สวี่ตี้พาคนไปที่บ้านสวน เก็บเกี่ยวข้าวสาลีแล้วก็จัดการกับผักในแปลงรอบหนึ่ง ข้าวสาลีตากแห้งดีแล้วส่วนหนึ่งก็แบ่งไปเก็บในยุ้งที่อยู่ในสวน อีกส่วนหนึ่งก็เอามาที่เหอซี ผักในแปลงนอกจากพริกแล้ว ผักชนิดอื่นๆ ก็ได้เผยแพร่ไปทั่วเหอซี โดยเฉพาะถั่วแปบที่จางจ้าวจื่อเอากลับมาจากแคว้นอื่นโดยเฉพาะ ที่ทำเพียงหาที่สักที่ โปรยเมล็ดลงไปสองเม็ด หาไม้ดามมาวางก็สามารถกินได้ตลอด อีกทั้งเ้าถั่วแปบนี้ถึงแม้จะเอาไปต้มกับน้ำเกลือก็ยังอร่อย เมล็ดของถั่วแปบหน้าตาเต่งตึงแข็งแรง ทั้งยังสามารถกินเป็ข้าวได้ จึงได้รับความนิยมสูงมาก
ผักในแปลงสองวันหัวหน้าผู้ดูแลสวนสกุลจ้าวก็จะเก็บส่งมาให้ที่เหอซี ครอบครัวสวี่ไม่เพียงจะเอาไว้กินเองภายในครัวเรือน ยังเอาไปแบ่งปันให้ครอบครัวหลี่ ทั้งยังแบ่งให้ซื่อจื่อเว่ยหลางที่อยู่กองทัพนิดหน่อย ตอนนี้เว่ยหลางได้ทำแปลงผักตรงพื้นที่ร้างใกล้ๆ กับค่ายทหารสิบกว่าไร่ เตรียมตัวปลูกผักพื้นที่ขนาดใหญ่ สวี่เหราได้พูดกับเขาเอาไว้แล้ว ในที่ป้องกันตรงนี้ที่ไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือคน ขอแค่มีคนก็สามารถทำงานได้ สามารถทำได้เช่นนั้นจะทำแปลงผักได้ไม่ดีอย่างนั้นหรือ? ที่ดีที่สุดคือเลี้ยงหมูเอาไว้สิบกว่าตัว เลี้ยงอ้วนแล้วก็มีเนื้อหมูใช่หรือไม่?
ซื่อจื่อเว่ยหลางพาผู้ช่วยหลายคนมาเดินวนตรงที่ร้างใกล้ๆ กับด่านเยี่ยนเหมิน รู้สึกว่าเปิดพื้นที่ร้างแล้วสร้างโรงเลี้ยงหมู ขี้หมูจัดการออกมาจากในโรงเลี้ยงก็ยังสามารถเอาไปทำเป็ปุ๋ยได้
หลังจากาเมื่อปีที่แล้ว เมืองเหอซีก็ถูกทำลายจนพังยับ แต่เพราะว่ามีสวี่เหราอยู่ คนทั้งเมืองกลับรู้สึกมีความหวังกับอนาคตมาก ภายในเวลาครึ่งปี ก็เห็นเมืองใหม่ปรากฏต่อหน้าทุกคน บ้านกระเบื้องสร้างเรียงกันเป็แถว กว้างขวางสวยงาม หลายคนต่างพูดว่า บ้านนี้สามารถส่งต่อไปได้หลายรุ่น รอจนสร้างเสร็จทั้งหมดแล้วก็จะแบ่งให้กับคนในเมืองที่เคยอาศัยอยู่ แน่นอนคนที่อยู่ในหมู่บ้านด้านล่างมีเงินในมือ เพียงแค่เอาทะเบียนบ้านของตนมาก็สามารถมาซื้อบ้านได้ แต่ว่าจะต้องรอให้คนที่เคยอยู่ในเมืองเหอซีเดิมแบ่งบ้านกันเสร็จเสียก่อนถึงจะสามารถซื้อได้
