ยังคงอยู่ในสุสานเทือกเขาชางซาน
"อัศวินปฐีจงออกมา" ฉินโจ้วถึงกับต้องกลืนน้ำลาย เมื่อท้องฟ้ากลายเป็สีดำช่องว่างมิติได้เปิดออก อัศวินโครงกระดูกบนหลังม้าตัวใหญ่ก็ตกลงมา
ตึง...
พื้นดินดูเหมือนจะเกิดแรงสั่นะเืในขณะที่อัศวินปฐีลงมาถึงพื้นดิน ฝุ่นปลิวฟุ้งกระจายออกโดยรอบเมื่อฉินโจ้วมองดูก็ถึงกับตกหลุมรักเลยทีเดียวมันทั้งตัวใหญ่และมีน้ำหนักมากกว่าทหารม้าโครงกระดูก กระดูกก็มีความหนาแน่นแข็งแรง และทนทานกว่า ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งมากกว่าทหารม้าโครงกระดูกและยังมีเกราะกระดูกหนา เพื่อปกป้องทั้งม้าและอัศวินไว้อีกชั้นซึ่งทำให้ดูน่าเกรงขาม ดุดัน เมื่อเทียบกับทหารม้าโครงกระดูกแล้วคงคล้ายกับทหารม้าเกราะเบากับทหารม้าเกราะหนักของฝั่งมนุษย์ ซึ่งดูแตกต่างกันราวฟ้ากับดินในขณะที่ยืนอยู่เพียงลำพังยังทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมา
อัศวินปฐี: มอนสเตอร์อัญเชิญระดับสูง ซึ่งมีพลังการต่อสู้ที่น่าประทับใจ พลังชีวิต 100,000หน่วย ต้องใช้พลังชีวิต 500 หน่วยต่อวินาที
ถึงอัศวินปฐีนั้นจะพูดไม่ได้แต่หอกที่ถืออยู่ก็ให้ผลที่ดีกว่าภาษาอื่นใด และเมื่อฉินโจ้วได้ออกคำสั่งให้โจมตีหอกก็ถูกแทงออกไปไม่ต่ำกว่าสิบสองครั้งจนดูเหมือนว่าเกิดกำแพงหอกปรากฏขึ้นด้วยความเร็วที่สูงมากเมื่อมันกระแทกถูกกองทัพผีดิบเข้า ทันทีที่พวกผีดิบถูกหอกเข้าก็สลายหายไปเป็แสงสีขาวและกระจายออกไปเป็วงกว้าง
ผีดิบที่อยู่ด้านหน้ายังไม่ทันจางหายคลื่นการโจมตีครั้งที่สองของอัศวินปฐีก็ถูกส่งออกมาอีกครั้งมองดูคล้ายเป็เงาของหอกที่พุ่งออกมาก่อนหน้า มันรวดเร็วกว่าจนคาดไม่ถึงผีดิบค่อยๆ ตายลงไปตามๆ กัน จนแทบจะกลายเป็พื้นที่โล่งในทันที
หอกนี้เปรียบเสมือนกับป่าไม้ที่ดูแข็งแกร่งไม่สามารถทำลายได้
อัศวินปฐีควบม้าพุ่งตรงเข้าไปกลางวงล้อมผีดิบนับพันก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ผีดิบที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าต่างพากันกลายเป็ค่าประสบการณ์ให้กับฉินโจ้วเสียหมด
ซึ่งดูไปก็เหมือนกับการไถหว่านเพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตรในชนบทคันไถก็จะไถพื้นดินออกไปเป็ร่อง เป็แนวยาวออกไปเป็ทาง
อัศวินปฐีนั้นสังหารได้อย่างเฉียบขาดแต่ฉินโจ้วที่เดินตามหลังนั้นกลับรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเขาต้องใช้ความระมัดระวังเป็อย่างมาก และไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เพราะพลังชีวิตของเขานั้นสามารถรองรับอัศวินปฐีได้เพียงแค่17 วินาทีเท่านั้น ถ้า้ายืดเวลาต่อไปเขาคงต้องใช้ทักษะการรักษาชีพเพราะสามารถฟื้นพลังได้ 500 หน่วยต่อวินาที ซึ่งก็เพียงพอให้อัศวินปฐีดูดกลืนแต่ก็ยังมีปัญหาอยู่อีก เพราะถ้าเขาใช้ทักษะ เขาจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ไม่อย่างนั้นแล้วทักษะจะใช้ไม่ได้ผล แต่ถ้าเขาใช้ทักษะควบคู่ไปกับยาก็น่าจะยืดเวลาออกไปได้นานที่สุดหลังจากการคำนวณแล้วนี่น่าจะเป็ทางออกที่ดีที่สุด
