เมื่อห้าร้อยปีก่อน เขาเคยใช้เวลามากมายไปกับการสร้างความบันเทิงให้ตัวเองด้วยการกินถั่วและไก่ พร้อมร่ำสุรา ล้วนแต่เป็ส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน
ทว่าจากตอนนั้นผ่านมาแล้วห้าร้อยปี ยามนี้เขากลับตื่นเต้นทุกคราวที่เห็นอาหารเหล่านี้
เมื่อได้เห็นเทียนพี่สูบกินไก่ราวคนอดยากแล้ว ฮวาชีเยว่จึงนั่งลงข้างเขาแล้วเด็ดดอกสมุนไพรมายามาทาน “ท่านดูเหมือนคนที่อดยากมานานกว่าพันปีเลย ทานช้าลงหน่อยไม่ได้หรือ?”
เทียนพี่เลิกสายตาทรงเสน่ห์ขึ้นแล้วหัวเราะ บุคลิกชวนหลงใหลของเขาถูกแทนที่ด้วยิญญาโหย
“ข้าไม่ได้ทานของอร่อยมาร่วมห้าร้อยปีแล้ว ข้าจะไม่หิวได้อย่างไร?”
“แต่ท่านเพิ่งทานไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เองนะ”
ฮวาชีเยว่แค่นเสียง เทียนพี่พลันตบหน้าผากตน “เออใช่ ข้าลืมไปเลย ฮ่าๆ!”
ในที่เดียวกันนี้ ท้องฟ้าเป็สีคราม ดวงอาทิตย์ส่องสว่างในโลกอันลี้ลับ
สมุนไพรวิเศษอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้กลับเติบใหญ่ยิ่งขึ้น บังแสงแดดจากเบื้องบนแล้วทิ้งเพียงเงาไว้เื้ั
ฮวาชีเยว่กำลังเพลิดเพลินไปกับสายลมอันอบอุ่น นั่งฝึกฝนอย่างสงบ แต่ก่อนที่นางจะพร้อมเริ่มนั้น ก็มีน่องไก่ที่เทียนพี่โยนลอยมาติดหัวนาง
“ท่านอาจารย์ ท่านทำอะไรเนี่ย!” ฮวาชีเยว่บ่น
เมื่อรู้ตัวว่ากระดูกไก่ของเขาลอยไปตกใส่ผมของชีเยว่ เขาจึงยิ้มอย่างรู้สึกผิด “ไม่มีอะไร เข้าใจผิดน่ะ เข้าใจผิด! เออใช่ เ้าหนานอ๋องนั่น...ช่างน่ารำคาญนัก! มันจะมีใครที่ไหนกันที่ไม่รู้ว่าท่านหญิงหมูตอนนั่นกำลังใส่ความเ้าอยู่ เขากลับเอาแต่จี้เื่นั้นไม่หยุดเสียได้!”
ฮวาชีเยว่เลิกคิ้วคลี่ยิ้ม ความโกรธพลันมลายหายไป “ทำไมหรือ? หรือท่านอาจารย์จะกำลังหึง?”