พอนโยบายนี้ถูกปล่อยออกมา ก็ทำให้คนมากมายต่างปรารถนาอยากได้ หมู่บ้านด้านล่างล้วนเป็คนที่ร่ำรวยเงินทอง เดิมทีคิดว่าเมืองเหอซีอยู่ใกล้กับด่านเยี่ยนเหมิน อยู่ในเมืองสู้ไปอยู่ในเขตหมู่บ้านที่ปลอดภัยดีกว่า แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่า เมืองเหอซีใหม่ไม่เพียงจะสร้างบ้านได้ดี แม้แต่กำแพงเมืองก็สามารถเทียบกับกำแพงของด่านเยี่ยนเหมินได้เลย ความปลอดภัยเพิ่มขึ้นหลายระดับ
คนที่อยากจะมาซื้อบ้านในเหอซีก็ยิ่งเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ สวี่เหรารู้สึกว่าตนเองสามารถเปิดบริษัทอสังหาริมทรัพย์ได้ จากนั้นก็สร้างบ้านในเมืองแล้วขายออกไป แต่คิดถึงระดับเศรษฐกิจในตอนนี้ ก็รู้สึกว่าตนเองก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น อยากจะทำจริงๆ ขึ้นมา คาดว่าจะขาดทุนตายเลย ในสังคมตอนนี้คนมีเงินน้อยมาก ความต่างระหว่างคนรวยคนจนต่างกันมากเกินไป คนมีเงินก็ต่างซื้อที่ดินแล้วสร้างบ้านเอาเอง คิดว่าจะมาซื้อบ้านที่ตนสร้างหรือ คาดว่าก็คงจะมีไม่กี่คนที่จะมาซื้อ เมืองเหอซีในครั้งนี้เพราะว่าได้รับการช่วยเหลือจากคนมากมาย กำแพงเมืองก็ซ่อมเสร็จแล้ว ทำให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัย ถึงได้มาซื้อบ้าน
ตอนที่สวี่ตี้พากลุ่มคนขี่ม้ากลับมาจากไร่ ก็เป็ตอนบ่ายคล้อยแล้ว พ่อบ้านของจวนแม่ทัพช่วยขนย้ายข้าวสาลีที่สวี่ตี้เอากลับมาไปไว้ที่ยุ้งข้างโรงครัว สวี่ตี้หลังจากอาบน้ำที่เรือนหน้าแล้ว ก็ไปที่เรือนหลัง
แม่นมลู่กำลังนั่งปักผ้าอยู่ใต้ต้นไม้ในเรือน ด้านข้างเป็น้องสาวแล้วก็ว่าที่ภรรยาของตนเองนั่งอยู่ น้องชายที่ตอนนี้อายุหกเดือนใส่ตู้โต่วสีแดง นั่งอยู่บนเสื่อน้ำมันบนพื้น ในมือถือลูกบอลผ้าสีเขียวลายดอก
สวี่ตี้ขมวดคิ้ว สวี่ไป่เงยหน้าขึ้นมาเห็นสวี่ตี้ บนใบหน้าก็แย้มยิ้มเอาใจ สวี่ตี้เห็นแล้วก็เข้ามาอุ้มเขาขึ้น ก่อนจะร้องเรียกแม่นม พร้อมกับหยิบลูกบอลผ้าในมือของเขามา “แม่นม น้องชายเป็เด็กผู้ชาย อย่าให้เล่นของเล่นเด็กผู้หญิงเลยขอรับ”
แม่นมลู่พูดอย่างไม่ใส่ใจ “คุณชายไป่ยังเล็ก ของที่มีสีสันเช่นนี้ดีกับดวงตาของเขา รอคุณชายไป่ของพวกเราโตกว่านี้อีกหน่อยก็ไม่ให้เล่นแล้ว”
สวี่ตี้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าใช่ เขาเคยเห็นเพื่อนของตนเองแชร์เื่เกี่ยวกับเด็กในไทม์ไลน์ บอกว่าเด็กเล็กๆ มองของสีสันสวยงามจะสามารถไปกระตุ้นการเติบโตของประสาทสายตาเด็ก ดีกับตาของเด็ก จึงไม่ได้พูดอะไรอีก
