ค่ำคืนที่ผ่านมาเป็ครั้งแรกที่อวี้จิ่นได้นอนหลับอย่างสบายจริง ๆ แม้จะรู้สึกสบายแค่ไหนแต่นางไม่เคยเสียนิสัยยังคงตื่นเช้าเช่นเดิม สาวใช้ที่นำน้ำล้างหน้ามาปรนนิบัติคุณหนูของจวนยังแปลกใจ พวกนางคิดว่าอวี้จิ่นจะลืมตัวนอนตื่นสายคอยเรียกพวกนางมารับใช้เสียอีก
ทางด้านตระกูลฟู่นายน้อยของจวนกำลังจะไปยังกรมอาญา เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาจึงบอกับคนสนิทว่าตนเองนั้น จะแวะไปที่จวนตระกูลเจียงเสียก่อนจากนั้นค่อยไปพบเ้ากรมอาญาทีหลัง
“ข้าจะแวะไปจวนแม่ทัพใหญ่ก่อนพวกเ้าตามมาก็แล้วกัน”
“เอ่อ นายน้อยแต่จวนแม่ทัพใหญ่อยู่คนละทิศมิใช่หรือขอรับ” อู๋จิ้งถามออกไปโดยที่สหายห้ามไม่ทัน
“แล้ว...?” ฟู่หลงเหยียนหันไปมองด้วยสีหน้านิ่งสนิท
“นายน้อยบ่าวว่าพวกเรารีบไปเถิดขอรับเผื่อว่าคุณหนูเจียงจะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ และออกมาเดินเล่นดูตลาดในเมืองหลวงก็เป็ได้ หากเป็เช่นนั้นจะคลาดกันเสียก่อนนะขอรับ” เฉินอิ่นรีบบอกกับเ้านายก่อนที่เขาจะอารมณ์เสียแต่เช้า ยิ่งมีเื่ของอดีตคนรักมาวุ่นวายเมื่อวานอีกเื่
“อืม ถ้าจิ่นเอ๋อร์อยากออกมาเดินเที่ยวเล่นข้าจะเป็คนพานางออกมาเอง ยามถึงเวลากลับจวนก็ให้ตงลู่ไปส่งนางก็แล้วกัน” แต่ตงลู่ไม่ได้ไปส่งอวี้จิ่นเฉย ๆ นี่สิเพราะว่าเขาต้องอยู่ที่นั่นไปอีกนาน
“ทราบแล้วขอรับนายน้อย” ตงลู่รับทราบคำสั่งนี้และเข้าใจได้ในทันที
อู๋จิ้งที่ลืมไปว่าเพราะเหตุใดเ้านายของตนถึงจะไปจวนตระกูลเจียงเสียก่อน จนเฉินอิ่นต้องตอกย้ำความจำให้เขาถึงกับร้อง อ๋อ ออกมา
ยามทำงานในเมืองหลวงฟู่หลงเหยียนจะใช้รถม้าทุกครั้งน้อยมากที่จะขี่เ้าเสี่ยวเฟิงไปด้วยตนเอง เนื่องจากเขาไม่ชอบยามที่มีสตรีมากมายส่งสายตาเรียกร้องความสนใจนั่นเอง ผ่านไปเกือบสองเค่อรถม้าของฟู่หลงเหยียนก็มาหยุดหน้าจวนตระกูลเจียง เฉินอิ่นบอกกล่าวกับบ่าวหน้าประตูเสร็จจากนั้นฟู่หลงเหยียนก็ถูกเชิญเข้าไปด้านในทันที
เมื่อภารกิจยามเช้ากับครอบครัวผ่านไปก็ถึงเวลาตามที่อวี้จิ่นบอกไว้กับบิดาแล้ว หลังจากนั่งย่อยอาหารได้สองเค่อแม่ทัพใหญ่จึงพาบุตรสาว ออกมาด้านหน้าเรือนใหญ่เพื่อพบกับบ่าวไพร่ของจวนทั้งหมด ทุกคนรับรู้เพียงว่านายท่านของจวนมีเื่้าประกาศให้ทราบเท่านั้น
