ซูจิ่นซีมองไปยังรูปลักษณ์ของซูเมิ่งเหยาอดไม่ได้ที่จะป้องปากหัวเราะ “พรืด” ออกมา รอยยิ้มของนางดูสดใสเป็พิเศษราวกับว่ากำลังชมการแสดงชั้นยอด
“พี่หญิงสี่ เ้าเก็บแรงเอาไว้เถิด! อ่อ! ไม่สิ เ้าไม่ใช่พี่หญิงสี่ พี่หญิงสี่ผู้เป็พี่สาวต่างมารดาที่น่าสงสารของข้านั้นถูกเ้าฆ่าไปตั้งนานแล้วกระมัง? เ้ามันปลอมเปลือก ข้าควรเรียกเ้าว่าซิ่งหลิวหลี”
ขณะที่ซูจิ่นซีพูดอยู่นั้น แววตาของนางก็ค่อยๆ มืดมนและเ็า “ซิ่งหลิวหลี ชีวิตนี้เ้าถูกลิขิตไว้ให้ล้วนทำอันใดไม่ได้ทั้งสิ้นคนที่รักเ้า บัดนี้เขาอยู่เคียงข้างเ้าเพื่อรับโทษทัณฑ์ที่ไร้มนุษยธรรม ส่วนผู้ที่เ้ารักที่สุดกลับอยู่เคียงข้างคนที่เ้าจงเกลียดจงชังที่สุดทุกสิ่งที่เ้าต้องประสบอยู่ในตอนนี้ล้วนเป็สิ่งที่ผู้ที่เ้าอุทิศตัวบูชาที่สุดประทานให้เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว เ้าเ็ปหรือไม่? หืม?”
“ซูจิ่นซี เ้ามันสตรีน่ารังเกียจ เ้าหุบปาก! เ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!” ในที่สุดซูเมิ่งเหยาก็ถูกซูจิ่นซีทำให้เสียสติ นางเอื้อมมือออกมานอกรั้วอย่างบ้าคลั่ง
ซูจิ่นซีนึกถึงพี่หญิงสี่ซูเมิ่งเหยาที่ตอนเด็กๆ ดีกับนางมาตลอดคาดไม่ถึงว่าจะตายด้วยน้ำมือของหญิงตรงหน้านางผู้นี้
และคาดไม่ถึงว่าหญิงผู้นี้หลอกลวงนางมานานหลายปีเหลือเกิน ทั้งยังวางยาพิษเรื้อรังเข้าสู่ร่างกายนางทีละนิดๆ
เมื่อคิดย้อนกลับไปใน่เวลาหลายปีที่ผ่านมา การถูกเยาะเย้ย ความอัปยศและความคับข้องใจที่นางได้รับเนื่องจากรอยพิษบนใบหน้าของนาง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ซูจิ่นซีรู้สึกว่าการที่ซูเมิ่งเหยาได้รับโทษทัณฑ์เช่นนี้ยังไม่หนักพอไม่ร้ายแรงพอ ยังไม่สมกับความโกรธเกลียดในใจนางเสียด้วยซ้ำ
ซูจิ่นซีหันกลับมาอย่างเ็า ไม่เหลือบมองไปยังดวงตาที่ราวกับคนเสียสติของซิ่งหลิวหลีแม้แต่น้อย
นางข้ามภพมานานถึงเพียงนี้แล้ว นี่เป็ครั้งแรกที่ซูจิ่นซีััถึงความทรงจำที่แท้จริงของคนสองคนในร่างกายนี้ได้ความผันผวนของชีวิตและอารมณ์ความรู้สึก ความปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไป [1] ของคนสองคน
ซูจิ่นซีผู้กล้าหาญและสดใสจากศตวรรษที่ 21ซ่อนความเกลียดชังที่มิอาจจางหายไปของสตรีอีกผู้หนึ่งในโลกนี้ไว้ในส่วนลึกของจิติญญาและนั่นคือปีศาจที่ซ่อนอยู่
ซูจิ่นซีเดินมาถึงห้องขังของซูจ้ง นางยังได้พบกับบุคคลอีกผู้หนึ่งนั่นก็คืออวิ๋นจิ่น
อวิ๋นจิ่นกำลังพันแผลให้ซูจ้งอยู่
“พระชายา พวกเราได้พบกันอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ”
เมื่ออวิ๋นจิ่นเห็นซูจิ่นซี เขายังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนและอบอุ่นกวาดล้างความขุ่นมัวภายในใจของซูจิ่นซี
“หมอหลวงอวิ๋น ท่านเป็ผู้ที่การงานยุ่งมากผู้หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าในคุกหลวงแห่งนี้ยังมีผู้ป่วยของท่านอีกด้วย” ซูจิ่นซีพูดเป็นัย
ชื่อเสียงของอวิ๋นจิ่นช่างกว้างขวางเสียจริง!
