Trigger/Content Warning List:
Self-injurious behavior (self-harm, eating disorders, etc.)
Suicide
Excessive or gratuitous violence
Death or dying
Blood
Mental illness
เขาฝันเห็นอวี๋มู่อยู่ตรงหัวเตียง ลูบผมเขาเบาๆ อย่างอ่อนโยน แล้วเอ่ยกับเขา “ฉันก็รักเธอ”
เขาตื่นขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่ง แต่กลับเห็นเพียงเตียงที่โล่ง เขาตัวเย็นวาบทันที
“ครูฮะ!” ในหัวมีความคิดที่น่ากลัวพาดผ่านเข้ามา เขาพุ่งออกจากห้องพักผู้ป่วย “ครูฮะ ”
เขาเข้าไปหาในห้องน้ำใกล้ๆ เข้าๆ ออกๆ จนคนด่ากราดแต่คำด่าพวกนั้นไม่เข้าหูเขาแม้แต่นิด
เขาะโเรียกชื่ออวี๋มู่ทั่วทั้งอาคาร เรียกครู แต่ถูกพยาบาลมาสกัดไว้ ทั้งต่อว่าที่เขาส่งเสียงดังในอาคารผู้ป่วย เขาคว้าแขนพยาบาล “คุณรู้จักอวี๋มู่หรือเปล่า คนไข้ห้อง 306 รู้หรือเปล่าว่าเขาหายไปไหน?”
“แผลเขายังไม่หายดีเลย เขายังไปไหนไม่ได้…...”
เรี่ยวแรงเขามหาศาล บีบแขนพยาบาลจนเธอรู้สึกเจ็บ แต่ก็พอดูออกว่าเขาร้อนใจเพียงใด จึงบอกให้เขาสงบลงก่อน แล้วไปถามตรงเคาเตอร์โรงพยาบาลให้
เหลียงหานกลับถึงห้องพัก มองเห็นเสื้อผ้าผู้ป่วยที่ถูกถอดกองไว้ และถุงเสื้อผ้าที่เขาเตรียมมาให้อวี๋มู่ถูกเปิดออกอยู่ แต่เสื้อผ้าในนั้นหายไป
เหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ เขาไม่ทันรอให้พยาบาลมาแจ้งเื่ รีบเรียกรถตรงดิ่งกลับไปยังชุมชนทันที
หลังจากลงรถ เขาวิ่งเข้าไปที่ลานเห็นจางเหมย เขาถามอย่างร้อนใจ “น้าจาง น้าเห็นครูอวี๋หรือเปล่า? เขาหายตัวไป ผมหาเขาไม่เจอ!”
จางเหมยสงสัย “เอ๋ เมื่อคืนกลางดึกฉันลุกมาเข้าห้องน้ำ เห็นเขากลับบ้านหยิบกระเป๋าแล้วล็อกประตูออกไป ฉันยังบอกเลยว่าเจ็บหนักขนาดนี้ทำไมไม่พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล กลับมาทำไม ตอนเขาเดินยังเซไปเซมาอยู่เลย…...”
เหลียงหานเบิกตาโต ขัดคำพูดจางเหมย จนแทบเหมือนจะตะคอกใส่ “เขาไปไหน!? ”
จางเหมยสะดุ้ง รีบตอบ “เขาออกไปตั้งหลายชั่วโมงแล้ว และไม่ได้บอกด้วยว่าจะไปไหน…...”
สมองของเหลียงหานเหมือนถูกทุบเข้าให้อย่างจัง มีเสียงก้องอยู่ในหัว ดูค่อยๆ เหม่อลอย
จางเหมยเห็นท่าทางผิดปกติ จึงเอ่ย “เด็กน้อย เธอเป็อะไรหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้นกับครูอวี๋กันแน่?”