ขณะที่ครอบครัวเจียงกำลังจะออกจากห้องรับแขก ก็พบเข้ากับฟู่หลงเหยียนเขาเดินเข้ามาทำความเคารพผู้ใหญ่ทั้งสองคน โดยมีอวี้จิ่นที่เรียกเขาจนเสียงดังลั่นแต่ฟู่หลงเหยียนกลับยิ้มให้นาง ทำเอาสหายอย่างเจียงหยวนถึงกับอ้าปากค้าง
“พี่ชายฟู่!! ทางนี้เ้าค่ะ”
“คารวะท่านลุงท่านป้าขอรับ หวังว่าพวกท่านจะสบายดีนะขอรับ”
“ฮ่า ๆ ๆ ลุงกับป้าสบายดีและตอนนี้มีความสุขมาก ต้องขอบใจเ้านะอาเหยียนที่ได้พบเจอจิ่นเอ๋อร์และช่วยเหลือนางเอาไว้ รอให้ลุงจัดการเื่ในจวนเสร็จจะเชิญเ้ากับครอบครัวมาทานอาหารที่จวนนะ”
“เป็เื่ที่สมควรทำอยู่แล้วขอรับท่านลุง แล้วนี่พวกท่านกำลังจะไปที่ใดกันหรือขอรับข้ามารบกวนพวกท่านหรือไม่” ฟู่หลงเหยียนลองถามดูเพราะเห็นทุกคนหันหน้าไปทางด้านหน้าเรือนใหญ่
“อาเหยียนเ้าเดินตามข้ามาเถิดประเดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟังเอง หากชักช้าแดดจะร้อนไปมากกว่านี้และน้องสาวจะร้อนเอาได้” เจียงหยวนเอ่ยตอบสหายไปเช่นนั้นเพราะอยากจัดการเื่สาวใช้ให้จบโดยเร็ว
“เอาตามที่อาหยวนบอกเ้าเถิดนะจิ่นเอ๋อร์ไปได้แล้วลูก” แค่มองท่าทางของสหายบุตรชายเมื่อกี้แม่ทัพใหญ่ก็รู้แล้วว่ามีบุรุษมาจับจองบุตรสาวของตนเข้าเสียแล้ว
ระหว่างที่เดินเจียงหยวนได้บอกเื่ราวที่เกิดขึ้นในจวนเมื่อวานให้กับสหายได้ฟัง คราแรกฟู่หลงเหยียนยังคงทำหน้านิ่ง ๆ ไว้อย่างมั่นคง แต่เพียงแค่ได้ยินว่าเจียงซูลี่พูดจาดูถูกอวี้จิ่นว่ามาจากชนบท ไม่มีผู้ใดคอยอบรมสั่งสอนเื่มารยาทการวางตัว ที่สำคัญนางยังอวดอ้างว่ามีสหายเป็บุตรหลานขุนนางอย่าทำให้นางขายหน้า เพียงเท่านี้จากสีหน้านิ่ง ๆ ของฟู่หลงเหยียนกลับกลายว่ามีสายตาอำมหิตพาดผ่าน แม้แต่เจียงหยวนยังรู้สึกขนลุกในขณะที่เดินอยู่ข้าง ๆ สหายของตน จนกระทั่งมาถึงหน้าเรือนใหญ่ฟู่หลงเหยียนจึงปรับอารมณ์ของตนลง
“คารวะนายท่านขอรับ/เ้าค่ะ”
“เรียนนายท่านบ่าวไพร่ของจวนทั้งหมดอยู่ที่นี่ครบทุกคนแล้วขอรับ” พ่อบ้านยืนอยู่แถวหน้าค้อมตัวเล็กน้อยเมื่อต้องรายงานเ้านาย
“ท่านพ่อเ้าคะข้าขอลงไปตรวจการแต่งกายของสาวใช้ได้หรือไม่เ้าคะ เผื่อว่ามีจุดไหนที่ทำให้เป็อุปสรรคต่อการทำงาน จะได้คิดหาวิธีปรับเปลี่ยนให้สะดวกมากขึ้นน่ะเ้าค่ะ” ที่นางขอเช่นนี้เพียงแค่หาข้ออ้างไปลากคอสาวใช้ที่เป็ไส้ศึกต่างหาก
“อืม จิ่นเอ๋อร์จัดการได้ตามสบายเลยนะลูกแล้วค่อยมาปรึกษากับท่านแม่ของเ้าอีกที” แม่ทัพใหญ่อนุญาตตามที่บุตรสาวร้องขอ เพราะมีเพียงนางที่สามารถหาตัวสาวใช้คนนั้นได้
“ข้าจะตามปะ....”