เื่เล็กน้อยเช่นการพันแผลให้คนในคุกหลวง เขาไม่จำเป็ต้องมาทำด้วยตนเองหรอกกระมัง?
“พระชายาพูดล้อเล่นอีกแล้ว กระหม่อมกับหัวหน้าหมอหลวงซูเป็เพื่อนร่วมงานกันสิ่งเหล่านี้เป็เพียงการทำงานร่วมกันเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ แม้กระหม่อมไม่เห็นแก่หน้าตาและตำแหน่งของหมอหลวงซูก็ต้องรักษาเกียรติของพระชายา กระหม่อมจึงมาเพื่อดูอาการาเ็ของหัวหน้าหมอหลวงซูพ่ะย่ะค่ะ”
อวิ๋นจิ่นทำเช่นนี้เพื่อรักษาเกียรติของซูจิ่นซีหรือ?
คำพูดคำจาของอวิ๋นจิ่นมักจะทำให้คนสบายใจยิ่งนัก
“เช่นนั้นก็ต้องลำบากหมอหลวงอวิ๋นแล้ว! ” ซูจิ่นซีพูดขึ้นพร้อมทั้งยกยิ้มอย่างแ่เบา
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ าแของหัวหน้าหมอหลวงซูพันไว้เรียบร้อยแล้ว กระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะหากมีเื่อันใด้าเรียกใช้กระหม่อม ท่านสามารถให้คนมาแจ้งกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ได้! ” ซูจิ่นซีพยักหน้า
หลักจากที่อวิ๋นจิ่นจากไป ซูจิ่นซีก็เข้าไปในห้องขัง
นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าซูจ้งจะฆ่าตัวตาย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็การทำฮาราคีรี [2] ด้วย
อย่างไรก็ตามในฐานะแพทย์ ฝีมือของซูจ้งแม่นยำมากทีเดียว แม้มีดจะแทงถูกจุดสำคัญทว่าเขาได้ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้วว่าตนจะไม่ตาย
“บิดาของข้า เพื่อที่จะได้พบหน้าข้า ท่านต้องทุกข์ยากลำบากยิ่งนัก! ” ซูจิ่นซีจงใจกดเสียงในประโยคสุดท้าย
ซูจ้งหัวเราะขึ้นมาอย่างขมขื่น “หากไม่ทำเช่นนี้แล้ววันนี้พ่อจะบังคับเ้ามาที่นี่ได้อย่างไรเล่า? ”
“พูดมาเถิด! ท่านหมายความว่ายังไง? ”
ซูจิ่นซีหยิบของที่พัศดีมอบให้นางออกมาจากแขนเสื้อแล้วโยนลงบนโต๊ะต่อหน้าซูจ้ง
นั่นเป็เพียงกระดาษแผ่นหนึ่ง ภาพ้าเป็ลวดลายของหยกกิเลน
เมื่อทราบว่าหยกกิเลนเป็ของของนาง ทั้งยังเกี่ยวข้องกับ่เวลาอีกด้านหนึ่งของกำไลข้อมืออีกด้วยซูจิ่นซีจึงเกิดความสนใจในหยกกิเลนเป็อย่างยิ่ง นางรู้สึกว่าต้องมีความลับที่ใหญ่หลวงเก็บซ่อนอยู่เื้ัของสิ่งนี้อย่างแน่นอน
ซูจ้งยกยิ้มที่มุมปาก ราวกับประสบความสำเร็จในเล่ห์เพทุบายของตน “จิ่นซี เ้ายังเด็กเกินไป”
รอยยิ้มดังกล่าวทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกเกลียดเข้ากระดูกนางแทบรอไม่ไหวที่จะโยนกระดาษแผ่นนั้นลงบนใบหน้าของซูจ้ง
“หยกกิเลนกับท่านแม่ของข้าเกี่ยวข้องกันอย่างไร? เหตุใดท่านต้องฆ่านาง ข้าไม่ใช่เด็กน้อยและไม่ใช่คนโง่เขลาดังเช่นซูจิ่นซีคนเดิมท่านควรอธิบายกับข้าได้แล้ว”
ต่อให้ซูจิ่นซีต้องตาย นางก็ไม่มีวันลืมเหตุการณ์ในวันที่มารดาของนางเสียชีวิต
เคราะห์ร้ายยิ่งนัก
บนพื้นนองไปด้วยเื ย้อมร่างกายของนางให้แดงฉาน
ซูจิ่นซีวิ่งเข้าไปในกองเื ะโเรียกหาท่านแม่ไม่หยุดทว่าหาอย่างไรก็หาไม่พบ เหตุการณ์สุดท้ายที่นางเห็นในสถานที่ไม่คุ้นเคย คือซูจ้งใช้กริชแทงที่หน้าอกมารดาของนาง
ทั่วแผ่นฟ้าเต็มไปด้วยอีกาดำ ร้องระงมอย่างโศกเศร้า
สีสันในชีวิตของนางวันนั้นราวกับเหลือเพียงสองสีเท่านั้นอีกาสีดำและเืสีแดง
ั้แ่วันนั้นเป็ต้นมา ระดับสติปัญญาของซูจิ่นซีก็หยุดลงที่อายุเจ็ดปีไปตลอดกาลเพราะนางทนรับแรงกระทบกระเทือนในจิตใจไม่ไหว
ซูจิ่นซีกำหมัดแน่น ดวงตาโหดร้ายนำมาซึ่งรัศมีแสงอันเจิดจ้า นางกระแทกหมัดลงบนโต๊ะเบื้องหน้าซูจ้ง “ซูจ้ง ชีวิตแลกชีวิต ข้าจะฆ่าท่านเดี๋ยวนี้! ”
ซูจ้งไม่เคยเห็นซูจิ่นซีเป็เช่นนี้มาก่อน เขาใกับท่าทางของซูจิ่นซี พลางกลืนน้ำลายแห้งๆ “ซูจิ่นซี ข้าไม่ได้ฆ่าแม่ของเ้า”
“ข้าเห็นกริชในมือของท่านแทงอกของนางกับตาตนเองท่านยังจะพูดว่าไม่ได้ฆ่าหรือ?”