“ไม่ ไม่มีอะไรฮะ…...” เหลียงหานปล่อยมือที่จับตัวจางเหมยลง แล้วเดินออกไปด้านนอก ตอนเดินผ่านประตูสะดุดเข้ากับแผ่นไม้ที่ยกสูงขึ้นมา ล้มหน้ากระแทกพื้นอย่างแรง
จางเหมยไปช่วยพยุง แต่กลับถูกปัดมือออก
เหลียงหานเืกำเดาไหล เขาใช้แขนเสื้อเช็ด แล้วเดินต่อ เดินไปได้่หนึ่ง ก็สะดุดก้อนหินข้างทางอีกหน แล้วล้มลงกับพื้นอีกรอบ
ครั้งนี้เขาไม่ได้ลุกขึ้นมา
หรือพูดให้ถูกคือ เขาไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกขึ้น
เพราะเขารู้ดีว่าทำไมอวี๋มู่ถึงจากไป
ครูเกลียดเขาแล้ว
เพราะจูบนั้น เพราะการสารภาพรักนั่น ครูรู้สึกรังเกียจเขา เพราะเขาเลวร้ายและเห็นแก่ตัว ดังนั้นจึงไม่สนแม้กระทั่งอาการาเ็ของตัวเอง ดึงสายน้ำเกลือออกกลางดึกแล้วหายตัวไปจากเขา
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว
ครูไม่้าเขาแล้ว
ไม่้าอีกต่อไป
เหลียงหานคลานอยู่กับพื้น ราวกับถูกดูดพลังทั้งหมดที่มี ไม่อาจเคลื่อนไหวต่อไป
น้ำตาไหลรินอาบแก้ม จนพื้นเปียก เหลียงหานสะอื้น จนเจ็บคอ มือเขาคว้าก้อนหินมากำไว้แน่น ทุบตีพื้น ส่งเสียงร้องะโ ‘อาๆ’
ความกลัวที่สูญเสีย โกรธ และรู้สึกเสียใจทีหลัง ทำให้เขาเ็ปจนแทบจะสลบไป
ครูคือโลกทั้งใบของเขา ครูจากไปแล้ว ก็เท่ากับโลกทั้งใบของเขาสูญสลาย
ครูบอกว่าจะจับตาดูเขาไปตลอดไม่ใช่หรือ? บอกว่าจะดูแลเขา? บอกว่าจะกลับบ้านพร้อมเขาไม่ใช่เหรอ?
คุณเคยพูดไว้ อวี๋มู่ คุณพูดเอง
คุณบอกว่าเราจะกลับบ้านพร้อมกัน
แล้วทำไมคุณถึงไม่้าผมแล้วล่ะ?
ทำไมถึงทิ้งผมไว้?
ผมมีเพียงครูเท่านั้น ครูฮะ……
ทั้งๆ ที่ ผมมีแค่คุณ
*
วันนั้นเพื่อนบ้านทั้งหลายช่วยกันหิ้วเหลียงหานกลับบ้าน
เขาลืมตาอยู่บนเตียงทั้งวัน ไม่กินไม่ดื่มและไม่เข้าห้องน้ำ
จางเหมยยกเก้าอี้มาข้างเตียงแล้วพูดหลายเื่ราวให้เขาฟัง ปลอบใจเขาว่าไม่ต้องห่วงอวี๋มู่ อวี๋มู่คงจากไปเพราะมีเื่เร่งด่วน
แต่เหลียงหานไม่ได้ตอบอะไรเธอ หากเขาไม่ได้กะพริบตาบ้าง คนคงนึกว่านี่เป็ร่างของศพที่ไร้ซึ่งลมหายใจมานาน
ต่อมาตำรวจก็มา บอกว่ามาหาเขาเื่เหลียงหวา
เหลียงหานถึงลุกขึ้น แต่แววตานั้นกลวงจนน่าใ ทำเอาคนสะดุ้งตอนที่มองมา
เ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับขมวดคิ้ว แต่ก็พาตัวเขาไป
ณ สถานีตำรวจ ตำรวจถามเขาคำ เขาตอบคำ ตอนที่เอ่ยถึงอวี๋มู่ ดวงตาเขาเป็ประกายวาบขึ้นมา พริบตาก็มอดลง
ท้ายที่สุด เหลียงหวาก็ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต ชาตินี้ไม่มีทางได้กลับออกมาอีก