“หึงอะไร? ชีเยว่ นั่นหมายความว่าอะไรหรือ?” เทียนพี่กะพริบตายิ้มออกมา
ฮวาชีเยว่พูดไม่ออก นางมิอาจต่อกรกับชายเ้าเล่ห์ผู้นี้ในาคำพูดได้จริงๆ เขายอดเยี่ยมนัก
“จริงด้วย แล้วเ้าไปทำเช่นไรให้ความแตกเื่หลงแดงได้เล่า? อีกหน่อยเื่นี้ย่อมกลายเป็ชนวนปัญหาอีกมาก” เทียนพี่บ่นอย่างไม่พอใจ “เ้ามีโอสถล้ำค่า หากผู้อื่นทราบเข้า ย่อมมิพ้นถูกริษยาเป็แน่”
ฮวาชีเยว่คิดว่าเขาพูดถูก แต่นางยังคงส่ายศีรษะ “อาจารย์พูดมีเหตุผล แต่อย่างไรเสียเหล่าจอมยุทธ์มากมายก็คงรู้เข้าสักวันอยู่ดี เช่นนั้นแล้วการไปบอกฮ่องเต้โดยตรงเพื่อหาพันธมิตรเสียเลยยังดีกว่า”
เทียนพี่หยุดนิ่ง หรี่ตาลงเขามิอาจปฏิเสธความคิดนางได้เลย
ถึงอย่างไร ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน เทียนซีคงมิอาจฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นนี้หากไม่ใช่เพราะโอสถเทพ
“เป้าหมายของเ้าคือการป่าวประกาศว่าเ้ามียอดยุทธ์คอยหนุนหลังอยู่ เพราะหลงแดงนั้นมิใช่สิ่งที่ใครๆ ก็สามารถได้มาได้โดยง่าย ในกรณีนี้ แม้ว่าเหล่าจอมยุทธ์จะอยากได้หลงแดงของเ้ามากเพียงไหน พวกมันก็ยังคงต้องหวาดกลัวอาจารย์ของเ้า ซึ่งก็คือข้า” เทียนพี่คลี่ยิ้ม แล้วจึงอุทานออกมาอย่างจงใจ “แต่หากพวกมันได้รู้ความจริงแล้วคงได้ผิดหวังมากเป็แน่ เพราะข้าไม่อาจช่วยเหลืออะไรเ้าได้ หากทราบเข้า เ้าคงมิแคล้วถูกจู่โจมใส่จากรอบทิศเป็แน่!”
“ท่านพูดถูกแล้ว แต่พวกเขาคงไม่คาดคิดแน่ว่าอาจารย์ผู้แข็งแกร่งของข้านั้นจะอยู่ในโลกอันลี้ลับนี้ พวกเขาคงคิดว่าอาจารย์ของข้าต้องเป็ผู้แข็งแกร่งและลึกลับมากเป็แน่ เช่นนั้นแล้ว จะมีใครกล้ามาจู่โจมข้าได้อีก?”
ฮวาชีเยว่ยิ้ม เป็อุบายของนางเองที่เลือกปล่อยให้ฝูงชนได้รับรู้ถึงเื่หลงแดง
เทียนพี่นับถือสตรีผู้นี้มากนัก
ฮวาชีเยว่เมินเทียนพี่ เทียนพี่จึงกินดื่มต่อไป พลางลอบมองฮวาชีเยว่เป็ครั้งคราว
รูปลักษณ์อันงดงามนั้นมีสีหน้าที่หมองหม่น เม็ดเหงื่อไหลผ่านหน้าผาก หมอกขาวปกคลุมกาย
“ช่างมุ่งมั่นและพากเพียรยิ่ง...นางคงเป็สตรีที่มุ่งมั่นที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์เป็แน่!”
เทียนพี่ทานไก่สามตัวหมดอย่างรวดเร็ว เขาลูบท้องพลางหัวเราะเบาๆ “ศิษย์เอ๋ย มาเดินเล่นกับอาจารย์ของเ้าเสียหน่อยไหม อาจารย์ของเ้าอิ่มมากแล้ว!”
ทว่าฮวาชีเยว่ผู้กำลังเพ่งสมาธินั้นกลับมิได้ยินเสียงของเขา
มุมปากเขาลดต่ำลง แล้วจึงลุกขึ้นยืนแม้ไม่อยาก “เฮ้อ ขนาดมีศิษย์แล้ว ข้าก็ยังคงต้องเหงาอยู่อีกหรือ...”
