เผชิญกับความยียวนของซูเมี่ยวเออร์ หว่านฉือเพียงยิ้มบางๆ
การเผชิญกับคนที่ทานน้ำหมึกมาเพียงไม่กี่วัน [1] ไม่รู้จักตัวตนของตัวเองเช่นนี้ นางไม่เคยจะสนใจให้เปลืองสายตา
ในเมื่อมีคนอยากจะขายขี้หน้าไวๆ กระนั้นนางก็จะสงเคราะห์ให้!
“ข้าไม่สนใจเื่ได้หน้าหรอก เพียงแค่อยากจะช่วยฝ่าา ตัดปัญหาที่ทำให้เขารำคาญใจ ข้าก็ยินดีมากแล้ว” หว่านฉือตอบกลับอย่างสุภาพ
ได้ยินน้ำเสียงที่ออเซาะและปลอมเปลือกของนาง ซูเมี่ยวเออร์ก็โกรธจนกลอกตาขาว นางกัดฟัน สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองไปทางหรงซิว
“ท่านพี่ซิวเพคะ ในเื่ของการป้องกันอุทกภัย เมี่ยวเออร์ก็มีความเห็นอยู่บ้างเช่นกันเพคะ เมี่ยวเออร์อาจจะเปรียบกับท่านพี่หว่านฉือมิได้ แต่ท่านพี่ซิวรับฟังดูหน่อยเถิดนะเพคะ”
หรงซิวพยักหน้า หูของเขาได้ยินเสียงทะเลาะจนแทบจะทนไม่ไหว จึงรีบพูดไปว่า “อื้ม เริ่มพูดเถิด”
“เพคะ” ซูเมี่ยวเออร์ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ย่อตัวลงเคารพเล็กน้อย “พวกเราก็รู้ว่า การป้องกันอุทกภัยมีข้อสำคัญสองข้อ คือการสกัดกั้นน้ำและการลอกคลอง ที่ผ่านมาล้วนพูดกันว่าควรยึดการสกัดกั้นน้ำเป็หลัก แม้ว่าจะมีผลที่เห็นได้ชัดอยู่บ้าง ทว่าหากเราคิดไปจนถึงต้นตอของปัญหา หาก้าที่จะขจัดปัญหาอย่างเด็ดขาด อย่างไรแล้วก็ควรเน้นการลอกคลองเป็หลักเพคะ”
“ที่เ้าพูดมาก็มีเหตุผล” หรงซิวเอ่ยปากอย่างเห็นด้วย “กระนั้นเ้าลองพูดหน่อยสิว่า เราจะถึงการลอกคลองให้เป็หลักได้อย่างไร?”
เมื่อเห็นว่าคำพูดของตนเองได้รับการตอบรับ ซูเมี่ยวเออร์ก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาทันใด นางเอาข้อมูลที่ตนเองค้นคว้ามาใน่นี้ออกมาพูดช้าๆ “แน่นอนว่าเราจะต้องขุดลอกแม่น้ำเป็หลักเพคะ เมี่ยวเออร์อ่านหนังสือมา เราต้องสั่งให้คนที่ชำนาญการขุดลอกลงไปขุดคลอง คนยิ่งเยอะก็จะทำงานได้มาก เอาพวกดินโคลนและหินกรวดทรายในแม่น้ำออกไป จากนั้นก็ใช้วิธีการสกัดกั้นน้ำ การผสมผสานของทั้งสองวิธีจะทำให้ได้ผลสำเร็จแน่นอนเพคะ”
“ที่น้องพูดมานั้นเป็วิธีที่ดีเลยทีเดียว” หว่านฉือออกความคิดเห็นเป็คนแรก “เพียงแต่ว่า...ที่เ้าพูดมานั้นก็เป็เื่ที่พวกเราก็รู้ๆ กันอยู่แล้วนี่”
“รู้แล้วเหตุใดท่านไม่พูดเล่าเพคะ!” ซูเมี่ยวเออร์คิดว่านางยียวนตน จึงตอกกลับไปอย่างไม่ชอบใจทันที “หรือว่าท่านพี่หว่านฉือจะมีวิธีการใดที่ล้ำเลิศกว่าอีกหรือเพคะ?”
