“เ้าเป็ผู้ใด?” หลินฟาไฉถามบุรุษตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
“เจียงไฉ” เจียงไฉมองผู้มาเยือน ตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ
หลินฟาไฉขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินว่าตระกูลเจียงมีญาติ…
“ข้าเป็พ่อของหลินหวั่นชิว นางเป็แม่ของหลินหวั่นชิว พวกข้ามาหาหลินหวั่นชิว” หลินฟาไฉพูด
เจียงไฉมองสองสามีภรรยาก่อนจะถามว่า “ทั้งสองท่านมาหาไท่ไท่พวกข้าด้วยเื่กระไร? บอกข้าแล้วข้าจะไปรายงานให้ขอรับ”
ไท่ไท่?
ในหมู่บ้านมีคนมีบ่าวใช้แล้ว?
ตระกูลเจียงคิดว่าตัวเองเป็เ้าของที่ดินรายใหญ่หรือ?
ด้วยที่ป่ารกร้างไม่กี่สิบไร่น่ะหรือ?
ต่อให้อาชีพนายพรานจะทำเงินได้ดีแค่ไหนแต่ก็มี่เวลาแค่ไม่กี่ปี หมู่บ้านติดูเาต่างก็มีนายพรานทั้งนั้น เมื่ออายุมาก บ้างก็ตายในูเา บ้างก็พิการจนทำงานไม่ได้ มีชีวิตอยู่ไปวันๆ ได้ด้วยยา
พูดตามตรง แม้ตอนนี้เจียงหงหย่วนจะหาเงินได้เยอะ แต่หลินฟาไฉก็ไม่ได้มองว่าเขาจะได้ดี เพราะอาชีพนายพรานต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง งานนี้ไม่มั่นคง
อย่างมากเจียงหงหย่วนก็โชคดี ล่าของดีได้ทุกครั้งที่ขึ้นเขา ด้วยเหตุนี้จึงสร้างฐานะขึ้นมาได้
แต่ตอนนี้เอามาถลุงเช่นนี้ เจ็บป่วยตอนแก่ขึ้นมาจะเอาเงินจากที่ใดมารักษา?
นี่เองก็เป็สาเหตุที่หลินฟาไฉร่วมมือกับสวีเทาไถเงินเจียงหงหย่วน ไม่ได้เลือกเตือนสติหรือช่วยเขาคิดหาวิธีรอดพ้นจากแผนการของสวีฝูเพื่อถือโอกาสผูกความสัมพันธ์และเสวยสุขไปด้วยกัน
เขาไม่เคยชอบใจเจียงหงหย่วน รู้สึกว่าอีกไม่นานเจียงหงหย่วนต้องประสบเคราะห์ร้ายเป็แน่ ไม่อายุสั้นก็พิการ
แต่แน่นอนว่าสาเหตุหลักที่สุดคือเขาไม่อยากเห็นหลินหวั่นชิวได้ดี
“พวกท่านมีธุระกระไรกันแน่?” เจียงไฉเห็นสองสามีภรรยาไม่ตอบก็เร่งรัด ปล่อยคนบ้านหลินเข้าไปตรงๆ ไม่ได้ ต้องถามไท่ไท่ก่อน
ป้าสองจ้าวกับป้าบ้านหวางเคยพูดว่าคนบ้านหลินไม่ถูกกับไท่ไท่
“สุนัขเช่นเ้ากล้าขวางทางข้าหรือ? ข้าเป็แม่ของหลินหวั่นชิว!” สวี่ซื่อโมโหที่โดนกันไว้ด้านนอก
เห็นเจียงไฉไม่ยอมหลบ นางนั่งลงกับพื้น ตบขาร้องโหยหวนขึ้นฟ้า “ไอ๊หยา…ชีวิตข้าช่างน่าเวทนาเหลือเกิน ลูกสาวที่ข้าเช็ดฉี่เช็ดขี้มาให้ั้แ่เด็กจำข้าไม่ได้เสียแล้ว ทั้งยังให้สุนัขรับใช้ขวางข้าไว้ด้านนอก! นางกำลังอกตัญญู… ต้องโดนฟ้าผ่า… หลินหวั่นชิว เ้ามันใจดำอำมหิต ทำกับบุพการีเช่นนี้ ไม่กลัวกรรมตามสนองหรือ…”
นางร้องคร่ำครวญ ดึงดูดชาวบ้านเข้ามามุงดูหลายคน
ก่อนหน้าไม่นาน หลินซย่าจื้อเพิ่งพาคนมาโวยวาย ทั้งยังตบตีกับภรรยาหัวหน้าหมู่บ้าน บอกว่าหัวหน้าหมู่บ้านวางแผนจะยึดบ้านครอบครัวเจียง
คราวนี้เป็ตาของสองสามีภรรยา…ทุกคนในหมู่บ้านรู้เื่ที่ลูกสาวกับหลานสาวพวกเขาโดนจับเข้าคุก บางคนรู้สึกว่าสมควรแล้ว บางคนรู้สึกว่าใจร้ายเกินไป