แม้ว่าเื่ขององค์หญิงฮุ่ยเจินที่ไปฆาตกรรมโจวฮูหยินจะถูกราชสำนักปกปิดเอาไว้แล้ว ทว่าเื่ราวที่เหมือนกับบทละครนี้ก็ยังแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ส่งให้ผู้คนมากมายนึกสงสารโจวฮูหยิน หรงชีเยว่ผู้นั้นที่ถูกฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหด
โจวจื่อเฉิงเองก็ถูกแม่ทัพหวางสอบปากคำ แต่กลับไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจอะไร
เพราะองค์หญิงฮุ่ยเจิน้าปกป้องโจวจื่อเฉิง จึงไม่มีใครสามารถจับกุมเขาได้โดยไร้หลักฐานโดยตรงหรือมีเพียงพยาน
โจวจื่อเฉิงจึงหลุดจากการเป็ผู้ต้องสงสัยเช่นนี้
เป็ตอนนั้นเอง ที่โจวฮูหยินผู้น่าสงสาร หรือฮวาชีเยว่ในตอนนี้กำลังทานอาหารว่างกับเทียนซีอยู่ที่จวน นางกำลังจะออกปากชมซาลาเปาดอกบัวของพ่อครัวอยู่พอดี พ่อบ้านหวางก็เร่งร้อนเข้ามา
“คุณหนูใหญ่ นายท่านโจวกำลังรอท่านอยู่ที่โถงขอรับ วันนี้เป็วันครบรอบหนึ่งเดือนของการรับเลี้ยงเทียนซีแล้ว”
คำพูดของพ่อหวางทำให้ฮวาชีเยว่ต้องเลิกคิ้ว นางคลี่ยิ้มบาง “จริงด้วย บอกให้เขารอสักครู่ ยังไม่ต้องยกน้ำชาให้เขา ประเดี๋ยวข้าจะนำชาชั้นดีไปให้เขาทีหลัง”
พ่อบ้านหวางตอบรับแล้วกลับออกไป
ฮวาชีเยว่เหลือบมองชิวอวิ๋น จึงโบกมือเรียกนาง “ชิวอวิ๋น มานี่”
ชิวอวิ๋นมาตามคำเรียก ถามอย่างเคารพ “คุณหนูใหญ่ ้าสิ่งใดหรือเ้าคะ”
ฮวาชีเยว่สั่งให้ลู่ซินไปเตรียมชาสมุนไพรไว้ ในระหว่างนั้นโหย่วชุ่ยก็พาเทียนซีไปยังห้องเรียน
หลังจากนั้น ฮวาชีเยว่จึงสั่งให้ชิวอวิ๋นกระทำการบางอย่างโดยที่ชิวอวิ๋นมิอาจกล้าปฏิเสธ หลังจากชงชาเสร็จแล้ว นางจึงมุ่งหน้าไปยังห้องโถง
ฮวาชีเยว่ไปยังเรือนฝูซินเพื่อเชิญชวนฮูหยินผู้เฒ่า
ชิวอวิ๋นได้พบเข้ากับฮวาเมิ่งซือและบริวารในระหว่างทางที่กำลังยกน้ำชาไป ทันทีที่ได้ยินซูโหรวแค่นเสียง สีหน้าของชิวอวิ๋นก็เปลี่ยนไปทันที “ฮึ สุนัขเดี๋ยวนี้มิรู้จักใบหน้าของเ้าของแล้วหรือ คุณหนูรอง เราจกตามันเสียดีไหมเ้าคะ?”
