“อย่าไปนะ นั่นคือคุณหนูสามสกุลโม่” อวิ๋นอี้ชิวคว้าข้อมือของสาวใช้รั้งไม่ให้นางเข้าไป แล้วกล่าวอย่างอ่อนแรง ไอเสียงเบาๆ สองสามครั้ง พยายามหลีกเลี่ยงสายตาของผู้อื่น สาวใช้ไม่เข้าใจเหตุผล แต่นางกลับรู้ดี อาหญิงเคยบอกกับตนแล้วว่าพี่ชาย้าแต่งคุณหนูสามสกุลโม่เป็ภรรยา
อาหญิงบอกว่าเพียงแค่พี่ชายแต่งคุณหนูสามผู้นี้ จวนเจิ้นกั๋วโหวจึงจะสามารถพลิกฟื้นขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง ดังนั้นนางไม่อาจทำให้พี่ชายเสียเื่ได้ในเวลานี้
“แต่ว่า... คุณหนูต่างหากที่เป็สตรีในดวงใจของซื่อจื่อ” สาวใช้กระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจแทนนายหญิง ั้แ่อายุสิบขวบคุณหนูก็พักอยู่ในจวนมาโดยตลอด เป็คู่ม้าไม้เหมยเขียวกับซื่อจื่อ เติบโตมาด้วยกัน มีความรักความห่วงหาอาทรกันอย่างยิ่ง ปรกติเมื่อคุณหนู้าสิ่งใด ซื่อจื่อก็จะดั้นด้นไปหามาให้เสมอ
ยามคุณหนูไม่มีความสุข ซื่อจื่อก็จะอยู่เป็เพื่อน บ่าวไพร่ในจวนทุกคนต่างรู้ความในใจของผู้เป็นาย รู้ว่าคุณหนูท่านนี้เป็คนสำคัญของซื่อจื่อ การปฏิบัติต่อนางย่อมแตกต่างจากผู้อื่น
แต่อวิ๋นอี้ชิวกระจ่างใจดีว่าหากเวลานี้นางเข้าไปทำลายเื่ดีของพี่ชาย ไม่เพียงแต่อาหญิงจะไม่ละเว้นนาง แม้แต่พี่ชายก็จะโกรธเคืองตนเองไปด้วย ดังนั้นแม้จะขมขื่นทรมานใจเพียงใด นางก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทน มองพี่ชายเอาอกเอาใจคุณหนูสามโม่ที่ตนเองมิได้เห็นหน้าผู้นั้น ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือถูกขยำจนเป็ก้อนกลม นึกปลอบใจตนเองว่าในหัวใจพี่ชายมีเพียงนางเท่านั้น สตรีอื่นเป็เพียงทางผ่านไปสู่การพลิกฟื้นจวนเจิ้นกั๋วโหวให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ในที่สุดพี่ชายจะต้องแต่งตนเองเป็ภรรยาแน่นอน
รอหลังจากสตรีผู้นั้นเข้ามาในจวนให้ได้ก่อน พี่ชายรับปากว่าจะให้ตนเองเข้ามาในจวนอย่างออกหน้า แล้วต่อไปก็จะโปรดปรานนางแต่เพียงผู้เดียว
หากมีโอกาส ก็จะยกขึ้นมาเป็ภรรยาอย่างถูกต้อง!
