หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จก็เริ่มฝึกพลังต่อทันทีนี่คือกิจวัตรประจำวันในการบำเพ็ญของพวกเราทั้งสามคนตลอดสองสามวันมานี้
...
ข้าะโขึ้นไปนั่งบนโขดหินั์ข้างน้ำตกจากนั้นก็ทำจิตใจให้สงบแล้วเริ่มเข้าฌานบำเพ็ญเพียร
ซาซา...
ละอองน้ำสาดกระเซ็นลงบนตัวข้ามันค่อนข้างเย็นเลยทีเดียวแต่ในขณะเดียวกันร่างกายของข้ากลับรู้สึกปรารถนาบางสิ่งบางอย่างจากละอองน้ำพวกนี้ข้าได้แต่งุนงงไปพักหนึ่ง ที่แท้ละอองน้ำพวกนี้ก็มีพลังิญญาแฝงอยู่นั่นเอง!ปกติแล้วมีโอกาสน้อยมากที่พลังิญญาจะอยู่ในน้ำ ส่วนมากมักจะเจอในป่าลึกทว่าน้ำที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่เหมือนกัน
ทันใดนั้นในหัวของข้าก็มีคำนี้ผุดขึ้นมาทันทีบ่อน้ำพลังิญญา!
ไม่ผิดแน่ที่ต้นน้ำจะต้องมีบ่อน้ำพลังิญญาที่ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติอยู่แน่ๆไม่อย่างนั้นน้ำในน้ำตกแห่งนี้คงไม่มีพลังิญญาอันแรงกล้าขนาดนี้ได้หรอก!
บ่อน้ำพลังิญญาเกิดจากพลังิญญาจากผืนดินมาผสมผสานกันแล้วก่อตัวกลายเป็บ่อน้ำเพราะฉะนั้นน้ำในบ่อจึงเต็มไปด้วยพลังิญญาและอีกอย่างมันยังช่วยผ่อนแรงให้กับผู้ฝึกฝนิญญาที่กำลังฝึกพลังได้มากเลยทีเดียวถือว่าเป็ตัวช่วยในการฝึกพลังที่สุดยอดมากทว่าบ่อน้ำพลังิญญาที่เห็นนี้ก็เหมือนกับสายรุ้งการปรากฏตัวของมันนั้นพบเห็นได้น้อยครั้งและ่เวลาที่ปรากฏตัวออกมามากที่สุดก็มีเพียงแค่สองวันด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกฝนิญญาที่เข้ามาฝึกพลังในเขาลึกแล้วเกิดบังเอิญเจอบ่อน้ำพลังิญญาช่างเหมือนกับถูกฟ้าผ่าเข้าอย่างจังเลยล่ะ
ข้ารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที“จ้าวห้าว ซ้งเชวียน พวกเรา...เหมือนจะเจอบ่อน้ำพลังิญญาเข้าแล้ว!”
“อะไรนะ?”
จ้าวห้าวกับซ้งเชวียนได้แต่ตะลึงงัน
“ตามข้ามา!”
ข้าใช้เพลงขาเมฆาหมอกทะยานขึ้นไปดูข้างบนน้ำตกเพื่อตามหาต้นน้ำสายน้ำทอดยาวเหยียดเข้าไปในหุบเขาลึกไกลสุดลูกหูลูกตาแต่สุดท้ายพวกข้าก็หาจนเจอได้อย่างรวดเร็วท่ามกลางแม่น้ำที่ไหลแยกออกเป็ลำธารเล็กๆ หลายสายพวกข้าราวกับกำลังเดินทางเข้าสู่อาณาจักรลับอะไรสักอย่างเลย บริเวณรอบๆกลายเป็ป่าทึบ เถาวัลย์เก่าแก่แต่ละเถาล้วนตั้งสูงตระหง่านเหมือนกับชายชราที่มีอายุมากและกำลังโอบล้อมปกป้องน้ำอันบริสุทธิ์นี้ไว้นี่แหละคือสิ่งที่พวกข้ากำลังตามหาอยู่ บ่อน้ำพลังิญญา!
บ่อน้ำไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักเป็เพียงบ่อน้ำกว้างไม่ถึงสิบเมตรเท่านั้น ทว่าน้ำในบ่อกลับสะอาดใสแจ๋วอีกทั้งยังมีแสงหลากสีส่องประกายออกมาอย่างสดใสอีกด้วยเพราะน้ำจากที่นี่ไหลปนลงไปในน้ำตก ข้าถึงได้หาที่นี่เจอ
“บ่อน้ำพลังิญญาจริงๆ ด้วย!”