สีหน้าของชิวอวิ๋นซีดขาว แต่นางก็ยังฝืนตัวเองให้โค้งคำนับฮวาเมิ่งซือ ก่อนจากไปเงียบๆ
ฮวาเมิ่งซือมองชิวอวิ๋นอย่างเ็าพลันนึกถึงความพ่ายแพ้ในคืนแห่งโชคชะตานั้นอย่างอารมณ์เสีย หากมิใช่เพราะการทรยศของชิวอวิ๋นแล้ว นางคงไม่พ่ายแพ้อย่างน่าอับอายเช่นนั้น
“เดี๋ยวกรรมก็ตามสนองพวกนางเอง เราไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น” ฮวาเมิ่งซือแสยะยิ้ม
เมื่อฮวาชีเยว่ถูกแต่งตั้งให้เป็ท่านหญิงจิ่งฮวาไปเช่นนี้ คนก็มีสถานะสูงส่งกว่าฮวาเมิ่งซือนัก ทำให้รู้สึกชิงชังและริษยาอีกฝ่ายเป็อย่างมาก
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูโหรวก็มองชิวอวิ๋นด้วยความริษยา
ฮวาเมิ่งซือยิ้มเ็า เมื่อฮวาชีเยว่มีสถานะสูงส่งแล้ว เหล่าบริวารจึงอยากคอยเอาใจนาง
ซูโหรวเองก็คงเป็เช่นเดียวกัน
ฮวาเมิ่งซือนำเอาเงินออกมาจากแขนเสื้อหนึ่งตำลึงเงิน “ซูโหรว ่นี้เ้าขยันนัก ท่านแม่กับข้านั้นมีทรัพย์ไม่มากนัก ข้าจึงให้รางวัลเ้าได้เพียงหนึ่งตำลึงเงิน”
ซูโหรวใ แม้นางจะมีท่าทีเหมือนปฏิเสธ แต่นางก็ยังรับมันไว้ เพราะการมีเงินมากมิใช่เื่แย่ ความคิดที่จะทรยศของซูโหรวจึงมอดลง
โจวจื่อเฉิงกำลังนั่งรออย่างใจเย็นอยู่ในโถงจวนสกุลฮวาในตอนที่เขาเห็นสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา นางดูใสสะอาด และยิ่งดูบริสุทธิ์ขึ้นเมื่อรวมกับชุดอันเรียบง่ายที่นางใส่
โจวจื่อเฉิงเพ่งมองชิวอวิ๋นมากขึ้น แม้นางจะดูใสสะอาด แต่ความงามของนางนั้นเทียบฮวาชีเยว่ไม่ได้แม้หนึ่งในสิบ
เมื่อองค์หญิงถูกลงทัณฑ์จนถึงฆาตไปแล้วเช่นนี้ เขาจึงรอดตัวมาได้ แม้ว่าเขาจะเห็นดีกับการฆาตกรรมหรงชีเยว่ แต่เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการวางแผนหรือการลงมือ
“กรุณารอสักครู่ นายหญิงของข้ามีธุระอื่นให้ต้องจัดการเ้าค่ะ ท่านจะตามมาในไม่ช้า” เมื่อยกน้ำชาขึ้นโต๊ะแล้ว นางจึงกล่าวอย่างเคารพ
โจวจื่อเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยพลางมองโถงอย่างละเอียด แม้ว่าจวนสกุลฮวาจะเป็จวนของแม่ทัพ แต่ก็ไม่ได้หรูหราเกินควร ทั้งนี้เพราะฮวาหลี่ถิงมิใช่ชายละโมบโลภมาก เขาซื่อสัตย์ต่อฮ่องเต้จนมิอาจคดโกงได้
บุตรสาวสายตรงของจวนสกุลฮวานั้นมีชื่อเสียกระฉ่อน ทว่าการที่นางได้รับแต่งตั้งจากฮ่องเต้ให้เป็ท่านหญิงจิ่งฮวาก็ทำให้นางถูกผู้คนริษยาแล้ว
โจวจื่อเฉิงจดจำการพบกับฮวาชีเยว่ทั้งสามคราได้ไม่รู้ลืม การพบปะแต่ละคราวนั้นช่างน่าตกตะลึง
เมื่อองค์หญิงจากไปแล้วเช่นนี้ เขาจึงสามารถตามเกี้ยวฮวาชีเยว่ได้อย่างสบายใจ