…
“ท่านนี้คือคุณหนูลั่วแห่งจวนฝู่กั๋วกงใช่หรือไม่ เมื่อครู่มัวแต่สนทนากับคุณหนูสามโม่ จึงเสียมารยาทต่อคุณหนูลั่วแล้ว” ชายหนุ่มหันมายิ้มให้กับลั่วิจูกล่าวอย่างมีมารยาท ไม่ว่าจะเมื่อไร ซือหม่าหลิงอวิ๋นก็มักจะทำท่ากระตือรือร้นพูดจาดูมีเหตุมีผลเช่นนี้เสมอ วางท่าให้ดูเหมือนเป็คนใจกว้าง วางตัวเหมาะสม ไม่แสดงสีหน้าประจบสอพลอเพราะว่าลั่วิจูเป็คุณหนูของจวนฝู่กั๋วกง มีเพียงโม่เสวี่ยถงเท่านั้นที่รู้เช่นเห็นชาติ ในดวงตาของซือหม่าหลิงอวิ๋นเพิ่งฉายแววตื่นเต้นยินดีอยู่ชัดๆ
ใช่แล้ว ชาติก่อนซือหม่าหลิงอวิ๋น้าพึ่งพาบารมีจวนฝู่กั๋วกง แต่เพราะเขาไม่มีโอกาสได้พบเจอพี่สาวของนางผู้นี้ จึงจำเป็ต้องเข้าหานาง ยามนี้เมื่อได้พบเจอเป้าหมาย หัวใจย่อมระริกระรี้ตื่นเต้นยินดีเป็ธรรมดา โม่เสวี่ยถงไม่วิตกว่าลั่วิจูจะดวงตาไร้แววเหมือนตนเองสมัยก่อน แค่ดูจากที่นางคอยแอบกระตุกแขนเสื้อตนอยู่หลายครั้งด้วยความรำคาญก็รู้ได้ว่าแผนการของซือหม่าหลิงอวิ๋นคงสูญเปล่าแล้ว
“ยากนักที่จะได้พบกับคุณหนูลั่วที่นี่ เมื่อมีวาสนาได้พบเจอกัน ไม่ทราบว่าหลิงอวิ๋นจะขอมอบของขวัญให้คุณหนูทั้งสองด้วยได้หรือไม่” ซือหม่าหลิงอวิ๋นวางท่าอ่อนน้อม จากภายนอกดูเป็สุภาพบุรุษทำให้คนยากจะปฏิเสธ ด้วยรูปโฉมหล่อเหลา กิริยามารยาทสุภาพเรียบร้อย สามารถดึงดูดหัวใจของสาวน้อยในห้องหอได้ไม่ยาก ดังนั้นความมั่นใจตนเองในจุดนี้ ซือหม่าหลิงอวิ๋นย่อมมีอยู่
“ขอบคุณซื่อจื่อ แต่ข้ากับน้องสาวยังมีธุระกันต่อ ซื่อจื่อไม่จำเป็ต้องสิ้นเปลืองเงินทองหรอก” ลั่วิจูหน้าตึง ปรกตินางก็ไม่ค่อยเข้าใจเื่ความรักหนุ่มสาวเท่าใดนัก และไม่ชมชอบผู้ที่เสแสร้งทำตนเป็คุณชายผู้สง่างามอ่อนโยนแบบนี้ เข้ามาเลียแข้งเลียขาเอาอกเอาใจลูกผู้น้องไม่พอ ยามนี้ยังหันมาประจบสอพลอตนเองอีก ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์
โม่เสวี่ยถงยืนมองการกระทำของซือหม่าหลิงอวิ๋นที่เข้ามาทำกะลิ้มกะเหลี่ยกับลูกผู้พี่ของนาง ก็รู้สึกสะอิดสะเอียนเช่นเดียวกัน ทว่าภายในใจกลับรู้สึกบีบรัด ไม่รู้แน่ว่าเป็ความโศกเศร้าหรือความชิงชัง บุรุษชั้นต่ำผู้นี้ทำลายตนเองมาทั้งชีวิต ที่แท้ความอบอุ่นอ่อนโยนที่เขาแสดงต่อนางเป็เพียงเพราะความจำเป็ เมื่อก่อนหลงนึกว่าเขาเป็สุภาพบุรุษ ที่แท้ก็เป็เพียงคนถ่อยไร้ยางอายคนหนึ่ง
