“ตระกูลเฉินเ้าวาจาช่างร้ายกาจยิ่งนัก วันนี้ข้าเย่เฟิงจะกำจัดพวกเ้าให้สิ้นซาก!” เย่เฟิงกล่าวขณะมองเฉินอ้าวเทียน เริ่มแรกที่ตระกูลหนานกงแห่งเมืองโยวโจว ฐานะของเฉินอ้าวเทียนสูงส่ง เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้หนานกงเฉินหักหลังและพยายามสังหารเย่เฟิง แต่สุดท้ายเย่เฟิงก็รอดมาได้ ต่อมาเย่เฟิงเข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนและได้เจอเฉินอ้าวเทียนหลายครั้ง หนำซ้ำอีกฝ่ายคิดพยายามฆ่าเย่เฟิง แต่ก็พลาดทุกครั้งไป จนกระทั่งบัดนี้เฉินอ้าวเทียนอยากลงมือฆ่าเย่เฟิง แต่กลับรู้สึกใจสู้แต่แรงไม่ยอมเป็ใจ
“ตาย!” เมื่อเห็นเย่เฟิงโบกสะบัดมือ จู่ ๆ ผู้ฝึกยุทธ์นับร้อยที่ด้านหลังเขาส่งเสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยว พลังเช่นนั้นไม่ใช่คนธรรมดาจะต่อต้านได้ นี่ทำให้เฉินอ้าวเทียน เว่ยจี้ และหนานกงหลิงซวงนิ่งงัน นึกไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะลงมือฆ่าทันทีที่เจอหน้า
“หมอนี่...” จากนั้นทั้งสามคนเข้าต่อต้านการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์พันธมิตรเย่เฟิง แต่คนของพันธมิตรเฉินอ้าวเทียนเห็นกระบวนทัพของอีกฝ่ายก็ขวัญหนีดีฝ่อทั้งที่ยังไม่เริ่มต่อสู้ ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็จำต้องกัดฟันสู้เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีมากมายของพันธมิตรเย่เฟิง จากนั้นมีเสียงกรีดร้องดังอย่างต่อเนื่อง ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายเฉินอ้าวเทียนตกตายคนแล้วคนเล่า ฝ่ายเย่เฟิงจึงได้เปรียบในเวลาสั้น ๆ ส่วนฝ่ายเฉินอ้าวเทียนก็ถูกกดดัน จึงทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายเฉินอ้าวเทียนเริ่มสูญเสียเจตจำนงต่อสู้ทีละนิด เมื่อถูกผู้ฝึกยุทธ์นับร้อยปิดล้อม พวกเขาไม่เห็นแสงแห่งความหวัง กระทั่งจะหนีก็ไม่มีโอกาส
เฉินอ้าวเทียนสมกับเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 3 ในรายนามขั้นรวมชี่ พลังต่อสู้แกร่งกล้า ิญญาากิเลนปรากฏที่ด้านหลังพร้อมเปล่งแสงโชติ่ ประหนึ่งเทพาแห่งยุค แม้จะถูกผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนเสวียนขั้นรวมชี่ที่ 6 ขึ้นไปกว่าสิบคนล้อมกรอบ แต่ก็ยังคงเฉิดฉาย
นักดาบแขนเดียว ฉู่หาน และผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 3 ขึ้นไปจำนวนหนึ่งของพรรคเทียนปิดล้อมและกระหน่ำโจมตีเว่ยจี้อย่างไม่หยุดยั้ง จนมีาแเต็มตัว
เย่เฟิงยังคงยืนอยู่ที่เดิมพลางสองมือไพล่หลังและมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขาเย่เฟิงไม่ชอบรังแกคน แต่หากผู้ใดรังแกเขาหรือคนรอบข้าง เขาจะใช้วิธีที่โเี้ที่สุดเอาคืนอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้คนของพรรคเทียนจีทำตัวอวดดี อาศัยอำนาจกองกำลังของตน แม้แต่ในแดนมายาก็ทำตัวอวดดี เข่นฆ่าผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนเสวียนอย่างกำเริบเสิบสาน บัดนี้เย่เฟิงรวบรวมเหล่าคนที่เคยถูกพรรคเทียนจีรังแกและเอาคืนให้สาสม ในขณะเดียวกันเย่เฟิงก็ทำอย่างที่เคยลั่นวาจาไว้สำเร็จ
“อั่ก!” ขณะนั้นเคล็ดวิชาของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 คนหนึ่งโจมตีเว่ยจี้เต็ม ๆ ทำให้เว่ยจี้ส่งเสียงโอดครวญและกระเด็นถอยหลังไป จากนั้นเขาหันไปมองเย่เฟิงด้วยดวงตาแดงก่ำ “สั่งผู้ฝึกยุทธ์ปิดล้อมข้าเยี่ยงนี้ ไร้ยางอายยิ่งนัก!”
