ไม่มีความจำเป็อะไรที่ระดับผู้นำของฝ่ายบริหารจะลดตัวมาใส่ใจกับที่ดินราคาเพียงแค่เก้าแสนหนึ่งหมื่นหยวน
หากเป็พวกขาใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์เ้าอื่น พวกเขาคงเซ็นสัญญาและโอนเงินในงานเลี้ยงที่ไม่ใช่หน้างานประมูลเช่นนี้
การให้โอนเงินหน้างานนี้เป็เพียงความ้าสร้างปัญหาและข่มขู่เฉินเฟิงเท่านั้น
แต่เมื่อทุกสายตาประจักษ์ต่อเฉินเฟิงที่กล้าหยิบบัตรเครดิตออกมาจ่ายเงินเก้าแสนหนึ่งหมื่นหยวนจริงๆ พิธีกรก็ส่งสายตาขอความช่วยเหลือหาหัวหน้าด้านหลังเขา แต่หัวหน้าเ่าั้เลิกสนใจเื่นี้แล้ว แถมยังเร่งพิธีกรอย่างหมดความอดทนอีกด้วย
เพราะตี้หวางยังอยู่ในคิวการนำเข้าประมูลสุดท้าย
“ต้องขออภัยเป็อย่างสูง...การเซ็นสัญญาและชำระเงิน...ต้องทำในงานเลี้ยงหลังการประมูลเสร็จสิ้นลง ตอนนี้ทางเรายังเตรียมสัญญาการซื้อขายไม่เสร็จสมบูรณ์ดีครับ”
พิธีกรทำได้เพียงกล้ำกลืนศักดิ์ศรีแล้วก้มหัวขอโทษเฉินเฟิงด้วยท่าทีถ่อมตน
เฉินเฟิงที่ได้ยินคำขอโทษก็ตอบกลับด้วยการตบหน้าพิธีกรเบาๆ พร้อมถ้อยคำเสียดสี
“กลายเป็ว่าพวกคุณยังไม่ได้ร่างสัญญาให้ผมสินะ ผมนึกว่าคุณเป็พนักงานระดับสูงจากฝ่ายบริหารเสียอีก เมื่อวานผมเพิ่งจ่ายเงินสามสิบล้านซื้อที่ดินเจ็ดตารางกิโลเมตร ผมยังไม่เจอปัญหาเหมือนงานประมูลนี้เลย ขนาดตอนผมทำการซื้อการที่ดิน รองผู้ว่าฯ ยังให้การต้อนรับผมด้วยตัวเองอยู่เลย พวกเราทำเื่เซ็นสัญญากันแป๊บเดียวก็เสร็จ”
เฉินเฟินไม่ได้พูดอยู่เฉยๆ เขากวาดสายตามองเหล่าหัวหน้าคนอื่นๆ จากฝ่ายบริหารเมืองด้วย
คนระดับสูงสุดในบรรดาหัวหน้างานพวกนี้ยังเทียบกับรองผู้ว่าที่เฉินเฟิงเพิ่งพูดถึงไม่ได้เลย
พวกเขารู้สึกราวกับกำลังเผชิญกับหัวหน้าจากส่วนกลางจนใจสั่นเร็วรัว
จากนั้นพวกเขาแต่ละคนจึงรีบกระดิกหางเข้าไปขอโทษเฉินเฟิง
ใช่แล้ว บางครั้งบางคราวการมีเงินเยอะก็เป็ดั่งเ้านาย แม้แต่ต่อหน้าคนระดับหัวหน้าพวกนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งอยู่ใน่สำคัญของการพัฒนาเมืองโม๋ตู พวกผู้นำฝ่ายบริหารพวกนี้หวังจะขายที่ดินไร้ประโยชน์นี่ให้เร็วที่สุด
“ท่านครับ รบกวนเชิญทางนี้ เวลาของท่านมีค่า ผมนำสัญญาซื้อขายมาแล้ว รบกวนมาเซ็นทางนี้แล้วนำสัญญาไปได้เลยครับ” หนึ่งในหัวหน้าจากกรมทรัพยากรที่ดินรีบส่งสำเนาสัญญาการซื้อขายสองฉบับให้เฉินเฟิงด้วยรอยยิ้ม
