ในมือของหลิวหงเหยียนมีทักษะที่ตระกูลอ๋องหนานหลี่ทิ้งเอาไว้ และยังเป็ทักษะที่มีชื่อเสียงมาก ในแคว้นเป่ยสุ่ยเรียกทักษะนี้ว่าฝ่ามือปลิดใบไม้หนานหลี่ เป็ทักษะที่เมื่อใช้ร่วมกับตำราเคล็ดวิชาฝึกตนหนานหลี่แล้วจะมีพลังเพิ่มขึ้นเป็อย่างมาก
แรกเริ่ม หลิวหงเหยียนวางแผนที่จะมอบวิธีการฝึกฝนและทักษะการต่อสู้นี้เป็ของขวัญให้กับหลัวเลี่ย
ตอนนี้พร์ของหลัวเลี่ยอาจกล่าวได้ว่าไม่ธรรมดา ดังนั้นนางจึงยอมแพ้ เพราะแม้ว่าทักษะฝ่ามือปลิดใบไม้หนานหลี่นั้นจะดีมาก แต่ก็ไม่เข้ากับเคล็ดวิชาั์อย่างแน่นอน ไม่มีคุณสมบัติแม้แต่แรงจะยกรองเท้าด้วยซ้ำ
ดังนั้นสำหรับทักษะการต่อสู้ที่หลิวหงเหยียนจะหยิบมาใช้นั้นเรียกว่า ทักษะหมัดผู้พิชิต
เป็ชื่อที่เรียบง่าย แต่มีประวัติค่อนข้างมาก
ทักษะหมัดผู้พิชิตถูกคิดค้นขึ้นโดยราชันผู้พิชิต ซึ่งเป็มือขวาที่มีพลังมากที่สุดของาาผู้ก่อตั้งแคว้นเป่ยสุ่ย แม้แต่าาผู้ก่อตั้งก็เคยกล่าวไว้ว่า หากไม่มีราชันผู้พิชิต ก็จะไม่มีาาผู้ก่อตั้ง เขายินดีที่จะแบ่งแคว้นเป่ยสุ่ยกับราชันผู้พิชิตอย่างเท่าเทียมกัน แต่ราชันผู้พิชิตหมกมุ่นอยู่กับวรยุทธ์ และไม่มีความตั้งใจที่จะปกครองแคว้น
“หมัดผู้พิชิตเป็หนึ่งในทักษะการต่อสู้ที่ดีที่สุดในแคว้นเป่ยสุ่ย เป็ทักษะที่เน้นการควบคุมและมีความแข็งแกร่ง เ้าต้องชอบแน่” หลิวหงเหยียนนำหนังสือหมัดผู้พิชิตออกมาและมอบให้
“ลูกผู้ชายที่แท้จริงควรเป็เช่นนี้!”
หลัวเลี่ยตื่นเต้น
หลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงได้ฟังแล้วตาสว่าง
“ลูกผู้ชายที่แท้จริงควรเป็เช่นนี้” หลิวหงเหยียนพึมพำเบาๆ และซึมซับคำสองสามคำนั้น ก่อนจะมองไปที่หลัวเลี่ยด้วยสายตาที่ล้ำลึกขึ้น
หลัวเลี่ยหยิบหนังสือหมัดผู้พิชิตขึ้นมาแล้วพูดว่า “พี่หงเหยียน ท่านอธิบายให้ข้าฟังที”
หลิวหงเหยียนอมยิ้ม และพูดว่า “เ้าค้นคว้าด้วยตัวเองก่อน หากไม่เข้าใจค่อยมาถามข้า”
“ได้!”