เมื่อเสร็จสิ้นคำพิพากษา เหลียงหานมองเหลียงหวาอย่างเ็า ยิ้มมุมปาก พูดบางอย่างที่ทำให้ผู้คนถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน
“ตอนนั้นผมน่าจะฆ่าคุณซะ ไอ้ขยะ”
จากนั้นเ้าหน้าที่ก็พาตัวเขากลับมา เมื่อได้ยินเื่ราวของครอบครัวเขา ยังพิจารณาว่าจะหาหมอบำบัดจิตให้กับเหลียงหานดีหรือไม่ เพราะสภาพจิตใจของเขาตอนนี้อยู่ในภาวะเสี่ยง
แต่เื่นี้สุดท้ายก็ปล่อยผ่านไป เพราะไม่มีใครที่ยินดีจะมาใส่ใจคนแปลกหน้าอย่างจริงใจเหมือนกับอวี๋มู่
เหลียงหานสมัครใจยื่นเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ เป็คณะฟิสิกส์ที่ดีที่สุด
่ปิดเทอมเขาอ่านตำราที่อวี๋มู่จัดเตรียมไว้ให้เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังห่อมันไว้อย่างดี หวงของจนไม่กล้าทำรอยแม้กระทั่งขอบ
เขาเข้าโรงเรียนภาคห้าเมืองเป่ยไปห้ารอบเพื่อสอบถามที่อยู่เดิมของอวี๋มู่ พอตรวจสอบ แต่พอกลับพบว่าไม่มีข้อมูลของอวี๋มู่เลย ราวกับว่าเขาปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ มายังเมืองเป่ยเพื่ออยู่เคียงข้างเขา ช่วยเขาดุจดังเทพเ้า แต่แล้วก็ทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี ให้เขาเหมือนตายทั้งเป็
ครูหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในโลกของเขา และพรากแสงสว่างเดียวในชีวิตเขาไปด้วย
*
เขาเดินรอยตามแผนที่ชีวิตที่อวี๋มู่วางไว้ให้ เข้ามหาวิทยาลัยศึกษาวิชาเอกคอมพิวเตอร์และโทการจัดการทางการเงิน
เขาสมองไวและฉลาด ในยุคนั้น ไม่เพียงแค่ยืมใช้ห้องคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนเพื่อฝึกฝน ยังสั่งสมเทคนิคไว้มากมาย ขึ้นชั้นปีที่สองก็เริ่มเป็แฮ็คเกอร์ โจรกรรมเงินทางคอมพิวเตอร์จากพ่อค้าเศรษฐีคนดังได้มากมาย เขาสร้างเครือข่ายที่เรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างยิ่ง หลังจากโจรกรรมได้เงินมา เขายังเขียนเว็บเพจด้วยตัวเอง ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตขึ้นมา เพียงแค่สองปีก็เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
ชีวิตของเขานั้นราบรื่นมีชัยเฉกเช่นที่ครูอวี๋อวยพรกับเขา ทุกอย่างเป็ไปได้ดีเกินคาด
แต่เขากลับพยายามตามหาครูอย่างสุดความสามารถแต่ก็หาอวี๋มู่คนนั้นไม่เจอ
ไม่มีที่มา ไม่มีที่ไป
ถึงขั้น…...โลกใบนี้ไม่อาจหาคนที่หน้าตาคล้ายกับครูอวี๋ได้แม้แต่คนเดียว
จวบจนสิบปีผ่านไป ในงานรับสมัครพนักงานบริษัท เขาบังเอิญเดินผ่าน มองเห็นหญิงสาวสวมชุดสูทกระโปรงสีดำ ยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่