โม่เสวี่ยถงยิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยน ซ่อนความเ็ปไว้ใต้ก้นบึ้งดวงตา เงยหน้าขึ้นชี้ไปยังอาภรณ์ชุดหนึ่งที่แขวนอยู่ด้านข้าง แล้วกล่าวออกมาฉับพลัน “หากซื่อจื่ออยากจะเลือกอาภรณ์ให้พี่หญิงใหญ่ของข้า ก็เลือกตัวนี้เถิด ชุดที่ซื่อจื่อส่งมาให้ครั้งที่แล้วพี่หญิงชอบมาก ครานี้ก็คงเช่นเดียวกัน”
คำพูดนี้ทำให้ซือหม่าหลิงอวิ๋นอึ้งงันไปชั่วขณะ ไม่รู้จะตอบอย่างไร
“ซื่อจื่อคิดว่าอาภรณ์ตัวนี้ไม่เหมาะกับพี่หญิงใหญ่กระนั้นหรือ ข้าจำได้ว่านางชอบสีชมพูที่ดูสดใสเช่นนี้ที่สุดเลยนะ ชุดนี้เป็สีชมพูสดดูกระจ่างตา นางต้องชอบแน่นอน” โม่เสวี่ยถงจับชายอาภรณ์ตัวนั้นกล่าวด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเป็ธรรมชาติ ราวกับ้าคำยืนยันว่าซือหม่าหลิงอวิ๋นเป็ผู้รู้ใจโม่เสวี่ยิ่ที่สุด
“ความชอบของคุณหนูใหญ่โม่ หลิงอวิ๋นไม่ทราบมาก่อนเลยจริงๆ” ยามนี้ซือหม่าหลิงอวิ๋นคล้ายเพิ่งได้สติ รีบตอบกลับอย่างมีมารยาท
“ซื่อจื่อกับพี่หญิงใหญ่คุ้นเคยกันดีมิใช่หรือ อาภรณ์ที่ซื่อจื่อส่งมาให้ชุดนั้น พี่หญิงใหญ่โปรดปรานเป็ที่สุด” โม่เสวี่ยถงแกล้งหันไปถามด้วยสีหน้าฉงน ระหว่างโม่เสวี่ยิ่กับซือหม่าหลิงอวิ๋นเป็อย่างไรนางไม่รู้ชัด พวกเขาสองคนมีหรือจะคบหากันเปล่าๆ ส่งเสื้อผ้า ส่งกำไลข้อมือให้เหมือนเป็เื่ปรกติ ด้วยนิสัยของโม่เสวี่ยิ่หากไม่รับของจากซือหม่าหลิงอวิ๋นสักชิ้นสองชิ้น ย่อมเป็ไปไม่ได้เด็ดขาด
นางจ้องซือหม่าหลิงอวิ๋นผ่านแพรโปร่งด้วยแววตาเย็นเยียบ ดูว่าเขาจะกะล่อนลื่นไหลไปอย่างไรอีก
ซือหม่าหลิงอวิ๋นย่อมตระหนกเพราะคำพูดของนาง รู้สึกอับอายกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่หัวเราะแห้งๆ แต่ก็ยังแถต่อไป “ไปจวนโม่คราที่แล้ว ไม่มีของขวัญไปด้วย จึงส่งอาภรณ์ไปให้สมาชิกหญิงในครอบครัว ทั้งอี๋เหนียงทั้งพี่สาวน้องสาวอีกสองคน รวมแล้วประมาณห้าชุดกระมัง ยามนั้นท่านลุงเกรงใจอย่างยิ่ง ส่งของขวัญเป็แพรพรรณกลับมาให้ถึงสี่ผืน”
“ซื่อจื่อเกรงใจไปแล้ว ท่านกับพี่หญิงใหญ่เดิมทีก็คุ้นเคยกันเป็อย่างดี ส่งเสื้อผ้าอาภรณ์เหล่านี้ถือว่าเป็เื่ปกติ ข้าเพิ่งเข้ามาเมืองหลวง ไม่ค่อยรู้ความชอบของพี่หญิงใหญ่นัก ซื่อจื่อเห็นว่าชุดนี้เป็อย่างไร” โม่เสวี่ยถงป้องปากยิ้มน้อยๆ แล้วชี้ไปที่อาภรณ์ตัวเมื่อครู่ ถามรบเร้าไม่เลิกรา คำพูดนี้เมื่อตกไปถึงหูของผู้อื่น ก็กลายเป็ว่าซือหม่าหลิงอวิ๋นส่งแพรพรรณไปให้โม่เสวี่ยิ่ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แม้แต่รสนิยมของนางเขาก็รู้อย่างชัดเจน