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้ม “ไร้ยางอายหรือ แต่จะเทียบกับคนของพรรคเทียนจีเ้าได้อย่างไรเล่า”
จากนั้นเย่เฟิงละสายตาไปโดยไม่สนใจเว่ยจี้
“เย่เฟิง เ้าต้องตาย!” เว่ยจี้แผดเสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยว ในสถานการณ์ที่ถูกปิดล้อมเช่นนี้ เขามิอาจทำทุกสิ่งที่้าได้ ทว่าเขาไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อนในชีวิต ในใจจึงเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ และคิดว่าถ้ามีโอกาสจะฆ่าเย่เฟิงโดยไร้ความปรานีใด ๆ
เฉินอ้าวเทียนตาเผยประกายเย็นเยียบขณะมองศิษย์พรรคเทียนจีล้มตายคนแล้วคนเล่า จนไอสังหารปะทุออกจากร่างเขาและแทบอยากกระโจนไปฆ่าเย่เฟิงบัดเดี๋ยวนี้
“จะรอดได้อย่างไรหากถูกปิดล้อมเยี่ยงนี้? ขืนเป็แบบนี้ก็มีแต่จะทุกข์ทรมานเปล่า ๆ สู้ตาย ๆ ไปเสียจะดีกว่า!” ขณะนั้นคนของพรรคเทียนจีคนหนึ่งที่ถูกผู้ฝึกยุทธ์ของพันธมิตรเย่เฟิงปิดล้อมหยุดการต่อต้าน ในดวงตาของเขาฉายแววความเคียดแค้นและความไม่ยอม หากพวกเขาพรรคเทียนจีไม่สร้างพันธมิตรและรังแกผู้คน บางทีเื่แบบนี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเขา ทุกสิ่งในแดนมายาล้วนเป็ภาพลวงตาและไม่ใช่เื่จริง แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะตราตรึงในใจของพวกเขา แม้ตัวเองตายจากไป ชาตินี้ก็มิอาจลืมเลือน สุดท้ายแล้วผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นก็ใช้วิธีปลิดชีพตนเพื่อหลุดพ้นจากพันธนาการแดนมายานี้
การปลิดชีพของผู้ฝึกยุทธ์คนนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนจีคนอื่น ๆ เสี้ยวเจตจำนงต่อสู้สุดท้ายอันตรธานหายไป มีคนไม่น้อยล้มเลิกการต่อต้าน ครู่ต่อมาผู้ฝึกยุทธ์พันธมิตรของเฉินอ้าวเทียนถูกฆ่าตายเกือบหมด เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังยืนหยัด แต่พวกเขาเริ่มอ่อนกำลังลงแล้ว
“ฆ่า!” พลันมีเสียงออกจากปากของผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งจากพันธมิตรเย่เฟิง พวกเขาที่มีจำนวนมากกว่าปิดล้อมพวกเฉินอ้าวเทียน ทำให้พวกเฉินอ้าวเทียนรู้สึกหนาวเหน็บ แม้ทุกอย่างในที่แห่งนี้จะเป็เพียงภาพลวงตา แต่ความหนาวนั้นที่มาจากก้นบึ้งจิติญญาราวกับเป็ความจริง
“สวะ เ้าใช้วิธีเลวทรามเยี่ยงนี้ กล้าสู้กับข้าอย่างยุติธรรมหรือไม่?” เฉินอ้าวเทียนเผยสีหน้าย่ำแย่ แต่ก็ขึ้นเสียงใส่เย่เฟิงอย่างเกรี้ยวกราด เขาเฉินอ้าวเทียนเป็ใคร ไม่ว่าจะเป็ที่เมืองหลวงหรือสำนักยุทธ์เทียนเสวียนเขาก็มีฐานะสูงส่ง ความอัปยศเช่นนี้ เขาได้รับมันมาั้แ่เมื่อใดกัน?
