หน่วยมือปราบย่อมมิได้มีแต่ตัวโง่งม ไม่เช่นนั้นจะสามารถควบคุมและจัดการเหล่าพยัคฆ์ที่พยศทั้งหลายในเมืองหลวงได้อย่างอยู่หมัดอย่างไร เนี่ยนซูหลังจากสั่งให้จารชนล่าถอยไปดักที่ประตูกำแพงเมืองทั้งสี่ทิศเพื่อป้องกันจังหวะถูกขัดขวางเช่นนี้เป็ผลให้เจียเซินลอบหลบหนีโดยอาศัยจังหวะชุลมุน คล้ายทราบอยู่แต่แรกจะอย่างไรการคร่ากุมคนครั้งนี้จะไม่เรียบง่าย จะอย่างไรนี่เป็แผนคิดอ่านเบื้องต้นของระดับหัวหน้าชั้นเพลิงเช่น เนี่ยนซูและอวี้เทียนเฉินอยู่แล้ว
ซึ่งยามปกติทุกครั้งที่หัวหน้าชั้นเพลิงจะออกปฏิบัติการจะมียอดฝีมือลับแอบซุ่มติดตามไปทุกที่ สำหรับหัวหน้าชั้นเพลิงของมือปราบแขนเสื้อแดงนี้ไม่ว่าเป็ยอดฝีมือนอกดินแดนหรือผู้มีอำนาจในเมืองหลวงล้วนแต่้าตัดศีรษะของพวกเขา
จะอย่างไรการมีอยู่ของหน่วยมือปราบแขนเสื้อแดงเปรียบเสมือนก้างใหญ่โตที่มักคอยขวางทุกคนเอาไว้ โดยกลุ่มอำนาจที่ไม่ถูกกับหน่วยมือปราบแขนเสื้อแดงมากที่สุดคือกลุ่มอำนาจของแม่ทัพใหญ่
อาณาจักรชางไห่มีแม่ทัพใหญ่ประจำสี่ทิศ ที่แข็งกร้าวไร้ไมตรีที่สุดคือแม่ทัพเหนือ ที่ดุดันเหี้ยมหาญที่สุดคือแม่ทัพใต้ ที่นิ่งเงียบไม่สนใจผู้ใดทว่ามีความสามารถในด้านหลายคือแม่ทัพตะวันออก ที่ลึกลับที่สุดคือแม่ทัพตะวันตก
แม่ทัพใหญ่ส่วนมากประจำอยู่ชายแดนประตูเมืองทว่ายังกุมอำนาจในเมืองหลวงไว้ไม่น้อย ในแต่ละหน่วยแม่ทัพเพาะเลี้ยงยอดฝีมือและขุมกำลังเอาไว้ไม่น้อย ดังนั้นอาศัยเพียงงบประมาณของทางการย่อมไม่สามารถเลี้ยงยอดฝีมือได้ทั่วถึง จึงมีการแย่งสิทธิ์ชิงอำนาจการอย่างดุเดือด
เจ็ดดินแดนอาณาจักรชางไห่อยู่ทางตอนกลาง พันธมิตรที่ดีที่สุดของชางไห่คืออาณาจักรโยวมู่ อาณาจักรที่สืบทอดสายเืโบราณของเผ่าพฤกษาา
ที่เป็คู่ขันแข่งที่สำคัญและไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ที่สุดคือ ดินแดนิอวี้คนเถื่อนเผ่ามารทางตะวันตกกับอาณาจักรเทียนหลงผู้สืบทอดสายเืของัาทางตอนใต้
ที่ทางเหนือสุดเป็อาณาจักรหานซวงเป็กลุ่มเดียวที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเื่อำนาจทางโลก เป็อาณาจักรของสำนักพุทธและลัทธิเต๋าร่วมกันปกครอง หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือการป้องกันแนวชายแดนของมวลมนุษย์ ป้องกันไม่ให้สัตว์ประหลาดทางเหนือรุกรานเข้ามาสู่ดินแดนสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
ในอาณาจักรทั้งหมดนับอาณาจักรอวี้หวงอ่อนกำลังทางการทหารมากที่สุด ทว่าอาณาจักรอวี้หวงเป็อาณาจักรใหญ่ที่รุ่งเรืองและเป็พันธมิตรของทั้งหมด เนื่องเพราะพวกเขาเป็อาณาจักรเดียวที่ไม่ฝึกมรรคาอื่น เพียงฝึกสายผู้สร้าง ของวิเศษ อาวุธ โอสถล้ำค่าที่ทั้งโลก้านับของอาณาจักรอวี้หวงเลิศเลอที่สุดในเจ็ดดินแดน