นางหัวเราะเยาะในใจ เมื่อซือหม่าหลิงอวิ๋นมาหาถึงประตู นางจะปล่อยโอกาสไปเปล่าๆ ได้อย่างไร
ผู้มาร้านแพรพรรณส่วนใหญ่เป็เหล่าคุณหนูคุณนายของสกุลผู้ดีมีเงิน ซือหม่าหลิงอวิ๋นหน้าตาหล่อเหลาเป็ทุนเดิม ยามนี้เมื่อมาทักทายโม่เสวี่ยถงกับลั่วิจูย่อมเป็ที่สะดุดตา ยิ่งได้ฟังจากที่พวกเขาสนทนากันกอปรกับข่าวลือหนาหูใน่นี้ ผู้คนมากมายจึงมองซือหม่าหลิงอวิ๋นแปลกๆ ดวงตาฉายแววอยากรู้อยากเห็นขึ้นอีกหลายส่วน
แม้ซือหม่าหลิงอวิ๋นจะเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเพียงใด บัดนี้ก็ยังขุ่นเคืองโม่เสวี่ยถงจนหน้าดำหน้าแดง
“ต้องขออภัยซื่อจื่อด้วยจริงๆ มามาเรียกพวกเราแล้ว คราวหน้าที่ซื่อจื่อมาหาพี่หญิงใหญ่ ข้าคงอยู่บ้านแล้ว ถึงเวลานั้นค่อยชดใช้ความผิดให้ซื่อจื่ออีกครา”
โม่เสวี่ยถงไม่รอให้ซือหม่าหลิงอวิ๋นกล่าวแก้ตัว ชี้ไปที่หันมามาซึ่งยืนจ้องอยู่ไม่ไกล พลางอธิบายด้วยรอยยิ้มละอายใจ และไม่รอให้เขาเอ่ยคำใดก็หมุนตัวจากไปพร้อมกับลั่วิจู แล้วเดินขึ้นบันไดด้านข้างไปชั้นบน
“น้องหญิง คนผู้นี้ไม่ใช่คนดีนัก ต่อไปคบหากับเขาให้น้อยลงดีกว่า” เมื่อมาถึงบันได ลั่วิจูก็เอ่ยด้วยความห่วงใย
“เ้าค่ะ” ริมฝีปากของโม่เสวี่ยถงทอยิ้มบางๆ รับคำอย่างนุ่มนวล ดวงตากวาดมองไปที่ซือหม่าหลิงอวิ๋นซึ่งยืนกระอักกระอ่วนอยู่ที่เดิม รอยยิ้มค่อยๆ เย็นะเื ชาตินี้นางจะไม่ให้เขาได้สมปรารถนาเด็ดขาด
ซือหม่าหลิงอวิ๋นจงใจเข้ามาพูดคุยกับนางท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย มีเจตนาให้ผู้คนเข้าใจว่านางสนิทสนมกับเขาเป็อย่างยิ่ง สร้างเื่ว่ารู้จักคุ้นเคยกันขึ้นมาก่อน แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ข่าวลือที่กำลังจะแพร่ออกไปกลับเป็เื่ของเขากับโม่เสวี่ยิ่
คำพูดประโยคสุดท้ายเมื่อครู่นี้ เน้นหนักประโยคที่ว่าหากเขาไปหาโม่เสวี่ยิ่ คำกล่าวเช่นนี้เมื่อมาผนวกรวมกับข่าวลือก่อนหน้า ก็ทำให้ผู้คนยิ่งคลางแคลงใจในความสัมพันธ์ระหว่างโม่เสวี่ยิ่กับซือหม่าหลิงอวิ๋น
เขาคิดจะแต่งสตรีสกุลโม่หรือ ดีมาก นางจะให้เขาสมหวังเอง!
