เซียวจื่อเซวียนหันกลับมา ยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่มีอะไร”
เขากลับไปล้างชามต่อ แต่หยาดน้ำตาหนึ่งหยดกลับไหลลู่ลงข้างแก้มหยดลงไปในกระทะเหล็ก เขารีบหันหลัง ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดคราบน้ำตา
หลังจากกินอาหาร เซี่ยยวี่หลัวพักผ่อนครู่หนึ่งจึงพาเซียวจื่อเมิ่งไปยกน้ำร้อนสะอาดมา จะอาบน้ำให้เซียวจื่อเมิ่ง
เซียวจื่อเมิ่งอิดออดไม่ยอมอาบ “พี่สะใภ้ใหญ่ เมื่อวานก่อนข้าเพิ่งอาบไป”
เซี่ยยวี่หลัวเป็คนอาบให้
เซี่ยยวี่หลัวไม่ยอม จับนางมาถอดเสื้อผ้า ระหว่างนั้นก็กล่าว “หลายวันมานี้อากาศดี ออกไปวิ่งเล่นครู่หนึ่งเหงื่อก็ออกเต็มตัวแล้วเหงื่อเปียกชื้นเนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะจะสบายตัวหรือ? อาบน้ำให้สะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดถึงจะนอนหลับสบาย”
เซี่ยยวี่หลัวเป็คนรักสะอาด
อย่าว่าแต่วันที่อากาศแบบนี้เลยต่อให้เป็ฤดูหนาวอุณหภูมิติดลบหลายองศาและมีหิมะตกหนัก นางก็ต้องอาบน้ำทุกวันหากไม่อาบน้ำจะไม่สบายตัว
เซี่ยยวี่หลัวผสมน้ำอุ่นเสร็จแล้วหลังจากถอดเสื้อผ้าให้เซียวจื่อเมิ่งจนเปลือยเปล่า จึงจับนางเข้าไปในอ่างไม้ภายในห้องจุดเตาไฟไว้ จุดไว้ั้แ่ก่อนกินอาหาร ภายในห้องอุ่นสบายเซี่ยยวี่หลัวกลัวเซียวจื่อเมิ่งจะหนาว รีบอาบน้ำให้นาง จากนั้นจึงใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ซับน้ำให้นางจนแห้งก่อนจะวางนางลงใต้ผ้านวมบนที่นอน
ใต้ผ้านวมวางโถน้ำร้อนไว้นานแล้ว ด้านในอบอุ่นยิ่งนักเซียวจื่อเมิ่งนอนอยู่ด้านในด้วยความสบายนอนตะแคงเห็นเซี่ยยวี่หลัวกำลังซักเสื้อให้นางด้วยน้ำร้อนที่นางใช้อาบเมื่อครู่
ภายในห้องอบอุ่นมากเซียวจื่อเมิ่งเห็นว่าเมื่อครู่นี้พี่สะใภ้ใหญ่อาบน้ำให้นางหน้าผากมีเหงื่อซึมชื้น ภายใต้แสงไฟสลัวจากตะเกียงน้ำมันเซียวจื่อเมิ่งมองเซี่ยยวี่หลัว ตกอยู่ในภวังค์เหม่อลอยไปชั่วขณะ
เซี่ยยวี่หลัวกำลังซักเสื้อผ้า ใช้มือบิดเสื้อผ้าเดี๋ยวใช้น้ำสะอาดล้างอีกรอบก็เสร็จแล้ว นางเพิ่งบิดผ้าเสร็จยกแขนขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ก็มีเสียงสะอื้นดังแว่วเข้ามาใสโสตประสาท
เซี่ยยวี่หลัวหันมองบนเตียง คนตัวเล็กแอบอยู่ใต้ผ้านวมเสียงดังมาจากใต้ผ้านวมนั่นเอง
นางนึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้ รีบมาดูด้วยความวิตก “จื่อเมิ่ง เ้าเป็อะไรไป? ไม่สบายตรงไหน? ทำไมถึงร้องไห้?”