“ประเดี๋ยวหลานจะเดินตามหลังคอยดูแลจิ่นเอ๋อร์เองขอรับท่านลุง” ฟู่หลงเหยียนชิงพูดตัดหน้าสหายผู้เป็พี่ชายไปเสียอย่างนั้น
“เยี่ยมไปเลยมีพี่ชายฟู่เป็องครักษ์ให้รีบไปกันเถิด ก่อนที่แดดจะแรงพวกบ่าวไพร่ยังต้องทำงานอีกหลายอย่างเ้าค่ะ” อวี้จิ่นไม่ได้มองสีหน้าบิดาและพี่ชายเลยว่าเป็อย่างไร แต่สำหรับจางฮูหยินนั้นยืนอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นว่ามีบุรุษมาสนใจลูกสาวของตน
“อะแฮ่ม ๆ รบกวนอาเหยียนดูแลน้องให้ดีเล่า” ฟู่หลงเหยียนพูดถึงขนาดนี้เขาจะไม่อนุญาตก็กระไรอยู่
“ขอรับท่านลุง”
“เอาล่ะที่ข้าเรียกพวกเ้ามารวมตัวกันในวันนี้ เพราะมีเื่ต้องแจ้งให้พวกเ้าได้รู้เอาไว้ว่าหญิงสาวที่กำลังเดินอยู่นั้น นางคือบุตรสาวตัวจริงของข้ามิใช่ศพทารกที่อยู่ในสุสานของตระกูล พวกเ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของนางอย่าได้อาจหาญรังแกนางเด็ดขาด หากข้ารู้ว่าใครไม่ยอมรับว่านางเป็เ้านายและนินทาลับหลังมีโทษโบยสิบไม้และขายเป็ทาส” แม่ทัพใหญ่ประกาศกร้าว
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านและฮูหยิน ยินดีต้อนรับคุณหนูกลับจวนตระกูลเจียงขอรับ/เ้าค่ะ” บ่าวไพร่ทั้งหลายได้ยินโทษโบยก็ขนลุกกันแล้ว ใครอยากตายก็ลองดีกับคุณหนูเอาเองเถิด
ฟู่หลงเหยียนเดินตามหลังอวี้จิ่นไปทางสาวใช้ที่เข้าแถวอย่างเป็ระเบียบเงียบ ๆ เพื่อปล่อยให้นางมีสมาธิสำหรับจัดการเื่สำคัญ อวี้จิ่นคอยสังเกตสีหน้าท่าทางของสาวใช้ทุกคน จนเดินผ่านมาครบสี่แถวก็พบเป้าหมายเสียทีนางจึงทำทีเดินไปจับที่ข้อศอก ซึ่งมีรอยขาดอยู่เพื่อดูว่าสาวใช้คนนี้อยู่ในจวนมานานแล้วหรือไม่
“เอ๊ะ! พี่สาวท่านทำงานหนักเกินไปหรือไม่เสื้อผ้าถึงได้ขาดเช่นนี้ ขอข้าดูสักนิดนะว่าผ้าที่พวกท่านใช้ตัดชุดเป็ผ้าแบบใด จะได้ขอให้ท่านแม่สั่งพ่อบ้านเจียงไปจัดการหาผ้าที่ใช้งานได้ดีกว่านี้” อวี้จิ่นทำทีขออนุญาตทั้งที่นางไม่จำเป็ต้องเช่นนั้นก็ยังได้
“ได้เ้าค่ะคุณหนู” สาวใช้คนนี้พูดจาดูแข็งกร้าวพิกล
“อืม หมับ! วูบ!”