ต่อให้คิดไม่แต่งก็ไม่ได้แล้ว!
ชาติที่แล้วพวกเขาเอาชีวิตของนางมาเติมเต็มชีวิตตนเอง ชาตินี้นางจะใช้พวกเขามาสนองความพึงพอใจของตนเองบ้าง การแสดงละครในร้านเสื้อผ้าวันนี้ ก็เพียงพอให้ความสัมพันธ์ของซือหม่าหลิงอวิ๋นกับโม่เสวี่ยิ่ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง ริมฝีปากคลี่ยิ้มเยาะหยันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หากโม่เสวี่ยิ่พบว่าตนเองกลายเป็นางเอกละครอื้อฉาว ไม่รู้ว่าจะมีสีหน้าเยี่ยงไร
นางรอคอยที่จะได้เห็นโม่เสวี่ยิ่ประมือกับอวิ๋นอี้ชิวคู่ม้าไม้เหมยเขียวของซือหม่าหลิงอวิ๋นสักตั้ง ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสชนะสักกี่ส่วน...
ชั้นบนเป็สถานที่สำหรับตัดเสื้อผ้า ทั้งสองพาสาวใช้เข้าไปในห้องรับรองชั้นบน ห้องรับรองชั้นบนต่างกับชั้นล่าง ดูไม่คล้ายเป็ห้องที่จัดไว้ชั่วคราว ทุกห้องล้วนมีหน้าต่าง ริมระเบียงมีขนมขบเคี้ยวและน้ำชาเตรียมไว้ให้ สามารถชมทิวทัศน์ของตลาดด้านนอก ดูไม่คล้ายห้องวัดตัวตัดเสื้อ แต่เหมือนเป็สถานที่พักผ่อนหาความสำราญมากกว่า
แพรพรรณทุกชิ้นที่อยู่ชั้นบน ไม่มีชิ้นใดเลยที่ไม่ใช่ของชั้นเลิศ ค่าตัดอาภรณ์ที่ประณีตงดงามเช่นนี้อย่างน้อยๆ ก็มียี่สิบสามสิบตำลึงเงิน กล่าวได้ว่าผู้ที่สามารถขึ้นมาชั้นบนได้ หากไม่ใช่คนร่ำรวยก็ต้องเป็ผู้สูงศักดิ์ การรับรองแขกย่อมเลอเลิศ มีกลิ่นอายความสูงส่งยิ่งกว่าโรงน้ำชาบนหอสูงธรรมดาทั่วไปมากมายนัก
พวกนางได้รับเชิญให้ไปที่ห้องรับรองที่อยู่ไม่ไกลจากบันได ภายในกว้างขวาง ดวงตะวันแห่งเหมันตฤดูทอแสงสีทองอ่อนๆ ลอดผ่านม่านโปร่งสีขาวบริสุทธิ์ผืนบาง แสงทองระยิบระยับที่ผ่านเข้ามาดูคล้ายแสงสุริยันที่ลอดผ่านม่านเมฆ งดงามตระการตาเป็ที่สุด
โต๊ะที่ตั้งชิดหน้าต่างมีแจกันคนงาม ปากกระถางเอียงเล็กน้อย มีกิ่งเหมยแดงปักอยู่ กลีบดอกที่งดงามยามสะท้อนอยู่ภายใต้แสงตะวันเพิ่มความอบอุ่นขึ้นหลายส่วน ดูไม่เหมือนบุปผาหน้าหนาวสักนิด แต่กลับมีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างยิ่ง