ร่างเล็กใต้ผ้านวมสั่นเทิ้มไม่หยุดเซี่ยยวี่หลัวเปิดผ้านวมเพื่อดูนาง ภายใต้ผ้านวมแสนอบอุ่น แขนเล็กสองข้างยื่นออกมาโอบรอบคอเซี่ยยวี่หลัวไว้ทันที ศีรษะเล็กพักพิงอยู่บนไหล่เซี่ยยวี่หลัวร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
เซี่ยยวี่หลัวกลัวว่านางจะรู้สึกน้อยใจอะไร รีบเอ่ยถาม “เป็อะไรไปจื่อเมิ่ง เ้าอย่าเพิ่งร้องไห้บอกพี่สะใภ้ใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เซียวจื่อเมิ่งพิงตรง่ลำคอเซี่ยยวี่หลัวและร้องไห้หยาดน้ำตาหยดใหญ่ไหลรินลงตรงแอ่งไหปลาร้าของเซี่ยยวี่หลัวเสียงร่ำไห้และหยาดน้ำตาทำให้เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกปวดใจนักนางโอบกอดเซียวจื่อเมิ่งไว้แน่น ตบหลังนางเบาๆ ไม่หยุดปลอบโยนนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “จื่อเมิ่งไม่ร้องมีอะไรบอกพี่สะใภ้ใหญ่ได้ ไม่ร้องไห้นะ!”
กล่าวถึงประโยคหลัง น้ำเสียงของนางก็เริ่มสะอื้น
นางรู้สึกอึดอัดมาก นางกลัวมาก
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อเห็นเด็กสองคนนี้ก็คิดถึงชะตากรรมอันน่าอนาถของพวกเขาที่เขียนไว้ในหนังสือเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกเหมือนโดนคนขย้ำหัวใจ ภายในใจนางเหมือนโดนดึงทึ้งจนเ็ป
อึดอัดเหลือเกิน!
เซียวจื่อเมิ่งสะอื้นไห้ “เสี่ยวฮวาบอกว่า ตอนนางอยู่บ้านท่านแม่ของนางเป็คนอาบน้ำสระผมให้นางแต่ข้าจำไม่ได้แล้วว่าท่านแม่เคยอาบน้ำสระผมให้ข้าหรือไม่ ฮือๆ… เสี่ยวฮวามักจะหัวเราะเยาะ บอกว่าข้าบอกว่าข้าเป็เด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่...”
เซี่ยยวี่หลัวโอบกอดนางไว้ในอ้อมอก
รู้สึกปวดใจจนทนไม่ไหว
ทำไมเด็กคนนี้ถึงน่าเอ็นดูได้ถึงเพียงนี้
เซี่ยยวี่หลัวกอดนางไว้ ปลอบโยนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เด็กโง่ ท่านพ่อท่านแม่ไม่อยู่แล้วนั่นเป็เพราะพวกท่านไปอยู่อีกสถานที่หนึ่ง แต่พวกท่านจะมองเห็นพวกเราเราต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุข พวกท่านถึงจะดีใจต่อไปเ้าก็คิดเสียว่าข้าเป็มารดาของเ้า ดีหรือไม่? พี่สะใภ้ใหญ่จะเลี้ยงดูเ้าให้เติบใหญ่ต่อไปจะเบิกตาให้กว้างมองหาสามีที่ดีให้เ้า เฝ้าดูเ้าแต่งงานมีลูกเฝ้าดูเ้าอยู่อย่างมีความสุข เข้าใจหรือไม่?”
เซียวจื่อเมิ่งมุดอยู่ในอ้อมกอดเซี่ยยวี่หลัวแหงนหน้าเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงแ่เบา “เช่นนั้นต่อไป ข้าสามารถบอกเสี่ยวฮวาได้หรือไม่ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ก็คือท่านแม่ของข้า?”
“ได้แน่นอน!” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความหนักแน่น “พี่สะใภ้ใหญ่เสมือนมารดา ต่อไปข้าก็คือมารดาของเ้าและพี่รองเข้าใจหรือไม่?”
เซียวจื่อเมิ่งแย้มรอยยิ้มอ่อนหวาน เซี่ยยวี่หลัวกอดนางไว้ใช้ผ้านวมโอบนางไว้แน่น เมื่อเห็นนางแย้มรอยยิ้มภายในใจเซี่ยยวี่หลัวก็เหมือนมีดอกไม้เบ่งบาน
เด็กคนนี้ นางจะให้เด็กคนนี้มีชีวิตที่ราบรื่น ปลอดภัยและสงบสุขไปชั่วชีวิต
“เช่นนั้นข้าก็มีท่านแม่แล้ว ต่อไปหากเสี่ยวฮวาหัวเราะเยาะข้าอีกข้าก็สามารถบอกนางว่า พี่สะใภ้ใหญ่คือท่านแม่ของข้า!”