อวี้จิ่นพยายามควบคุมตนเองมิให้เกิดอาการสั่นกลัวเมื่อเห็นว่าสาวใช้ตรงหน้ามิใช่สตรีอ่อนแอทั่วไป แต่นางมีวรยุทธ์ใช้ฆ่าคนได้และที่สำคัญนางซ่อนมีดสั้นไว้ใต้แขนเสื้อ และมิใช่เพียงแค่อวี้จิ่นเท่านั้นที่รู้จากภาพในนิมิตฟู่หลงเหยียนที่เป็ผู้ฝึกวรยุทธ์มาั้แ่เด็กก็สังเกตเห็นเช่นกัน เนื่องจากมือของสาวใช้ทั่วไปจะไม่หยาบกร้านถึงเพียงนี้ เขายังคงไม่แสดงท่าทีอันใดเพื่อรอให้อวี้จิ่นบอกกับตนเองเสียก่อนถึงจะลงมือได้
“ขอบคุณพี่สาวที่ทำงานหนักให้กับจวนแม่ทัพใหญ่ รอชุดใหม่สักหน่อยข้าจะให้ร้านผ้ามาวัดตัวให้ทุกคนและตัดเย็บให้คนละสองชุดนะ”
“ขอบคุณเ้าค่ะคุณหนู”
อวี้จิ่นพยักหน้ารับคำขอบคุณและทำทีขยับเท้า มือบางของนางกำลังกวักเรียกฟู่หลงเหยียนให้เข้าไปใกล้ และพูดโดยไม่มีการเปล่งเสียงให้ฟู่หลงเหยียนอ่านปากของนางแทน
‘นางคือไส้ศึกและมีมีดซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อเ้าค่ะ’
‘พี่รู้แล้วเ้ารีบเดินกลับไปหาท่านลุงก่อนทางนี้พี่จะจัดการให้เอง’
‘ขอบคุณเ้าค่ะ’
เมื่อเข้าใจสถานการณ์แล้วอวี้จิ่นเร่งความเร็วของเท้าขึ้นเล็กน้อย เพียงกระพริบตาเมื่อมีตงลู่รีบมาคุ้มครองนางแม่ทัพใหญ่และบุตรชายเข้าใจท่าทางของฟู่หลงเหยียนทันที แม่ทัพใหญ่จึงหันไปสั่งบุตรชายเล็กน้อยส่วนตนเองนั้นจะเดินไปจัดการไส้ศึกที่บุตรสาวเจอตัวนางแล้ว
สาวใช้ที่คิดว่าตนเองรอดพ้นไม่ได้แสดงพิรุธอันใดออกไป ยังคงก้มหน้าเช่นบ่าวไพร่คนอื่นโดยคิดว่าเสียงฝีเท้าที่เดินมา เป็พ่อบ้านเจียงที่ได้รับคำสั่งจากเ้านายให้มาดูรอยขาดตรงแขนเสื้อ แต่เสียงที่ได้ยินทำให้นางต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความใ จนแสดงสัญชาตญาณออกมาอย่างลืมตัว
“คิดว่าเ้าจะรอดพ้นสายตาของข้าไปได้อย่างนั้นรึ” ฟู่หลงเหยียนหันหลังเดินกลับไปและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“เฮือก! พรึ่บ! ฉึบ! ฉึบ!”
“กรี๊ด!! เฮ้ย! พวกเราหลบเร็วเข้า” บ่าวไพร่วิ่งหนีกันให้วุ่น
“หมับ! ปึก ตุบ อ๊ะ!”
“เ้าพอมีฝีมืออยู่บ้างน่าเสียดายทีเลือกเส้นทางผิด รับใช้คนชั่วเช่นเจียงกุ้ยฉินที่้าทำลายตระกูลสายหลัก หากสายหลักที่ว่าไม่ได้มีคนของข้าอยู่เ้าอาจจะยังมีชีวิตรอดก็เป็ได้ แต่ช่างบังเอิญเหลือเกินว่ามันไม่ใช่อย่างที่เ้าคิด หึ” ฟู่หลงเหยียนก้มลงไปกระซิบบอกกับสาวใช้
“หึ ที่แท้เ้าก็เป็คนที่เจียงกุ้ยฉินส่งมาจัดการครอบครัวข้าสินะ” แม่ทัพใหญ่เดินมาถึงเมื่อฟู่หลงเหยียนจับสาวใช้ให้คุกเข่ากับพื้นไปแล้ว
“ใช่ ข้าคือคนที่ถูกส่งมาในจวนแห่งนี้เพื่อวางยาพิษพวกเ้าทุกคน แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็อย่างที่คิดนังฮูหยินนั่นก็ไม่กินอะไร เอาแต่นั่งซึมอยู่ได้ทุกวี่ทุกวันส่วนเ้ากับบุตรชายก็ไปทำงานแต่เช้าทุกวัน จะมีใครในจวนที่ข้าจะวางยาพิษได้นอกจากนังแก่ในเรือนชุ่ยฮวานั่น ฮ่า ๆ ๆ”
“กรอดดด!! เจียงเล่อลากนางไปด้านหน้าโบยนางจนกว่าจะตาย เมื่อนางตายแล้วให้คนแบกร่างของนางไปวางไว้หน้าจวนตระกูลเจียงสายรอง และฝากคำพูดของข้าไปถึงเ้าของจวนด้วยว่าถ้าส่งคนมาอีก ข้าก็จะส่งศพกลับไปอีกเช่นกัน” แม่ทัพใหญ่คิดจะใช้การลงโทษครั้งนี้เป็การเตือนบ่าวไพร่คนอื่น ๆ ไว้ด้วย
“ขอรับนายท่าน พวกเ้ามาเอาตัวนางไปโบยตามคำสั่งของนายท่าน ฟาดลงไปให้แรง ๆ และพวกเ้าทั้งหมดดูเอาไว้ให้ดีนี่คือโทษของคนที่คิดทรยศเ้านาย” เจียงเล่อพูดเตือนบ่าวไพร่ทุกคน
“โบยได้!!”