แทบจะเหมือนกันอย่างไม่มีข้อแตกต่าง
เหมือนครูไม่มีผิด
ั้แ่ใบหน้ายันบุคลิกท่าทาง ใบหน้าที่ดูอ่อนนุ่มกว่าและความคมชัดของใบหน้า แต่ก็ไม่อาจบดบังประสาททั้งห้าได้
ณ จังหวะนั้น เขานึกว่าครูกลับมาแล้ว กลับมาหาเขาแล้ว
ครูไม่ได้ไม่้าเขา ครูทำใจที่จะจากเขาไปไม่ได้หรอก
ในที่สุดครูก็กลับมาจนได้
วันนี้ เขารับหญิงสาวไว้เป็เลขาส่วนตัวของเขา
เขาบอกกับตัวเอง ผู้หญิงคนนี้คือครู เธอคืออวี๋มู่
เพราะแบบนี้เขาถึงรู้สึกได้พักหายใจบ้างจากคืนวันที่คอยทรมานเขาจนแทบขาดอากาศหายใจ
เขาถึงขั้นคอยแอบตามหญิงสาวหลังเลิกงาน เดินตามหญิงสาวกลับคอนโด แล้วเฝ้ายืนมองไฟสว่างจากห้องหญิงสาวอย่างนั้นอยู่บ่อยครั้ง จนห้องนั้นดับมืดถึงจากไป
คนที่อยากเข้าใกล้หญิงสาวมีมากมาย
แต่ไม่ต้องกลัว
ั้แ่เหลียงหานผันตัวเป็แฮ็คเกอร์ มือเขาก็เริ่มแปดเปื้อน
มาวันนี้เขาทำธุรกิจมาสิบกว่าปี ทำเื่สกปรกมานับไม่ถ้วน
การจะจัดการชายเพียงไม่กี่คน ไม่นับว่าเป็เื่ยาก
มีบางคราที่เขาแอบคิด หากครูรู้ถึงพฤติกรรมของเขาในตอนนี้ จะเกลียดเขาหรือเปล่า จะดูถูกเขามากกว่านี้หรือไม่
แต่เขาก็ยังอยากคาดหวัง ภาวนาให้ครูกลับมา ด่าเขาก็ได้ ตีเขาก็ดี ขอเพียงยินยอมอยู่ข้างกายเขา ให้ตัวเองได้มองเห็นเขา ััเขา ถ้าอย่างนั้นแม้เขาจะขอให้ตัวเองไปตาย เหลียงหานก็ยินดี
ทว่าก่อนจะตาย เขาต้องขังครูที่สามารถััได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน จัดการจนอิ่มหนำแล้วค่อยตาย
เขาต้องให้ครูนั้นมีกลิ่นอายของเขาเปื้อนอยู่ทั้งใจและกาย จากนั้นยิงตัวตายขณะที่อีกฝ่ายกำลังถึงจุดสุดยอด ให้เขาจำได้ว่าตัวเองนั้นเป็ผู้ชายคนแรกและคนสุดท้ายของเขา
ความคิดเช่นนี้นั้นน่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย แต่วินาทีที่เหลียงหานรู้ตัวว่าสูญเสียอวี๋มู่ไป ตัวตนของเขาเริ่มเน่าเหม็นั้แ่จิตใจสู่ภายนอก ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับรูปลักษณ์สวยงามภายนอก เขามีกลิ่นเหม็นโฉ่ที่แผ่ออกจากข้างในเหมือนกับซากศพก็ไม่ปาน คนที่เคยใกล้ชิดรู้จักกับเขาล้วนให้ความเคารพแต่ก็รักษาระยะห่างพอสมควร
ความคิดแบบนี้ทรมานใจเหลียงหานอยู่ทุกวี่ทุกวัน ทำให้สายตาที่เขามองหญิงสาวนับวันยิ่งไม่สามารถควบคุมได้
เขามักจะมองภาพอวี๋มู่ซ้อนทับกับหญิงสาว ความ้าที่ถูกสะกดอยู่คอยกล่อมเกลาให้เขาพุ่งตัวออกไป ฉีกคนตรงหน้าให้แหลก แล้วถามเขาว่า ทำไมตอนนั้นถึงทิ้งเขาไป?
