องครักษ์มองหาต้นตอของเสียงจนเจอหลินเมิ้งหยาและป๋ายซ่าวที่อยู่ด้านในสุด
ใน่เวลาเสี่ยงเป็เสี่ยงตาย หลินเมิ้งหยามองหาโอกาสก่อนจะนึกได้ว่าด้านล่างของรถม้ามีช่องเก็บของลับ
โชคดีที่ช่องว่างนั้นพอดีกับร่างเล็กบอบบางของหลินเมิ้งหยาและป๋ายซ่าวดังนั้นพวกนางจึงหลบเข้าไปในนั้น
องครักษ์ตกตะลึงเล็กน้อย ช่วยกันดึงร่างของทั้งสองคนออกมา
หลินเมิ้งหยาคิดไม่ถึงเลยว่าป๋ายซ่ายจะสงบนิ่งเป็อย่างมากแม้สีหน้าจะขาวซีด ทว่านางมิได้หวาดกลัวจนตัวสั่นงันงกเหมือนอย่างป๋ายจื่อ
“เป็อะไรหรือเ้าคะนายหญิง? าเ็ตรงไหนไหมเ้าคะ?”
่เวลาคับขัน หลินเมิ้งหยาดันตัวนางลงไปก่อนเป็คนแรกดังนั้นป๋ายซ่าวจึงซาบซึ้งใจกับความรักและการปกป้องที่หลินเมิ้งหยามีให้กับตนเอง
“ข้าไม่เป็ไร ตกลงเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่? คนเ่าั้ทิ้งเบาะแสเอาไว้หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาส่ายหน้าอีกทั้งยังมองสำรวจร่างกายของป๋ายซ่าวว่าได้รับาเ็หรือไม่ ก่อนจะเอ่ยถามองครักษ์
“ทูลพระชายา ทันทีที่คนกลุ่มนั้นเห็นเหล่าองครักษ์อวี้หลินพวกเขาหนีไปในทันที อีกทั้งยังไม่ทิ้งเบาะแสใดๆ ไว้ทั้งสิ้นส่วนศพกำลังนำกลับไปตรวจสอบที่จวนพ่ะย่ะค่ะ”
ปรากฏตัวและจากไปอย่างไร้ร่องรอย เหตุใดพวกเขาจึงสลายตัวได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ตกลงใครอยู่เื้ักันแน่?
“ข้าจะไปดูหน่อย”
องครักษ์ประคองร่างนางลงจากรถม้า
หลังจากผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือด ด้านนอกมีศพกองเกลื่อนกลาด
ในเวลานี้ทั้งองครักษ์อวี้หลินองครักษ์ของจวนกำลังปกป้องดูแลความปลอดภัยบริเวณรถม้า
พลิกศพดูเล็กน้อยสิ่งที่น่าแปลกคือคนเหล่านี้ไร้ซึ่งสัญลักษณ์บ่งบอกถึงตัวตนอีกทั้งยังมองไม่ออกอีกว่าพวกเขาเป็คนที่ไหน
“ตุบ” เสียงดังขึ้น อยู่ๆหลินเมิ้งหยาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีของบางอย่างร่วงหล่นลงจากเอวของศพ
นางรีบหยิบของชิ้นนั้นขึ้นมา แล้วซ่อนเอาไว้ในมือของตนเอง
หลินเมิ้งหยาลุกขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามเสียงสูง
“ดูเหมือนคนเหล่านี้จะเตรียมการมาเป็อย่างดีแม่ทัพองครักษ์อวี้หลินอยู่ไหน?”