“จะตายอยู่รอมร่อ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับข้า? ลองคิดดูนะ ถ้าเ้าเฉินอ้าวเทียนอดีตผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 3 ในรายนามขั้นรวมชี่ถูกคัดออกั้แ่รอบแรก มันจะเกิดอะไรขึ้น?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น โลกแห่งการบ่มเพาะ ผู้แข็งแกร่งคือผู้เป็ใหญ่ ลองคิดว่าถ้าตอนนี้คนที่ถูกปิดล้อมเป็เขาเย่เฟิง เฉินอ้าวเทียนก็จะฆ่าเขาอย่างไร้ความปรานี และยิ่งไม่มีทางให้โอกาสเขา
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ตอนนั้นเองมีเสียงดังมาจากฟากฟ้า ดังกึกก้องทั่วพื้นที่ ทำให้ผู้คนได้ยินอย่างชัดเจน แม้เสียงจะไม่ดังมากนัก แต่ในนั้นเหมือนแฝงด้วยพลังที่พิเศษ คล้ายเชื่อมโยงกับฟ้าดิน ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดัน
“ใครกัน?” ขณะนั้นทุกคนต่างหันไปมองตามต้นเสียงด้วยใจหวาดผวา เพียงแค่เสียงก็ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันได้แล้ว พลังของเ้าของเสียงนี้คงแข็งแกร่งเป็อย่างมาก จากนั้นเห็นเงาร่างชุดดำเดินเหินกลางอากาศมาจากที่ไหนสักแห่ง ท่วงท่าเขาสง่าผ่าเผย มีแสงปกคลุมร่าง และพลังที่แผ่ออกจากร่างเขาทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันมากขึ้น ผู้อ่อนแอจำนวนไม่น้อยถึงกับเหงื่อตกและหน้าซีดขาว
“ตู๋กูหลง!” เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะมองเงาร่างที่เดินเหินบนอากาศนั่น
“จะปล่อยให้เ้ากำเริบเยี่ยงนี้ต่อไปได้อย่างไร สั่งคนของเ้าให้หยุดเดี๋ยวนี้แล้วมาคุกเข่าสารภาพผิด บางทีข้าอาจจะพิจารณาให้เ้าผ่านการประลองรอบแรกนี้ หาไม่แล้วก็จงรับเพลิงพิโรธของข้าตู๋กูหลง!” ตู๋กูหลงเชิดหน้ามองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ ราวกับว่าเขามาถึงก็กลายเป็ผู้ควบคุมที่แห่งนี้ ไร้ซึ่งผู้ใดต่อต้าน
“ตู๋กูหลง โหดมาก!” ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็ใจเต้นโครมคราม ก่อนหน้านี้พวกเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่หลังจากตู๋กูหลงปรากฏตัว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 1 ในรายนามขั้นรวมชี่ ใครบ้างไม่กลัว? แม้แต่เฉินอ้าวเทียนก็อยู่คนละระดับกับตู๋กูหลง หากตู๋กูหลงลงมือ พวกเขาจะมีสักกี่คนที่ต่อต้านได้? แม้ได้เปรียบในเื่ของจำนวนคนที่มากกว่า แต่สุดท้ายก็มีคนจำนวนไม่น้อยถูกคัดออก
ปัญหาเหล่านี้ทุกคนจำต้องพิจารณา การปรากฏตัวของตู๋กูหลงนำพาความหวาดกลัวมาให้ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายเย่เฟิง ทุกคนต่างหยุดโจมตีและมองเงาร่างนั้นบนอากาศอย่างเงียบ ๆ
“ตู๋กูหลงแข็งแกร่ง บางทีเย่เฟิงอาจคิดโยกย้ายทุกคน คุกเข่าสารภาพผิดเพื่อขอตู๋กูหลงให้ยกเว้นโทษ!” ผู้คนคิดในใจ ตู๋กูหลงนั้นแข็งแกร่งมาก หากเขาพิโรธขึ้นมาจริง ๆ เช่นนั้นเย่เฟิงอาจจะตายและตกรอบก็เป็ได้