บวกกับยุคต้าโจวเผยแพร่ค่านิยมว่าความกตัญญูยิ่งใหญ่เทียมฟ้า
ใต้หล้านี้บิดามารดาถูกต้องเสมอ
ฮ่องเต้อยากให้ขุนนางสิ้น ขุนนางต้องสิ้น บิดาอยากให้บุตรตาย บุตรต้องตาย
พ่อแม่ทำเกินเลยได้ แต่บุตรห้ามอกตัญญู
ด้วยเหตุนี้ เมื่อสวี่ซื่อร้องคร่ำครวญโวยวาย ชาวบ้านหลายคนจึงบอกว่าหลินหวั่นชิวทำเกินไป
นี่เป็สาเหตุที่หลินฟาไฉกล้ามาบ้านตระกูลเจียงครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน
เจียงไฉรีบปิดประตู วิ่งเข้าไปรายงานหลินหวั่นชิวกับเจียงหงหย่วน
“ป้าสองจ้าว รบกวนท่านช่วยพาเจียงเป่าไปเชิญหัวหน้าหมู่บ้านมาทีเ้าค่ะ” หลินหวั่นชิวพูดกับป้าสองจ้าว
“ได้!” ป้าสองจ้าวยินดีวิ่งทำธุระให้หลินหวั่นชิวมาก นางพาเจียงเป่าออกไป เห็นสวี่ซื่อร้องคร่ำครวญอยู่ด้านนอกก็ถมน้ำลายใส่
“หวั่นชิว ตามหัวหน้าหมู่บ้านมา…เขาจะช่วยออกหน้าหรือ?” พวกหลิวซื่อต่างรู้เื่ที่สวีฝูไม่ถูกกับตระกูลเจียง แต่หลินหวั่นชิวกลับให้ป้าสองจ้าวไปตามหัวหน้าหมู่บ้าน หลิวซื่อกังวลว่าต่อให้สวีฝูมาแล้วก็มีแต่จะซ้ำเติม
หลินหวั่นชิวตอบด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถิดเ้าค่ะท่านป้า ครั้งนี้สวีฝูจะช่วยข้าเป็แน่ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าวันก่อนภรรยาของสวีฝูจัดการหลินซย่าจื้อจนยับเยินขนาดไหน? ตอนนี้…คนที่สวีฝูเกลียดที่สุดคือคนตระกูลหลิน ท่านรอดูได้เลย”
หลิวซื่อคิดตามก็รู้สึกว่าใช่ ชื่นชมหลินหวั่นชิวในใจ ั้แ่แม่นางคนนี้มาอยู่กับเ้าหนุ่มบ้านเจียง ความคิดความอ่านนางละเอียดมาก…ตอนอยู่บ้านหลินเอาแต่หวาดกลัวแทบมองกระไรไม่ออก
แต่กุ้ยเซียงเคยเล่าให้ฟังที่หลินหวั่นชิวเป็เช่นนั้นตอนอยู่บ้านหลินเพราะครอบครัวนั้นกดขี่นางทุกวัน นางรู้สึกว่าตัวเองคงอายุไม่ยืนจึงหมดอาลัยตายอยาก รวมถึงไม่แสดงทักษะที่ร่ำเรียนมาจากแม่ชีบนูเาด้วย มองว่าต่อให้ตายก็ไม่อยากให้คนบ้านหลินได้ประโยชน์
หลินหวั่นชิวชวนพวกหวางกุ้ยเซียงทำดอกไม้ลูกปัดจนพวกนางสามคนหาเงินได้ไม่น้อย คิดดูแล้วน่าจะเป็ทักษะที่เรียนมาจากแม่ชีเช่นกัน หลิวซื่อเชื่อถือมาก
นางแอบทอดถอนใจในใจ บ้านหลินไม่รู้ว่ามีสมบัติอยู่กับตัว ยกสมบัติให้คนอื่นแล้วยังไม่รู้สำนึกอีก
ไม่รู้จักมาคลี่คลายความสัมพันธ์ ตรงกันข้าม พวกเขายังจะมาอาละวาดทุกวัน ผลักลูกสาวที่มีความสามารถให้ห่างออกไปจนตัดความสัมพันธ์
ทั้งครอบครัวโง่เขลาราวกับลาูเา
หมดทางเยียวยา
“ไท่ไท่ หัวหน้าหมู่บ้านมาแล้วขอรับ” ไม่นาน เจียงเป่าก็วิ่งกลับมารายงานหลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิวยิ้ม นางจัดดอกไม้กำมะหยี่ที่ขมับผม เจียงหงหย่วนเป็คนช่วยติดให้นางเมื่อเช้า
นางหันไปมองเจียงหงหย่วน “ไปกันเถิดหย่วนเกอ ออกไปดูละครกัน!”