ดังนั้นอาณาจักรอวี้หวงแม้นไม่มีอำนาจทางการรบสูงเยี่ยมทว่าทุกอาณาจักร้าเป็พันธมิตรกับพวกเขา
ชายชราที่เมื่อครู่หลังยังงองุ้มเป็ผู้นำของคนทั้งหมด ไท้หยูกวาดตามองรอบหนึ่งก็ทราบทันทีว่าขุมกำลังของชายชราเหนือกว่าฝ่ายมือปราบอยู่มาก ทางพลังรบส่วนตัวทุกคนล้วนเป็ผู้ฝึกตนระดับรวมกายขึ้นไปมีสามคนเป็ระดับขั้นจิตไร้ขอบ ฝ่ายมือปราบที่ถือเกาทัณฑ์บนหลังคาและกำแพงมีครึ่งหนึ่งเป็รวมกายอีกครึ่งหนึ่งระวังต่ำกว่านั้น เพียงอาศัยเกาทัณฑ์ที่ยากตอแยกับอยู่สูงกว่าอีกฝ่ายทำให้ได้เปรียบขึ้นมาเล็กน้อย
ผู้ฝึกตนระดับจิตไร้ขอบหนึ่งคนอยู่ด้านหน้าคือชายชรา อีกหนึ่งอยู่ทางซ้ายเป็หญิงสาวที่ยวนยั่วสวมอาภรณ์แบบบางเปิดเผยเนื้อหนังนางนั้น อีกหนึ่งหลบซุ่มอยู่ด้านหลัง ยืนอยู่หลังฝูงชนไท้หยูไม่สามารถมองเห็นว่ามีรูปร่างอย่างไรเพราะถูกคนทั้งหลายบังเอาไว้ ยามนั้นไท้หยูใช้กระแสจิตสื่อสารกับเนี่ยนซูและอวี้เทียนเฉินกล่าวว่า
“ท่านมิใช่บอกว่าในเมืองหลวงยอดฝีมือระดับจิตไร้ขอบมีไม่มากหรือ ตรงนี้หากนับรวมพวกเราเข้าไปด้วยก็มีหกคนแล้ว”
อวี้เทียนเฉินสายตาจับจ้องชายชราที่หลังไม่งองุ้มแล้วส่งกระแสจิตกลับคืนว่า
“นั้นเป็ยอดฝีมือที่มีรายชื่ออยู่ในทางเปิดเผย ในแต่ละกลุ่มอำนาจย่อมมียอดฝีมือที่ซ่อนเร้นอยู่บ้าง อย่างเช่นยอดฝีมือระดับเทพปรากฏผู้นั้น คนเหล่านี้ก็เช่นเดียวกันเพียงมิทราบว่าเป็กลุ่มก้อนของผู้ใด” หยุดเล็กน้อยสำรวจกลุ่มคนทั้งหมดแล้วกล่าวสืบต่อว่า
“คนทั้งหมดนี้ย่อมมิใช่เจียเซินชักนำมา เขาเป็เพียงลูกกระต่ายย่อมไม่มีทางออกคำสั่งกลุ่มคนทั้งหมดเหล่านี้ แต่ว่าที่ขบคิดไม่เข้าใจอีกฝ่ายกลับเปิดเผยหมากที่ซ่อนเร้นเอาไว้ออกมาเช่นนี้เพื่อมิให้พวกเราจับกุมเจียเซินได้? หากพวกมันเกรงว่าเจียเซินจะปริปากอาศัยชายชราตรงหน้าเข้าไปเข่นฆ่าก็สิ้นเื่ไยต้องขัดขวางถึงขั้นนี้”
นี่นับเป็เื่ที่ขบคิดไม่เข้าใจจริง ซึ่งความจริงเป็ตามที่อวี้เทียนเฉินครุ่นคิด หากว่ากลัวเจียเซินปริปากหรือถูกจับกุมตัวไปเพียงฆ่าเขาทิ้งก็สิ้นเื่ไยต้องเหน็ดเหนื่อยเปิดเผยกองกำลังลับเช่นนี้เอาไว้
เนี่ยนซูสองตาเจิดจ้าส่งกระแสจิตกล่าวว่า
“เช่นนั้นหากมิใช่ตัวเจียเซินมีปัญหาก็เป็สถานที่แห่งนี้มีปัญหา ดูท่าวันนี้คงต้องเข่นฆ่าสักหลายคน ต่อให้าเ็สาหัสก็ต้องบุกเข้าไปในบ่อนเปลือยเมฆให้ได้”
“สตรีแข็งกร้าวเช่นนี้จึงร้าวใจ” ไท้หยูครุ่นคิดขึ้นจากนั้นกล่าวว่า “ไม่แน่ว่าเจียเซินอาจตายไปแล้ว”