ทันทีที่เข้าประตูมา สายตาของทุกคนก็ถูกเหมยแดงที่ปักอยู่ในแจกันกิ่งนั้นดึงดูดสายตา แสงอาทิตย์ส่องมาจากด้านหลังของกิ่งเหมยทำให้ดูคล้ายดอกเหมยกลางหิมะขาวกระจ่าง สีแดงสดใสเชิญชวนสายตาผู้คนให้หยุดมองจนแทบลืมหายใจ
“ดอกเหมยงดงามเช่นนี้ ไม่รู้ว่าทางร้านไปหามาจากที่ไหน” ลั่วิจูจุปากร้องอุทานชื่นชมอย่างไม่อาจอดใจไหว
ไม่แปลกที่นางจะเอ่ยชื่นชม ยามนี้ดอกเหมยส่วนใหญ่ยังไม่เบ่งบาน กิ่งที่อยู่บนโต๊ะไม่เพียงแต่บานสะพรั่ง กิ่งหนึ่งชูช่อเพียงดอกเดียวอย่างภาคภูมิใจ อีกกิ่งมีสองดอกที่เบ่งบานอยู่เคียงกัน แต่ไม่ว่าจะงดงามแบบฉายเดี่ยวหรือมาเป็ช่อคู่ ก็ล้วนสะกดหัวใจคนให้แทบหยุดเต้นได้ทั้งสิ้น ในระหว่างที่ตะลึงลานในความงามกลับถอนใจให้กับอำนาจแท้จริงที่อยู่เื้ัของร้านแพรพรรณแห่งนี้
เหมยแดงงามพิลาสที่เบ่งบาน ทั้งยังบานในเวลานี้ ในชาติก่อนนางได้ยินว่ามีเพียงบุปผาในวังหลวง หรือว่าผู้สนับสนุนอยู่เื้ัร้านค้าแพรพรรณแห่งนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับวังหลวง หัวคิ้วขมวดมุ่นน้อยๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าการที่ร้านค้าแพรพรรณมีคนในวังอยู่เื้ัก็เป็เื่ปรกติ หน้าร้านยิ่งใหญ่อลังการขนาดนั้น สถานที่ก็หรูหราขนาดนี้ ภายในก็มีแต่แพรต่วนเนื้อดี อาภรณ์สำเร็จที่ตัดออกมาก็ยิ่งเป็ของชั้นเลิศ สินค้าเหล่านี้หากไม่มีเงินถุงเงินถัง หรือไม่มีชาติตระกูลโหญ่โตพอก็คงไม่มีทางเอื้อมถึง
“น้องหญิง น้องหญิง...” ลั่วิจูเห็นนางยืนมองเหมยแดงริมหน้าต่างจนนิ่งค้าง ก็เรียกสองคำแล้วกระตุกแขนเสื้อนางอย่างไม่นึกรำคาญใจให้ญาติผู้น้องคืนสติจากอาการเหม่อลอย
“น้องหญิง ข้าเข้าไปก่อนนะ เ้ารอข้าที่นี่ หากว่าเ้าชอบดอกเหมยแจกันนี้ เดี๋ยวพวกเราไปขอกับทางร้านดีหรือไม่ น้องหญิงจะได้ไม่ต้องมองจนตาค้าง ลืมธุระของตนเองไปเสียสิ้น เอาล่ะ เ้าก็อย่าลืมเลือกแพรต่วนสักสองสามพับเอาไว้ตัดชุดด้วยเล่า มิเช่นนั้นพอกลับไปถึงบ้านท่านย่าจะมาตำหนิว่าข้ากลั่นแกล้งไม่ให้เ้าตัดชุดใหม่” ลั่วิจูกล่าวพลางยิ้มจนดวงตาหยีโค้ง อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด ลืมความรู้สึกไม่พอใจเมื่อครู่ที่อยู่ชั้นล่างไปเสียสนิท
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้