“ปึก! ปึก! อึก ปึก! ปึก! อั่ก ปึก! ปึก! อ่ะ ปึก! ปึก”
“เจียงเล่อเ้าเฝ้าดูและจัดการตามที่ข้าสั่งให้เรียบร้อย แล้วค่อยกลับมารายงานข้าอีกครั้งที่ห้องหนังสือก็แล้วกัน” แม่ทัพใหญ่ไม่้าให้ฮูหยินและบุตรสาวเห็นสภาพของไส้ศึกตอนตาย จึงมอบหน้าที่ให้เจียงเล่อคอยจัดการทุกอย่างแทน
“น้องหญิงพวกเราพาจิ่นเอ๋อร์กลับเข้าข้างในกันเถิด”
“เ้าค่ะท่านพี่ข้าไม่อยากให้ลูกเห็นอะไรเช่นนี้เหมือนกันเ้าค่ะ”
“ไปเถิดจิ่นเอ๋อร์อย่าดูอะไรที่ไม่น่าดูเลยกลับไปนั่งพูดคุยกันด้านในจะดีกว่า” เจียงหยวนเอ่ยชวนน้องสาวเพราะการโบยคนจนตายไม่น่าดูสักเท่าไหร่
“เ้าค่ะพี่ใหญ่”
หลังจากกลับเข้ามาในห้องรับแขกของเรือนใหญ่ ทุกคนจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างที่จับตัวคนวางยาพิษได้ ยามนี้คงต้องรอดูอาการของฮูหยินผู้เฒ่าที่เพิ่งจะเริ่มดื่มยาของอวี้จิ่นเท่านั้น
“นั่งก่อนสิอาเหยียนว่าแต่เ้าแวะมาที่นี่ได้อย่างไร มิใช่ว่าต้องไปร่วมไต่สวนนักโทษกับกรมอาญาหรอกรึ” แม่ทัพใหญ่ถามเป็งานเป็การและยังจ้องตาฟู่หลงเหยียนไม่กระพริบ
“เรียนท่านลุงยามเช้าข้ายังพอมีเวลาว่างอยู่ จึงแวะมาเยี่ยมจิ่นเอ๋อร์เสียหน่อยเกรงว่านางจะยังไม่ค่อยชินกับเมืองหลวงขอรับ” ฟู่หลงเหยียนจ้องตาแม่ทัพใหญ่ขณะตอบคำถามโดยไม่หลบเช่นกัน
“นี่อาเหยียนแล้วกรมอาญาจะถวายฎีกาต่อฮ่องเต้เมื่อใดกัน ประเดี๋ยวเสนาบดีจินก็ไหวตัวทันเตรียมการรับมือไว้จนพ้นผิดได้นะ เ้าก็รู้ว่าตาแก่คนนี้พลิกลิ้นเก่งกว่าคนอื่นหลายเท่าทั้งยังเ้าเล่ห์มากแผนการ ไหนจะพรรคพวกอีกหลายคนที่คอยช่วยเหลือนั่นอีก” เจียงหยวนที่เคยเห็นเสนาบดีจินหาทางรอดให้ตนเองถึงกับจำไม่เคยลืม
“ยามนี้คนพวกนั้นกำลังดิ้นรนเพื่อหาทางฆ่าปิดปากนักโทษอยู่ ขอบใจที่เ้ามากอาหยวนที่เป็ห่วงข้ากำลังรอให้พวกมันลงมืออีกครั้ง และจะนำพยานหลักฐานทั้งหมดถวายต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ในการประชุมยังท้องพระโรงสำหรับครั้งต่อไปอย่างแน่นอน พวกขุนนางที่ร่วมมือกับเสนาบดีจินทุกคนย่อมหนีไม่พ้นโทษปะาเช่นกัน” เพราะสายลับของฟู่หลงเหยียนได้ส่งข่าวเื่นี้มาให้เมื่อคืนที่ผ่านมานั่นเอง