“หลังจบงานประมูล คืนนี้เวลาสองทุ่มตรง ทางเราจะจัดงานเลี้ยงที่ร้านอาหารมิชลินของโรงแรมเฉียนต๋า ทางเราขอเรียนเชิญคุณเข้าร่วมงานเลี้ยงแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสการเซ็นสัญญาครับ”
เฉินเฟิงส่งเสียงหัวเราะเมื่อได้ยินคำเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยง
“ในฐานะเ้าของคนใหม่ของโรงแรมเฉียนต๋าและร้านอาหารมิชลินระดับสามดาว ทำไมผมถึงไม่รู้ว่ามีงานเลี้ยงที่มีฝ่ายบริหารเป็เ้าภาพตอนสองทุ่ม”
ในที่สุดผู้เฒ่าหวังซึ่งอยู่ด้านล่างเวทีก็ไม่สามารถนั่งอยู่กับที่ได้อีก ผู้เฒ่ารีบเดินเข้าไปหาพวกเขาพร้อมเสียงหัวเราะ
“น้องเฉินเฟิง เมื่อวานตอนที่ขายโรงแรมให้ ฉันลืมบอกเื่นี้ไป ว่าจะมีงานเลี้ยงหลังงานประมูลจัดขึ้นที่ร้านมิชลินสามดาวน่ะ”
ผู้เฒ่าหวังเสริมเื่ที่เฉินเฟิงเป็ผู้ซื้อโรงแรม ซึ่งเป็การยกระดับสถานะให้เฉินเฟิงโดยไม่มีใครสังเกตเห็น เพราะชายหนุ่มที่เข้าซื้อที่ดินเป็พื้นที่เจ็ดตารางกิโลเมตรและโรงแรมเฉียนต๋าภายในค่ำคืนเดียวกันนี้ เขาไม่เคยปรากฏตัวขึ้นที่งานไหนมาก่อน
เมื่อเฉินเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาที่ตระหนักได้ทันทีจึงพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่แยแส
“ร้านอาหารมิชลินสามดาวนั่นถูกจองไว้ให้เพื่อนร่วมชั้นปีของผมแล้ว แถมผมยังให้พวกเขากินฟรีเป็เวลาหนึ่งสัปดาห์ด้วย งานเลี้ยงคงไปจัดขึ้นที่นั่นไม่ได้แล้ว แต่คุณจะเลือกจัดงานที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ต้องเชิญผมนะ ผมไม่ไป”
เมื่อสิ้นคำพูด เฉินเฟิงรับสำเนาสองฉบับจากหัวหน้ากรมทรัพยากรที่ดินซึ่งกำลังตกอยู่ในความงุนงงมาลงนามในส่วนของผู้ซื้อที่ดิน
ส่วนทางฝั่งผู้ขาย ฝ่ายบริหารเมืองได้ประทับตราอย่างเป็ทางการแล้ว ส่วนผู้รับผิดชอบเองก็ลงนามไว้แล้วเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้เอง ที่ดินในลู่เจียโค่วจึงตกเป็ของเฉินเฟิงอย่างเป็ทางการ
“ผมเซ็นสัญญาเสร็จแล้ว จะให้ผมโอนเมื่อไหร่?”
เฉินเฟิงถามขึ้นทันทีหลังยื่นสัญญาให้กับหัวหน้ากรมทรัพยากรที่ดิน
“ครับ...ท่านสามารถทำเื่โอนเงินภายหลังได้ครับ พวกเราทุกคนต่างเป็นักธุรกิจ ผมคิดว่าคงไม่มีใครเบี้ยวนัดกับฝ่ายบริหารเมือง ใช่ไหมครับ?”
