มู่เฟิงหยิบเม็ดยาโลหิตออกมาจากแหวนเฉียนคุน เขายังคงนอนเหยียดกายอยู่บนพื้น และเริ่มฟื้นฟูพลังปราณภายในร่างอย่างสงบ
ภายใต้การควบคุมของซีเยว่ หยกเทพชูร่าจึงได้ดูดซับแก่นโลหิตจากร่างของศพบนพื้นขึ้นมา ก่อนที่จิติญญาที่อยู่ภายในศพเ่าั้จะกลายเป็ลำแสงสีดำมืดสลัวสายหนึ่ง และถูกดูดซับเข้าไปในหยกเทพชูร่าพร้อมกัน
ดวงิญญาเหล่านี้จะถูกนำไปกลั่นโดยซีเยว่ เพื่อนำมาเติมเต็มพลังปราณให้กับตัวนางเอง
ตอนนี้บนถนนด้านนอก ศิษย์จากตระกูลมู่จำนวนหลายร้อยคนกำลังะโเรียกและตามหามู่เฟิงไปทั่วท้องถนน
ภายในเหลาสุราตระกูลหวัง มู่จงกำลังนำกำลังคนจากตระกูลมู่เข้ามาตามหามู่เฟิง พวกเขากวาดตามองดูศพที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้นรวมถึงข้าวของที่เสียหายจากการต่อสู้ด้วยใบหน้ามืดครึ้ม
มู่จงคว้าตัวเสี่ยวเอ้อร์มาสอบถามด้วยน้ำเสียงเ็า “คนที่อยู่ที่นี่เมื่อครู่นี้ไปที่ใดแล้ว?”
“ระ เรียนนายท่าน คุณชายน้อยคนเมื่อครู่ถูกกลุ่มพยัคฆ์เหลืองตามล่าอยู่ขอรับ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาหนีไปที่ใดแล้ว”
ออร่าสะกดข่มที่แผ่ออกมาจากตัวของมู่จงทำให้อีกฝ่ายใกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา กระทั่งเสียงที่ตอบกลับมายังสั่นเครือไปด้วย
“กลุ่มพยัคฆ์เหลือง!”
จิตสังหารฉายชัดขึ้นในดวงตาของมู่จง จากนั้นเขาก็เอ่ยถามว่า “กลุ่มพยัคฆ์เหลืองแข็งแกร่งมากเพียงใด?”
มู่ไห่ที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วและกล่าวตอบว่า “อู๋หู่ที่หัวหน้ากลุ่มคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกัง”
“ฮึ่ม หากมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณชายเฟิง ข้ามู่จงผู้นี้จะทำลายกลุ่มพยัคฆ์เหลืองให้ย่อยยับ”
มู่จงตบฝ่ามือลงบนโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราด ส่งผลให้โต๊ะไม้เกิดแรงสั่นะเืก่อนจะแตกหักออกมา เสี่ยวเอ้อร์และเถ้าแก่ผู้ดูแลร้านต่างก็นั่งทรุดลงกับพื้นด้วยความกลัว
“พี่เฟิง...”
ไป๋จื่อเยว่ มู่หลานและคนอื่นๆ ที่ตามมาต่างก็หน้าซีดเผือดลงทันที สีหน้าของพวกเขาดูเป็กังวลอย่างเห็นได้ชัด
“พวกเ้ายังมัวยืนตะลึงอะไรอยู่ ทำไมยังไม่รีบออกไปตามหาคุณชายเฟิงอีก?”