จ้าวห้าวะโโลดเต้นดีอกดีใจแล้วถอดเสื้อออกทันที
การบำเพ็ญตนในบ่อน้ำพลังิญญาเพียงหนึ่งวันเทียบเท่าได้กับการบำเพ็ญตนข้างนอกสิบวันเลยทีเดียวทั้งหมดนี้คือเื่จริง
ข้าจึงเริ่มถอดเสื้อผ้าออกจากนั้นพวกข้าทั้งสองคนก็เหลือบไปมองทางซ้งเชวียนพร้อมกัน “เป็อะไรเ้าอายอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่ได้อายสักหน่อย ข้าแค่หนาวน่ะ”
ซ้งเชวียนจึงพูดเฉไฉขึ้นว่า
“เ้ารู้สึกว่ามันสั้นใช่ไหมล่ะ?” จ้าวห้าวหัวเราะร่า
ข้าพลางหัวเราะไปด้วยเมื่อก้าวเข้าไปในบ่อน้ำแล้ว พลังิญญาก็เริ่มไหลตามกระแสน้ำมายังตัวข้าอย่างช้าๆความรู้สึกนี้มันสุดยอดไปเลย “ซ้งเชวียน ถ้าเ้าอยากจะแข็งแกร่งขึ้นก็รีบไปฝึกซะอย่ามัวแต่พูดเล่นอยู่เลย”
“อืม ได้เลย!”
พวกเราทั้งสามแยกกันไปฝึกคนละมุมจากนั้นต่างคนต่างก็เริ่มเข้าฌานกันทันที
...
เวลาผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำข้าถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก รอบกายเกิดเกล็ดน้ำแข็งบินวนขึ้นมาทันทีที่ลุกขึ้นความแข็งแกร่งของพลังกระบี่ก็ปะทุออกมาจนน้ำที่อยู่บริเวณรอบๆสาดกระเซ็นไปทั่ว หลังจากที่น้ำในบ่อเริ่มสงบลง ข้าจึงมองลงไปในน้ำและเห็นเงาสะท้อนของตัวเองก็รู้สึกถึงพลังที่แผ่ออกมาได้เลยว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้วดวงตาทั้งสองข้างก็ชัดเจนมากขึ้นชนิดที่ว่าสายตานี้สามารถมองทะลุปรุโปร่งได้ทุกอย่างเลยทีเดียว
จ้าวห้าวและซ้งเชวียนตัวสั่นเทาไปครู่หนึ่ง
“พี่ใหญ่ ท่านบรรลุได้อีกแล้วเหรอ?”
“อืม”
ข้าพยักหน้ารับ“ข้าฝึกฝนกระบวนท่าที่หนึ่งอย่างกระบี่ผลึกน้ำแข็งของเคล็ดวิชากระบี่ดินแดนหิมะไปได้ถึงระดับสูงแล้วล่ะพวกเ้าก็รู้สึกได้อย่างนั้นเหรอ?”
“อืม”
จ้าวห้าวพยักหน้ารับทันที“พลังของกระบี่ที่แผ่ออกมานั้นรุนแรงจนพวกข้ารู้สึกได้เลยล่ะ อีกอย่างถ้าท่านฝึกฝนพลังของกระบี่เสร็จแล้วจะแช่น้ำต่ออีกหน่อยก็ได้นะเพราะแช่ตัวที่บ่อน้ำพลังิญญาสบายสุดๆ ไปเลย ฮ่าๆๆ ...”
“ฮึ...”
ข้านั่งลงแช่น้ำอีกครั้งเกล็ดน้ำแข็งบินวนขึ้นมารอบๆ ตัวทันทีแต่กลับไม่ละลายไปกับน้ำพลังของกระบี่อันแข็งแกร่งดังกึกก้องอยู่ภายในอก ราวกับกระหายอยากที่จะออกมาทว่าก็ถูกข้าควบคุมได้อย่างอยู่หมัดจึงไม่สามารถเล็ดลอดออกมาได้
บ่อน้ำพลังิญญาช่างมหัศจรรย์จริงๆถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องอยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝนกระบี่ผลึกน้ำแข็งให้ถึงขั้น์และมนุษย์รวมเป็หนึ่งสินะ!