ซูจิ่นซีแทบรอไม่ไหวที่จะทุบศีรษะของซูจ้ง
“บางครั้งสิ่งที่ตาเห็นอาจไม่เป็ความจริง ทว่าข้าเท่านั้นที่รู้ความจริงยิ่งไปกว่านั้นยังมีความลับที่ยิ่งใหญ่มากกว่า หากเ้า้าทราบเ้าต้องทำเื่หนึ่งให้ข้า”
นี่คือจุดประสงค์แท้จริงที่ซูจ้งให้ซูจิ่นซีมาใช่หรือไม่?
คิดไม่ถึงว่าป่านนี้แล้ว ซูจ้งยัง้าใช้นางเป็เครื่องมือ
ในที่สุดซูจิ่นซีก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางกำหมัดชกไปยังใบหน้าของซูจ้งอย่างแรงพลางกัดฟันถามขึ้นว่า “ซูจ้ง เหตุใดข้าจึงมีบิดาเช่นท่านกัน? เหตุใดท่านไม่ตายไปเสีย? เหตุใดปีนั้นคนที่ตายถึงไม่เป็ท่าน? เหตุใดกัน? ”
ศีรษะของซูจ้งกระแทกลงกับพื้น เขาเช็ดเืที่มุมปาก ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นมาอย่างเชื่องช้าริมฝีปากเผยรอยยิ้มเ็ากล่าวว่า “ซูจิ่นซีนี่เป็ชีวิตของเ้า! นี่เป็ชีวิตของเ้ากับแม่ของเ้า!”
ซูจิ่นซีอยากเข้าไปชกซูจ้งอีกสักครั้ง ทว่านางยังอดทนไว้ได้หมัดที่กำอยู่ข้างลำตัวสั่นสะท้าน
“ซูจิ่นซี เ้า้าทราบหรือไม่ว่าใครเป็ผู้ที่ฆ่าแม่ของเ้า? ้าทราบฐานะที่แท้จริงของแม่เ้าหรือไม่ว่านางเป็ผู้ใด? หากเ้า้าทราบ ข้าอยากให้เ้าช่วยข้าเ้าจะต้องช่วยข้าให้สำเร็จให้ได้ มิเช่นนั้น ชีวิตนี้เ้าอย่าหวังว่าจะได้รับรู้เื่ราวทั้งหมดเลย”
“ไปตายซะ! ”
ซูจิ่นซีคว้าเชิงเทียนบนโต๊ะทุบไปทางด้านหลังศีรษะของซูจ้ง
รอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปากของซูจ้งปรากฏออกมาเพียงครึ่งเดียว ดวงตาของเขาเบิกกว้างอยู่ครู่หนึ่งก็ล้มลงไปกับพื้น
“ให้ตายเถิด! คนอื่นบังคับข้าก็ช่างประไร ท่านยังบังคับข้าอีกพญายมเหตุใดท่านจึงปล่อยให้ขยะผู้นี้อยู่บนโลกใบนี้อีก ขยะ ขยะ ขยะ... ”
ซูจิ่นซีพุ่งไปด้านหน้าและเตะซูจ้งอย่างรุนแรง ทั้งยังะโชกต่อยและใช้เท้าเตะ
แม้ซูจ้งจะเป็บิดาแท้ๆ ทว่าในที่สุดซูจิ่นซีก็อดรนทนไม่ไหว ะเิออกมา
......
เชิงอรรถ
[1] อารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไป สุภาษิตจีน หมายถึง ความสุข ความโกรธ ความกังวล ความคิด ความเศร้าความกลัว และความใ ส่วนความปรารถนาหรือความอยากของมนุษย์นั้นมี 6 อย่างด้วยกันคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
[2] ทำฮาราคีรี คือการฆ่าตัวตายด้วยการคว้านท้อง