อุ้มสวี่ไป่ไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้างก่อนจะเอ่ย “แม่นม ข้าเอาข้าวสาลีใหม่กลับมาแล้ว รอเดี๋ยวข้าจะโม่แป้งออกมาให้พวกท่าน ตอนเย็นพวกเรามากินแป้งทอดกันเถิด”
สวี่ไป่ชอบกินแป้งทอดมาก แต่ตอนนี้อาหารเสริมของเขามีแค่ไข่ตุ๋นเท่านั้น แต่ว่าเขาอยากกินแป้งทอด คิดถึงกลิ่นหอมของแป้งทอด ปากของสวี่ไป่ก็มีน้ำลายไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งยังไหลไปโดนมือของสวี่ตี้
สวี่ตี้สะบัดมืออย่างรังเกียจ “ไอ๊หยา สกปรกตายเลย โตขนาดนี้เหตุใดถึงยังน้ำลายยืดอยู่อีก หืม?”
แม่นมลู่รีบหยิบผ้าเช็ดน้ำลายมาช่วยเช็ดปากให้สวี่ไป่ แล้วอีกผืนไปเช็ดมือสวี่ตี้ “คุณชายไป่ของพวกเราเตรียมตัวจะฟันงอกแล้วหรือ? เ้าเอามือไปลูบเหงือกของเขาที ดูว่ามีอะไรงอกออกมาหรือไม่?”
สวี่ตี้เอานิ้วมือเข้าไปในปากของสวี่ไป่ ซึ่งสวี่ไป่คิดขึ้นได้ว่าั้แ่เห็นสวี่ตี้มายังไม่เห็นเขาล้างมือ ก็ไม่ยอมให้เอาเข้าปาก ส่ายหน้าอย่างแรง สุดท้ายสวี่ตี้ก็ยัดนิ้วเข้าไปในปากของสวี่ไป่จนได้ พลางลูบเหงือก แล้วก็ลูบเจอฟันน้ำนมเล็กๆ งอกออกมาด้านล่าง
สวี่ไป่โกรธจนขอบตาแดง เบะปากมองสวี่ตี้ ซึ่งคนถูกมองเห็นแล้วก็เอ่ย “เด็กผู้ชายเหตุใดถึงได้อ่อนแอขนาดนี้ แค่นี้เ้าก็ตาแดงแล้ว เ้าจะต้องจำเอาไว้ เ้าเป็เด็กผู้ชาย เด็กผู้ชายเืไหลเหงื่อไหลได้แต่น้ำตาไหลไม่ได้”
สวี่ไป่หันหน้าหนีด้วยความโมโห ตอนนี้เขายังเป็เด็กตัวเล็กๆ ผู้ชายอะไรกัน ยังห่างกับตัวเขาอีกไกลเลย
แม่นมลู่หัวเราะแล้วเอ่ย “คุณชายตี้ คุณชายไป่ยังเด็กอยู่เลยนะ เ้าพูดกับเขาเช่นนี้เขาไม่เข้าใจหรอก เ้างานยุ่งมาหลายวันแล้ว เอาคุณชายไป่ให้ข้าแล้วรีบไปพักเถิด”
สวี่ตี้รู้สึกว่าอุ้มน้องชายก็ดี ตัวเล็กๆ เนื้อตัวก็นุ่มนิ่ม ถึงแม้น้องชายจะซนไปสักหน่อย แต่ว่าก็ถือว่าแข็งแรง ปกติแล้วก็ไม่ชอบเด็กที่ร้องไห้โยเย สรุปแล้วก็เป็เด็กที่ค่อนข้างได้รับความชอบอยู่พอสมควร
สวี่ตี้อุ้มสวี่ไป่ยืนขึ้น “แม่นม ข้าไม่เหนื่อย ท่านทำงานของท่านเถิด ข้าจะอุ้มไป่เกอไปดูว่าท่านพ่อทำอะไรอยู่”