“ไม่ถึงกับล้ำเลิศหรอก” หว่านฉือไม่มองนาง เพียงพูดกับหรงซิว “ฝ่าาเพคะ ที่น้องเมี่ยวเออร์พูดมานั้นเป็มาตรการพื้นฐานเพคะ อีกอย่างข้ารู้สึกว่า เรายังต้องเพิ่มความแข็งแรงของเขื่อนด้วย จะระบายน้ำให้ดี ประชาชนที่อยู่รอบฝั่งน้ำจะต้องมีการโยกย้ายก่อนที่จะถึงฤดูน้ำหลาก การตั้งรกรากของประชาชนก็ควรต้องทำให้ดีเพคะ มิเช่นนั้นก็ อาจจะเกิดความโกลาหลได้เพคะ ท่านพี่เพคะ ท่านคิดว่าอย่างไรเพคะ?”
จู่ๆ ก็ถูกเอ่ยชื่อเรียก อวิ๋นอี้จึงมองมายังนางอย่างงุนงง
หว่านฉือยิ้มด้วยรอยยิ้มสุภาพ ทำให้นางทำได้เพียงเบะปากยิ้ม แล้วตอบอย่างเกียจคร้าน “น้องฉลาดราวหิมะน้ำแข็ง [2] ที่เ้าพูดมาย่อมเป็เื่ดีมากอยู่แล้ว”
“ขอบพระทัยสำหรับคำชมเพคะ เพียงแต่ว่าน้องก็เห็นท่านพี่คิดหนัก ข้ารู้ว่าท่านก็คงกังวลใจกับเื่ของฝ่าาเป็แน่!” หว่านฉือรับคำพูดมา แล้วเชิดจมูกพูดขึ้นว่า “มิทราบว่า...ท่านพี่คิดวิธีการใดออกหรือไม่เพคะ?”
“......”
บอกว่าถูกนางหลอก ก็โดนหลอกจริงๆ มิได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยสักนิด
อวิ๋นอี้ยกมือขึ้นกอดอก มองหว่านฉืออย่างน่าขันเล็กน้อย “หากข้าบอกว่าข้ามิมีวิธีใดเล่า?”
บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างน่าอึดอัดเล็กน้อย แม้แต่ซูเมี่ยวเออร์เองก็ขมวดคิ้วมิได้หยุด สายตาของนางงมองไปที่หว่านฉือ มีความหมายชัดเจนแม้มิได้พูดออกมา
เ้าอยากจะได้หน้าก็ได้หน้าไปสิ ต้องลากคนอื่นมากดให้ตัวเองดูดีเสมอ อย่ามีจิตใจเ้าเล่ห์เช่นนี้จะได้หรือไม่!
หว่านฉือรู้อยู่แล้วว่าการเดินหมากครานี้มีความเสี่ยงอยู่ นางถึงกับมองมุมปากของหรงซิวออกว่าเขามีท่าทีไม่พอใจแล้ว แต่ทว่าสิ่งที่ไม่ควรพูดนั้นก็ได้พูดไปหมดแล้ว นางทำได้เพียงพูดต่อไป “ท่านพี่ฉลาดปราดเปรื่องเช่นนี้ จะมิมีวิธีได้อย่างไรกันเล่าเพคะ?”
อวิ๋นอี้หัวเราะเหอะๆ แล้วไม่พูดกระไร
นางไม่หาเื่ก่อน มิได้หมายความว่านางจะกลัว
หว่านฉือใจไม่หยุดนิ่ง คิดจะหาโอกาสทำให้นางขายหน้าเสมอ และครานี้นางก็อดใจไว้ไม่ไหวแล้ว
ในเมื่อเป็เช่นนี้แล้ว นางก็จะใช้โอกาสนี้ ทำให้นางได้ตื่นเสียที ไม่ใช่ว่าหมาแมวจากที่ใด ก็จะปีนขึ้นหัวนางได้!