ชายชราผู้นั้นเห็นคนทั้งสามยืนนิ่งก็ทราบว่าพวกเขาส่งกระแสจิตวางแผนกันอยู่ ดังนั้นตวาดเสียงดังว่า
“มองบิดาเ้าหรือลูกเต่าบัดซบ”
อวี้เทียนเฉินยิ้มพลางกล่าวว่า
“ใช่แล้วข้ากำลังมองบิดา พวกเราเป็ลูกเต่าบัดซบ ท่านคงเป็บิดาเต่าบัดซบ ท่านพ่อหลีกทางให้ลูกได้หรือไม่” พลางหัวเราะฮิฮะออกมา
ชายชรานั้นถึงกับใบหน้าเขียวคล้ำ ด่าอีกฝ่ายว่าลูกเต่าบัดซบไหนเลยคาดอีกฝ่ายไม่นำพาถึงกับยอมรับว่าตนเองเป็ลูกเต่า เพื่อย้อนใส่เขาจนกลายเป็บิดาเต่าบัดซบ ยามนั้นโทสะพลุ่งขึ้นกล่าวเสียงกราดเกรี้ยวว่า
“ลูกเต่าบิดาเ้า เล่นลิ้นเก่งนัก อีกเดี๋ยวตัดลิ้นเ้าออกมาดูว่าเ้ายังเก่งกล้าหรือไม่”
อวี้เทียนเฉินเอียงคอมองอีกฝ่ายพลางกล่าวว่า
“ท่านมิใช่ดรุณีเป็เพียงตาเฒ่า ข้าไหนเลยอยากเล่นลิ้นด้วย”
ชายชรานั้นงงงันวูบ กลับเป็หญิงสาวยวนยั่วผู้นั้นอุทานดังอาออกมา ชายชราค่อยเข้าใจอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไรตวาดว่า
“มารดามันเถอะ ข้าจะสับเ้าเป็หมื่นชิ้น” ขณะจะลงมือฟาดฟันหญิงสาวนั้นพลันกล่าวเสียงอ่อนหวานสดใสว่า
“หยุดเอาไว้ก่อน” พลางเดินเข้ามาใกล้
ทิศทางของนางพอดีประจันหน้ากับไท้หยู เดินสามก้าวก็หยุดห่างจากไท้หยูสองจั้ง ที่โดดเด่นดึงดูดตาที่สุดคือเนินหิมะที่ทั้งขาวผ่องทั้งเต่งตึงแฝงแรงดีดสะท้อน องค์เอวคอดกิ่วเมื่อกอปรกับอาภรณ์ที่บางเบานั้นยิ่งเย้ายวนให้บุรุษกะเหี้ยนกะหือ ใบหน้านางงดงามอยู่ทว่ายังสู้เนี่ยนซูไม่ได้หนึ่งในสาม เพียงแต่เมื่อมีของดีเช่นนี้ติดตัวจึงกลายเป็สตรีร้อนร่านยั่วราคะยิ่งนางหนึ่ง
เสียงหัวเราะดังสดใสราวกับกระดิ่งเงินกล่าวว่า
“ท่านผู้นี้กลับไม่เคยเห็นมาก่อน ช่างหล่อเหลานัก มิทราบว่าท่านผู้ใฝ่เซียนเรียกว่าอะไร”
ไท้หยูหัวเราะหึหึกล่าวว่า
“ชื่อเสียงไม่โด่งดังไม่กล้าบอกกลัวเป็ที่หัวเราะเยาะ ทว่าหากแม่นาง้าทราบ พวกเราเข้าบ่อนไปดื่มสุรากัน ท่านปรนนิบัติข้าดื่มสุรา รอจนข้าเมามายเปลื้องอาภรณ์ท่านออกแล้วจะบอกท่าน”
เสียงกระดิ่งที่ข้อเท้านางดังติงตังสอดรับกับเสียงหัวเราะสดใส
“ชื่อนามของท่านวิเศษถึงเพียงนั้น แต่ว่าน่าสนใจอยู่มิน้อย” พลางบิดเอวอ้อนแอ้นสองแขนเบียดกันเนินหิมะนั้นแทบแตกทะลักออกมาท่าทางหยาดเยิ้มหวาบหวามใจยิ่ง นางกล่าวสืบต่อว่า
“วันนี้บ่อนเปลือยเมฆปิดทำการไม่ต้อนรับแขกถูกคนเหมาเอาไว้ พวกท่านกลับไปรุ่งขึ้นค่อยกลับมาใหม่...ส่วนท่านเราสองคนไปดื่มสุราทำความรู้จักกันดีหรือไม่” นางกลับไม่นำพาที่ไท้หยูกล่าวคำบัดสีใส่กลับกันยิ่งยั่วเย้าราวกับนางจิ้งจอก
