกลัว พวกเขาก็ผูกเชือกเสื้อชูชีพเรียบร้อยแล้ว ในเวลาเดียวกัน กู่ไห่สั่งให้เกาเซียนจือรีบยัดป้ายหัวหน้าสังกัดลงในรองเท้า และผูกเชือกรองเท้าให้แน่น
เจียวหลงส่งเสียงคำราม พร้อมฟาดหางอย่างแรง
ปัง!
ัเหวี่ยงหางของมันออกไป ด้วยกำลังอันมหาศาล ภายใต้ความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวนี้ เรือลำใหญ่แตกกระจายเป็เสี่ยงๆ ทันที
“อ๊าก!”
“ช่วยด้วย!”
“ช่วยข้าด้วย!”
เสียงร่ำไห้ และร้องะโดังขึ้นทั่วสารทิศ เพียงพริบตา ทุกคนก็ถูกคลื่นลูกใหญ่กลืนกิน
“โฮก!”
ป้าเซี่ยส่งเสียงคำรามลั่น
ตูม!
อสูรั์ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันแล้ว
เมฆดำทะมึนปั่นป่วน สายฟ้าระลอกแล้วระลอกเล่า ฟาดลงมาจากท้องฟ้า ผลพวงจากพลังอันน่าเกรงขาม ที่เกิดจากการต่อสู้ของทั้งสอง ทำให้ทะเลปั่นป่วนทันที สายเกินไปที่ผู้ฝึกตนจะสังเกตเห็นสิ่งใด พวกเขาถูกน้ำวนลากลงไปใต้ทะเลในพริบตา
ครืน!
กู่ไห่รู้สึกได้ถึงพลังที่เกิดขึ้นจากพวกมัน
สถานการณ์ย่ำแย่มาก อสูรทะเลทั้งสองต่อสู้กัน โดยใช้พลังแห่งท้องทะเล
ผู้ฝึกตนธรรมดาอย่างเขา ไม่อาจทำสิ่งใดได้แม้แต่น้อย
เวลานี้ กู่ไห่และเกาเซียนจืออยู่แค่ระดับก่อ์
ส่วนเฉินเทียนซานอยู่ในระดับแก่นทองคำ กระนั้นก็ดูจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอสูรทะเลทั้งสองอยู่ดี
ตูมๆๆๆๆ!!
คลื่นที่เกิดจากการปะทะ ซัดเข้าใส่กู่ไห่
แม้กู่ไห่จะฝึกวรยุทธ์ แต่ก็ทนได้ไม่นานนัก สติของเขาค่อยๆ เลือนรางและสลบไป
หลังจากกู่ไห่สลบ เกาเซียนจือและเฉินเทียนซานเองก็เช่นกัน
พวกเขาไม่รับรู้ถึงคลื่นทะเล ที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งอยู่โดยรอบอีกต่อไป
...
ไม่ทราบผ่านไปกี่วันกี่คืน เจียวหลงและป้าเซี่ยล้วนจากไป เมฆดำสลายสิ้น ทะเลก็ค่อยๆ สงบลงแล้วเช่นกัน
เมื่อมองดูท้องทะเลที่ราบเรียบราวกับกระจก คงไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าคลื่นที่ซัดสาดก่อนหน้านี้นั้น น่ากลัวเพียงใด
เรือแตกออกเป็เสี่ยงๆ ภายใต้พลังอันน่าหวาดผวาของอสูรทะเลทั้งสอง ผู้โดยสารทั้งหมดบนเรือ ถูกซัดหายไปในทะเลอันกว้างใหญ่
ทุกอย่างเงียบสงบ จนกระทั่งเรือลำใหญ่อีกลำแล่นผ่านมา บนเสากระโดงเรือมีธงขนาดใหญ่โบกสะบัด บนนั้นเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ว่า “เฟิง (丰)”
ที่หัวเรือ มีชายหลายคนสวมชุดคลุมสีดำยืนอยู่ เวลานี้พวกเขาทอดมองไปไกล พร้อมขมวดคิ้วมุ่น
“เจียวหลงและป้าเซี่ย? อสูรทะเลสองตัวนี้ ไม่เคยออกจากเขตน่านน้ำของตัวเอง เหตุใดถึงมาต่อสู้ที่นี่ได้? ไม่ทราบว่ากี่วันกี่คืน ทะเลที่ปั่นป่วนบ้าคลั่งนี้จะสงบลง สิ่งที่เราทำได้ คือเทียบท่าที่เกาะใกล้ๆ แล้วรอไปก่อน” ชายผู้หนึ่งกล่าว พลางนิ่วหน้า
“อืม! แต่เราล่าช้าไปหลายวันเช่นนี้ ท่านหัวหน้าจะไม่ลงโทษหรือ?” ชายอีกคนกล่าวอย่างกังวล
“นอกจากนี้ เพราะพายุนั่น ทำให้หลายคนหลบหนีไปได้ เราจะอธิบายให้ท่านหัวหน้าฟังอย่างไรดีขอรับ?”