่นี้จางจ้าวฉือเริ่มกลับไปสอนแพทย์ทหารอีกครั้ง ซึ่งอยู่ที่เรือนด้านข้างจวนแม่ทัพ เดิมทีอยู่ที่หน้าเรือนจวนแม่ทัพ ตอนนี้จวนแม่ทัพถูกครอบครัวสวี่ ครอบครัวหลี่รวมถึงประชาชนเมืองเหอซีเข้ามาพักอาศัย เรือนด้านข้างจวนแม่ทัพเดิมทีเป็ที่พักแขกของจวนแม่ทัพ ตอนนี้ถูกเว่ยหลางทำเป็ห้องเรียนของแพทย์ทหาร
ยามที่จางจ้าวฉือสอนหนังสือคนในครอบครัวสวี่จะไม่ไปกวน แต่ว่าทางด้านสวี่เหราสามารถไปดูได้
สวี่ตี้อุ้มสวี่ไป่ไปถึงเรือนหน้า ที่เรือนหน้ายังคงขนของลงจากรถ ข้าวสาลีแต่ละถุงถูกลำเลียงลงจากรถ จากนั้นส่งไปยังยุ้งเก็บอาหารด้านหลังโรงครัว เห็นสวี่ตี้เดินมา คนที่ทำงานอยู่ต่างร้องเรียกคุณชายสวี่อย่างให้เกียรติ ตอนนี้หลายคนต่างรู้ว่าคุณชายสกุลสวี่ผู้นี้ อย่ามองว่าอายุยังไม่มาก แต่กลับเป็คนที่เก่งกาจมาก ตอนที่คุ้มครองเมืองก็ไปยืนอยู่กับผู้ปกครองสวี่ แค่ความกล้าในจุดนี้ คนมากมายในเมืองต่างนับถือเขาด้วยความยินดี
สวี่ไป่ดีใจที่สุดที่ถูกคนอุ้มออกไปเดินเล่น พอออกมาก็ยกมือโบกด้วยความดีใจ สวี่ตี้จึงกระชับแขนที่อุ้มน้องชายแน่น พลางพูดขู่ “เ้าขยับตัวมั่วซั่วอีกสิ ตกลงไปที่พื้นข้าจะสมน้ำหน้าให้”
สวี่ไป่ถึงได้ไม่กล้าขยับตัวมั่วซั่วอีก แต่ก็ยังมองไปยังด้านนอกด้วยความดีใจ
สวี่ไป๋มาถึงบ้านนี้ได้นานแล้ว ในใจรู้ดีมากว่าพี่ชายของตนเองคนนี้เป็ลูกพี่ที่แท้จริง กอดขาเขาเอาไว้ ตนเองจะได้ผลประโยชน์แน่นอน
บนถนนที่ใดๆ ก็ล้วนทำงานกัน พอเห็นสวี่ตี้อุ้มสวี่ไป่ก็ต่างยิ้มทักทาย ตอนนี้สวี่ไป่ไม่ต้องทำอะไร แค่แย้มยิ้มออกมา เผยเหงือกแดงๆ ที่เตรียมจะงอกฟันยิ้มให้คนอื่น ก็ได้รับการยอมรับเต็มๆ
สวี่ตี้อุ้มเดินไปยังเรือนด้านข้าง เรือนด้านหน้าทำเป็สถานที่ทำงานประจำวันของสำนักงานเขต เรือนหลังก็ให้พนักงานสำนักงานและคนงานพัก เรือนหลังสุดยังถูกปิดเอาไว้ คลังเก็บอาหารใต้ดินยังมีของเก็บอยู่ ตอนนี้เว่ยหลางกับสวี่ตี้ปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว ว่าอาหารของทุกปีจะนำออกมาใช้ตอนฤดูใบไม้ผลิ จากนั้นก็ซื้อธัญพืชใหม่มาเก็บเอาไว้ สวี่ตี้เตรียมตัวที่จะเก็บธัญพืชในไร่มาขายให้กับเว่ยหลางในราคาต่ำ ไว้เป็อาหารสะสมในคลัง
เห็นสวี่ตี้อุ้มสวี่ไป่เข้ามา สวี่เหราก็รีบเข้ามาหา แล้วรับสวี่ไป่ไปจากมือของสวี่ตี้ก่อนจะถามยิ้มๆ “เ้ากลับมาจากไร่แล้วหรือ จัดการเื่ที่ไร่เสร็จแล้ว?”