หลัวเลี่ยพลิกหนังสือ
หมัดผู้พิชิตนั้นเน้นการควบคุมดั่งเทพสกัดเทพ มารสกัดมาร
เพียงมองวิธีของหมัดผู้พิชิตที่อธิบายไว้ในหนังสือ ก็ทำให้เืของหลัวเลี่ยเดือดพล่าน และในไม่ช้าเขาก็เข้าสู่ภาวะแห่งความยินดี
หลังจากอ่านจบรอบหนึ่งแล้ว หลัวเลี่ยก็ปิดหนังสือและคิดทบทวนเนื้อหาในหัวอีกครั้ง ไม่เพียงแต่เขาจำมันได้ทั้งหมด แต่ในความทรงจำของเขากลับมีกระบวนท่าหมัดผู้พิชิตปรากฏขึ้นมาเป็รูปภาพโดยชัดเจนทั้งชุด
ทุกๆ หมัด ทุกๆ การเคลื่อนไหวของร่างกาย ทุกๆ การยกขา และทุกๆ การเคลื่อนไหวของมือ ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นความลึกลับทั้งหมดของหมัดผู้พิชิตอย่างเต็มที่
สิ่งนี้ทำให้หลัวเลี่ยอดไม่ได้ที่จะยืดตัวเดินไปด้านข้าง และเริ่มฝึกหมัดตามทักษะหมัดผู้พิชิตที่ปรากฏขึ้นมาในความคิดของเขา
ฮู่ว!
เมื่อเขาชกออกไป พลังในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้น และรอบๆ หมัดเกิดการสั่นะเืในอากาศ
“ระดับพื้นฐาน!”
หลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงใพร้อมกัน
ทักษะการต่อสู้ก็มีระดับเช่นกัน ซึ่งแบ่งออกเป็ระดับพื้นฐาน ระดับเริ่มต้น ระดับชำนาญ ระดับรวบรวม และระดับถ่องแท้
จริงๆ แล้วหลิวหงเหยียนไม่มีความชำนาญใดๆ ในหมัดผู้พิชิต ทักษะของนางอยู่ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น แม้ว่านางจะได้รับการสอนโดยชายผู้แข็งแกร่งจากในวังของแคว้นเป่ยสุ่ย ชายผู้นี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็ที่ปรึกษาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหลิวหงเหยียน โดยเขาเป็ที่รู้จักในฐานะผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเป่ยสุ่ย เขาใช้เวลาถึงยี่สิบปีในการฝึกฝนจนถึงระดับรวบรวม เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับหมัดผู้พิชิต และยังสอนหลิวหงเหยียน สิ่งนี้ทำให้หลิวหงเหยียนรู้สึกว่านางสามารถสอนหลัวเลี่ยให้ฝึกกระบวนท่าหมัดผู้พิชิตได้
“ถึงระดับพื้นฐานของหมัดผู้พิชิตด้วยตนเอง ถือว่ามีความเข้าใจดีมาก” เสวี่ยปิงหนิงพึมพำ
“บางทีอาจเป็เพราะพลังในตอนนี้ของเขาเข้ากับหมัดผู้พิชิต และเขาเชื่อในการควบคุมพลังนั้น ดังนั้นมันจึงง่ายต่อการฝึกฝน” หลิวหงเหยียนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และพบคำอธิบายที่สมเหตุสมผล
เพียงแต่พออธิบายจบ หลิวหงเหยียนก็ได้รู้ว่านางคิดผิด
เพราะหลังจากที่หลัวเลี่ยต่อยติดต่อกันสามครั้ง และชกอีกครั้งด้วยท่าทางมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ
เสวี่ยปิงหนิงกลืนน้ำลายและพึมพำ “ระดับเริ่มต้น นี่มันอัจฉริยะเกินไป อัจฉริยะสุดยอดอย่างแน่นอน”
“ไม่!” หลิวหงเหยียนพูด “เ้าดูอีกครั้ง”