ทุกคนล้วนนิ่งงัน
“ดูนั่น! มีคนอยู่ตรงนั้น” ชายผู้หนึ่งกล่าว สายตาเป็ประกาย
เมื่อทุกคนหันไปมอง ก็เห็นคนสามคน สวมเสื้อผ้าแปลกๆ ลอยอยู่ในทะเล ทั้งสามก็คือกู่ไห่และพวก ที่ลอยคอหมดสติอยู่ในทะเลนั่นเอง
“ดึงพวกเขาขึ้นมา!” ชายผู้หนึ่งะโสั่ง
“อืม!”
ไม่นาน ทั้งสามก็ถูกดึงขึ้นมาบนเรือ เครื่องสำอางบนใบหน้าหายไปแล้ว แต่เพราะลอยอยู่ในทะเลหลายวัน ใบหน้าของพวกเขาจึงค่อนข้างบวม ไม่มีผู้ใดสามารถบอกได้ว่าพวกเขาเป็ใคร
ทั้งสามสวมเสื้อชูชีพ และผูกเชือกไว้ด้วยกัน จึงทำให้ไม่พลัดหลง
ชายชุดดำถ่ายพลังเข้าไปในร่างของคนทั้งสาม
“ลูกพี่ พวกเขายังมีชีวิตอยู่ สองคนอยู่ระดับก่อ์ ส่วนอีกคนอยู่ระดับแก่นทองคำ แม้ยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็าเ็ไม่น้อย” ชายชุดดำรายงาน
“สองคนอยู่ระดับก่อ์ ส่วนอีกคนอยู่ระดับแก่นทองคำ? ดีๆๆ!” ลูกพี่ยกยิ้มทันที
“ลูกพี่ แล้วมันดีอย่างไรหรือขอรับ?” ทุกคนรู้สึกสับสนยิ่ง
“ไม่กี่วันก่อน มิใช่ว่ามีห้าคนหนีไปหรอกหรือ? เราสามารถใช้สามคนนี้มาแทนได้ อย่างน้อยก็ลดจำนวนคนหายไปได้กว่าครึ่ง เช่นนี้ ท่านหัวหน้าคงไม่ลงโทษพวกเราหนักแน่” ลูกพี่กล่าวอย่างมีความสุข
“ถูกต้องๆๆ... ลูกพี่หลักแหลมยิ่ง!” อารมณ์ของทุกคนพลันปลอดโปร่งทันที
“เื่วันนี้ ผู้ใดก็อย่าได้ปูดออกไป มิเช่นนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ” ลูกพี่กล่าวเสียงเคร่ง
“ขอรับ!”
“เดินหน้าเต็มกำลังไปยังเกาะจิ๋วหวู่ เราจะกลับพรรคกัน!” ลูกพี่สั่ง น้ำเสียงแจ่มใส
“ขอรับ!”
...
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุด กู่ไห่ก็ได้สติขึ้นมาแล้ว
“แค่กๆๆ!”
หลังจากไอไปหลายครั้ง ชายหนุ่มสำรอกเอาน้ำทะเลออกมา เขาตื่นขึ้นด้วยอาการงุนงง
เคร้งๆ!
เสียงโซ่กระทบกันดังขึ้น กู่ไห่ประหลาดใจมาก ที่พบว่าตนไม่อาจขยับมือได้ จึงหันไปมองรอบๆ กลับพบว่าข้อมือของตนถูกตีตรวนเอาไว้จนไม่อาจขยับเขยื้อน
ไม่! มิใช่เพียงแค่มือ แม้แต่ข้อเท้าก็ถูกล่ามโซ่
นอกจากนี้ ใบหน้าบริเวณเหนือจมูกขึ้นไป ก็ดูเหมือนจะถูกปิดเอาไว้ด้วยหน้ากากสำริด
“เกิดอะไรขึ้น?” สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันที
------------------------------------------
[1] เจียวหลง มีที่มาจากตำนานเก้าัซึ่งปรากฏอยู่ในบันทึกกว่างหย่า ซึ่งในนั้นได้จำแนกัออกเป็เก้าประเภท ตามลักษณะของมัน ซึ่งเจียวหลงเป็ชื่อเรียกัที่มีเกล็ด ตามตำนานก็คือัที่อาศัยอยู่ใต้ทะเล
[2] ป้าเซี่ย ตามตำนานจีนโบราณนั้น ัมีบุตรอยู่เก้าตน ซึ่งแต่ละตนจะมีลักษณะต่างกันไป ป้าเซี่ยถือเป็บุตรตนที่หกของั มีลักษณะคล้ายเต่า แต่มีเขาเหมือนั
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้