“บัดซบ!” หนานกงฉี่สบถด่าทอ
เหนียนยวี่แอบหนีไปแล้วอย่างแน่นอน!
เป็อย่างที่คิด หนานกงฉี่ไม่ยอมแพ้ที่จะค้นหาร่างของหญิงสาวในร้านตัดเสื้อ ทว่าอย่างไรก็ยังคงไม่พบคนที่เขากำลังมองหา
เหนียนยวี่ผู้นี้มีไหวพริบมากเสียจริง นางคงจะรู้ว่ามีใครบางคนกำลังแอบตามนาง นางจึงหลอกให้พวกเขาติดตามนางไปรอบเมืองชุ่นเทียน
เพียงแต่นางต้องเปลืองสมองพยายามถึงขนาดนี้ คิดดูแล้ว สถานที่นาง้าจะไป คงจะไม่ธรรมดาเป็แน่
หนานกงฉี่หรี่ตาลง ทว่าเขาพลัดหลงกับนางแล้ว เช่นนั้นอีกคนก็คงจะพลัดหลงกับนางไม่ต่างกันมิใช่หรือ?
ครั้นคิดได้ดังนั้น หนานกงฉี่พลันเลิกคิ้ว ก้าวเท้ายาวเดินออกจากร้านตัดเสื้อไปอย่างน่าเกรงขาม
ไม่นานหลังจากนั้น เงาร่างธรรมดาของคนผู้หนึ่งก้าวเดินเข้าไปในร้านตัดเสื้อ ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง เงาร่างของคนผู้นั้นเดินออกมาจากร้าน สีหน้าหนักอึ้ง ครุ่นคิดอยู่สักพักก็หันหลังเดินจากไป ทันทีที่จากไป หนานกงฉี่ซึ่งเดิมทีแอบหลบซ่อนตัวอยู่ที่หนึ่งพลันเดินออกมาจากมุมหนึ่ง และก้าวเดินตามบุคคลที่เดินจากไปอย่างไม่สำเร็จผู้นั้น
อีกด้านหนึ่ง ในขณะนี้เหนียนยวี่ผู้ซึ่งสะบัดตัวหลุดจากคนที่ลอบติดตามได้มาถึงที่หมายแล้ว
เมื่อมองเรือนหลังงามใหญ่โตตรงหน้า ดวงตาของเหนียนยวี่พลันลุ่มลึก ประหนึ่งกำลังครุ่นคิด
จวนแม่ทัพเอก...
แม้นนางจะตัดสินใจแล้ว ทั้งยังมายืนอยู่หน้าประตูจวนแม่ทัพเอกแล้วก็ตาม ทว่าเหนียนยวี่กลับยังคงรู้สึกลังเลเล็กน้อย
“คุณหนูรองเหนียนหรือ?”
เหนียนยวี่ไม่มีเวลาให้คิดเยอะอีกต่อไป เสียงหนึ่งพลันดึงความคิดของเหนียนยวี่กลับมา เหนียนยวี่มองหาที่มาของเสียงนั้น แต่กลับกลายเป็ว่าใน่เวลาที่ชะงักงันเมื่อครู่นี้นั้น รถม้าคันหนึ่งจอดเทียบอยู่หน้าประตูจวนแม่ทัพเอกก่อนแล้ว และสตรีผู้นั้นกำลังลงจากรถม้า...
“คุณหนูฉู่...” เหนียนยวี่ผงกศีรษะรับ รอยยิ้มผาดผุดบนใบหน้าอย่างสุภาพอ่อนโยน
ฉู่เซียงจวิน คุณหนูที่เกิดจากฮูหยินจวนแม่ทัพเอก ฉู่ชิงมีน้องสาวร่วมมารดาเดียวกันหนึ่งคน ไม่ว่าจะเป็ชาติก่อนหรือชาตินี้ พวกนางสองคนไม่เคยได้ผูกมิตรรู้จักกันเลย
นางจำได้ว่า ชาติก่อน ฉู่ชิงถูกซุ่มโจมตีและถูกสังหารระหว่างทางกลับเมืองชุ่นเทียน หลังจากนั้น ยังได้ยินมาว่า ฮูหยินแม่ทัพเอกป่วยหนัก หลังจากนั้นไม่นานก็ลาจากโลกนี้ไป ส่วนคุณหนูใหญ่ฉู่ผู้นี้ เพราะการแต่งงานที่ไม่ราบรื่น ให้หลังต่อมานางจึงออกบวช หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ข่าวของนางอีกเลย
“คุณหนูรองเหนียน มาหาจื๋อหร่านหรือ?” ฉู่เซียงจวินลงจากรถม้า และเดินไปหาเหนียนยวี่
วันนี้ฉู่เซียงจวินทั้งตัวแต่งกายด้วยชุดสีม่วง เผยให้เห็นถึงความสง่างามของสตรีผู้สูงศักดิ์ ทุกการขมวดคิ้ว ทุกรอยยิ้มและทุกอิริยาบถ สีม่วงบนร่างกายนางดูสูงส่งโดดเด่นเป็สง่า ราวกับสีม่วงนั้นกำลังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ปาน สิ่งนี้ยิ่งขับให้นางแลดูสง่างาม เลิศหรูและงดงามยิ่งกว่าสิ่งใด