เดินไป10 วินาที แล้วจึงหยุดก่อนที่จะใช้ทักษะการรักษาชีพคู่กับการกินยา ยังดีที่สามารถทำควบคู่กันไปได้หลังจากนั้น 20 วินาที พลังชีวิตก็กลับมาเต็มจากนั้นก็กลับไปทำวิธีเดิมเหมือนกับก่อนหน้านี้ ในระหว่างนี้ทุกๆ 5 วินาทีก็จะต้องกลืนยาน้ำเงินลงไปหนึ่งขวด เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีพลังจิตเต็มอยู่ตลอดเผื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
นอกจากนี้ก็ยังต้องคอยป้องกันปลาบางตัวที่อาจจะหลุดรอดมาจากตาข่ายอีกด้วยและยังต้องตรวจสอบอุปกรณ์ที่หล่นอยู่ตามพื้นอีก ว่าชิ้นไหนดีไม่ดีซึ่งส่วนใหญ่จะมีแต่ของพื้นๆ แต่ถ้าเจอของดีหลุดรอดมาก็ต้องรีบเก็บไม่อย่างนั้นจะเป็การสิ้นเปลืองเวลา ไม่ว่าจะเป็การเพิ่มระดับหรือเพื่อความร่ำรวยเขาเองก็ไม่เคยประมาท
ความคิดแว่บแรกของอัศวินปฐีก็คือโจมตี ถึงอย่างนั้นวิธีแบบนี้ก็อาจเหมาะกับบางสถานที่แต่ในโลกแห่งนี้แล้วสิ่งแรกกลับกลายเป็การปกป้องผู้เป็เ้าของเพราะถ้าเ้าของถูกสังหาร พวกมันก็ต้องมีชะตากรรมเดียวกันด้วยสำหรับฉินโจ้วสิ่งแรกที่เขานึกถึงนั่นก็คือความรวดเร็วถึงแม้ว่ามันจะดูไม่ค่อยฉลาดแต่อย่างน้อยมันก็รู้วิธีช่วยฉินโจ้วจัดการเคลียร์ผีดิบที่โจมตีเขาได้และสามารถหยุดหรือรอบ่อยๆ ก็ยังได้ซึ่งทำให้ฉินโจ้วรู้สึกยินดีเป็อย่างมากในเื่นี้ เพราะไม่อย่างนั้นอัศวินปฐีก็จะเอาแต่ไล่สังหารศัตรูและทิ้งเขาไว้ด้านหลังพวกผีดิบที่รายล้อมอยู่นี้ก็ไม่ใช่ไม้ประดับ ต่อให้อัศวินปฐีแข็งแกร่งขนาดไหนก็ยังมีแค่ตัวคนเดียว ก็สามารถจัดการได้แค่ด้านเดียว และก็คงต้องถูกสังหารเพราะนี่ไม่ใช่การต่อสู้ตัวต่อตัว ถ้าเขาอยู่ห่างจากอัศวินปฐีก็คงทำได้แค่รอความตายเพียงอย่างเดียว
ถึงแม้ว่าเวลาในการหยุดพักนั้นจะยาวนานกว่าเวลาการเดินก็ตามอีกสิบนาทีต่อมา ฉินโจ้วได้เข้ามาถึงใจกลางกองทัพผีดิบแล้วสุสานเทือกเขาชางซานดูเหมือนจะอยู่ห่างออกไปประมาณร้อยเมตรซึ่งครั้งหลังสุดนั้นต้องใช้เวลามากกว่าสามชั่วโมงถึงจะเดินมายังจุดนี้ได้ ในตอนนี้ดูเหมือนว่าระยะทางนั้นไม่ได้ไกลสักเท่าไรพละกำลังการต่อสู้ของอัศวินปฐีนี่ช่างแน่นอนเสียจริง
ฉินโจ้วมองดูค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นจากเมื่อชั่วโมงก่อนที่พาหลั๋วอีอีเพิ่มระดับตอนนี้อยู่ที่ 65% ของเลเวล 29 ไป 30 ค่าประสบการณ์ที่ได้นั้นมากกว่าที่คาดไว้พอสมควร
เมื่อเข้าใกล้ตีนเขาชางซานระดับของมอนสเตอร์ก็เพิ่มเป็เลเวล 29 แต่ถึงกระนั้นก็ยังห่างชั้นกับอัศวินปฐีและเมื่อไม่มีพลังพอที่จะต่อสู้กลับ ก็เลยโดนสังหารไปตามระเบียบเมื่อเลเวลของผีดิบสูงขึ้น จึงทำให้ค่าประสบการณ์ที่ได้นั้นสูงขึ้นตามไปด้วย
