บำบัดสวาท พ่-อ-ส-า-มี
ผู้เขียน กาสะลอง
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเื่นี้เป็เพียงเื่ที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเื่จริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเื่ ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเื่นี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา
ทั้งเื่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเื่ด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว*
ครั้งแรกที่เจอหน้าผู้ชายคนนี้…
หล่อนรับรู้ได้ถึงััพิเศษบางอย่าง
มันเป็ความรู้สึกเร่าร้อนร้อนรุนแรง
เป็เื่ของอารมณ์ที่ยากจะบอกใคร
หล่อนสงสารเขาที่ต้องอยู่คนเดียว
ด้วยความตั้งใจว่าจะฉุดเขา
ให้ก้าวออกมาจากหลุมอันมืดดำ
หากสุดท้ายหล่อนกลับค้นพบว่าตัวเอง
กำลังถลำลึกดำดิ่งลงในวังวนสวาท
อันเชี่ยวกรากโดยไม่รู้ตัว
บำบัดสวาท
พ่-อ-ส-า-มี
ตอนที่ 1
พุทธศักราช 2556
เชียงใหม่ ที่บ้านเดี่ยวหลังใหญ่
เป็บ้านไม้ ปลูกสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ตั้งอยู่ท่ามกลางไร่องุ่นเนื้อที่หลายร้อยไร่ที่เ้าของบ้านเป็ชายวัยห้าสิบปี มีนามว่า ‘สันต์’
เขาซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้เพราะตั้งใจว่าวันหนึ่งเมื่อเกษียณราชการ จะย้ายมาอยู่พร้อมกับภรรยา
ทว่าเมื่อวันนั้นมาถึงเข้าจริงๆ หลายๆ อย่างที่สันต์เคยวาดภาพเอาไว้ กลับพังทลายล้มครืน ไม่เป็ไปตามที่ใจหวัง
ไม่ใช่เื่ง่ายนักที่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งทุกวันของชีวิตคุ้นเคยอยู่กับการตื่นเช้าเพื่อไปทำงานั้แ่อายุยี่สิบห้าจนถึงห้าสิบปี จะปรับตัวได้ในวันที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่บ้านหลังเกษียณเพียงลำพัง
เพราะว่าภรรยาสุดที่รักที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาก็ต้องมาตายจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามปีก่อน
จากนั้นสันต์กลายเป็คนซึมเศร้า เบื่อหน่ายชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว
“คุณพ่อครับ… วันนี้เป็ยังไงบ้างครับ”
‘แทนไท’ ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีซึ่งเป็ลูกชายคนเดียวของสันต์เดินเข้ามาสวมกอดผู้เป็บิดาจากทางด้านหลัง เอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
เพราะว่าตลอดเดือนที่ผ่านมานี้ผู้เป็พ่อต้องเคลื่อนที่ด้วยรถเข็นเป็ส่วนใหญ่ ภายหลังจากเกิดอาการเครียดจัดจนล้มป่วยลงด้วยอาการกล้ามเนื้อแขนและขาอ่อนแรง
“เรื่อยๆ… ”
สันต์ตอบคำถามของลูกชายเพียงสั้นๆ แทนไท สังเกตเห็นว่าดวงตาของสันต์ดูเศร้าหมอง มองเหม่อไปยังความเวิ้งว้างเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย
อาการของสันต์นับวันยิ่งเหมือนคนที่กำลังเบื่อหน่ายชีวิตอย่างแรง
ใน่ที่เป็โรคซึมเศร้า ทำให้สันต์กลายเป็คนพูดน้อย ถามคำตอบคำ จากนั้นก็เริ่มเงียบ นิ่ง เก็บตัว เข้าใจยาก
สันต์ค่อยๆ สร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และจากนั้นก็ไม่ค่อยพูดจากับใครอีกเลย ต่างจากเมื่อก่อนที่เคยเป็คนขยันขันแข็งและยิ้มแย้มแจ่มใสเป็ที่รักของคนงานในไร่
อาการของผู้เป็บิดาที่ได้มาเห็นด้วยตาของตัวเองในวันนี้ กำลังสร้างความหนักใจให้กับแทนไทที่เพิ่งได้รับทุนไปเรียนต่อปริญญาโททางด้านการศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น
แสงแดดยามสายสาดเข้ามาอาบสนามหญ้าหญ้าบ้าน สายลมจากชายเขาพัดมากระทบต้นลีลาวดีออกดอกสีขาวสะพรั่งใกล้ซุ้มศาลาหน้าบ้าน
แทนไทใสรถเข็นของบิดาออกมาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เพราะอยากให้ผู้เป็พ่อได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้รับลมเย็นโชยมาจากทิวเขาโอบล้อมไร่องุ่นเขียวขจี
“รินน์… ผมคิดว่าจะสละทุนรัฐบาลญี่ปุ่น”
ภายหลังจากพาบิดากลับเข้ามาในบ้าน แทนไทขอความเห็นจากหญิงสาวคู่ชีวิต
เขามักจะเรียกชื่อของหล่อนสั้นๆ ว่า ‘รินน์’ ชื่อจริงคือ ‘ระรินน์’ เป็ลูกครึ่งญี่ปุ่นวัยยี่สิบสี่ปี แม่ของหล่อนเป็ชาวญี่ปุ่นที่แต่งงานกับสามีคนไทย
เื่สละทุนการศึกษา แทนไทนอนคิดมาแล้วทั้งคืน ก่อนที่จะมาเยี่ยมบิดาในวันนี้
“ไม่ได้นะคะพี่แทน… นี่เป็โอกาสดีในชีวิต ใช่ว่าโอกาสแบบนี้จะได้มาง่ายๆ… ”
ระรินน์รีบค้าน…
เรียกชื่อแทนไทว่า ‘แทน’ เพียงสั้นๆ จนติดปาก หล่อนไม่อยากให้สามีต้องละทิ้งความฝัน เพราะว่าการเรียนปริญญาโทคือสิ่งที่แทนไทใฝ่ฝันและพูดถึงมาตลอด
“แต่พี่เป็ห่วงพ่อ… ”
น้ำเสียงลังเล สองจิตสองใจ
“งั้นเอาเป็ว่ารินน์จะมาช่วยดูแลคุณพ่อดีไหมคะ… ”
ระรินน์รู้ว่ามันเป็การตัดสินใจที่กะทันหัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรดลใจ
หลังจากมองสบตากับพ่อสามีแล้วหล่อนเกิดความรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาจับใจ
ระรินน์ยอมรับว่ารู้สึกถูกชะตากับสันต์ขึ้นมาอย่างประหลาด