ถึงแม้พนักงานระดับหัวหน้าอีกคนที่ดูดีมีความแน่วแน่กว่าคนอื่นๆ จะลังเลไปชั่วครู่ แต่ก็เป็ตัวแทนของกลุ่มพูดขึ้น
ตัวเขาเอง้าสร้างความน่าเชื่อถือให้ฝ่ายบริหารใหม่เช่นกัน ไม่อย่างนั้นพวกขาใหญ่พวกนี้คงไม่เห็นหัวคนจากฝ่ายบริหารเมือง
แต่จริงๆ แล้วพวกขาใหญ่ก็ไม่เคยเห็นหัวคนจากฝ่ายบริหารอยู่แล้ว คิดว่าคนของรัฐพวกนี้ทำเงินได้สักเท่าไหร่กันเชียว? ถ้าอยากรวยก็มีแต่ต้องโกงกินหรือไม่ก็รับสินบนเท่านั้น
หันมาดูเ้าสัวนายทุนบ้าง ถ้าพวกเขาขาดเงินในกระเป๋า พวกเขาก็แค่ไปธนาคารเพื่อยื่นขอสินเชื่อจำนองที่ดินก็พอ
คนแบบใดก็ตามที่ธนาคารปล่อยกู้ คนแบบนั้นแหละคือเ้าสัวขาใหญ่ตัวจริง
แต่จะใหญ่ขนาดไหน พวกเขาก็ยังต้องประมูลที่ดินจากรัฐอยู่ดี ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงยังพอไว้หน้าให้บ้างเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งต่างกับเฉินเฟิงผู้หักหน้าเหล่าหัวหน้าจากฝ่ายบริหารมาก เขาไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ เลย
“ถ้าเช่นนั้น พวกผมขอดำเนินงานประมูลต่อนะครับ ขอให้ท่านโชคดี”
และแน่นอนว่าเฉินเฟิงก็ไม่ได้อยากรีบจะโอนเงินเก้าแสนหนึ่งหมื่นหยวนเข้าฝ่ายบริหารแต่อย่างใด
ยังไงเขาก็ได้สำเนาของสัญญามาไว้ในมือแล้ว
หลังจากเก็บสำเนาสัญญาเป็อย่างดี เฉินเฟิงจึงบอกลาผู้เฒ่าหวัง ก่อนจะพบกับถางจุนจ่านตรงเก้าอี้ทางลงเวที
เฉินเฟิงยกสัญญาในมือขึ้นพลางเอ่ยปากขอโทษด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“ขอโทษด้วย ผมแค่เสนอราคาเล่นๆ กลายเป็แย่งที่ที่คุณอยากได้มาเฉยเลย ราคาขาดตัวแค่นี้? อย่างมากก็แค่ซื้อโถส้วมหรูๆ ได้สักอันล่ะนะ”
เฉินเฟิงเผชิญหน้ากับสายตาอาฆาตของถางจุนจ่านที่จ้องมองเขาราวกับรอบๆ ไร้ซึ่งผู้คน
“ที่ดินเล็กๆ แปลงนั้นในลู่เจียโค่ว ถางเฉินกรุ๊ปของพวกเราตั้งใจจะซื้อเพื่อสร้างโถส้วมที่แพงที่สุดในโลก”
ถางจุนจ่านพูดกัดฟันวางท่าราวกับคนมีอารยะ และตอบกลับด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเช่นเดียวกัน
นี่เป็เื่ปกติธรรมดาในโลกธุรกิจ ที่ซึ่งทุกรอยยิ้มซ่อนคมมีดเอาไว้
แม้ว่าเฉินเฟิงจะมาจากโม๋ตู แต่ด้วยความรู้เกี่ยวกับถางจุนจ่านจากชาติที่แล้วทำให้เขารู้ว่าถางจุนจ่านมาจากโม๋ตู
ความรู้เื่เส้นสายของถางจุนจ่านเกี่ยวกับโม๋ตูนั้นไม่ได้กว้างขวางนักในตอนที่เขายังหนุ่ม
เหตุผลเดียวที่เขามาที่โม๋ตูก็เป็เพียงความบังเอิญ
ในตอนนั้นเขาเดินทางมาเป่ยจิงตามภรรยาของเขาเพื่อเยี่ยมชมกองถ่ายหนังเื่ ‘หลายแผ่นดิน แม้สิ้นใจ ก็ไม่ลืม’ และจำเป็ต้องพักลงกลางทางที่เซี่ยงไฮ้
ในการมาเยือนครั้งนั้นทำให้เขาตระหนักถึงคุณค่าด้านการลงทุนการพัฒนาในเจียงตง เขาจึงเตรียมตัวลงทุนในเจียงตงทันที
ต้องเข้าใจก่อนว่าเจียงตงที่ถางจุนจ่านเห็นในเวลานั้นเป็สถานที่ไร้ซึ่งการพัฒนาโดยสิ้นเชิง แม้จะมองมันจากด้านมุมไหนก็ตาม
เป็พื้นที่ที่เต็มไปด้วยบึงกก ชาวบ้านชาวท้องถิ่นเองยังเชื่อว่าเขตเจียงตงนี้ไร้ซึ่งความหวังจะพัฒนาหรือมีความคุ้มค่าใดๆ