“อืม ปิดทางหนีด้วยพยานหลักฐานเช่นนี้คงไม่มีทางรอดด้วยกันทั้งหมด ตระกูลจินเย่อหยิ่งชูคอประหนึ่งว่าจินกุ้ยเฟยคือฮองเฮาก็มิปาน อีกไม่นาน์ที่คนพวกนี้วาดเอาไว้คงพังถล่มไม่มีชิ้นดีกระมัง ฮ่า ๆ ๆ” แม่ทัพใหญ่ถือว่าตนเองทูลขอรางวัลได้ถูกต้องแล้ว เพราะเขาไม่คิดจะเกี่ยวข้องกับเชื้อพระวงศ์มิเช่นนั้นย่อมถูกฮ่องเต้เพ่งเล็งเช่นกัน
“แล้วมารดาของหลานเป็อย่างไรบ้างเล่าอาหยวน ป้าไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงมานานมากแล้วนางคงสบายดีนะ” ตลอดสิบกว่าปีที่จางฮูหยินไม่เคยออกจากจวนไปร่วมงานเลี้ยงใด ๆ
“ขอบคุณท่านป้าที่ถามถึงท่านแม่ขอรับ ท่านแม่สบายดีและยังคงไปร่วมงานเลี้ยงเป็ครั้งคราวขอรับ”
“ป้าคิดว่าเร็ว ๆ ป้ากับแม่ของเ้าคงได้มาพูดคุยกันเช่นแต่ก่อนแล้วล่ะ ป้าต้องขอบใจอาเหยียนอีกครั้งนะที่คอยดูแลจิ่นเอ๋อร์อย่างดีมาตลอดทาง”
“หลานทำด้วยความเต็มใจขอรับที่สำคัญจิ่นเอ๋อร์ก็มีส่วนช่วยอย่างมาก กับการค้นหาหลักฐานเอาผิดเสนาบดีจินและพรรคพวกขอรับ” ฟู่หลงเหยียนแบ่งความดีความชอบกับอวี้จิ่น
“ฮึ เพราะข้าเป็ถึงบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่นี่เ้าคะ การผดุงความยุติธรรมกำจัดคนชั่วย่อมอยู่ในสายเื ขอแค่คนชั่วถูกลงโทษอย่างสาสมกับความผิดที่ได้ก่อไว้ ก็ถือว่านั่นคือการทำให้บ้านเมืองสงบสุขมิใช่หรือเ้าคะ”
“ฮ่า ๆ ๆ ลูกสาวพ่อยอดเยี่ยมมากจริง ๆ”
“เช่นนั้นท่านพ่อท่านแม่เ้าคะข้าขออนุญาตไปเดินเล่นในเมืองหลวงได้ไหมเ้าคะ เมื่อวานตอนนั่งอยู่ในรถม้าเห็นผู้คนคึกครื้นกันน่าดูเชียวเ้าค่ะ” อวี้จิ่นลองขออนุญาตกับบิดามารดาเสียก่อน แต่หากถูกปฏิเสธนางค่อยหาวิธีแอบออกไปก็ได้
“จิ่นเอ๋อร์แต่พี่ใหญ่ไปเป็เพื่อนเ้าไม่ได้นะสิวันนี้ ยังมีงานอีกหลายอย่างต้องไปช่วยท่านพ่อจัดการแล้วเ้าก็ยังไม่มีองครักษ์หรือสาวใช้สักคน จะออกไปเดินเล่นนอกจวนได้อย่างไรเล่า” เจียงหยวนเห็นน้องสาวตาเป็ประกายก็รู้สึกถึงความดื้อรั้นขึ้นนั่น แต่แล้วเจียงหยวนก็ต้องเงียบเสียงลงฉับพลันเพราะสหายของตนเอ่ยอาสา
“ท่านลุงท่านป้าหากจิ่นเอ๋อร์อยากออกไปดูการใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองหลวง ประเดี๋ยวหลานจะพานางไปเองขอรับยังมีเวลาชั่วยามกว่า ๆ ถึงจะเป็เวลานัดหมายของหลานกับเ้ากรมอาญาขอรับท่านลุงท่านป้า และจะพาจิ่นเอ๋อร์มาส่งที่จวนก่อนยามอู่ดีหรือไม่ขอรับ” ฟู่หลงเหยียนมองเห็นโอกาสที่จะได้อยู่ตามลำพังกับอวี้จิ่นมีหรือที่จะไม่คว้าไว้