“เ้ากล้าดียังไงมาก้าวก่ายศึกต่อสู้นี้ แล้วถือสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ข้าคุกเข่าสารภาพผิด?” ตอนที่ทุกคนคิดว่าเย่เฟิงจะยอมก้มหัว กลับได้ยินเสียงเย็นเยือกดังออกจากปากของเย่เฟิง
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายเย็นเยียบ แม้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 1 ในรายนามขั้นรวมชี่ ก็ไร้ความหวั่นเกรงใด ๆ เดิมทีเย่เฟิงมีโอกาสกำจัดพวกเฉินอ้าวเทียนและทำให้ตระกูลเฉินได้รับความอัปยศ ทว่าตู๋กูหลงกลับเข้ามาแทรกแซงใน่เวลาสำคัญ หนำซ้ำยังสั่งให้เย่เฟิงสลายพันธมิตรและคุกเข่าสารภาพผิด ช่างเหิมเกริมยิ่งนัก
“รนหาที่ตาย!” ตู๋กูหลงได้ยินเช่นนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีทันที เขาเดาออกนานแล้วว่านิสัยอย่างเย่เฟิงไม่มีทางยอมศิโรราบง่าย ๆ
“ข้าอุตส่าห์ให้โอกาส แต่เ้ากลับไม่รักษามันไว้ ในเมื่อเป็เช่นนี้เ้าก็อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน!” แสงน่ากลัวปะทุออกจากดวงตาของตู๋กูหลง วันนั้นที่เขตเวทีประลองทดสอบของตระกูลตู๋กู ตู๋กูหลงเห็นแก่กฎของที่นั่นและให้เกียรติตระกูลตู๋กู จึงไม่ลงมือฆ่าเย่เฟิง บัดนี้ในงานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เย่เฟิงยังคงกำเริบต่อหน้าเขาตู๋กูหลง เช่นนั้นเขาจะเกรงใจไปไย ลงมือฆ่าอีกฝ่ายก็เป็พอ
จู่ ๆ พลังสังหารปะทุออกจากร่างตู๋กูหลง เมื่อเขาชี้นิ้วไปที่เย่เฟิงก็มีลำแสงถูกยิงออกไป มันเคลื่อนที่ไปหาเย่เฟิงด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ทว่าเย่เฟิงเหวี่ยงหมัดโจมตี พลันห้วงอากาศสั่นไหว ท่ามกลางอากาศราวกับปรากฏเงาหมัดมากมายที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลเข้าทำลายลำแสงนั่นที่ตู๋กูหลงจู่โจมมา
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว การโจมตีทั้งสองเข้าปะทะกัน แสงทำลายล้างเจิดจ้า ทำทุกสิ่งในบริเวณนั้นกลายเป็ขี้เถ้า ส่วนเงาหมัดของเย่เฟิงถูกลำแสงของตู๋กูหลงทำลายอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะสลายหายไป ทว่าลำแสงนั่นกลับเป็เหมือนพลังสังหารไร้เทียมทาน มันทะลวงทุกอย่างและพุ่งเข้าหาเย่เฟิงด้วยความรวดเร็ว
“แค่กระบวนท่าง่าย ๆ ก็ทรงพลังขนาดนี้ ตู๋กูหลงสมแล้วที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 1 ในรายนามขั้นรวมชี่ เย่เฟิงไม่มีทางต่อต้านได้แน่!” ผู้คนต่างใจเต้นแรงเมื่อเห็นการโจมตีของตู๋กูหลงที่อัดแน่นไปด้วยพลังเหนือลิขิต์
รูม่านตาของเย่เฟิงหดแคบ หมัดเมื่อครู่ที่เขาปล่อยไป เขาย่อมรู้ดีถึงพลังของมัน มันสามารถสังหารคนในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย แต่กลับเปราะบางเมื่ออยู่ต่อหน้าตู๋กูหลงและทำลายได้ในพริบตา ทันใดนั้นพลังดาราโคจรรอบกายเย่เฟิง ก่อนจะใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อพร้อมแผนที่ดาวขนาดใหญ่เข้าปกคลุมพื้นที่ เขาจึงหนีจากลำแสงนั่นได้ในพริบตาเดียว