“อือ! ข้าก็คือแม่ของเ้า!” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างมั่นใจและเด็ดขาด
น้ำเสียงหนักแน่น ทั้งยังเต็มไปด้วยความอ่อนโยนไร้ขีดจำกัด
เซียวจื่อเซวียนที่วิ่งมาเพราะได้ยินเสียงร้องไห้ภายในห้องสุดท้ายก็ไม่ได้ผลักเปิดประตูเข้าไป
เสียงดีอกดีใจของเซียวจื่อเมิ่งดังขึ้นจากด้านในเป็ระยะนางไม่เคยดีใจขนาดนี้มาก่อน
เซียวจื่อเซวียนยืนหลังพิงกำแพง แหงนหน้ามองดวงจันทร์บนท้องฟ้าเผยรอยยิ้มบางที่มุมปาก เพียงแต่ ไม่นาน สีหน้าของเขาก็มืดหม่น
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าเซียวจื่อเซวียนอยู่ด้านนอกหลังจากนางปลอบเซียวจื่อเมิ่งเสร็จ จึงจัดการน้ำสกปรกภายในห้องนางเองก็อาบน้ำจนเสร็จ แล้วจึงขึ้นเตียงไป
คนตัวเล็กที่อยู่ใต้ผ้านวมเห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวมาแล้ว รีบถอยหลังไปเซี่ยยวี่หลัวนึกว่านางกลัวตัวเองอีกแล้ว แต่หลังจากขึ้นเตียงเมื่อพบว่าตรงที่ตัวเองนอนอุ่นสบาย เซี่ยยวี่หลัวจึงเข้าใจ
เด็กคนนี้กำลังอุ่นเตียงให้นาง
เด็กอายุแค่หกขวบ ทำไมถึงมีจิตใจอ่อนโยนเช่นนี้!
เซี่ยยวี่หลัวยื่นมือไปดึงเซียวจื่อเมิ่งให้ขยับเข้ามาใกล้ตัวเองทั้งสองคนแนบชิดกัน เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว "จื่อเมิ่ง พี่สะใภ้ใหญ่จะเล่านิทานให้เ้าฟัง"
เด็กน่ารักขนาดนี้ ทั้งว่าง่ายและรู้ความเหตุใดเซี่ยยวี่หลัวในนิยายถึงทารุณพวกเขาได้ลงคอ!
เซียวจื่อเมิ่งตาลุกวาวเป็ประกายพยักหน้าราวกับลูกไก่จิกเมล็ดข้าวก็มิปาน "ดีเ้าค่ะๆ"
นางไม่เคยฟังนิทานมาก่อนมีเพียงบางครั้งที่ได้ยินพี่ใหญ่บรรยายบทเรียนให้พี่รองพี่ใหญ่จะเล่านิทานสั้นโดยอิงตามตำรา คนที่เซียวจื่อเมิ่งเลื่อมใสที่สุดก็คือพี่ใหญ่
ทว่า...
จนถึงตอนที่เซี่ยยวี่หลัวกล่าวว่า "หากอยากรู้ว่าเื่ราวต่อจากนั้นเป็อย่างไรมาติดตามกันต่อในคืนวันพรุ่งนี้" เซียวจื่อเมิ่งกะพริบตาปริบๆ ดวงตาฉายประกายแวววาวจับแขนเซี่ยยวี่หลัวไว้ "พี่สะใภ้ใหญ่แล้วในภายหลังวานรตัวนั้นได้ฝึกวิชาะหรือไม่? มหาสมุทรกว้างใหญ่ขนาดนั้น เขาอยู่กลางมหาสมุทรเพียงลำพังไม่กลัวอย่างนั้นหรือ? หากเขาฝึกวิชาะสำเร็จแล้ววานรตัวอื่นๆ ของเขาล่ะ? จะเป็ะเหมือนเขาหรือเปล่า?"
เซี่ยยวี่หลัวเล่านิทานเื่ ซีโหยวจี้ [1] ให้นางฟัง เด็กคนนี้ถามคำถามต่อเนื่องหลายข้อแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเซียวจื่อเมิ่งชอบฟังนิทานเื่นี้
นางกะพริบตาคู่โตสีดำแจ่มชัด ใบหน้าบ่งบอกความสงสัยและใคร่รู้
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวเห็นดวงตาสีดำแจ่มชัดนั่นภายในใจก็รู้สึกอ่อนยวบ "จื่อเมิ่งชอบฟังนิทานเื่นี้หรือไม่?"
เชิงอรรถ
[1]ซีโหยวจี้ หรืออีกชื่อหนึ่งคือไซอิ๋ว หนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีน