สตูดิโอขนาดไม่เกิน20ตารางเมตรคือบ้านใหม่ของแม่ลูกคู่นี้พื้นปูด้วยเสื่อทาทามิซึ่งเป็คราบสีเหลือง ผนังมีรอยแตกเล็กน้อย มีกลิ่นอับทุกอย่างรอบตัวแสดงให้เห็นว่าเป็สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเด็กหญิงวัย6 ขวบ
อาโออิไม่ได้รังเกียจเลยเธอมาถึงที่โต๊ะฮีตเตอร์อันแสนอบอุ่นก่อนจะเริ่มจัดการกับเสื้อผ้าและของใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองอย่างกระตือรือร้นเด็กหญิงวัย 6 ขวบจัดแจงนำขวดโลชั่นบำรุงผิวออกมาจากกระเป๋าเดินทางครีมล้างหน้า นอกจากนั้นยังมีหน้ากาก คุณก็รู้ว่าเด็กญี่ปุ่นน่ะขยันมากแค่ไหน
“เข้ามานั่งก่อนสิ ฉันจะชงชาให้” แม้ว่าคานาโกะจะไม่ชอบเสิ่นิแต่มารยาทพื้นฐานก็ยังคงต้องมีอยู่
เสิ่นิถอดรองเท้าแล้วนั่งลงที่โต๊ะทำความอุ่นเขานั่งดูอาโออิเก็บข้าวของ ทันใดนั้นเขาก็พบว่าอาโออิมีนิตยสารที่มีรูปแม่ในชุดบิกินี่อยู่เต็มกระเป๋า
“เธอ?” เสิ่นิกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่อาโออิก็ยกนิ้วขึ้นป้องปากเขาไว้ได้ทันส่งสัญญาณให้เสิ่นิเบาเสียงลง
“อย่าเอ็ดไปนะ! นี่เป็กิจการเล็กๆ ของอาโออิ! แม่ไม่รู้ เล่มละหนึ่งพันเยนเป็ที่นิยมมากในโรงเรียน โดยเฉพาะพวกพี่มัธยมปลาย เขาจองอาโออิไว้หลายเล่มเลยพวกเขาเป็ลูกค้าขาประจำกันทั้งนั้น” อาโออิดูเหมือนผู้บริหารสาวเสิ่นิเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้
“เธอเอาของพวกนี้มาจากไหน?” เสิ่นิสงสัย
“แม่มีนิตยสารจำนวนไม่น้อยที่ขายไม่ออก กองอยู่ในตู้เสื้อผ้าถ้าคุณลุงชอบก็ลองรื้อดูสิ แต่อ่านเสร็จแล้วต้องเอามาคืนนะคะ” อาโออิกล่าวอย่างใจกว้าง
“เธอเป็เด็กเป็เล็ก จะเอาเงินไปทำอะไร?”
“แน่นอนว่าจะได้ซื้อบ้านหลังเก่าของเราคืนมาค่ะ แม่เอาแต่ใจเกินไปขายบ้านเพื่อไปหาเสียงเลือกตั้ง โชคดีที่แม่มีลูกที่เก่งและฉลาดอย่างอาโออิไม่ต้องห่วงนะ รอให้อาโออิขายนิตยสารเ่าั้ได้หมด ก็น่าจะพอซื้อบ้านคืนมาได้พอดี!”อาโออิคิดคำนวณอย่างจริงจัง
“ทำไมไม่บอกแม่ล่ะว่าเธอไม่อยากให้แม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง?” เสิ่นิััได้ว่าแม้โลลิน้อยจะเข้มแข็งแต่สายตาของเธอก็ยังมีประกายแห่งความเหงา
“ไม่มีทาง แม่ของหนูเป็คนหัวดื้อ สิ่งที่ตัดสินใจไปแล้วแม่ไม่เคยยอมเปลี่ยนแปลง หากแม่เชื่อคำแนะนำของคนอื่นแม่ก็คงไม่หลงกลพ่อที่แสนเฮงซวยของอาโออิหรอกแน่นอนว่าก็คงจะไม่ได้มีอาโออิอย่างทุกวันนี้ด้วยเพราะฉะนั้นถึงแม่จะดื้อแต่ก็น่าร้าก” อาโออิยิ้มแป้นเป็ลูกแอปเปิ้ล
“น้ำชามาแล้ว” ในระหว่างที่สนทนาอยู่นั้น คานาโกะก็ชงชามาให้
“ขอบคุณมากสำหรับวันนี้” ในที่สุดคานาโกะก็กล่าวขอบคุณจากใจจริง“แต่ตอนนี้มันดึกแล้ว ดื่มชาเสร็จ คุณเสิ่นิก็ควรจะรีบกลับเงินที่คุณให้เคียวโกะไป ฉันจะหาทางคืนคุณให้ในวันพรุ่งนี้ตอนนี้ฉันจะเขียนสัญญาเงินกู้ให้คุณไปก่อน”
“หัวชนฝาคุณก็ไม่คิดจ้างผมจริงๆ หรือ?” เสิ่นิกล่าวพลางยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่ม
“คุณก็หัวชนฝาที่จะคุ้มครองฉันให้ได้จริงๆ หรือ? "
“ใช่ เอาล่ะ ผมยอมรับ ผมทราบข่าวมาว่ามีคนวางแผนขัดขาคุณและคนคนนั้นก็เป็คนที่ผมกำลังตามหา มีสุภาษิตจีนที่ว่า ‘เฝ้าต้นไม้คอยกระต่าย1’” เสิ่นิกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“คุณเห็นฉันเป็หมูเหรอ?” คานาโกะขมวดคิ้ว
“แม่หนูเป็ (ไข่) มู้กนะ ไม่ใช่หมู” อาโออิหัวเราะ
“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ฉันเชื่อว่ามีแค่สถานีตำรวจก็เพียงพอแล้ว”คานาโกะดื้อรั้น
“คุณไม่กลัวอันตราย แต่อาโออิต้องพัวพันกับมันด้วยคุณยินดีที่จะใช้ความปลอดภัยของลูกเป็เดิมพันในประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจหรือเปล่าล่ะ?”เสิ่นิพูดเพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำเอาคานาโกะตกตะลึงเธอหันไปมองลูกสาวข้างๆ ด้วยความกังวลและลูบไล้ผมหยิกของอาโออิ
“เอาล่ะ ฉันตกลงยอมรับความคุ้มครองจากคุณแต่มีข้อแม้ว่ามันต้องไม่ส่งผลกระทบต่องานและแคมเปญการเลือกตั้ง อีกอย่างฉันไม่อนุญาตให้ใช้ความรุนแรงตอบโต้ความรุนแรง!” คานาโกะยอมแพ้ในที่สุด
“ตกลง ผมจะพยายามอย่างเต็มที่” เสิ่นิไม่ได้รับปากเป็มั่นเป็เหมาะ
“เยี่ยม! แม่มีบอดี้การ์ดแล้ว! อาโออิรู้สึกเหมือนเป็คุณหนูผู้สูงศักดิ์!”อาโออิปรบมืออย่างมีความสุข
ณขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงดังโครมครามที่ข้างกำแพงนอกจากนั้นก็ยังมีเสียงร้องเรียกอยู่เป็ระยะๆ และนั่นทำให้คานาโกะเขินจนหน้าแดง
“ตอนนี้คุณก็รู้แล้วว่าทำไมฉันถึงอยากส่งอาโออิไปอยู่บ้านเพื่อน?” คานาโกะกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
“พอกันแหละค่ะ! คุณป้าเคียวโกะกับแฟนหนุ่มก็เบาซะที่ไหน!”อาโออิดูเหมือนจะรู้เื่รู้ราวอยู่ไม่น้อย “โอเคนะคะอาโออิจะไปอาบน้ำเข้านอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์ค่ะแม่!”