เนี่ยนซูปรายตามองนางแต่แค่นเสียงเ็าใส่ไท้หยู เป็ความหมายว่าหาใช่เวลาหยอกเย้ากันไม่
ไท้หยูได้แต่กล่าวว่า
“ที่แท้บ่อนถูกคนเหมาไปแล้ว ช่างมือเติบมีอำนาจนักกลับสามารถเหมาปิดบ่อนเปลือยเมฆเช่นนี้ ชื่อของนายท่านผู้นั้นมิทราบว่าเป็ผู้สูงส่งตัวใด....ช่างมันเถอะ แม่นางเราสองไปดื่มสุรากัน”
หางคิ้วของนางกระตุกชี้ขึ้นใบหน้าเริ่มมีโทสะเล็กน้อย ชายชรานั้นตวาดว่า
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว พิษไม่ได้ผลกับพวกมัน เข่นฆ่าพวกมันให้หมด” พลันโถมร่างเข้ามา เปลือกนอกเป็ชายชราทว่าท่าทางปราดเปรียวว่องไวอย่างยิ่ง พุ่งเข้ามาราวกับเสือดาวกระโจนกำมือต่อยใส่ใบหน้าของอวี้เทียนเฉินอย่างดุดัน ในหมัดที่พุ่งออกห่อหุ้มด้วยลมปราณสีแดงสายหนึ่งร้อนแรงสุดเปรียบปาน ประหนึ่งเปลวเพลิงเผาผลาญ
พร้อมกันนั้นเหล่าคนที่รายล้อมอยู่รอบด้านพลันลงมือพร้อมกัน จากชาวบ้านธรรมดาพลันดึงดาบชักกระบี่ ส่วนหนึ่งวิ่งใส่กำแพงะโปราดขึ้นบนกำแพงและหลังคา อีกส่วนหนึ่งวิ่งโถมมากลุ้มรุมคนทั้งสามที่กลางวงล้อม
เหล่ามือปราบที่อยู่บนหลังคาไม่ต้องให้ออกคำสั่งก็ลงมืออย่างรวดเร็ว เสียงขวับขวับขวับดังสะท้าน เกาทัณฑ์กลไกนี้นอกจากเป็ระดับจิตไร้ขอบแล้วระดับต่ำกว่านี้ล้วนถูกคุกคามถึงชีวิต ได้ยินเสียงติงติงดังหลายครา ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมใช้ดาบกระบี่ปัดป้อง ทว่ามือปราบยี่สิบกว่าคนอยู่บนหลังคา อีกฝ่ายต้องอาศัยการะโวิ่งปราดจึงปีนขึ้นหลังคากำแพงได้ จึงกลายเป็เป้าสังหารให้มือปราบยิงใส่อย่างง่ายดาย
ได้ยินเสียงติงติงผสมกับเสียงทึบเบาๆ เกาทัณฑ์ที่รัวยิงออกปักใส่ยอดฝีมือในชุดชาวบ้านธรรมดาหลายคน คนพยายามปีนขึ้นหลังคาพอถูกเกาทัณฑ์ยิงใส่ก็กลิ้งหลุนลง มีหลายคนยังกลิ้งชนกับพวกพ้องที่พยายามปีนไต่ขึ้นมา
ชายชรานั้นต่อยหมัดใส่ อวี้เทียนเฉินสะบัดมือซ้ายเบาๆ ที่ใต้เท้าบังเกิดแสงสว่างวูบขึ้นเท้าก็ไถลไปข้างซ้ายครึ่งก้าว สะบัดมือขวาขวับได้ยินเสียงกระพือพับพับเป็กระดาษสีเหลืองสีขาวสองแผ่นพุ่งใส่ใบหน้าชายชรา กระดาษทั้งสองแผ่นถูกเผาไหม้ ปรากฏคมดาบกรีดออกกลางอากาศพร้อมกันนั้นเสียงครืนดังคราหนึ่ง พื้นหินเขียวที่ใต้เท้าชายชราถูกป่นกลายเป็กองทรายขนาดหนึ่งจั้งดูดขาทั้งสองของชายชราเอาไว้
ขาทั้งสองข้างของชายชราอยู่ในทรายไม่สามารถะโได้แต่ยกมือขึ้นต้านปะทะ มิทราบข้างใต้กลายเป็หลุมทรายลึกเท่าใด อวี้เทียนเฉินพลันซัดยันต์ออกอีกใบหนึ่ง คมดาบกลางอากาศพลันพุ่งขวับฟาดฟันใส่ เสียงฉึกเมื่อคมดาบนั้นกรีดใส่ั้แ่ข้อมือถึงข้อศอก าแไม่ลึกเท่าใดเพียงสะกิดเป็รอยโลหิตเส้นหนึ่ง