“อื้ม” เจียงหงหย่วนไม่ปฏิเสธคำเชิญจากภรรยาตัวน้อยอยู่แล้ว
เขาจูงมือนางอย่างเป็ธรรมชาติ ลืมไปว่าที่นี่ยังมีผู้อื่นอีก
ผู้เดินทางท่องมิติอย่างหลินหวั่นชิวที่เคยเห็นคนกอดจูบกันในที่สาธารณะมาเยอะไม่รู้สึกว่าการจับมือเป็เื่ใหญ่ ภาพการแสดงความรักนี้ตกอยู่ในสายตาหวางกุ้ยเซียงและหลิวซื่อ
“ท่านแม่ วันหน้าข้าจะหาสามีที่ดีต่อภรรยาแบบเจียงต้าเกอ” หวางกุ้ยเซียงมองแผ่นหลังคนทั้งคู่ด้วยความชื่นชม
แต่หลิวซื่อกลับตำหนิ “เ้าห้ามทำตามเด็ดขาด ห้ามทำเื่น่าอายในที่สาธารณะเช่นนี้”
หวางกุ้ยเซียงยิ้ม “ใช่ที่ใดเล่า เจียงต้าเกอกับพี่สะใภ้ไม่ได้เห็นพวกเราเป็คนนอกต่างหาก! อีกอย่าง พวกเขารักกันดีย่อมเป็เื่ดีไม่ใช่หรือ”
หลิวซื่อคิดตามก็รู้สึกว่าใช่ เมื่อนางกับหวางกุ้ยเซียงตามออกไปแล้วเห็นมือที่จับกันของทั้งคู่คลายออกก็โล่งอก
ชื่อเสียงของสตรีสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด หากผู้อื่นเห็นสองคนนี้จับมือกัน ไม่มีผู้ใดโทษว่าเป็ความผิดบุรุษ มีแต่จะโทษว่าสตรีไม่รักษาคุณธรรม หว่านเสน่ห์ยั่วยวนบุรุษ
สวีฝูยืนหน้าเครียดอยู่กลางฝูงชน สวี่ซื่อยังคงร้องคร่ำครวญ หลินฟาไฉยืนเงียบอยู่ด้านข้าง กระทั่งเมื่อเห็นหลินหวั่นชิวออกมาจึงใช้ปล้องยาสูบชี้หน้านาง “หวั่นชิว ก่อนหน้านี้เ้าทำเกินไปแล้ว หลินฉินยังไม่รู้ความ เ้าเป็ผู้าุโ ได้ของคืนมาก็ควรจบ เหตุใดต้องส่งนางเข้าคุก? กุ้ยฮวาเองก็ไม่รู้ว่าเื่ราวเป็อย่างไร แค่พูดจาไม่เข้าหูไม่กี่ประโยค เ้าอย่าไปสนใจฟังเสียก็สิ้นเื่ เหตุใดต้องทำร้ายพี่น้องตัวเอง? ทำเช่นนี้ไม่ต่างกับเอาชีวิตฉินเอ๋อร์ เอาชีวิตกุ้ยฮวา! ถ้าเ้าไปไถ่ตัวพวกนางออกมาประเดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่ถือโทษ ยังยอมรับว่ามีเ้าเป็ลูกอยู่!”