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” ขณะเดียวกันเย่เฟิงแผดเสียงะโพร้อมวาดฝ่ามือที่อัดแน่นด้วยพลังหอกโจมตีตู๋กูหลง
“อ่อนหัด!” ตู๋กูหลงกล่าว ตอนนี้รอบกายเขาถูกแสงทำลายล้างปกคลุมหนึ่งชั้น ราวกับทำลายทุกอย่างได้ทุกเวลา จากนั้นเขาโบกสะบัดมือ ก่อนจะมีฝ่ามือก่อตัวที่กลางอากาศ จนกลายเป็ฝ่ามือั์ที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังอันน่าทึ่ง แล้วเข้าปะทะกับฝ่ามือภูผาพิฆาตของเย่เฟิง ตามมาด้วยเสียงดังกึกก้อง ฝ่ามือภูผาพิฆาตแตกสลาย ส่วนฝ่ามือั์นั่นพุ่งเข้าหาเย่เฟิงต่อ
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ ตู๋กูหลงแข็งแกร่งมาก หากเป็เช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานเขาได้พ่ายแพ้อย่างแน่นอน จากนั้นเย่เฟิงแผดเสียงคำราม เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะเหวี่ยงหมัดโจมตีฝ่ามือั์นั่นสามครั้งติดกัน ส่งผลให้ฝ่ามือั์นั่นแตกร้าว ก่อนจะถูกทำลายและสลายหายไป ทว่าพลังทำลายล้างที่ปกคลุมฝ่ามือั์กลับไม่สลายหายไป มันพุ่งเข้าโจมตีเย่เฟิง ทำให้เย่เฟิงร้องโอดครวญ อวัยวะภายในปั่นป่วนและกระอักเืออกมา
“เย่เฟิงผู้นี้เด็ดเดี่ยวมาก ไม่นึกว่าจะสู้มาถึงจุดนี้ได้ แม้จะถูกตู๋กูหลงฆ่าตาย แต่ก็น่าภูมิใจแล้ว!” ผู้คนคิดในใจขณะมองฉากตรงหน้า พวกเขาจำต้องยอมรับเย่เฟิงว่าเป็อัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา แต่อัจฉริยะคนนี้กำลังจะถูกตู๋กูหลงฆ่าตายและถูกคัดออกจากการประลอง เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้ผู้คนก็รู้สึกเสียดายและสงสาร
“ตู๋กูหลงเป็คนแข็งแกร่ง เกรงว่าเย่เฟิงจะตายในไม่ช้า!” ผู้คนคิดในใจ ตู๋กูหลงแข็งแกร่งมากเกินไป เย่เฟิงไม่มีทางสู้กับเขาได้อย่างแน่นอน
“สู้กับข้ามาถึงจุดนี้ได้ เห็นทีเ้าจะแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย แต่ข้าไม่ว่างพอจะมาเล่นกับเ้า ข้าจะทำให้เ้าได้ลิ้มรสชาติถึงพลังที่แท้จริงของข้า!” เมื่อเห็นว่าการโจมตีสองครั้งทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้ ตู๋กูหลงก็หน้าเปลี่ยนสี จากนั้นผู้คนพบว่าพลังที่พวยพุ่งออกจากร่างเขาแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีแรงกดดันแผ่ออกจากร่างเขา จู่ ๆ เขาวาดฝ่ามือ ก่อนจะมีพลังแห่งการทำลายล้างเข้าปกคลุมทั่วพื้นที่ในชั่วพริบตา มันพันธนาการร่างเย่เฟิง ทำให้เย่เฟิงขยับตัวไม่ได้ในเวลาอันสั้น
“ตายซะเถอะ!” ตู๋กูหลงแผดเสียงะโ ทันใดนั้นฝ่ามือมหึมาปรากฏบนฟากฟ้า ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีเย่เฟิง
“เย่เฟิงจบเห่แล้ว!” ผู้คนมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยใจเต้นแรง ด้วยการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เย่เฟิงจะรอดไปได้หรือ?