สวี่ตี้มองกาน้ำชาและถ้วยชาที่วางบนโต๊ะของสวี่เหราก็รีบไปเทใส่แก้วให้ตนเอง ก่อนจะดื่มไปสองสามอึก “จัดการเสร็จแล้วขอรับ ท่านพ่อ ข้าควรจะเตรียมตัวไปเมืองหลวงได้แล้วใช่หรือไม่?”
สวี่เหราฟังแล้วก็เอ่ย “ข้าปรึกษากับแม่เ้าแล้ว ผ่านเดือนหกไป อากาศจะหนาวไว แม่ของเ้ากับแม่นมลู่จะพาพวกเ้าสามพี่น้องกลับไป”
สวี่ตี้ฟังแล้วก็เอ่ยด้วยความใ “เหตุใดถึงมีแค่พวกเรากลับไปล่ะขอรับ แล้วท่านล่ะ?”
สวี่เหราโยกเด็กตัวอ้วนในอ้อมกอดตัวเอง “ข้ายังต้องอยู่ที่นี่ ฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็โหวเย่ยังส่งจดหมายมาบอกว่าคิดถึงพวกเ้าพี่น้องมาก โดยเฉพาะไป่เอ๋อร์ของพวกเรา ั้แ่คลอดมายังไม่เคยเจอเลย อยากจะเห็นไป่เอ๋อร์ก็เลยให้พวกเ้าทุกคนกลับไปก่อน”
สวี่ตี้ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นข้าจะต้องจัดการเื่ของข้าที่นี่ใหม่ทั้งหมด เื่ในไร่โดยเฉพาะพริกจะต้องส่งต่อให้คนที่เชื่อถือได้ เดิมที่ข้าคิดว่าจะกลับไปตอนเดือนสิบสอง ปีหน้าสอบระดับเขตเสร็จก็จะไปสอบระดับจังหวัด สอบข้าราชการเสร็จก็จะกลับมา แล้วผ่านไปอีกสองสามปีก็จะไปเข้าร่วมงานประชุม”
สวี่เหราอุ้มสวี่ไป่พลางหัวเราะแล้วเอ่ย “ฟังสิ ฟังสิ ไป่เกอเอ๋ย เ้าอย่าไปเลียนแบบพี่ชายเ้านะ นี่คือสอบเข้าขุนนาง ถูกเ้าพูดเสียเหมือนเ้าไปซื้อผักที่ตลาดอย่างไรอย่างนั้น เ้าคิดว่าสอบขุนนางมันง่ายมากหรือ?”