แม่ทัพวัยกลางคนสวมชุดเกราะขี่ม้าออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินเมิ้งหยา
ะโลงจากหลังม้า แม่ทัพองครักษ์อวี้หลินถวายคำนับหลินเมิ้งหยา
“ถวายคำนับพระชายา หม่อมฉันเสวียนหยวนเลี่ยพาองครักษ์อวี้หลินมาช้าพระชายาได้โปรดลงโทษหม่อมฉันด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ความปลอดภัยของเมืองหลวงล้วนเป็หน้าที่ขององครักษ์อวี้หลินที่ต้องดูแล
“เื่นี้มิอาจโทษท่านแม่ทัพได้เ้าคนสารเลวพวกนั้นก่อเหตุอุกอาจเกินไป”
หลินเมิ้งหยากระตุกยิ้ม ไร้ซึ่งท่าทางกระวนกระวาย
เสวียนหยวนเลี่ยลอบสำรวจพระชายาที่ถูกโจษจันทั่วทั้งเมืองหลวง แม้นี่จะเป็ครั้งแรกที่ได้พบแต่นางหาได้เป็เช่นคำครหาเ่าั้ไม่
“เพียงพระชายาไม่ลงโทษกระหม่อมก็เป็พระมหากรุณาธิคุณแล้วพ่ะย่ะค่ะเช่นนั้นกระหม่อมพาพระชายากลับจวนดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้า ขึ้นรถม้าองครักษ์อวี้หลินและองครักษ์ของจวนช่วยกันลากศพกลับไปยังจวนอวี้
อ๋องอวี้ยังคงอยู่ในวัง พระสนมเต๋อเฟยกลับถึงจวนนานแล้ว
ภายใต้การปกปิดเื่ถูกลอบทำร้ายของหลินเมิ้งหยาพระสนมเต๋อเฟยจึงไม่รู้เื่ราวใดๆ ทั้งสิ้น
“พระชายาได้โปรดวางพระทัยองครักษ์อวี้หลินจะตามสืบเบาะแสให้จงได้พ่ะย่ะค่ะ”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง ั์ตาเผยให้เห็นร่องรอยของความเ็า
“อืม เช่นนั้นคงต้องรบกวนท่านแม่ทัพเสวียนหยวนแล้ว”
ชิงหูถูกนางส่งไปคุ้มครองคนในตำหนักหลิวซินแต่คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะถูกลอบทำร้าย
เหตุใดโลกใบนี้ช่างวุ่นวายนัก?
“พระชายาเป็อะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
พ่อบ้านเติ้งและหลินขุยยืนรออยู่หน้าประตูจวนเพื่อรอรับพระชายาท่าทางของทั้งคู่ล้วนกระวนกระวาย
“ข้าไม่เป็ไร พวกเ้าจงตามข้ามาที่ตำหนักหลิวซินหากท่านอ๋องกลับมาให้ทูลเชิญเสด็จมาด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เดินตามหลังหลินเมิ้งหยา พวกเขาพากันไปยังตำหนักหลิวซิน
“นายหญิงไม่เป็ไรใช่หรือไม่เ้าคะ?”
ป๋ายจื่อและป๋ายจีล้วนยืนรอการกลับมาของหลินเมิ้งหยา
หลินเมิ้งหยาปิดประตูลงด้วยใบหน้าเคร่งขรึมโดยเหลือเพียงคนสนิทของตนเองไว้ภายใน
“พวกเ้าลองดูนี่สิว่ามันคือสิ่งใด?”
เมื่อภายในห้องไม่มีคนนอกแล้วหลินเมิ้งหยาจึงกระตุกแขนเสื้อขึ้นแล้วหยิบของชิ้นหนึ่งออกมา
วางลงบนโต๊ะ พลิกกลับด้านให้ทุกคนได้เห็น
“นี่...คืออะไร?”
หลินขุยเงียบไป หยิบของชิ้นนั้นมาถือไว้ในมือ
ของชิ้นนี้มีความยาวไม่ถึงหนึ่งนิ้ว แต่กลับมีหัวลูกศรถึงสามแฉกทั้งสองด้านส่องประกาย ส่วนหัวคมกริบ
“มันคือสิ่งที่ข้าเก็บได้จากร่างของชายชุดดำน่าแปลกที่ข้าตรวจสอบศพอยู่หลายร่าง แต่กลับเจอที่ศพนั้นเพียงศพเดียว
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ความสนใจของทุกคนพุ่งไปที่ร่างของเ้าของหัวลูกศรสามแฉกอันนี้
“ของชิ้นนี้มีเอกลักษณ์เป็อย่างมาก เห็นได้ไม่บ่อยนักหรือจะเป็สัญลักษณ์อะไรบางอย่าง?”
แม้พ่อบ้านเติ้งจะไม่ใช่คนหูเจียง แต่เขามีความสามารถเป็อย่างมากอีกทั้งคำพูดของเขายังตรงกับความคิดของหลินเมิ้งหยา
“ข้าเองก็คิดเห็นเช่นนั้น พวกเ้าลองดูทีว่าคุ้นเคยกับส่วนไหนของมันบ้างและมันมีไว้เพื่อทำสิ่งใด?”