ทำไมไม่้าผมแล้ว?
ทำไมถึงทิ้งผมไว้?
เดิมทีหญิงสาวก็เป็คนที่อ่อนไหวอยู่แล้ว ไม่นานนักก็เริ่มรู้สึกถึงท่าทีแปลกประหลาดที่เขาปฏิบัติกับตัวเอง
เมื่อเชื่อมโยงเื่ราวโชคร้ายต่างๆ นาๆ ที่เกิดขึ้นกับคนรอบตัวเธอ เธอยิ่งรู้สึกผวา จนท้ายที่สุดก็ยื่นเื่ลาออก
กระนั้นวันที่เธอยื่นใบลาออกแล้ว ระหว่างทางกลับบ้าน เธอกลับถูกทำให้สลบแล้วลากขึ้นรถไป
ตอนที่ตื่นขึ้นมาตัวเธอก็อยู่ในห้องที่ดูแสนจะเรียบง่ายจนเกินไป
เธอเปิดม่านกั้นห้อง เดินออกมาด้านนอก พบว่าข้าวของเครื่องใช้ในบ้านเป็ของั้แ่สิบกว่าปีที่แล้ว โต๊ะข้างโซฟามีเครื่องฉายจอโทรทัศน์แบบเก่าตั้งวางอยู่ ข้างกำแพงมีโต๊ะสี่เหลี่ยมกับเก้าอี้ไม้วางอยู่ ห้องครัวกับห้องรับแขกอยู่รวมกัน ขนาดไม่กว้างนักทรงจตุรัสถูกเก็บกวาดเรียบร้อย
เพียงแต่ประตูที่เดิมควรเป็ประตูไม้ตอนนี้เป็ประตูที่ประกอบด้วยเหล็กกล้า ้ายังมีกลอนรหัสที่ซับซ้อน
ส่วนผู้บริหารของเธอก็กำลังยืนอยู่หน้าเตาหุงกับข้าวอย่างชำนาญ หลังจากรับรู้ความเคลื่อนไหว เขาก็หันหลังมายิ้มให้เธอ “ครูฮะ ช่วยจัดโต๊ะให้หน่อยฮะ กับข้าวกำลังจะเสร็จแล้ว มีเห็ดคั่วกับมันฝรั่งผัดเนื้อที่ครูชอบด้วยนะฮะ”
หญิงสาวอึ้งกับคำพูดของเขา ในใจขนลุกซู่ เธอถอยชิดติดกำแพง คว้าไม้กวาดที่วางอยู่ตรงนั้น พอให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง เธอจึงเอ่ยถาม “ประธานเหลียง คุณเป็คนพาฉันมาที่นี่ใช่ไหม?”
เธออ้อนวอน “ปล่อยฉันออกไปได้ไหม ฉันลาออกแล้ว ได้โปรดให้ฉันกลับบ้านเถอะ”
ระหว่างที่เธอพูด เหลียงหานก็ผัดกับข้าวเสร็จพอดี
เขาวางกับข้าวลงบนเตาปรุงอาหาร จากนั้นลงมือตั้งโต๊ะเอง พอวางตั้งแล้วก็พูดเองเออเอง “ครูไม่อยากตั้งโต๊ะ ผมตั้งเองก็ได้ ครูไปล้างมือเถอะ อีกเดี๋ยวก็จะได้กินข้าวแล้ว”
หญิงสาวช็อกอยู่อย่างนั้น รู้สึกเพียงว่าชายคนตรงหน้าทำให้เธอขนลุกชัน เธอพยายามข่มเสียงให้นิ่ง เอ่ย “ประธานเหลียง ฉันไม่ใช่ครูของคุณ ฉันชื่อเฉินซืออวิ๋น เป็เลขาของคุณ! หากคุณไม่ปล่อยฉันออกไป ก็เท่ากับผิดกฎหมาย ฉันจะแจ้งความ!”