เสิ่นิได้สิ่งที่้าแล้วจึงกลับไปที่รถห้องของคานาโกะคับแคบเกินไป แม้แต่ในตู้เสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยนิตยสารไม่มีที่ให้เขานอน เขาจึงได้แต่กลับไปนอนในรถ
เสิ่นิพยายามเอนเบาะไปที่ด้านหลังแต่ด้วยความกะทัดรัดของเ้ารถ SMART ก็ไม่สามารถทำให้เขาเอนหลังได้อย่างเต็มที่เสิ่นิอาศัยแสงจากโทรศัพท์มือถือโทร.หาเซี่ยวอี๋ เสียงดัง ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ดอยู่เป็สิบหน ที่ปลายสายก็ยังไม่รับ
“สวัสดีครับ” กลายเป็เสียงของโอบาตะ ทาเคชิ
“รอสักครู่” เสิ่นิลดโทรศัพท์ลงด้วยความประหลาดใจเขาสวมแว่นกรอบไวนิลซึ่งเชื่อมต่อกับเลนส์อสูรสิ่งที่เขาเห็นก็คือภาพห้องพักในโรงแรม เซี่ยวอี๋นอนหมดสติอยู่บนผ้าปูที่นอนโอบาตะ ทาเคชิกำลังเอาหน้าแนบกับโทรศัพท์ไว้ด้วยความประหม่า
แพนด้าได้รับคำสั่งให้จับตาดูเซี่ยวอี๋แม้แต่เข้าไปในผ้าปูที่นอน ก็ต้องเข้าไปจับตาดูอย่างหน้าไม่อาย
“เอาล่ะ ตอนนี้คุณพูดได้แล้ว" หลังจากที่เสิ่นิแน่ใจแล้วว่าเซี่ยวอี๋ไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายเขาจึงยกหูขึ้นพูดต่อ
“คุณเสิ่นิใช่ไหมครับ สวัสดี ผมโอบาตะ ทาเคชิเป็ที่ปรึกษาแคมเปญของคุณคานาโกะ เราเคยเจอกันแล้วเมื่อหัวค่ำ” โอบาตะทาเคชิแนะนำตัวอีกครั้ง
“ไม่ต้องเวิ่นเว้อแล้ว คุณกล้ามากนะ กล้ามอมเหล้าผู้ช่วยของผม แถมยังพาเธอไปเปิดห้องอีกอย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณนะ เธอเป็ ‘กุหลาบที่มีหนามคม’ รอเธอฟื้นขึ้นมาเถอะผมไม่รับประกันชีวิตคุณด้วยหรอก” เสิ่นิกล่าวอย่างสุภาพ
“คุณเสิ่นิเข้าใจผิดแล้ว! เื่มันไม่ได้เป็อย่างที่คุณคิด!” โอบาตะทาเคชิเขินจนหน้าแดง เขารีบแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“เดิมทีเราไปทานราเม็งกัน คุณเซี่ยวอี๋อิ่มจนทานอะไรไม่ลงแล้วแต่เธอสนใจสาเกในร้าน ก็เลยลองดื่มไป แต่พอดื่มไปทีละเหยือก ทีละเหยือกผมเตือนอย่างไรก็ไม่ฟัง เธอดื่มไปทั้งหมด 3 เหยือกตอนแรกก็ยังไม่เป็ไร แต่พอออกมาหน้าร้าน คุณเซี่ยวอี๋ก็อาเจียนจนหมดสติไป
เนื่องจากญี่ปุ่นมีกระแสเื่‘การเก็บศพ’ ผมจึงไม่กล้าทิ้งคุณเซี่ยวอี๋ขี้เมาไว้ข้างถนนจึงจำเป็ต้องพาเธอมาที่โรงแรมที่ใกล้ที่สุดเพื่อเปิดห้อง ทันทีที่วางเธอลงคุณเสิ่นิก็โทรศัพท์เข้ามา”
“ที่แท้ก็เป็อย่างนี้ ชอบเอารัดเอาเปรียบ ฟังแล้วสมกับที่เป็เซี่ยวอี๋โอเค วันนี้คุณก็คอยดูแลเธอก็แล้วกัน แต่ผมแนะนำให้คุณสำรวมหน่อยนะถ้าคุณกล้าแตะต้องเธอละก็...ไอ้เวร ผมจะฆ่าคุณ”เสิ่นิขู่อย่างเืเย็นราวกับว่าเขากำลังปกป้องภรรยาของตนเอง
“คุณเสิ่นิได้โปรดวางใจ ผมไม่ใช่คนที่ต่ำช้าไร้ยางอาย!” โอบาตะทาเคชิแทบจะสาบานในนามของคุณปู่
ค่ำคืนนั้นทุกคนนอนหลับอย่างสุขสบาย อาจแค่เฉพาะคืนนี้คืนเดียวหรือเปล่านะ?