แม้ทั้งสองจะดูแล้วดูอีก แต่กลับพากันส่ายหน้าอีกทั้งยังเอ่ยว่าไม่รู้จัก
ขณะเดียวกัน มีคนส่งข่าวมาบอกว่าท่านอ๋องจะประทับที่วังคืนนี้ไม่กลับจวน
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด สุดท้ายสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปก่อนรอหลงเทียนอวี้กลับมาแล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง
ทุกคนต่างพากันแยกย้ายสุดท้ายจึงเหลือเพียงสาวใช้ทั้งสามและหลินจงอวี้ที่ยังอยู่ภายในตำหนัก
ั้แ่ตอนที่หลินเมิ้งหยากลับมาคิ้วของหลินจงอวี้ขมวดเข้าหากันแน่นอีกทั้งสายตาที่จ้องมองหลินเมิ้งหยายังแสดงให้เห็นถึงความลังเล
“เ้าเด็กน้อยได้ยินมาว่าเ้าเกือบถูกลักพาตัวไประหว่างทางอย่างนั้นหรือ?ไอ้โจรชั่วที่ไหนมันกล้าเข้ามายุ่งกับเ้าเด็กน้อยของเหยียกัน?”
ชิงหูพุ่งตัวเข้ามาจากทางด้านหน้าประตู โอบกอดหลินเมิ้งหยาพลางก้มๆเงยๆ สำรวจร่างกาย เมื่อมั่นใจแล้วว่าหลินเมิ้งหยามิได้รับาเ็ จึงผ่อนลมหายใจ
“เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าไม่เป็อะไรจริงๆ”
หากตอนนั้นเ้านี่อยู่ที่นั่นแล้วละก็นางคงไม่ต้องเข้าไปหลบซ่อนด้วยความทรมานกับป๋ายซ่าวในช่องเก็บของหรอก
ชิงหูชำเลืองมองหลินเมิ้งหยาด้วยสายตาอ้อยอิ่ง ก่อนจะนั่งลงทว่ายังคงจ้องหลินเมิ้งหยาไม่ละสายตา
“ป๋ายจื่อ เ้าไปอยู่เป็เพื่อนป๋ายซ่าวก่อนวันนี้นางใกลัวเป็อย่างมาก เ้าไปดูแลนางให้ดีเถิด”
ป๋ายจื่อที่ผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน จะต้องรู้จักขจัดความกลัวอย่างแน่นอน
นางรีบเข้าไปจับมือป๋ายซ่าว ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะหายไปจากตำหนัก
หลังจากมั่นใจแล้วว่าทั้งสองคนจะไม่ได้ยินเสียงใดๆหลินเมิ้งหยาจึงเอ่ยเสียงเข้ม
“เกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
ชิงหูครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้า
“มีคนสองสามคนมาที่นี่และคิดจะลงมือกับยัยหนูคนนั้น แต่ข้าโจมตีพวกเขากลับไปแล้วอีกเื่หนึ่งคือข้าไม่รู้ว่าหลงเทียนอวี้เป็ผู้ส่งยอดฝีมือมาหรือไม่ บริเวณรอบๆตำหนักล้วนมีแต่องครักษ์ที่ข้าไม่คุ้นหน้า”
คิ้วของหลินเมิ้งหยายิ่งขมวดแน่นขึ้น เกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่?
หรือหลงเทียนอวี้เองก็รู้ว่าฮองเฮาและไท่จื่อคิดจะทำร้ายป๋ายจื่อเพื่อสนองอารมณ์ตนเอง?
หรือว่า...
“พี่สาว ท่านออกมาข้างนอกหน่อยได้หรือไม่ข้ามีเื่อยากคุยกับท่านเป็การส่วนตัว”
หลินจงอวี้ที่เงียบอยู่นาน จู่ๆ ก็ลุกขึ้นและเอ่ยออกมา
หลินเมิ้งหยามองทางเขาด้วยความสงสัยแต่ถึงอย่างนั้นก็พยักหน้าลงและเดินตามหลินจงอวี้ออกไป
แม้จะเป็สายลมยามค่ำคืน แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้รู้สึกหนาวเล็กน้อย
หลินเมิ้งหยามองดูเด็กหนุ่มร่างผอมบาง หัวใจพลันกระตุกเล็กน้อย
นี่นางละเลยเด็กคนนี้ั้แ่เมื่อไรกันนะ?