มู่ไห่รีบะโสั่งการบรรดาลูกศิษย์ตระกูลมู่ที่ยืนอยู่โดยรอบในทันที
ศิษย์ตระกูลมู่กลุ่มหนึ่งรีบออกไปตามหามู่เฟิงบนท้องถนนและตามตรอกซอกซอยอย่างรวดเร็ว
ภายในตรอกแห่งหนึ่ง หลังจากที่มู่เฟิงสามารถฟื้นคืนพลังปราณรวมถึงพละกำลังกลับมาได้แล้ว เสี่ยวเทียนก็ช่วยพยุงร่างของเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้น จากนั้นมู่เฟิงก็หยิบผ้าพันแผลออกมาจากแหวนเฉียนคุน ก่อนจะลงมือพันแผลตรงหน้าอกด้วยตัวเอง
โชคดีที่อากาศ่นี้เป็อากาศในเหมันต์ฤดู าแจึงมีเืไหลออกมาไม่มากนัก
หลังจากป้อนเม็ดยาโลหิตให้กับเสี่ยวเทียนแล้ว เขาก็กวาดตามองร่างไร้ิญญาที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้น ร่างเ่าั้เต็มไปด้วยคราบเืจากตัวของพวกเขาเอง ปราณเพลิงสีขาวถูกจุดขึ้นบนฝ่ามือ จากนั้นเด็กหนุ่มก็ทำการเผาร่างของคนเ่าั้จนกลายเป็เถ้าถ่าน
เสี่ยวเทียนยืดเหยียดลำตัวของมันขึ้นจนมีความสูงกว่ามู่เฟิงเล็กน้อย จากนั้นมันกับมู่เฟิงก็พากันออกมาจากตรอกแห่งนั้น
“อ๊าก มีอสูรร้ายปรากฏตัว”
“งะ งูเหลือมั์!”
ทันทีที่มู่เฟิงและเสี่ยวเทียนปรากฏตัวขึ้นบนถนน ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างก็ใกลัวเสี่ยวเทียนจนรีบถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขามองไปทางเสี่ยวเทียนและมู่เฟิงด้วยสายตาหวาดกลัว
“ฟ่อ!”
เสี่ยวเทียนส่งเสียงร้องคำรามขู่ผู้คนรอบข้างในทันที ท่าทางที่ดุร้ายของมันทำให้ทุกคนต่างก็ผงะถอยออกไปหลายก้าว
มู่เฟิงลูบหัวเสี่ยวเทียนเพื่อปลอบให้มันใจเย็น ท่าทางไม่สบอารมณ์ของมันจึงสงบลงเล็กน้อย
เสี่ยวเทียนนั้นเป็อสูรร้าย แม้ปกตินิสัยของมันจะร่าเริงสดใส แต่กับคนอื่นแล้วมันก็มักจะแสดงความดุร้าย ก้าวร้าวและเป็ปรปักษ์ออกมาโดยธรรมชาติ
“คุณชายเฟิง”
“คุณชายเฟิง”
เมื่อมู่เฟิงปรากฏตัวออกมาจากตรอก เขาก็ได้ยินเสียงคนของตระกูลมู่ะโเรียกหาเขาในทันที
“ข้าอยู่นี่!”
มู่เฟิงะโตอบกลับไป หลังจากได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มศิษย์ตระกูลมู่จำนวนห้าถึงหกคนก็รีบวิ่งเข้ามาทันที
เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาต่างก็มองไปที่เสี่ยวเทียนด้วยความหวาดกลัว แต่ยังคงไม่ลืมที่จะรีบกำหมัดคำนับผู้เป็นาย และกล่าวขึ้นด้วยความเคารพว่า “คุณชาย เป็พวกข้าที่มาช้า ขอคุณชายโปรดลงโทษด้วย”
“ไม่เป็ไร ท่านอาจงกับคนอื่นเล่า?”
มู่เฟิงโบกมืออย่างไม่ถือสา
“นายท่านจงและท่านผู้นำตระกูลตามหาท่านไปทั่วทุกที่ โชคดีที่ท่านไม่เป็อะไร อ๊ะ! คุณชาย ท่านได้รับาเ็หรือขอรับ?”
ศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลมู่กล่าวขึ้น เมื่อเขาสังเกตเห็นว่ามู่เฟิงได้รับาเ็ เขาก็รีบเข้าไปช่วยพยุงเด็กหนุ่มในทันที
“เ้าเพิ่งเห็นรึ”
มู่เฟิงหมดคำจะพูด
ศิษย์อีกคนหนึ่งหยิบกระบอกดอกไม้ไฟออกมาก่อนจะยิงขึ้นไปบนฟ้าเพื่อส่งสัญญาณ ทันใดนั้นดอกไม้ไฟลายกิเลนโลหิตก็แตกกระจายออก
“เร็วเข้า ดูนั่น มีคนพบคุณชายเฟิงแล้ว”
เมื่อเห็นพลุสัญญาณ บรรดาศิษย์ตระกูลมู่ที่กำลังค้นหาอยู่ทั่วเมืองต่างก็รีบวิ่งไปยังทิศทางที่มาของดอกไม้ไฟในทันที จากนั้นไม่นานทั้งมู่จง มู่ไห่ ไป๋จื่อเยว่และคนกลุ่มใหญ่ก็มาปรากฏตัวที่ถนนสายนี้
“คุณชายเฟิง ท่านได้รับาเ็หรือขอรับ”
เมื่อมู่จงเดินเข้ามา เขาก็เห็นาแตรงทรวงอกของมู่เฟิงในทันที ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
“ไม่เป็ไร แค่าเ็ภายนอกเท่านั้น ไม่อันตรายถึงชีวิต”
มู่เฟิงโบกมือและกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ทั้งหมดเป็เพราะข้าที่ละเลยหน้าที่ ไม่ได้ติดตามคุณชายไป ขอคุณชายโปรดลงโทษด้วย”
มู่จงคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นและกล่าวอย่างรู้สึกผิด
“คุณชายเฟิงโปรดลงโทษด้วย”
ศิษย์ตระกูลมู่คนอื่นๆ ต่างก็คุกเข่าลงเช่นเดียวกัน พวกเขากล่าวขึ้นด้วยความละอายใจ
ผู้คนบนท้องถนนต่างก็มองดูเด็กหนุ่มด้วยสายตาตกตะลึง พลางแอบคาดเดาถึงสถานะของอีกฝ่ายในใจ เหตุใดบรรดาศิษย์ตระกูลมู่จึงให้ความเคารพต่ออีกฝ่ายมากมายถึงขนาดนี้
“ท่านอาจง โปรดลุกขึ้นเถิด ทุกคนก็ด้วย เื่นี้ล้วนไม่เกี่ยวกับพวกท่าน เป็ปัญหาของพวกข้าเอง”
มู่เฟิงรีบเข้าไปประคองมู่จงและคนอื่นๆ ขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พี่เฟิง อาการาเ็ของท่านร้ายแรงหรือไม่ขอรับ?”
ไป๋จื่อเยว่เอ่ยถาม
“ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาก จริงสิ แล้วเสี่ยวขวงเล่า?”
มู่เฟิงถามขึ้นทันที
“เสี่ยวขวงได้รับาเ็ภายในเล็กน้อย ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่จวนขอรับ”
“อื้ม ไม่เป็อะไรมากก็ดีแล้ว”
มู่เฟิงพยักหน้า ยังถือว่ามู่ขวงสามารถรับมือกับฝ่ามือของอู๋เป้าได้เป็อย่างดี
“เ้าพวกกลุ่มพยัคฆ์เหลืองช่างเลือกลงมือได้ดีเสียจริง นึกไม่ถึงว่าพวกมันจะโจมตีคนตระกูลมู่ของเรา ทั้งยังลงมือกับเ้า ฮึ่ม เห็นทีพวกมันคงไม่้าอยู่ในเมืองอันหนานแล้วสินะ”
มู่ไห่กล่าวขึ้นด้วยความโกรธ
“คุณชายโปรดออกคำสั่ง ให้พวกเรานำกำลังคนไปกวาดล้างกลุ่มพยัคฆ์เหลืองเถอะขอรับ หากไม่ได้ฆ่าล้างเ้าสุนัขพวกนั้น ข้าคงไม่สามารถลบล้างความรู้สึกผิดในใจนี้ได้”
มู่จงกล่าวอย่างอาฆาตแค้น โทสะของเขาพุ่งสูงจนถึงขีดสุด
มู่เฟิงเป็บุตรเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพมู่เทียน หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา มู่จงคงไม่มีหน้ากลับไปยังตระกูลมู่อีกแล้ว
“ดูเหมือนกลุ่มพยัคฆ์เหลืองนั้นจะหยิ่งผยองเกินไปเสียหน่อย”
มู่เฟิงหรี่ตาลง เนื่องจากครั้งนี้เขาเกือบจะถูกสังหาร ดังนั้นภายในใจของเขาย่อมมีโทสะเกิดขึ้นเป็ธรรมดา
“ท่านอาไห่ เรียกรวมพลศิษย์ที่มีวรยุทธ์ในตระกูลมาเลยขอรับ ข้าอยากจะเห็นนักว่าหัวหน้าของกลุ่มพยัคฆ์เหลืองนั้นเป็ใครกัน”
มู่เฟิงหรี่ตาลง ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นะเื
“น้อมรับคำสั่ง!”