สวี่ตี้เอ่ย “ท่านเห็นข้าทำเื่ที่ตนเองทำไม่ได้มาก่อนหรือไม่? ท่านเองก็อย่าดูถูกข้า ข้างานยุ่งอยู่กับไร่ทั้งวัน ยุ่งกับเื่วุ่นวายพวกนี้ ข้าเองก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนนะขอรับ ข้าเป็คนที่ผ่านการสอบมามากมาย เื่อื่นของข้าอาจจะไม่เข้าตาท่านแต่เื่เกี่ยวกับการเรียน ท่านจะต้องมั่นใจกับข้าเต็มร้อยถึงจะถูก”
สวี่เหราถอนหายใจ “สวี่ตี้เอ๋ย ไม่ใช่พ่อไม่เชื่อเ้า แต่การสอบขุนนางเนี่ย มันไม่เหมือนกับเกาข่าวนะ”
ได้ยินคำว่าเกาข่าว ดวงตาของสวี่ไป่ก็วาวขึ้นมา ดวงตาระยิบระยับจ้องไปยังพี่ชายตนเอง ฟังจากความคิดของพี่ชายแล้ว ตอนนั้นเขาจะต้องเป็เด็กแก่เรียนแน่ๆ
สวี่เหราเอ่ย “ท่านพ่อ ข้ารู้ พูดจากหลายปีก่อนท่านเรียนอย่างไร ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? ตำแหน่งจิ้นซื่อข้าไม่กล้ารับประกัน แต่ข้าราชการระดับต้นข้ายังมีความสามารถในการสอบ ก็ทำตามที่ท่านกับท่านแม่พูด อากาศเย็นแล้วพวกเราก็พากันกลับเมืองหลวง รอจนสอบระดับจังหวัด่ฤดูใบไม้ร่วงปีหน้าเสร็จ พวกเราค่อยกลับมา”
สวี่เหราเอ่ย “เป็เพราะตำแหน่งของเหอซีนั้น้าคน ข้าไม่สามารถเดินทางออกไปตามใจชอบได้ ข้าอยากกลับไปเช่นกัน ออกจากเรือนมาก็หลายปีแล้วจะบอกว่าไม่คิดถึงก็คงจะโกหก”
สวี่ตี้เอ่ย “ไม่รู้ว่าพวกเราไปกันหมดแล้ว พวกคนที่อยากจะทำร้ายพวกเราจะเป็อย่างไรบ้างแล้ว กลับไปครั้งนี้ข้าจะต้องพาคนที่มีความสามารถดีๆ ไปด้วย”
ได้ยินว่าจะมีคนทำร้ายครอบครัวตัวเอง ตาของสวี่ไป่ก็เบิกกว้าง จ้องไปทางสวี่ตี้ด้วยสายตาร้อนแรง เตรียมตัวเป็เด็กขี้เม้าท์แล้ว
สวี่ตี้เห็นท่าทางของสวี่ไป่แล้วก็หยิกแก้มเขา ผิวของเด็กนิ่ม สวี่ไป่นั้น เพราะว่าน้ำนมของจางจ้าวฉือดี ท้องของเขาก็ดีอีก ทำเอาตัวเองกินจนตัวขาวๆ อ้วนๆ เนื้อบนตัวบีบแล้วนุ่มนิ่ม ััมือดีมาก
สวี่เหรามองสวี่ตี้บีบแก้มสวี่ไป๋ก็รีบตีมือของเขา “เ้าทำอะไรน่ะ แก้มเด็กบีบไม่ได้นะ บีบแล้วต่อไปจะน้ำลายไหล”
สวี่ตี้เอ่ย “ท่านไปเอาความคิดบิดเบี้ยวนี้มาจากไหนกัน นี่เนื้อ ไม่ใช่ดินน้ำมัน”
สวี่เหราเอ่ย “ตอนที่เ้าเด็กๆ ย่าของเ้าบอกกับข้าน่ะสิ ตอนเ้าเด็กๆ ใครจะบีบแก้มเ้าข้าจะโกรธเขาจริงๆ”
สวี่ตี้หัวเราะแล้วเอ่ย “คาดว่าจะเป็ลุงของข้าสินะขอรับ ท่านน่ะก็กล้าไปโกรธลุง ท่านไปโกรธพวกลุงเขาก็ไม่คิดจะสนใจท่านหรอก”
สวี่เหราเอ่ย “ฟังเ้าพูดอะไรเนี่ย อะไรที่เรียกว่าพวกเขาไม่คิดที่จะสนใจข้า ข้าเป็พี่น้องแท้ๆ กับพวกเขานะ พวกเขาไม่สนใจข้าแล้วจะไปสนใจใคร?”