“พี่สาว ข้า...ข้าหลอกท่าน”
หลินจงอวี้เอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก
แม้จะมีรูปร่างหน้าตาเป็เพียงหนุ่มน้อยทว่าแผ่นหลังของเขากลับเย็นะเืและโดดเดี่ยว
หลินเมิ้งหยายืนอยู่ทางด้านหลังของเขาแต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมา
“อันที่จริงข้ามิได้เป็เด็กกำพร้า กลับกันตัวตนของข้ามิได้ต่ำต้อยไปกว่าท่านอ๋องอวี้เลย”
ะเิลูกนี้เกือบทำให้หลินเมิ้งหยาเป็ลมสลบไป
ยังไม่ทันจะจัดการเื่ของป๋ายจื่อได้แล้วตอนนี้ยังมีเื่ของหลินจงอวี้อีก
เหตุใดคนที่อยู่รอบตัวนางจึงมักสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจคาดเดาขึ้นเสมอ
นิ้วมือเรียวยาวนวดคลึงหว่างคิ้ว หลินเมิ้งหยาครุ่นคิดก่อนจะเอ่ย
“ข้าหาได้สนใจตัวตนของเ้าไม่ ตอนที่ข้าพาเ้ามาข้าเองก็มิได้สนใจในเื่นั้นดังนั้นหากเ้าคิดว่ามันเป็เื่ยากที่จะเล่าออกมา เ้าก็ไม่จำเป็ต้องเล่าขอเพียงเ้าจำเอาไว้ว่าข้าเป็พี่สาวของเ้าเสมอก็เพียงพอแล้ว”
อันที่จริงหลินเมิ้งหยาเดาเอาไว้อยู่แล้ว
ใบหน้าของเสี่ยวอวี้โดดเด่น ไม่เหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป
แม้จะผ่านความลำบากมามาก แต่หลังจากเข้ามาอยู่ในจวนแล้วเขารับรู้กฎระเบียบและธรรมเนียมปฏิบัติได้อย่างรวดเร็ว
หากมิใช่เพราะเคยได้รับการสั่งสอนมาก่อนเขาจะปรับตัวได้เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?
“พี่สาวไม่โกรธที่ข้าไม่บอกท่านจริงๆ หรือ?”
เขาหมุนตัวกลับมา ดวงตาเปล่งประกาย สายตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง
นางพยักหน้าลง สำหรับนางแล้วเสี่ยวอวี้เพียงแค่มีครอบครัวเพิ่มขึ้นมาเท่านั้น นางหาได้สนใจเื่นี้ไม่
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว จริงสิพี่สาว ข้าคิดว่าแม้ชิงหูจะเก่งกาจแต่เขาก็เป็ชาย การปล่อยให้เขามาเป็องครักษ์ประจำตัวของท่านดูจะไม่เหมาะนักสู้ข้ามอบองครักษ์ประจำตัวให้ท่านใหม่ดีหรือไม่?”
ปฏิกิริยาแรกของหลินเมิ้งหยาคืออยากปฏิเสธ แต่เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้วตอนนี้ตนเองต้องเผชิญเื่เสี่ยงตายมากมายเหลือเกิน
เหตุใดนางต้องปฏิเสธน้ำใจจากเสี่ยวอวี้
เมื่อเห็นว่าหลินเมิ้งหยาไม่ปฏิเสธรอยยิ้มจึงผุดขึ้นมาบนใบหน้าของหลินจงอวี้
มือน้อยๆ โบกไปมาก่อนที่ร่างผอมบางจะปรากฏขึ้นบนบริเวณพื้นที่ว่างในสวน
“นายน้อยมีอะไรจะสั่งเ้าคะ?”
เสียงเคร่งขรึมเล็กน้อย แต่กลับหวานใส
หลินเมิ้งหยาเหลือบมอง คนตรงหน้าคือหญิงสาวหน้าตางดงามผู้หนึ่ง
“ลุกขึ้น นับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป เ้ากลายเป็คนของพี่สาวแล้วไม่ว่าใครจะสั่งอะไรมา เ้าจะต้องปกป้องดูแลพี่สาวด้วยชีวิต”
สีหน้าของเสี่ยวอวี้เ็าลงราวกับเป็คนละคนกับเด็กหนุ่มที่มักจะร่าเริงแจ่มใสเวลาอยู่ต่อหน้าหลินเมิ้งหยา
ที่แท้เด็กน้อยของนางก็เป็เสือหมอบสินะ
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาพลันรู้สึกภูมิใจขึ้นมา
“ชิงหลวนน้อมรับคำสั่ง ขอเพียงเป็คำสั่งของนายท่านข้าจะดูแลนายหญิงให้ดี”
ั์ตาของหลินจงอวี้พลันเ็า
“พี่สาวเปรียบดั่งลมหายใจของข้า หากนางได้รับาเ็เพียงเล็กน้อยพวกเ้าอย่าได้คิดว่าจะพาข้ากลับไปได้”
หญิงสาวนามชิงหลวนเหลือบมองหลินเมิ้งหยาด้วยความรู้สึกลำบากใจแต่กลับมิได้ปฏิเสธ
“ช่างเถิด เ้าเองก็ไม่อยากฝืนใจใครใช่หรือไม่?”
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังต้องคอยระแวงคนที่ตนเองไม่รู้จักมักคุ้นอีกด้วยหากต้องรับนางเข้ามาอยู่ข้างกาย