...
กลางดึก
น้ำในบ่อที่ใสสะอาดเย็นสบายพลังิญญาก็ได้ปะทุขึ้นราวกับภูติญญากำลังะโโลดแล่นอยู่บนผิวน้ำแสงสว่างจากดาวบนท้องฟ้าส่องระยิบระยับ เป็ภาพที่ดูสวยงามละลานตาไม่น้อยเลย
ซ้งเชวียนจัดการย้ายแคมป์มาตั้งไว้ที่นี่แล้วพร้อมกับต้มเนื้อวัวโลกันตร์ เนื้อเสือัและปลาหลีฮื้อหลงหลิงไว้เรียบร้อยหลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็กลับไป ‘แช่ตัว’ ต่อ
จนกระทั่งเช้าตรู่พลังของกระบี่ที่อัดอั้นอยู่ในอกก็เหมือนกำลังจะปะทุออกมาข้าจึงลุกพรวดขึ้นพร้อมกับใส่เสื้อผ้าแล้วถือกระบี่พุ่งทะยานเข้าไปในป่าลึกจากนั้นก็เริ่มฝึกกระบี่ผลึกน้ำแข็งขึ้นอีกครั้งอานุภาพของมันเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อวานหลายเท่าเลยทีเดียวเพราะทุกครั้งที่ข้าฟาดฟันออกไป ต้นไม้ที่อยู่ในรัศมีสิบเมตรก็ถูกทำลายจนพังพินาศเละเทะหรือไม่ก็ถูกแช่แข็งไปหมดและเมื่อเริ่มใช้กระบี่ผลึกน้ำแข็งต้นไม้ในรัศมีห้าสิบเมตรนี้ก็ถูกพลังโหมซัดจนบิดเบี้ยวเกิดเป็คลื่นแสงสีขาวพันรอบพลังกระบี่แล้วะเิออกทำให้เกิดเป็รอยดาบยาวเกือบสิบเมตร พลังของมันอัดแน่นไปด้วยความเย็นเยือก ไอความเย็นค่อยเคลื่อนตัวขึ้นจากผืนดินช้าๆถ้าคนอื่นเห็นเข้าคงจะรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเป็แน่
กระบี่ผลึกน้ำแข็งไปถึงจุดสูงสุดแล้วทั้งคนและกระบี่กลายเป็หนึ่งเดียวกัน ผสมผสานรวมกับฟ้าดินข้าฝึกฝนมาถึงระดับเซียนแล้ว!
แสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วหล้าป่าทึบด้านหลังเขาจึงอบอุ่นขึ้นทันทีส่วนซ้งเชวียนกับจ้าวห้าวก็ตื่นจากการเข้าฌานแล้วการฝึกพลังของทุกคนต่างพัฒนาขึ้นได้อย่างก้าวะโตามความเป็จริงแล้วบ่อน้ำพลังิญญานั้นหาได้ยาก และล้ำค่ามากอีกอย่างมันสามารถหายไปได้ทุกเวลา เพราะเหตุนี้ข้าควรจะกลับไปเรียกซูเหยียนตั้นไถเหยา ถังเชวียหราน และหลิงถงเอ๋อร์ ทั้งสี่คนมา “อาบน้ำ”บำเพ็ญตนที่นี่ด้วยกัน
พอข้าเก็บกระบี่คมจันทราลงบรรยากาศรอบๆ ตัวจึงกลับมาเป็ปกติข้ากลับมาเป็ผู้ที่บำเพ็ญตนในผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์เหมือนเดิมจากนั้นจึงเก็บท่อนไม้แห้งที่แตกเกลื่อนกลาดจากการฝึกของข้าเมื่อกี้ขึ้นมาแล้วเอากลับไปก่อไฟทำอาหารที่แคมป์ มื้อนี้ต้องใส่เนื้อเยอะๆ หน่อยเพราะซ้งเชวียนกับจ้าวห้าวฝึกหนักกันมาทั้งคืนคงจะสูญเสียพลังกันไปมากเลยทีเดียวฉะนั้นพวกเขาต้องกินเนื้อเข้าไปเยอะๆ จะได้เข้าไปบำรุงร่างกายได้
เวลาผ่านไปไม่นานกลิ่นของเนื้อที่กำลังต้มอยู่ก็หอมโชยขึ้นมา
ซ้งเชวียนยิ้มพูดขึ้น“ฝีมือทำอาหารของพี่เชวียนนี่สุดยอดจริงๆไม่นึกเลยว่าแค่กลิ่นของซุปเนื้อที่ลอยโชยมาก็ทำให้คนรู้สึกหิวขึ้นมาได้”
“นั่นมัน!”