เสวี่ยปิงหนิงมองอีกครั้ง และทันใดนั้นก็พบว่ามีแสงออกมาจากตัวหลัวเลี่ยที่กำลังฝึกหมัดปาหวางอย่างต่อเนื่อง และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ลมโดยรอบมีเสียงคำราม ซึ่งเห็นได้ชัดว่านี่เป็การแสดงถึงการเข้าสู่ระดับชำนาญของทักษะหมัดผู้พิชิต
และหลัวเลี่ยผู้ซึ่งได้ทะลวงเข้าสู่ทักษะหมัดผู้พิชิตอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็ลืมโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
กระบวนท่าหมัดผู้พิชิตนั้นยิ่งใหญ่สมชื่อ
ผู้พิชิตควบคุมฟ้าดินด้วยกำลังของตนเอง การควบคุมเช่นนี้คือรากฐานของหมัดผู้พิชิต
ยิ่งเขาฝึกทักษะหมัดผู้พิชิตมากเท่าไร หลัวเลี่ยก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาอยู่บนยอดเขาสูง และการกระทืบเท้าของเขาอาจทำให้แผ่นดินถล่มได้ การควบคุมหมัดเช่นนี้ทำให้เขามีพลังมากขึ้นเมื่อเขาชก
“ระดับชำนาญแล้ว” หลิวหงเหยียนมองอย่างโง่งม
เสวี่ยปิงหนิงจ้องมองด้วยความงุนงง และพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายละเมอ “จะถึงระดับรวบรวมแล้ว”
ระดับรวบรวม?
หลิวหงเหยียนใและตื่นขึ้นจากความโง่เขลา ที่ปรึกษาที่ใหญ่ที่สุดของนางในวัง และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเป่ยสุ่ย ยังใช้เวลาถึงยี่สิบปีในการฝึกฝนจนถึงระดับรวบรวมของทักษะหมัดผู้พิชิต
ผัวะ!
เสียงแตกหักที่คมชัดดึงดูดหลิวหงเหยียนให้หันมองอีกครั้ง
ทันใดนั้นนางก็ค้นพบว่า หลัวเลี่ยโจมตีต้นไม้ต้นเล็กจากอากาศ และด้วยพลังของการฝึกร่างกายระดับสาม เมื่อเขาชกมันออกไปทำให้เกิดลมแรงพัดต้นไม้เล็กๆ จนหักโค่น
หลิวหงเหยียนไม่มีเวลาประหลาดใจ นางอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้น และเสวี่ยปิงหนิงก็ทำเช่นเดียวกัน เพราะหลัวเลี่ยไม่ได้หยุด เขายังคงฝึกฝนทักษะหมัดผู้พิชิตต่อไป รอบกายมีแสงเปล่งออกมา และเพิ่มความเข้มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็การแสดงถึงการก้าวเข้าสู่ระดับถ่องแท้
การฝึกฝนทักษะการต่อสู้ขั้นสูงที่สุดคือระดับถ่องแท้
เกี่ยวกับระดับถ่องแท้นี้ หมายถึงเข้าใจทักษะนี้อย่างถ่องแท้
เช่นกระบวนท่าหมัดผู้พิชิตนี้ ในปีที่ราชันผู้พิชิตคิดค้นทักษะนี้ขึ้น เขาเป็คนเดียวที่ หากคนรุ่นหลัง้าฝึกฝนจำเป็ต้องคว้าระดับสูงสุด ซึ่งก็คือระดับถ่องแท้
ระดับถ่องแท้อาจกล่าวได้ว่า เป็ระดับการฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบที่สุดของศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นระดับถ่องแท้จึงเรียกอีกอย่างว่าระดับที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อเทียบกับระดับพื้นฐาน ระดับเริ่มต้น ระดับเชี่ยวชาญ และระดับรวบรวมแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะบรรลุระดับถ่องแท้ ความเร็วในการปรับปรุงและการเข้าใจของหลัวเลี่ยนั้นน่าทึ่งมาก ยิ่งใช้เวลาฝึกฝนทักษะหมัดผู้พิชิตมากเท่าไรก็ยิ่งพัฒนามากขึ้นเท่านั้น