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว ฝ่ามือมหึมานั่นพุ่งเข้าหาเย่เฟิงบนภาคพื้นดินเต็มแรง จนพื้นดินบริเวณนั้นแตกร้าว เศษฝุ่นทรายต้องปลิวให้ว่อน นี่ทำให้ผู้คนต่างใจเต้นตึกตัก ตู๋กูหลงก็คือตู๋กูหลง ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งสุดในบรรดาศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียน ไร้ซึ่งผู้ใดทัดเทียม และยิ่งไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่งของเขา
ทว่าเย่เฟิงไม่เพียงแต่ขัดคำสั่ง แต่ยังดูถูกตู๋กูหลง และท้าทายอำนาจอีกด้วย สุดท้ายผลที่ตามมาคือถูกฝ่ามือมหึมาของตู๋กูหลงบดขยี้จนตายอย่างน่าอนาถ
ผู้คนต่างคิดว่าเย่เฟิงตายไปแล้วเพราะฝ่ามือนั่น จึงรู้สึกเสียดาย
เฉินอ้าวเทียนตาทอประกายคมกริบ เขากับตู๋กูหลงไม่ถือว่าเป็สหาย แต่ก็ไม่ใช่ศัตรู พลังของตู๋กูหลงแข็งแกร่งอย่างสมคำร่ำลือ ทำให้เขาชอบใจไม่น้อย เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองบรรลุขั้นรวมชี่ที่ 7 แล้วจะทัดเทียมกับตู๋กูหลงได้ แต่เห็นทีตอนนี้เขาจะคิดมากเกินไป ช่องว่างระหว่างเขากับตู๋กูหลงยังคงห่างชั้นกันอย่างมากโข
เว่ยจี้เผยสีหน้าพึงพอใจ แม้จะฆ่าเย่เฟิงในที่แห่งนี้กับมือตัวเองไม่ได้ แต่ตู๋กูหลงก็ทำได้ไม่เลว
นักดาบแขนเดียว ฉู่หาน เฉิงเฟย และคนอื่น ๆ ต่างนิ่งงัน พวกเขามองตู๋กูหลงด้วยสายตาอาฆาต เย่เฟิงถูกฝ่ามือของตู๋กูหลงฆ่าตายจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะสงบ ทุกคนก็มองไปที่เกิดเหตุ ตรงนั้นมีหลุมยุบปรากฏเป็รูปฝ่ามือ ทว่าไร้วี่แววของเย่เฟิง เหมือนถูกฝ่ามือบดขยี้เป็เถ้าธุลี
“นี่คือผลลัพธ์ที่เ้าล่วงเกินข้า!” ตู๋กูหลงกล่าวเสียงเย็นขณะมองรอยฝ่ามือั์ตรงพื้นนั่น
“ที่เหลือพวกเ้าจัดการเอาเองแล้วกัน!” ตู๋กูหลงหันไปมองเฉินอ้าวเทียน ราวกับว่าเขาคนเดียวควบคุมทุกอย่างที่นี่ แต่วินาทีที่ตู๋กูหลงจะหันหลังเดินจากไป จู่ ๆ เขาััได้ถึงลมปราณบริเวณรอยฝ่ามือนั่น มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
“แค่ก ๆ!” มีเสียงไอดังมาจากรอยฝ่ามือ จากนั้นผู้คนพบว่ามีเงาร่างหนึ่งค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ซึ่งยังคงสง่าผ่าเผยเช่นเดิม เพียงแต่มีเืออกที่มุมปากเล็กน้อย