...
ทันทีที่พวกข้าทานมื้อเช้าเสร็จก็รู้สึกได้เลยว่ามีพลังงานบางอย่างจากที่ไกลๆ กำลังย่างกรายใกล้เข้ามาเพียงแวบเดียวเท่านั้นก็มีเงาคนปรากฏขึ้นข้างๆ บ่อน้ำพลังิญญาทันทีพวกเขาทั้งห้าคนสวมชุดของสำนักสีเลี้ยนโผล่มาอย่างกะทันหัน แต่ข้าไม่รู้จักสักคนทว่าคนที่แกร่งที่สุดน่าจะเป็คนที่มีพลังของการบำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ถึงจุดสูงสุดคนนั้นแต่ดูจากท่าทีแล้วเขาแทบจะบรรลุการบำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับพิภพได้ทุกเมื่อเลยนะเนี่ยส่วนอีกสี่คนที่เหลือต่างก็บำเพ็ญตนอยู่ในระดับมนุษย์ประมาณ่แรกถึง่สุดท้ายกันหมดและสีหน้าของแต่ละคนก็เต็มไปด้วยท่าทีเบิกบานใจ
“รีบมาดูเร็ว ที่นี่มีบ่อน้ำพลังิญญาจริงๆ ด้วย ฮ่าๆๆ!”
“ศิษย์พี่ฉู่มู้บ่อน้ำพลังิญญานี่อาจทำให้ท่านบำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับพิภพสำเร็จก็เป็ได้สุดยอดไปเลย มันมาช่วยได้ถูกเวลาเสียจริง”
เ้าคนที่ชื่อฉู่มู้ที่ดูยังหนุ่มยังแน่นคงจะเป็ผู้ที่มีฝีมือเก่งกาจที่บำเพ็ญตนไปถึงจุดสูงสุดของผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์แล้วเขาเดินเข้ามาที่ริมลำธารด้วยท่าทางทะนงตัวและแววตาที่ดุดันจากนั้นก็ขมวดคิ้วพูดขึ้น “น่าเสียดายนะที่ตรงนี้มีคนยึดไปแล้ว”
“นั่น...นั่นมันเ้าโง่จ้าวห้าวนี่นา?” ศิษย์ที่ท่าทางทะนงตัวอีกคนหนึ่งแสยะยิ้มพลางพูด“จ้าวห้าว คาดไม่ถึงเลยว่าเ้าซึ่งเป็ศิษย์อันดับท้ายๆ ของสำนักสีเลี้ยนจะมีคุณสมบัติพอที่จะเข้ามาฝึกพลังที่ป่าหลังเขานี่ด้วยใครอนุญาตให้เ้าเข้ามาเนี่ย?”
จ้าวห้าวรู้สึกโกรธเป็ฟืนเป็ไฟจึงลุกขึ้นแล้วพูดออกไป“อาจารย์เป็คนอนุญาตเองแหละ เ้าจะทำไม? เหย้า
เกอพูดจาปากไม่มีหูรูดระวังจะถูกตัดลิ้นเข้าสักวันนะ!”
“ถูกตัดลิ้นอย่างนั้นเหรอ?”
เหย้าเกอผายมือออกแล้วเรียกอาวุธิญญาออกมาด้วยความโมโหทันที“พวกเ้าใช้บ่อน้ำพลังิญญาแห่งนี้ไปมากพอสมควรแล้ว รีบไสหัวไปเถอะั้แ่นี้เป็ต้นไปบ่อน้ำพลังิญญานี้เป็ของพวกข้าแล้ว!”
ข้าลุกขึ้นพลางแสยะยิ้มเล็กน้อย“แล้วถ้าพวกข้าไม่ไปล่ะ?”
“ไม่ไปอย่างนั้นเหรอ?”
เหย้าเกอพูดอย่างเ็า“เ้าเป็ใครกัน? ศิษย์ของสำนักจวี๋ฉีอย่างนั้นเหรอเป็แค่ศิษย์สำนักชั้นนอกริอ่านจะมาต่อกรกับศิษย์สำนักชั้นในเหรอ?”