เช้าวันรุ่งขึ้นอาโออิตัวน้อยเคาะกระจกรถเสิ่นิ เธอยิ้มพร้อมกับยื่นแซนด์วิชไปให้“สำหรับคุณลุง แม่ทำมาให้ค่ะ ที่จริงแม่ชอบคุณลุงมาก ก็เลยแถมไข่ให้อีกสองฟองขยันทำงานนะคะ ไม่แน่คุณลุงอาจจะได้เป็ปะปี๊ของอาโออิก็ได้!”
“เธอฉลาดขนาดนี้ ลุงจะคู่ควรกับการที่จะเป็ปะปี๊ของเธอได้ยังไง?” ว่าแล้วเสิ่นิก็รับแซนด์วิชมา และสวมนาฬิกาของเล่นไว้บนข้อมือของอาโออิ“ลุงให้ของขวัญเธอเป็การตอบแทน ใส่เอาไว้ล่ะ”
“สวยจังเลย นี่มันคืออะไร?” อาโออิเปิดดูด้วยความประหลาดใจด้านในมันไม่ใช่นาฬิกา แต่เป็ปุ่มสีแดงๆ
“ถ้าเธอตกอยู่ในอันตราย ก็กดปุ่มนี้นะ” เสิ่นิอธิบาย
“แล้วซูเปอร์แมนสวมหน้ากากก็จะมาช่วยอาโออิใช่ไหมคะ?!” อาโออิรู้สึกประหลาดใจ
“ทำนองนั้นแหละ” เสิ่นิอมยิ้ม รถโรงเรียนขับมาแล้ว โดยที่ไม่ต้องมีแม่คอยมาส่งอาโออิขึ้นรถโรงเรียนเองได้ ณ ขณะนั้นเอง คานาโกะก็ออกมาจากบ้านพอดีในมือของเธอถือแซนด์วิชไว้นี่เป็นิสัยของเธอที่จะต้องเตรียมอาหารเช้าให้กับพนักงานที่สำนักงานใหญ่
“ไปกันเถอะ เข้าสำนักงานใหญ่กัน” คานาโกะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับการที่มีเสิ่นิเป็บอดี้การ์ด
“ครับ คุณคานาโกะ” เสิ่นิยิ้มก่อนติดเครื่องยนต์เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังสำนักงานใหญ่ของแคมเปญ
ในโรงแรมเซี่ยวอี๋ลืมตาขึ้นพร้อมกับแสงแดดยามเช้าเธอเห็นชายผมดำคนหนึ่งนั่งงีบหลับอยู่บนพื้น
เซี่ยวอี๋เรียกเขาโดยสัญชาตญาณ“เสิ่นิ?”
“คุณเซี่ยวอี๋! ในที่สุดคุณก็ตื่นแล้ว” โอบาตะ ทาเคชิลนลานลุกขึ้นยืน
“คุณนั่นเอง? ที่นี่ที่ไหนเหรอ?” เซี่ยวอี๋ได้สติ เธอมองไปรอบๆ แน่นอนว่าเป็โรงแรมและเธอเองก็นอนอยู่บนเตียง “ไอ้สารเลว! แกทำอะไรฉัน!”