มู่ไห่ยิงสัญญาณไฟขึ้นไปบนฟ้า ทันทีที่เห็นสัญญาณ บรรดาศิษย์ในตระกูลมู่ที่มีวรยุทธ์ต่างก็วิ่งตามสัญลักษณ์ไฟนั้นมาในทันที
เพียงไม่นานศิษย์ตระกูลมู่จำนวนกว่าสามร้อยถึงสี่ร้อยคนก็มารวมตัวกัน ในบรรดาพวกเขามียอดฝีมือระดับจื่อฝู่หกสิบกว่าคน และผู้าุโระดับสูงของตระกูลอีกเจ็ดคน
จากนั้นกองกำลังกลุ่มใหญ่นี้ก็มุ่งหน้าไปยังรังของกลุ่มพยัคฆ์เหลืองในทันที
รังของกลุ่มพยัคฆ์เหลืองนั้นเป็คฤหาสน์แห่งหนึ่งที่มีลานกว้างขนาดใหญ่ บริเวณหน้าประตูมีผู้คุ้มกันสองคนกำลังยืนเฝ้าอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มคนจำนวนมากวิ่งมาทางพวกเขา ผู้คุ้มกันทั้งสองก็รีบเข้าไปในลานบ้านเพื่อเรียกคนด้วยความตื่นกลัวในทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ชายร่างสูงในชุดคลุมหนังเสือสีเหลืองก็เดินออกมาพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ เมื่อมองเห็นกลุ่มคนของมู่ไห่เขาก็รีบเดินเข้ามาในทันที
คนผู้นี้คืออู๋หู่ หัวหน้ากลุ่มพยัคฆ์เหลือง!
เมื่ออู๋หู่มองเห็นมู่ไห่ สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยน เขาเดินเข้าไปกำหมัดคำนับอีกฝ่าย ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือเสียงหัวเราะว่า “ผู้นำตระกูลมู่ วันนี้ลมอะไรหอบท่านมาถึงที่นี่ได้ ในเมื่อมาแล้วก็เชิญเข้ามาข้างในก่อนเถิด มาๆ ๆ”
อู๋หู่เผยรอยยิ้มประจบประแจงออกมา ถึงอย่างไรความแข็งแกร่งของมู่ไห่ก็อยู่ในระดับสูงสุดของเมืองอันหนาน และเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายอีกด้วย
“ลมอะไรพัดมางั้นรึ? ฮึ่ม หากไม่มีเื่ข้าจะมาที่นี่เพื่ออะไร คืนนี้คนจากกลุ่มพยัคฆ์เหลืองของเ้าคิดจะลงมือสังหารคนตระกูลมู่ของข้า เื่นี้เ้ารู้หรือไม่?”
มู่ไห่ตวาดออกมาเสียงเย็น อีกทั้งน้ำเสียงนั้นยังแฝงไปด้วยความแข็งกร้าว
“ว่าอย่างไรนะ? มีเื่แบบนั้นด้วยรึ? เข้าใจผิด เข้าใจผิด ต้องเป็เื่เข้าใจผิดกันแน่!”
สีหน้าของอู๋หู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็รีบคลี่ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ลอบสอบถามเื่ราวจากลูกน้องที่อยู่ด้านข้างไปด้วย