ฉู่มู้กลับหรี่ตาเพ่งมองแล้วพูดขึ้น“เหย้าเกอ พูดจาระวังหน่อยสิ...เ้าคงจะเป็น้องชายของท่านรองเ้าสำนักชื่อปู้อี้เชวียนคนที่เพิ่งจะได้อันดับหนึ่งในการประลองที่สนามเซินยวน ใช่ไหมล่ะ?”
ข้าพยักหน้ายิ้มรับ“ใช่ ข้าเอง และอีกอย่างพวกข้าก็เป็คนเจอบ่อน้ำพลังิญญาแห่งนี้ก่อนนี่คงเป็โชคชะตาที่์ลิขิตไว้ เพราะฉะนั้นข้าคงไม่ออกไปเพราะคำพูดสองสามคำของพวกเ้าหรอกนะ”
“อย่างนั้นเหรอ?”
ฉู่มู้พูดอย่างเหยียดหยาม“ถึงแม้ข้าจะไม่เข้าใจว่าคนที่บำเพ็ญตนถึงผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์่แรกอย่างเ้าจะเอาชนะฟางชิงยวนผู้ที่มีพลังพร์ได้อย่างไรแต่แล้วข้าก็ได้ยินมาว่าฟางชิงยวนถูกวิชาเมฆเพลิงัของซูเหยียนโจมตีไปก่อนหลังจากนั้นถึงถูกเ้าโจมตีจนแพ้ อย่างนั้นเอาแบบนี้แล้วกันบัตรใบนี้ของข้ามีเงินอยู่ห้าแสนเหรียญหลงหลิงถือว่าข้าซื้อบ่อน้ำพลังิญญานี้ก็แล้วกันนะพวกเ้าสามคนรีบออกไปจากที่นี่แล้วคืนบ่อน้ำพลังิญญานี้ให้พวกข้าซะ”
พูดจบเขาก็โยนบัตรลงบนพื้นหญ้าข้างลำธาร นี่มันเจตนาจะให้ข้าก้มหัวลงไปเก็บขึ้นมาชัดๆ
ข้าหุบยิ้มลงจากนั้นก็ยกเท้าเหยียบบัตรจนหักครึ่งทันทีแล้วพูดขึ้น“เก็บความหวังดีของเ้าไปซะ!”
เหย้าเกอโกรธขึ้นทันที“ปู้อี้เชวียน เ้าอย่าอวดดีให้มันมากนัก รู้ไหมว่าพวกข้าเป็ใครกัน?” ฉู่มู้น่ะเป็ถึงผู้ที่มีฝีมือเก่งกาจอันดับแรกของสำนักสีเลี้ยนเชียวนะและอีกอย่างในการทดสอบจากสำนักครั้งนี้ข้าก็ถูกจัดให้อยู่สูงถึงอันดับที่สองข้าพูดดีๆ แล้วเ้าไม่ฟังเอง นี่มันรนหาที่ตายจริงๆ เลย!”
ข้าเอาแต่หัวเราะไม่พูดไม่จาอะไร
ฉู่มู้ถามด้วยท่าทีไม่แยแส“เ้าหัวเราะอะไร?”
ข้าเงยหน้าขึ้นแล้วพูดออกไป“ข้ากำลังหัวเราะให้กับกฎระเบียบอันป่าเถื่อนของสำนักหมื่นิญญาไงล่ะตอนที่เ้าไม่มีพลังผู้คนต่างก็พากันดูถูกดูแคลนเ้าทว่าเมื่อไรที่เ้าขึ้นไปเหยียบอยู่บนหัวของคนที่เคยดูถูกเ้าได้พวกเขาก็จะเรียนรู้ได้เองว่าการรู้จักเคารพและให้เกียรติผู้อื่นเป็อย่างไร”
“เ้าหมายความว่าอย่างไร?” ฉู่มู้ยิ้มพูดอย่างเ็า“เ้าอยากจะขึ้นไปเหยียบอยู่บนหัวพวกข้าอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่”
ข้าผายมือออกเพื่อเรียกกระบี่คมจันทราแล้วยิ้มด้วยท่าทีสงบนิ่ง“ในเมื่อพวกเ้าดูถูกข้า ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วล่ะข้าคงต้องสู้กับพวกเ้าสักตั้ง ให้สำนักหมื่นิญญาได้รับรู้กันทั้งหมด!”