อวิ๋นอี้ตัดสินใจได้แล้ว ก็เอ่ยปากขึ้นทันใด “อย่าว่ากระนั้นเลยนะน้อง เดิมทีพี่ก็มิมีวิธีกระไร แต่เ้าชมข้าเสียเช่นนี้ ข้าก็เกิดคิดวิธีออกขึ้นมา”
ทุกคนที่อยู่ด้วยล้วนปราดเปรื่อง ฟังออกว่านั่นเป็การพูดประชดประชัน ั์ตาของหว่านฉือเป็ประกาย แสร้งทำเป็ฟังมิออก แล้วถามต่อว่า “อ๋า? กระนั้นก็ดีเลยเพคะ วิธีของท่านพี่คือ...”
อวิ๋นอี้เมินนาง แล้วมองไปที่ หรงซิว นางพึมพำเสียงเบา แล้วถามหรงซิว “หากวิธีของข้าดีที่สุด ฝ่าาจะมีรางวัลกระไรหรือเพคะ?”
“อวิ๋นเออร์อยากได้รางวัลใด ข้าจะสนองให้เ้าทั้งสิ้น!”
“ท่านพี่ซิวเพคะ หากวิธีของเมี่ยวเออร์ดีที่สุดเล่าเพคะ?” ซูเมี่ยวเออร์ตาเป็ประกายมองไปที่เขา “เมี่ยวเออร์ขอสิ่งใด ท่านพี่ก็จะให้ใช่หรือไม่เพคะ?”
ไม่ทันที่หรงซิวจะเอ่ยปาก อวิ๋นอี้ก็หัวเราะเบาๆ “น้องเมี่ยวเออร์คิดมากไปแล้วล่ะ มีข้าอยู่ พวกเ้ามิมีโอกาสเสียหรอก!”
ซูเมี่ยวเออร์จ้องนางอย่างบึ้งตึง เพียงนางกดคางลงจ้องก็ทำให้ใแทบแย่
แม้ว่าอวิ๋นอี้จะดูเป็เช่นเช่นเดิม แต่กลับรู้สึกว่านางมีบางอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว
ซูเมี่ยวเออร์คิดถึงตอนเมื่อก่อนที่หาเื่นาง จนตัวเองเจอจุดจบไม่ดีสักครา นางก็ยิ้มเจื่อนๆ “เชิญพระชายาพูดวิธีของท่านก่อนเถิดเพคะ”
“ข้าคิดว่า!” อวิ๋นอี้ตั้งใจกระแอมคอ “สิ่งที่น้องทั้งสองพูดเมื่อครู่ล้วนถูกต้อง เพียงแต่มิมีวิธีแก้ไขปัญหาก็เท่านั้น การสกัดกั้นน้ำและลอกคลองนั้นต้องทำร่วมกัน การขุดลอกนั้นต้องทำความเข้าใจในตัวแม่น้ำ ข้าจึงแนะนำให้ขุดคลองเพิ่มและสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ตามแนวทางน้ำ ข้าได้ฟังฝ่าาพูดถึงสถานการณ์พื้นฐานของหลางโจวแล้ว หลางโจวนั้นดำรงอยู่กับน้ำ กระนั้นจึงเกิดน้ำท่วม ในฤดูน้ำหลากและแห้งแล้งในฤดูแล้ง แล้งก็แล้งมากท่วมก็ท่วมเป็ภัยพิบัติ ดังนั้นการสร้างอ่างเก็บน้ำจะสามารถแก้ไขสถานการณ์เช่นนี้ได้ดีมาก ในฤดูน้ำหลากก็เปิดทางน้ำให้ไหลเข้าอ่างกักเก็บให้เต็ม ประการแรกคือบรรเทาอุทกภัย ประการที่สองได้เป็การเตรียมพร้อมสำหรับหน้าแล้งด้วย เช่นนั้นก็ทั้งได้สกัดกั้นทั้งได้ระบายน้ำ สมบูรณ์แบบมาก ฝ่าาเพคะ ท่านว่าอย่างไรเพคะ!”