แม้ใบหน้าของคุณหนูฉู่ผู้นี้จะไม่งดงามคู่บ้านคู่เมืองเทียบฉู่ชิง ทว่านางนั้นงดงามหยาดหยดเหมือนบุปผา และมีความสามารถโดดเด่นออกมาจากหมู่สตรีตระกูลสูงศักดิ์ในแคว้นเป่ยฉีแห่งนี้ เพียงแต่นางชอบเก็บตัว ไม่ค่อยออกมาปรากฏตัวในวงสังคมเท่าใดนัก
เหนียนยวี่สบตาแย้มยิ้มของฉู่เซียงจวินอย่างไม่หลบเลี่ยง “เป็เช่นนั้น เหนียนยวี่มาหาท่านแม่ทัพหลวง”
ดูเหมือนนางจะไม่ได้คาดคิดว่าเหนียนยวี่จะตอบอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ฉู่เซียงจวินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เป็เื่ยากที่จะเห็นสตรีเป่ยฉีไม่หลบเลี่ยงว่ามาหาบุรุษเช่นเหนียนยวี่
ครั้นนึกถึงเหตุการณ์ที่เหนียนยวี่เข้าไปในค่ายเสินเช่อเมื่อไม่นานมานี้ ฉู่เซียงจวินจึงยิ่งรู้สึกประทับใจเหนียนยวี่ผู้นี้มากขึ้น “จื๋อหร่านอยู่ในจวนพอดี ข้าจะพาเ้าไปหาเขาเอง”
ขณะที่ฉู่เซียงจวินกล่าว นางพลันเห็นปิ่นหยกบนเส้นผมของเหนียนยวี่ สายตาของนางจ้องมองปิ่นหยกนั่นอย่างหลงใหล “คุณหนูรองเหนียน ปิ่นหยกนี่...งดงามยิ่งนัก”
ปิ่นหยก?
ปิ่นหยกนี่เป็ของกำนัลจากฉู่ชิง...
มิรู้เพราะเหตุใด เหนียนยวี่ถึงรู้สึกไม่เป็ธรรมชาติเล็กน้อย
ทว่าเพียงครู่เดียว นางก็กลับมาเป็ปกติ เหนียนยวี่ค่อยๆ ยกยิ้มให้ฉู่เซียงจวิน กำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่าทันใดนั้นมีบุรุษในชุดจิ้นจวงสีดำเดินออกมาจากข้างในจวนแม่ทัพเอกอย่างประจวบเหมาะ ทั้งร่างกายแผ่รัศมีน่าเกรงขามที่ดูเป็ธรรมชาติ
“ยวี่เอ๋อร์?” เมื่อเห็นเหนียนยวี่ ชายผู้นี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ครั้นเหนียนยวี่เห็นฉู่ชิง นางอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เมื่อครุ่นคิดถึงจุดประสงค์ในการมาของตนเองวันนี้ จึงยิ่งไม่กล้าสบตาเขา
“จื๋อหร่าน คุณหนูรองเหนียนมาหาท่าน ข้ากำลังพานางไป...”
“มากับข้า”
ฉู่เซียงจวินยังไม่ทันเอ่ยจบ เสียงทุ้มหนาของฉู่ชิงกลับดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉู่เซียงจวินตกตะลึง ่เวลานั้น ฉู่ชิงรีบก้าวไปข้างหน้าและคว้าข้อมือของเหนียนยวี่ทันที ััของฝ่ามือใหญ่ แม้มีเสื้อผ้ากั้นกลาง ทว่าแรงนั่น กลับชัดเจนอย่างยิ่ง ภาพฉากนี้ทำให้ผู้คนยากจะละสายตาออกไป
การดึงครานี้ เหนียนยวี่ไม่ทันได้ตั้งตัว ครั้นได้สติ ดูเหมือนว่าร่างกายของนางจะตามฉู่ชิงไปข้างในจวนแม่ทัพเอกอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ร่างของคนทั้งสองเดินผ่านประตูจวนเข้าไปข้างใน และค่อยๆ หายไปจากสายตาของฉู่เซียงจวิน ผู้ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม ราวกับคนเหม่อลอย
จื๋อหร่าน เมื่อครู่นี้...ในสายตาเขาเห็นแค่เหนียนยวี่หรือไร?
“คุณหนูเ้าคะ คุณหนูรองสกุลเหนียนกับคุณชายใหญ่…”
ด้านข้าง สาวใช้ลวี่หยิงตะลึงงันกับการกระทำเมื่อครู่นี้ของฉู่ชิงเช่นกัน คุณชายใหญ่แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยใกล้ชิดสนิทสนมกับสตรีคนไหนเช่นนี้ แม้แต่ข้ารับใช้ทุกคนในเรือนอาศัยของเขา ยังมีแค่บ่าวใช้ชายทั้งนั้น
นอกจากฮูหยินและคุณหนู สตรีอื่นล้วนห้ามเข้า
แต่เมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดเจนเลยว่า เป็คุณชายใหญ่ที่จับมือของคุณหนูรองสกุลเหนียนก่อน!