“ได้โปรดฟังผมอธิบายก่อน ผมไม่ได้ทำอะไรคุณทั้งนั้น!” โอบาตะทาเคชิอธิบายด้วยความตื่นตระหนก แต่ด้วยนิสัยของเซี่ยวอี๋ กำปั้นไวกว่าสมองเสมอ
เมื่อเซี่ยวอี๋และโอบาตะทาเคชิมาถึงสำนักงานใหญ่ ตาข้างหนึ่งของโอบาตะ ทาเคชิก็ปูดบวมเหมือนกับหมีแพนด้าหลังจากการแนะนำตัวสั้นๆทุกคนก็ต้อนรับเสิ่นิและเซี่ยวอี๋ในฐานะสมาชิกใหม่ของสำนักงานใหญ่
“เอาล่ะ ทีมงานของเราขยายตัวขึ้น 50% แล้วฉันเชื่อว่าตอนนี้เป็เวลาอันดีที่เราจะใช้โอกาสนี้เริ่มแผนการประชาสัมพันธ์บนถนนฮิโนะโอจิ!”คุราชินะปรบมืออย่างมั่นใจหลังจากป่าวประกาศ
“คุณคานาโกะ เอาจริงใช่ไหมครับ?” อาคิตะซึ่งเพิ่งทานแซนด์วิชตกอกใ
“คุณคานาโกะ เล่นแบบนี้ อาจถึงตายได้เลยนะคะ”สาวอ้วนลีอาห์กล่าวด้วยความหวาดกลัว
“เฮ้ ถนนฮิโนะโอจิมีอะไรน่ากลัว ที่นั่นเป็ขุมนรกหรือยังไง?” เซี่ยวอี๋ถามโอบาตะ ทาเคชิซึ่งอยู่ข้างๆ
“มันคือย่านชุมชนสลัมผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นล้วนแต่เป็ชนชั้นล่างของสังคมหนำซ้ำยังเป็เขตที่วุ่นวายที่สุดในเมืองอีกด้วย ฐานที่มั่นของแก๊งมาเฟียมากถึง 16แห่งก็ตั้งอยู่ที่นั่น สำนักงานใหญ่ของแก๊งสามก๊กโตเกียวที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นก็อยู่ที่นั่นเช่นกันสโลแกนแคมเปญของคุณคานาโกะคือ ‘ต่อต้านมาเฟีย’มันเหมือนกับการเข้ากรงเสือไปเพื่อรณรงค์การกินเจ” โอบาตะทาเคชิปวดร้าวไปทั้งศีรษะไม่รู้ว่าเป็เพราะเซี่ยวอี๋หรือเพราะเื่ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
“ฉันรู้ว่าทุกคนกลัวถนนฮิโนะโอจิแค่คิดก็จินตนาการได้แล้วว่าความรู้สึกของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นั่นเป็อย่างไร?นโยบายของเราชูเื่การต่อต้านการเรียกเก็บส่วยจากแก๊งมาเฟียพวกชาวบ้านเป็ผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรง ด้วยเหตุนี้แล้วเื่นี้จะกลายเป็ช่องทางที่จะทำให้พวกเขากลายมาเป็ฐานเสียงขนาดใหญ่ให้แก่เราได้เชื่อฉัน แค่พยายามประกาศนโยบายของเราออกไปเราจะต้องได้รับความเข้าใจและการสนับสนุนจากทุกคนอย่างแน่นอนความยุติธรรมไม่ควรหวั่นเกรงต่อความรุนแรง ความมืดมิดต่างหากที่ต้องกลัวแสงสว่าง”คานาโกะเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“ดูเหมือนว่าธุรกรรมนี้จะยากกว่าที่ผมคิดไว้” เสิ่นิถอนหายใจเบาๆ
******************
1 เฝ้าต้นไม้รอกระต่ายใช้เปรียบเปรยถึงคนที่ไม่คิดที่จะลงแรงหรือพยายามทำงานแต่กลับหวังที่จะได้ผลงานที่ดี หรือได้สิ่งตอบแทนดีๆ อย่างลมๆ แล้งๆซึ่งมันไม่มีวันเป็ไปได้