หรงซิวคิดไม่ถึงเลยว่าสตรีตัวน้อยข้างๆ เขา จะมีกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ จู่ๆ เขาก็พูดมิออกด้วยความประหลาดใจ
“นอกจากนี้เพคะ เกี่ยวกับการสกัดกั้นน้ำ ข้ายังมีความคิดอีกว่า การขุดลอกเป็รากฐาน การสกัดกั้นน้ำนั้นเป็วิธีตอนที่ไร้หนทางเท่านั้น โดยทั่วไปพูดกันว่าต้องสร้างเขื่อน แต่การสร้างเขื่อนนั้นเป็เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น การรักษาและดูแลซ่อมแซมระยะหลังจากนั้นต่างหากที่สำคัญมาก ราชวงศ์ของเราเป็เช่นนี้มาตลอดก็คือสร้างเขื่อนเสร็จแล้ว รอให้เขื่อนพังทลาย ถึงมาซ่อมแซม อันที่จริงแล้วเวลาเช่นนี้นั้นมันสายเกินไปเสียแล้ว ก็เหมือนกับการป้องกันอุทกภัย การควบคุมน้ำท่วมนั้นเป็เพียงการเผชิญหน้าเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือการป้องกันล่วงหน้า คนโบราณบอกว่า กันไว้ดีกว่าแก้ เป็เช่นนั้นจริงๆ เพคะ ในตอนที่ข้อผิดพลาดยังไม่ก่อตัว ก็ต้องกำจัดมันไปให้สิ้นซาก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้มากมายในอนาคต ในเื่ของการป้องกันล่วงหน้านั้น วิธีของข้าคือ ในทางน้ำไหลจากต้นน้ำถึงกลางน้ำนั้น ควรจะมีแท่นวัดระดับน้ำทุกๆ สองสามร้อยเมตร แท่นวัดระดับน้ำเหล่านี้ต้องมีคนคอยตรวจสอบทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน่น้ำหลาก ต้องตรวจสอบและทำการจดบันทึก และมีการรายงานเป็ระยะ ระดับน้ำเท่าใดลงไปถึงจะเป็ระดับน้ำที่ถือว่าปลอดภัย ทันทีที่ระดับน้ำพ้นระดับปลอดภัยก็ต้องเตรียมการรับมือน้ำท่วม เช่นการเปิดประตูระบาย เปิดอ่างเก็บน้ำเพื่อเปลี่ยนทิศทางน้ำเพคะ อีกอย่างเพคะ สถานที่หลังกลางน้ำลงไป ให้สร้างตาข่ายกันน้ำท่วม หากมีน้ำพลัดพาคนลงไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พลัดพาไปไกล ทำให้เกิดความเสียหายกับชีวิตประชาชน ก็ให้ตาข่ายนั้นกักไว้ ส่วนในเื่อื่นๆ นั้น... ข้ายังคิดได้ไม่ดีนัก รอให้ข้าได้จัดระเบียบแล้ว ข้าจะเขียนให้เพคะ”
อวิ๋นอี้เงยหน้าขึ้นมองทุกคน ก็พบว่าสีหน้าแต่ละคนอึ้งชะงัก ในความตะลึงมีสีหน้าแห่งความชื่นชมซ่อนอยู่
นางชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มได้ใจ
จะหาเื่สู้กับนางไปเสียทุกเื่ นางมีภูมิปัญญาที่ตกสะเก็ดมานับหลายพันปีเชียวนะ จะเอาชนะนางได้หรือ?
เชิงอรรถ
[1] ทานน้ำหมึกไม่กี่วัน 吃了几天墨水 น้ำหมึกเปรียบเปรยถึงการเรียนรู้ การศึกษา ผู้ที่ทานน้ำหมึกเพียงไม่กี่วันจึงหมายถึงผู้ที่มีความรู้แค่หางอึ่ง มิได้รู้จริง
[2] ฉลาดราวหิมะน้ำแข็ง 冰雪聪明 หมายถึง ฉลาดหลักแหลม ฉลาดเป็กรด