“บ่าวได้ยินว่า วันก่อนองค์หญิงใหญ่ชิงเหอทรงเสด็จมาที่จวน เพื่อมาหารือเื่งานแต่งงานของคุณชายใหญ่กับคุณหนูรองเหนียนผู้นี้ ฮูหยินพูดแต่เพียงว่าทุกสิ่งขึ้นอยู่กับคุณชายใหญ่ จากที่เห็นตอนนี้ คุณชายใหญ่ เขา...ฮ่าๆ คุณหนูเ้าคะ ดูท่าทางแล้ว จวนแม่ทัพเอกของพวกเราคงจะได้มีงานแต่งเกิดขึ้นจริงๆ แล้วเ้าค่ะ” ลวี่หยิงดวงตาเป็ประกาย เอ่ยอย่างตื่นเต้น งานแต่งของคุณชายใหญ่เป็สิ่งสำคัญที่อยู่ในใจของฮูหยินมาโดยตลอด ในเมื่อเป็เช่นนี้เื่ที่เก็บไว้ในใจของฮูหยินคงจะจบลงเพียงนี้แล้วสินะ
ทว่าครั้นฉู่เซียงจวินได้ยินเช่นนั้น คิ้วคู่งามของนางพลันขมวดมุ่นเล็กน้อย
มีงานแต่ง...
“เป็เื่ดีที่มีงานแต่ง” ฉู่เซียงจวินเอ่ยพึมพำในปาก
ทว่าจากข่าวเล่าลือกันภายนอก เล่ากันว่าท่านอ๋องมู่มีใจให้คุณหนูรองสกุลเหนียน ทั้งสองมีใจให้กัน แค่รอวันเกิดของเหนียนยวี่ เขาจะมาสู่ขอนางถึงหน้าประตูจวนด้วยตนเอง ทว่าแล้วนางกับจื๋อหร่าน...
เหนียนยวี่ผู้นี้ แท้จริงแล้วเป็สตรีเช่นไรกันแน่?
ฉู่เซียงจวินขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปในจวนแม่ทัพเอก
……
เรือนเล็กชิงหย่า
เหนียนยวี่ถูกฉู่ชิงลากมาตลอดทาง จิตใจนางรู้สึกตื่นตระหนกจนไม่มีเวลามาสนใจทิวทัศน์ระหว่างทาง
จน่ขณะนี้ คนทั้งสองนั่งอยู่ในห้องน้ำชาเรียบร้อยแล้ว
ในห้องชา ถ่านที่กำลังเผาไหม้ทำให้ทั่วทั้งห้องค่อยๆ อบอุ่น ฉู่ชิงรินชาด้วยตัวเองและนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยตลอด สายตาจับจ้องเหนียนยวี่อย่างไม่ละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว
“ข้า...”
“เ้า...”
หลังจากเงียบไปนาน ทั้งสองกลับเอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน
ครั้นได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เหนียนยวี่เงยหน้ามอง สบตากับดวงตาดำขลับราวสระน้ำลึกของฉู่ชิงเข้าพอดี เพียงครู่เดียว นางรีบหลบสายตาเขาอย่างรวดเร็ว กระแอมไออย่างแ่เบา “ท่านแม่ทัพหลวง เชิญพูดก่อนเถิด”
“เ้าคิดเรียบร้อยดีแล้วหรือ?”
ฉู่ชิงไม่ปฏิเสธ เสียงที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยพลังดึงดูด ฟังแล้วสบายหูเป็อย่างยิ่ง สายตาของเขาจับจ้องปิ่นหยกบนเส้นผม รวมถึงต่างหูหยกบนใบหูของเหนียนยวี่ มุมปากภายใต้หน้ากากพลันค่อยๆ ยกยิ้ม
ทุกวันนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกตเลยว่า เขานั้นกำลังรอคำตอบจากเหนียนยวี่มาโดยตลอด
แม้ว่าเขาจะมีอำนาจอยู่ในมือมากมาย สามารถควบคุมหลายสิ่งหลายอย่างในใจได้ก็ตาม ทว่าคราวนี้ เขากลับรู้สึกไม่แน่ใจกับการตัดสินใจของเหนียนยวี่
สตรีผู้นี้ แม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถเข้าใจจิตใจของนางได้เลย
จนกระทั่งเมื่อครู่นี้ ครั้นเขาเห็นนางที่หน้าประตูจวนแม่ทัพเอก นางสวมปิ่นปักผมและต่างหูที่เขาเคยให้เท่านั้น จิตใจของเขาเหมือนกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่เคยมีอารมณ์อย่างนี้มาก่อน แม้แต่เขาเอง ยังรู้สึกประหลาดใจ
คนฉลาดเช่นเขา แค่เห็นการแต่งกายของนางในวันนี้ก็เข้าใจสิ่งที่นางตัดสินใจได้ทันที