“ได้เอาให้รู้กันทั้งหมดเลย!”เหย้าเกอแสยะยิ้มพร้อมกับเคลื่อนไหววิชาลมหายใจัทันทีมันคือวิชาลมหายใจัขั้นที่แปด“ดูสิว่าเ้าที่บำเพ็ญตนไปถึงแค่ผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์่แรกจะเอาชนะได้อย่างไร!”
ที่จริงแล้วทั้งห้าคนที่อยู่ตรงหน้าของข้านั้นล้วนแข็งแกร่งมากและการฝึกพลังของแต่ละคนก็ยังอยู่สูงกว่าข้าอีก
ระดับของการบำเพ็ญของผู้ฝึกฝนิญญานั้นไม่สามารถบ่งบอกได้ถึงพลังที่แท้จริงเพราะฉะนั้นการบรรลุได้แต่ละครั้งจึงขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแกร่งของพลังิญญาว่าได้ถึงขีดจำกัดของตัวเองแค่ไหนแล้วจากนั้นก็จะบรรลุได้เอง ส่วนข้าที่เดิมทีไม่มีปราณิญญาที่แท้จริงอยู่แล้วในตัวข้าจึงมีเพียงปราณักับปราณ์เท่านั้นและที่จริงความแข็งแกร่งของพลังิญญาของข้านั้นก็เป็เพียงการบำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์่แรกซึ่งแทบจะเทียบกับจ้าวห้าวไม่ได้เลยด้วยซ้ำแต่ถึงอย่างไรก็ตาม...ภายใต้สถานการณ์ทั้งหมดตอนนี้ล้วนไม่ต้องใช้วิชาาวิชาลมหายใจัหรือกระดูกลายเวทใดๆ เลย ทว่าหากมีกรณีที่ต้องใช้ความแข็งแกร่งของพลังิญญาของข้าก็จะพลิกกลับมาใช้ได้ถึงห้าเท่าทันทีซึ่งไม่ด้อยไปกว่าระดับของฟางชิงยวนเลยและเ้าหัวกะทิของสำนักสีเลี้ยนที่อยู่ตรงหน้าก็คงไม่รู้เื่นี้แน่นอน
...
“รนหาที่!”
เหย้าเกอะโขึ้นเสียงดังกระบี่เล่มยาวเกิดเปลวไฟวูบวาบพัดกระพือไปทั่วทุกระแหงถึงแม้การฝึกฝนพลังของกระบี่จะอยู่ขั้นที่สามทว่าระดับการฝึกฝนวรยุทธ์กลับอยู่ในขั้นสูง เห็นทีคงจะไม่ง่ายแล้วล่ะ
ข้าเชิดหน้าพร้อมกับยกดาบขึ้นมามือเดียวสายตาจับจ้องไปยังเกล็ดน้ำแข็งที่บินว่อนอย่างคล่องแคล่วว่องไวข้าแทบไม่ได้ใช้กระบี่คมจันทราเลยแต่ใช้แค่นิ้วชี้กับนิ้วกลางของมือซ้ายที่วาดออกไปพร้อมกับปล่อยพลังกระบี่ออกไปเท่านั้น
“เ้าดูถูกข้าขนาดนี้เชียวหรือ? รนหาที่ตายเสียจริง!”เหย้าเกอโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
ฟึบ!
ขณะที่เขาอยู่ห่างจากข้าไม่ถึงสามเมตรข้าจึงปล่อยพลังกระบี่จากปลายนิ้วออกไปทันทีจากนั้นก็วาดกระบี่หิมะเล่มั์ตามออกไป
“ตึง...”
เกิดเสียงปะทะดังกึกก้องร่างของเหย้าเกอกระเด็นลอยออกไป และค่อยๆ ตกลงบนพื้น เขากระอักเืออกมาอย่างหนักสีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัด
“นี่มันอะไรกันเนี่ย?” อีกสามคนที่เหลือได้แต่ตะลึงงันและอ้าปากหวอ
ทว่ามีเพียงฉู่มู้ที่หรี่ตามองพลางพูดอย่างเ็า “เป็พลังกระบี่ที่ทรงพลังมาก ชักจะน่าสนใจแล้วสิ...สมแล้วที่เป็น้องชายของท่านรองเ้าสำนักปู้เสวียนยินต่อไปตาข้าฉู่มู้ ข้าจะสั่งสอนเ้าเอง!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้