เหลียงหานวางกับข้าวลงบนโต๊ะ แล้วถึงมองหญิงสาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแต่แสร้งทำเป็นิ่งสงบ เอียงคอซ้ายขวาแล้วเอ่ย “ครูฮะ ครูพูดเื่อะไรกัน? ที่นี่เป็บ้านครูไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องจากไปด้วยล่ะ?”
เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว หญิงสาวถอยหลังหนึ่งก้าว จนหลังชิดกำแพง ถอยต่อไม่ได้อีก
วันเวลาที่ผ่านไปไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าเหลียงหานเท่าไหร่ เขายังคงใบหน้าสะสวยอย่างเกินบรรยาย เดิมหน้าตาที่น่าจะทำให้คนรู้สึกชื่นชอบ ยามนี้ กลับทำให้หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุด
เธอถือไม้กวาดขวางไว้ตรงหน้า เปล่งเสียง “ถอยไปนะ! อย่าเข้ามา! ฉันชื่อเฉินซืออวิ๋น ไม่ใช่ครูบ้าบออะไรของคุณ! ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้! คุณกำลังกักขังหน่วงเหนี่ยวฉันนะ!”
“เฉินซืออวิ๋นคือใครกัน?” ดวงตาของเหลียงหานกลวงโบ๋ ราวกับมองทะลุร่างหญิงสาวเป็อีกคนหนึ่งที่ไร้ตัวตน เขาััใบหน้าของหญิงสาว พูดเสียงเบา “ครูฮะ อย่าเอ่ยชื่อคนอื่นต่อหน้าผมได้ไหม? ผมจะโมโหนะ”
“โอ้ย! ไสหัวออกไป! คุณมันบ้าไปแล้ว! โรคจิต!” หญิงสาวผลักเหลียงหานออก ดวงตาของเธอหวาดกลัวจนแดงก่ำ น้ำเสียงสั่นเครือ
“ปล่อยฉันไปเถอะ! ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันออกไป! ฉันรับปากว่าต่อไปจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคุณอีก! ปล่อยฉันไปได้ไหม?”
เธอเริ่มใช้ไม้อ่อน หวังว่าเหลียงหานจะพอฟังเข้าหูบ้าง
แต่เหลียงหานหลังจากได้ยินคำว่าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก สีหน้าเขาเปลี่ยนฉับพลัน
ั์ตามืดมนนั้นไม่มีประกายแม้แต่เสี้ยวเดียว เหลียงหานกระชากไม้กวาดที่กั้นระหว่างเขาสองคนทิ้งอย่างดุร้าย มือหนึ่งคว้าไหล่หญิงสาวไว้ แล้วกดเธออัดกับกำแพง พูดเสียงเหี้ยม “ยังคิดจะหนีอีกเหรอ? ครูจะหนีไปถึงไหนกัน! ครูเกลียดผมมากถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? เกลียดจนไม่ห่วงตัวเอง าเ็ขนาดนั้นแต่ก็เลือกที่จะจากผมไปกลางดึกแบบนั้น!”