กระนั้นสถานที่แห่งนี้กลับดึงดูดนักริเริ่มอย่างถางจุนจ่านได้ ถางจุนจ่านผู้มองเห็นโอกาสของคุณค่าทางธุรกิจและตระหนักถึงข้อดีของภูมิศาสตร์ในเจียงตง
เป็เพราะคุณค่าทางธุรกิจนี้เอง ถางจุนจ่านจึงลงทุนเงินกว่าหนึ่งพันหกร้อยล้านในเจียงตงจนกลายเป็โครงการกว่า 20 โครงการ
พื้นที่การลงทุนของถางจุนจ่านในเจียงตงนี้ค่อนข้างกว้างขวาง ไม่ได้จบอยู่ที่การสร้างโรงแรมหรือศูนย์กลางการค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงอาคารสำนักงานและตึกระฟ้าทางการเงินด้วย
ด้วยเงินจำนวนมากที่เขาทุ่มเทเพื่อพัฒนาที่ดินในเจียงตง ทำให้ถางจุนจ่านประสบความสำเร็จและกลายเป็ผู้นำมาซึ่งความพัฒนาสู่พื้นที่แห่งนี้ ประกอบกับนโยบายซึ่งสนับสนุนการลงทุนของเซี่ยงไฮ้สำหรับภูมิภาค
เขตเจียงตงทั้งเขตดำเนินการการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เกิดเป็ความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เปลี่ยนจากที่ดินสำหรับการเพาะปลูกเป็เขตตึกสูงระฟ้า จากพื้นที่ชนบทห่างไกลความเจริญก็กลายเป็จุดศูนย์กลางของเมืองทันที
ในขณะที่การพัฒนายังคงดำเนินหน้าต่อไป ถางจุนจ่านหันมาสนใจกับตลาดอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น แต่ผืนดินที่เขาเฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อกลับยังไม่ปรากฏขึ้นสักที
แต่โชคยังเข้าข้าง การรอคอยไม่ได้ยาวนานนัก
ในปี 1995 ถางจุนจ่านได้รับข่าวสารว่าคนของฝ่ายบริหารเมืองและนักธุรกิจที่ไม่ระบุตัวตนมีแผนจะประกาศขายที่ดินแปลงหนึ่งกับศูนย์กลางการค้าทางการเงินในลู่เจียโค่วด้วยกัน
ทันทีที่ข่าวนี้เข้าหู ถางจุนจ่านไม่รอช้า ตรงเข้าซื้อด้วยเงินกว่าหกร้อยล้านเพื่อซื้อที่ดินแปลงนั้นทันที
เมื่อได้ที่ดินแปลงนั้นมาครอง ถางจุนจ่านไม่ได้เริ่มการพัฒนาในทันที เพราะเป้าหมายของเขาคือเปลี่ยนแปลงที่ดินแห่งนั้นให้กลายเป็เขตที่อยู่อาศัยสุดหรูอู้ฟู่ตระการตา
เพื่อการนั้น เขาจึงได้จ้างวานนักออกแบบระดับนานาชาติไว้สำหรับสิบปีต่อจากนี้ ไม่ว่าจะวัสดุก่อสร้างหรือดีไซน์การออกแบบ ทุกอย่างจะเป็ระดับแนวหน้าทั้งหมด
โดยเฉพาะระบบการระบายน้ำในพื้นที่ ระบบบ้านอัจฉริยะและระบบสุดทันสมัยต่างๆ ภายในบ้าน หลังจากผ่านระยะการออกแบบ โครงการถางเฉินจี๋พิ่นจึงเริ่มการก่อสร้างขึ้น
ที่ดินที่เฉินเฟิงประมูลไปนั้น ที่จริงจะกลายเป็แกนหลักสำคัญของที่ดินตี้หวางที่ถางจุนจ่านจะใช้สร้างศูนย์การค้าทางการเงิน ซึ่งถางจุนจ่านวางแผนจะใช้เงินประมาณหกร้อยล้านหยวนประมูลมา
หากขาดที่ดินแปลงเล็กๆ ที่อยู่ในมือเฉินเฟิงตอนนี้ไป ต่อให้ถางจุนจ่านใช้เงินกว่าหกร้อยล้านหยวนเพื่อซื้อที่ดินสำหรับสร้างศูน์การค้าทางการเงินมา แต่การจะทำโครงการถางเฉินจี๋พิ่นนี้ให้สมบูรณ์แบบจะกลายเป็เื่ยากขึ้นมาทันที
“บอกราคามาเลย สัญญาในมือของคุณจะขายให้ผมเท่าไหร่?”
ถางจุนจ่านถามเฉินเฟิงอย่างอับจนหนทาง เขาผู้ซึ่งมักต่อรองราคาตลอด นี่เป็ครั้งแรกที่เขาไม่ทันตั้งตัวและกลายเป็ฝ่ายที่แพ้