สวี่ตี้เอ่ย “ข้านั้นเติบโตมากับลุงทั้งหลายของข้า พวกเราต่างพูดว่าตอนท่านเด็กๆ เหมือนกับเด็กผู้หญิง ไม่ทนกับการหยอกล้อเลยสักนิด พอหยอกทีก็ร้องไห้โฮ พวกเขาบอกว่ารำคาญที่ท่านเป็แบบนั้นมาก”
สวี่เหราโกรธจนอยากจะตีสวี่ตี้ ซึ่งสวี่ตี้เองก็รู้ว่าจะเป็แบบนี้ก็ถอยหลังไปสามก้าวจนถึงหน้าประตู พลางหัวเราะฮี่ๆ แล้วเอ่ย “ข้ารู้ว่าท่านจะอายจนกลายเป็โกรธ เอาล่ะ ข้าไปก่อนแล้ว ที่บ้านอีกเดี๋ยวจะกินข้าวกันแล้ว เ้าเด็กอ้วนก็ยกให้ท่านเลย”
สวี่เหรามองแผ่นหลังของสวี่ตี้แล้วส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะสบตากลมๆ เหมือนกับเม็ดองุ่นของลูกชาย พลางใช้นิ้วไปจิ้มจมูกของเขา “พี่ชายของเ้ามันแสบ ต่อไปเ้าก็อย่าเป็เช่นนี้ จะต้องเชื่อฟังรู้หรือไม่?”
สวี่ไป่ฟังแล้วก็เผยรอยยิ้มกว้างให้กับพ่อตนเอง น้ำลายก็ยืดออกมาจากปาก สวี่เหรารีบใช้ผ้าพันคอมาเช็ดปากให้สวี่ไป่ “ไอ๊หยา ฟันจะงอกแล้วใช่หรือไม่ น้ำลายเยอะขนาดนี้ ไป พวกเราไปบ้านกัน ดูสิว่ามีอะไรอร่อยๆ กิน”
คิดถึงข้าวสาลีพวกนั้นที่สวี่ตี้เอากลับมา สวี่ไป่ก็คิดถึงตอนเย็นที่บ้านจะกินแป้งทอดที่โม่จากข้าวสาลีใหม่ นั่นเป็ของที่ตนชอบมากๆ มือกำกันแน่น ร้องอ๊าๆ ออกมา สวี่เหราอุ้มลูกชายตัวอ้วนของตัวเองค่อยๆ เดินไปที่บ้าน
ในเมื่อจะกลับไปแล้ว ทั้งยังต้องอาศัยอยู่ปีกว่า ระหว่างนั้นจะต้องฉลองตรุษจีนที่จวนโหว สิ่งของที่ต้องเตรียมมีเยอะมาก อย่างน้อยก็ชุดหนึ่งปีสี่ฤดูที่จะต้องเอาไป แล้วก็ของขวัญของทุกคนในจวน จางจ้าวฉือรำคาญกับเื่นี้มาก จึงให้แม่นมลู่พาหลี่เยว่ซีแล้วก็สวี่จือไปทำ นี่เป็โอกาสที่จะได้เรียนเลยนะ ไม่เพียงจะพิจารณาถึงเครื่องประดับที่เข้ากับเสื้อผ้า ยังต้องพิจารณาเตรียมเสื้อผ้าที่จะออกไปพบแขกเอาไว้ ไม่สามารถที่จะออกจากเรือนทีก็ทำชุดใหม่ที แล้วก็เตรียมของขวัญที่จะเอากลับไป แม่นมลู่รู้สถานการณ์ในจวนอย่างละเอียด จึงคำนวณสถานการณ์ภายในจวน ว่ามีกี่ครอบครัว มีกี่คน มาบอกกับแม่นางทั้งสองคนอย่างละเอียด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้