“เขายังไม่ตาย!” นาทีนี้ทุกคนต่างมองไปที่รอยฝ่ามือนั่นเป็ตาเดียวกัน และต้องใจเต้นระส่ำ
“เป็ไปได้อย่างไร? เขาจะรอดจากการโจมตีที่ทรงอานุภาพนั่นได้อย่างไร!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งอุทานด้วยความเหลือเชื่อ
เมื่อตู๋กูหลงได้ยินเช่นนั้นก็หยุดชะงัก ก่อนจะหันไปมองที่เงาร่างนั้นและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
แม้เผชิญหน้ากับการโจมตีอันทรงอานุภาพของตู๋กูหลง แต่เย่เฟิงยังคงรอดชีวิต ทั้งที่ใช้พลังป้องกันทางกายบริสุทธิ์ต่อต้าน ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!
“หมอนี่ใช่มนุษย์จริงหรือ? พลังป้องกันทางกายช่างน่ากลัวมาก แม้แต่การโจมตีของตู๋กูหลงก็ยังทำอะไรไม่ได้!” ฉากนี้ทำให้ผู้คนต่างตื่นใ
“เ้าตู๋กูหลงมีฝีมือแค่นี้เองหรือ ข้าใช้แค่พลังกายต่อต้านเองนะ ช่างน่าขันนักที่เ้าบอกว่าจะทำลายข้าในการโจมตีนี้!” เย่เฟิงกล่าวพลางเช็ดเืตรงมุมปาก
ตู๋กูหลงได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็มีสีหน้าบูดเบี้ยวทันที ในใจยังเกิดความผันผวนไม่น้อย เขาไม่นึกว่าพลังป้องกันทางกายของเย่เฟิงจะแข็งแรงทนทานได้ขนาดนี้
“เ้าอย่าได้ใจไปหน่อยเลย คิดว่าต่อต้านการโจมตีของข้าแล้วจะรอดไปได้งั้นเหรอ? ข้าตู๋กูหลงมีวิธีฆ่าเ้าตั้งมากมาย เพียงพอที่จะทำให้เ้าตายเป็พัน ๆ ครั้ง!” ตู๋กูหลงขึ้นเสียงใส่เย่เฟิง ราวกับว่าเขาสามารถฆ่าเย่เฟิงได้อย่างง่ายดาย
“งั้นหรือ?” เย่เฟิงเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาปลดปล่อยิญญาาวิหคเทพะที่สอง าแตามร่างกายเขาจึงหายไปอย่างรวดเร็ว นี่ทำให้เย่เฟิงยิ้มอย่างพึงพอใจ และพึมพำในใจว่า “ิญญาาวิหคเทพะขั้นฟ้าทรงพลังอย่างที่คิดไว้!”
การโจมตีของตู๋กูหลงเมื่อครู่นี้แข็งแกร่งมาก แม้จะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 4 หรือขั้นที่ 5 ก็หยุดยั้งไม่ได้ หากเย่เฟิงไม่ได้ฝึกสองเคล็ดวิชาบ่มเพาะร่างกายและสร้างเกราะเทพา เขาก็ไม่มีทางต้านทานได้ แต่กระนั้นการโจมตีนี้ก็ไม่ทำให้เย่เฟิงาเ็สาหัส