ชิวอวิ๋นยืนเฝ้ามองใบหน้าหล่อเหลาของโจวจื่อเฉิงอยู่ด้านข้าง นางพลันคลี่ยิ้มแล้วส่งสายตายั่วยวนให้โจวจื่อเฉิงผู้มีท่าทีใ
“นายท่านโจว นายหญิงฝากประโยคหนึ่งมาให้ท่านเ้าค่ะ” ชิวอวิ๋นอธิบาย ท่าทีมีความลับของนางทำให้โจวจื่อเฉิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ชิวอวิ๋นเดินเข้าหาเขาตรงๆ แล้วพลันพลิกร่าง ร่างอ่อนนุ่มของนางล้มใส่อกของเขา สร้างความตะลึงให้โจวจื่อเฉิง
ชิวอวิ๋นดึงคอเสื้อของเขา ใบหน้าแดงสุกปลั่ง “นายท่านโจว เหตุใดจึงเอาเปรียบข้า”
โจวจื่อเฉิงทั้งโกรธและหวาดกลัว ชิวอวิ๋นเป็ผู้ล้มใส่เขาเอง แล้วเขาจะเป็ฝ่ายล่วงเกินนางไปได้อย่างไร
ทว่า เขากลับเผลอกอดนางไปโดยไม่รู้ตัว หากมองจากสายตาผู้อื่นแล้ว ก็ราวกับว่าเขากำลังเอาเปรียบชิวอวิ๋นอยู่จริงๆ
“ให้เกียรติตัวเองหน่อยเถอะแม่นาง!” โจวจื่อเฉิงกำลังใและอยากผลักชิวอวิ๋นออกไป แต่นางกลับจับคอเสื้อเขาแล้วกรีดร้อง “อึ๊ก! เ้าคนโรคจิต ข้าจะฆ่าเ้า ข้าจะฆ่าเ้า...”
โจวจื่อเฉิงลุกขึ้นแล้วผลักชิวอวิ๋นจนล้มพื้นอย่างรุนแรง พลันมีเสียงจากฝั่งตรงข้ามประตู “เ้าคนต่ำช้า กล้าดีอย่างไรถึงกับลวนลามสาวใช้จวนสกุลฮวา!”
เหงื่อเย็นเยียบไหลผ่านใบหน้าเขาทันทีที่ได้ยินคำให้ร้าย เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ได้พบฮูหยินผู้เฒ่าและฮวาชีเยว่ที่กำลังก้าวเข้ามาในโถง ทั้งคู่มองเขาราวสัตว์เดียรัจฉาน
ชิวอวิ๋นล้มอยู่บนพื้น ชุดหลุดลุ่ย ไหล่ขาวเนียนดุจหยกเปลือยเปล่าต่อสายตา
เมื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่าฮวาแล้ว ชิวอวิ๋นจึงจัดคอเสื้อแล้วร้องไห้ออกมาเสียงดัง “ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูใหญ่เ้าคะ ช่วยบ่าวด้วย...นายท่านโจวเอาเปรียบบ่าวยามไร้ซึ่งผู้อื่น พวกท่านล้วนแต่เห็นแล้ว...โฮฮฮ บ่าวจะแต่งงานได้อย่างไร?”
ได้ยินเช่นนั้น โจวจื่อเฉิงก็เริ่มวิตกขึ้นมา เขาร้องะโ “ฮูหยินผู้เฒ่าอย่าได้ฟังนางแพศยาผู้นี้ เป็นางที่โผเข้าหาข้า”
เหงื่อกาฬหลั่งรินหนักขึ้นเมื่อเห็นว่ายิ่งแก้ตัวยิ่งเหมือนขุดหลุมฝังตัวเอง นับว่าเลวร้ายนัก ยิ่งเขา้าเกี้ยวพาฮวาชีเยว่ มิคาดกลับเกิดเื่เข้าใจผิดเช่นนี้ขึ้น
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเ็าและมืดหม่น คิ้วของฮวาชีเยว่ขมวดแน่น “ท่านกล้าให้ร้ายว่านางโผเข้าหาท่านหรือ? นายท่านโจว ท่านแต่งตัวรุ่มร่ามทั้งยังมีท่าทีราวอสูรร้าย ทิ้งร่องรอยน่าชังไว้บนคอชิวอวิ๋นเช่นนั้นแท้ๆ...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้