ความแตกต่างคือการพัฒนาของหลัวเลี่ยทำให้หลิวหงเหยียนมีความเข้าใจในทักษะนี้มากขึ้น ราวกับว่าเขากำลังสอนทักษะหมัดผู้พิชิตให้นาง ดังนั้นหลิวหงเหยียนซึ่งอยู่เพียงระดับเริ่มต้นของทักษะหมัดผู้พิชิตจึงมีสัญญาณของการพัฒนาขึ้น เป็ไปได้ว่าหลัวเลี่ยในตอนนี้แสดงให้เห็นว่า ศูนย์กลางของทักษะผู้พิชิตเป็อย่างไร ความก้าวหน้านั้นสามารถรับรู้ได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน
ขณะที่เขาต่อยและต่อย หลัวเลี่ยก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ราวกับว่าหมัดนับร้อยที่ปล่อยออกไปรวมตัวกันเป็พลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดกลับมาในร่างกายของเขา ทำให้เืของเขาเดือดคลั่กราวกับว่าร่างกายกำลังจะปะทุ พลังที่ร้อนแรงพลุ่งพล่านในอกของเขา และเขาไม่สามารถระงับมันได้อีกต่อไป ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น ผมหนาสีดำปลิวไหว แขนเหยียดออก และปล่อยเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า
“อ๊าก!”
เสียงคำรามดังลั่นราวกับฟ้าร้อง
ในชั่วพริบตา แสงที่เปล่งประกายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดทำให้เกิดการสั่นไหว ดอกไม้และต้นไม้โน้มลงราวกับว่าพวกเขา้าบูชาหลัวเลี่ย
ไม่รู้ว่ามันเป็เื่บังเอิญหรือเปล่า เมื่อหลัวเลี่ยแสดงถึงระดับถ่องแท้ ซึ่งเป็ระดับที่แข็งแกร่งที่สุดของหมัดผู้พิชิต ก็เกิดแสงแดดขึ้นจากทิศตะวันออก ส่องผ่านขอบฟ้าและตกลงบนร่างกายของเขาโดยตรง ทำให้ผิวกายหลัวเลี่ยเป็สีทอง ราวกับว่าได้รับพรจากพลังแห่ง์และโลก มันยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสูงส่งของเขา
หลัวเลี่ยไม่ได้ฝึกฝนหมัดผู้พิชิตอีกต่อไป เขาหมกมุ่นอยู่กับแิของราชันผู้พิชิตที่คิดค้นทักษะหมัดผู้พิชิตขึ้นมา ราวกับว่าราชันผู้พิชิตได้มาจุติยังโลก เขาเอามือไพล่หลัง มองไปในระยะไกล เหนือเมฆ ดวงอาทิตย์ส่องแสงสีทองตกกระทบผืนน้ำเป็ประกายระยิบระยับบนเกลียวคลื่น เหนือผืนป่าและทะเล คลื่นลมโหมกระพือราวกับแดน์ เขารู้สึกทึ่งที่ได้เฝ้าดู และกล่าวว่า “ทิวทัศน์พระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามเช่นนี้ทำให้ข้ารู้สึกราวกับอยู่ในบทกวี”
หลิวหงเหยียนตกตะลึงอย่างมาก และเหลือเชื่อกับท่าทางอันน่าอัศจรรย์ของหลัวเลี่ย มีเพียงความคิดเดียวในใจของนาง “หลัวเลี่ยยังคงเป็มนุษย์อยู่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินว่าเขาสนใจบทกวีมาก หญิงสาวทั้งสองก็ยิ่งตะลึง พวกนางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขาสามารถท่องและแต่งบทกวีได้
เมื่อมีความคิดนี้เข้ามา เสียงของหลัวเลี่ยก็ดังเบาๆ ที่ข้างหู ราวกับกำลังดื่มด่ำกับบทกวี “แรงลมพัดพาฝูงนกโบยบินสูงขึ้น!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้