“จะไม่รบกวนหลานชายเกินไปรึลุงกลัวว่าจิ่นเอ๋อร์จะทำเ้าเสียงานเสียการเอาได้นะ” แม่ทัพใหญ่เริ่มจะหวงบุตรสาวเสียแล้ว
“ท่านพี่ละก็ว่าลูกซุกซนได้อย่างไรเ้าคะมีอาเหยียนคอยดูแล จะไม่ดีได้อย่างไรใครหน้าไหนจะกล้าเข้ามาวุ่นวายกับจิ่นเอ๋อร์ล่ะเ้าคะ”
“ฮื่อ ๆ ๆ ท่านพ่อกับพี่ใหญ่อย่าได้เป็ห่วงเลยเ้าค่ะ นอกจากพี่ชายฟู่แล้วก็ยังมีพวกน้าทั้งสามที่คอยคุ้มครองข้าได้นะเ้าคะ”
“น้าทั้งสาม?” แม่ทัพใหญ่ไม่เข้าใจว่าบุตรสาวพูดถึงผู้ใด
“จิ่นเอ๋อร์น้าทั้งสามที่เ้าพูดถึงคือใครงั้นหรือ” เจียงหยวนก็เช่นกัน
“เอ่อ เรียนท่านแม่ทัพใหญ่คุณชายเจียงขอรับ น้าทั้งสามที่คุณหนูพูดถึงคือพวกข้าสามคนเองขอรับ แฮะ ๆ ๆ” เฉินอิ่นตอบให้เ้าของจวนหายแคลงใจ
“ห๊า!!/พวกเ้าสามคน!!”
“แต่พวกเ้าสามคนอายุห่างจากข้ากับอาเหยียนไม่กี่ปีเองนะ” เจียงหยวนยิ่งไม่เข้าใจเื่ที่น้องสาวเรียกคนสนิทของสหายว่าน้านี่แหละ
“เฮ้อ เอาล่ะ ๆ พ่ออนุญาตให้ไปได้แต่จิ่นต้องดูแลตนเองให้ดีเล่า”
“ขอบคุณท่านพ่อขอบคุณท่านแม่เ้าค่ะไว้ข้าจะซื้อของฝากมาให้พวกท่านนะเ้าคะ พี่ชายฟู่พวกเรารีบไปกันเถิดเ้าค่ะป่านนี้ร้านค้าน่าจะเปิดแล้วล่ะ”
“หลานขอตัวก่อนขอรับท่านลุงท่านป้า”
“อืม ลุงรู้ว่าเ้าดูแลน้องได้ไปเถิด”
“ขอรับ”
“จิ่นเอ๋อร์อย่าลืมของฝากของพี่ใหญ่ด้วยเล่า”
“ได้เลยเ้าค่ะพี่ใหญ่ท่านต้องตั้งใจทำงานด้วยนะเ้าคะ”
เมื่อเห็นบุตรสาวเดินออกไปพร้อมสหายของบุตรชาย แม้ว่าจะเป็ห่วงแต่ฟู่หลงเหยียนรับปากเสียอย่างดีพวกเขาย่อมวางใจ จึงได้แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเสียก่อนยังมีเื่ให้จัดการอีกมากมายหลายอย่าง
แต่ทว่าการออกไปเดินเล่นในเมืองหลวงครั้งแรกของอวี้จิ่นนั้น ก็เกิดเื่ขึ้นจนได้เื่มันถึงขั้นที่ว่าฟู่หลงเหยียนไม่ยินยอมที่จะปล่อยให้มันผ่านไปเฉย ๆ เขาพาอวี้จิ่นไปร้องทุกข์ยังศาลต้าหลี่จนคนที่ใจกล้ามากลั่นแกล้งนาง ต้องอับอายเพียงผู้เดียวไม่พอยังทำให้ตระกูลกลายเป็ที่พูดถึงอย่างสนุกปากของคนในเมืองหลวง จนสตรีในตระกูลแม้แต่สาวใช้ก็ไม่อยากออกมาข้างนอกจวนเช่นกัน