“ครูครับ ยอมรับในตัวผมมันยากลำบากขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลังจากรู้ตัวว่าตัวเองออกแรงมากเกินไป เขาปล่อยมือทันใด ถอยหลังไปสองก้าว ยกมุมปากยิ้มร่าออกมา “สิ่งที่คุณรับปากกับผม สิ่งที่คุณให้สัญญา ล้วนเป็คำพูดลอยๆ ใช่ไหมฮะ? ตกลงกันแล้วว่าจะไม่ทอดทิ้งผม รอผมกลับบ้านพร้อมกัน แต่ครูกลับจากไปอย่างไร้เยื่อใย กระทั่งไม่มีแม้แต่คำกล่าวลาใดๆ ทิ้งไว้ให้ผม…...”
แววตาของเขาเ็ป ราวกับย้อนกลับไปตอนที่อายุสิบกว่าขวบ เริ่มพล่ามเหมือนเด็กที่กำลังสับสน “หากรู้ว่าจะเป็เช่นนี้ แล้วทำไมตอนนั้นถึงทำดีกับผม ครูเป็คนมาคว้าผมไว้ก่อนนี่ แล้วทำไมถึงปล่อยมือ ทำไมต้องปล่อยมือผมไป…….”
*
หลังจากวันนั้น เหลียงหานก็กักขังหน่วงเหนี่ยวหญิงสาว เฝ้ามองเธอทุกวัน เรียกเธอว่าครู ทั้งยังขอให้เธอตัดผมให้สั้นเหมือนกับอวี๋มู่ บังคับเธอใส่ชุดผู้ชาย แล้วยังให้เธอเลียนแบบท่าทางการใช้ชีวิตแบบผู้ชาย เข้าสู่ภาวะของคนบ้าโรคจิตเข้าทุกวัน
เพียงแต่เขาไม่ได้ทำเื่ที่เกินเลยกับเฉินซืออวิ๋นเลยแม้แต่น้อย
เพราะถึงจะบ้าเข้าขั้นเพียงใด แต่ในก้นบึ้งหัวใจเขาก็ยังระลึกได้ว่า ครูที่แท้จริงไม่มีวันกลับมาหาเขาอีก
เบื้องหน้าเขาเป็เพียงของลอกเลียนแบบ มีไว้เพื่อให้หัวใจเขาเน่าสลายช้าลงอีกนิด
เื่ไม่ได้จบเพียงเท่านี้
วันที่ประตูถูกเปิดออก เหลียงหานถูกตำรวจควบคุมตัวออกจากห้องใต้ดิน
อากาศที่สดใส เขาเงยหน้าขึ้นมอง แสงตะวันสาดส่องตัวเขา แต่กลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้แต่นิดเดียว
เขาหันหลังมองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอกชายคนอื่น ะโเสียงสูงออกมา “ครูฮะ!”
เพียงแต่แววตาของหญิงสาวนั้นมองเขาด้วยความหวาดผวาแล้วรีบหลบตาไปอีกทาง ราวกับว่าเขาเป็ปีศาจกินคน
เหลียงหานอึ้งและใ หัวเราะขมขื่น
ใช่สิ เธอไม่ใช่ครูของเขา
หากเป็ครูจริง ตอนที่เขาะโเรียก ครูต้องหันมายิ้มให้เขา แล้วลูบผมเขาอย่างเบามือพร้อมกับพูด “อื้อ ครูกลับมาแล้ว”
อ่อนโยนจนทำให้เขาน้ำตารินไหล
วินาทีที่เขาแย่งปืนมาฆ่าตัวตายนั้น เหลียงหานไม่ได้คิดอะไรในหัวแม้แต่นิดเดียว ดวงตาของเหลียงหานสะท้อนออกมาเพียงตะวันสีทองเฉิดฉายที่อยู่บนท้องฟ้า
ระยิบระยับงามตา เหมือน…...กับครูไม่มีผิด
ถึงตอนนี้เขาถึงเข้าใจ
ที่แท้.. หนูที่หลบอยู่ในรูโสโครกมืดมนนั้น ไม่มีวันดวงตะวันอันเจิดจ้าได้
ตลอดมาเป็เพียงสิ่งที่เขาคาดหวังไปเองทั้งนั้น