เมื่อถึงเชิงเขาของเทือกเขาชางซานเดิมทีนั้นเทือกเขานี้ได้เกิดจากการกองทับถมของซากศพเป็จำนวนมากจนต่อมาได้กลายเป็เทือกเขาจริงๆแต่เมื่อมองดูก็ยังคงมีร่องรอยการแตกหักของแขนขาให้เห็นอยู่บนพื้นผิวของก้อนหินซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็สีน้ำตาลดำ พื้นผิวค่อนข้างขรุขระ มองดูแล้วไม่เห็นมีสีสันไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เหมือนจะเป็หุบเขาแห่งความตายไปแล้ว
หลังจากที่หยุดพักฉินโจ้วก็เรียกอัศวินปฐีกลับทันใดก่อนจะเปลี่ยนมาเป็ทหารม้านักรบสี่ตัวกับทหารโครงกระดูกอีกแปดตัวล้อมรอบเป็วงกลม นับเป็รูปแบบวิธีการป้องกันแบบหนึ่ง
จุดประสงค์หลักในเวลานี้ก็คือการโจมตีให้ได้ 30 ครั้ง ฉินโจ้วยอมวางมือจากการฝึกฝนทักษะและเปลี่ยนมาเป็โจมตีอย่างเต็มกำลัง เนื่องจากพลังโจมตีของเขาน้อยแต่เขาได้ซื้อบางสิ่งจำนวนมากมาทดแทนได้
เมื่อมาถึงตีนเขาของเทือกเขาชางซานห่อที่บรรจุผงหินเหล็กไฟถูกโยนออกไปโดยรอบเปลวไฟลุกโชนขึ้นเป็วงล้อมรอบทหารโครงกระดูกที่ยืนอยู่เป็วงกลมโดยไม่มีทีท่าว่าจะดับเปลวไฟเริ่มลามไปติดกลุ่มของผีดิบที่อยู่รายรอบ ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่รู้สึกเ็ปแต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ส่งเสียงร้องะโออกมา
ด้วยการช่วยเหลือจากเปลวเพลิงทำให้ความเร็วในการเพิ่มระดับของฉินโจ้วนั้นไวขึ้นอย่างน้อยเกือบสองเท่าสองชั่วโมงต่อมา ค่าประสบการณ์ก็เพิ่มขึ้นไปถึง 85%แต่ถึงอย่างนั้นในใจของเขาก็รู้สึกเสียดายที่ว่าเขาไม่มีะเิสายฟ้าเหลืออยู่เลยถ้าไม่อย่างนั้น มันต้องเป็อะไรที่สุดยอดมากแน่นอนจะมีที่ไหนเหมาะสำหรับการใช้ะเิสายฟ้าเท่ากับที่นี่อีกแล้ว
พวกผีดิบนั้นไม่รู้สึกเ็ปไม่มีความหวาดกลัว มีเพียงความกระหายเืเท่านั้น ในพื้นที่ 10 ไมล์นี้มีเพียงฉินโจ้วคนเดียวที่ยังเป็คนที่มีชีวิตอยู่ สำหรับพวกผีดิบแล้วนี่ก็ไม่ต่างอะไรกับแสงที่ส่องประกายสว่างจ้าในยามค่ำคืนนั่นทำให้พวกมันไม่ลังเลเลยที่จะวิ่งตรงเข้าหาแสงไฟ
สามชั่วโมงให้หลังค่าประสบการณ์ก็อยู่ที่ 99% แล้ว ต่อมาอีกสามชั่วโมง ค่าประสบการณ์ก็ยังคงอยู่ที่99% เท่าเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงฉินโจ้วถอนหายใจและกำลังคิดอยู่ว่าเขาควรจะต่อสู้ต่อไปอีกสักสองหรือสามชั่วโมงดีหรือไม่ไม่แปลกใจเลยที่มีคนเคยพูดว่าเลเวล 20 นั้นไม่ยาก แต่ที่ระดับ 30นั้นเหมือนมีหลุมดำขวางกั้นอยู่ ซึ่งในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็จริงเสียแล้ว
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องดังโหยหวนออกมาจากระยะไกลคล้ายมีมีดกรีดเข้ามาในหู เ็ปรวดร้าวแทบทนไม่ไหว
ฉินโจ้วรู้สึกประหลาดใจกับเสียงที่ทรงพลังนี้มันจะต้องไม่ใช่ผีดิบธรรมดา คราวนี้น่าจะเป็บอสผีดิบแน่ๆ มันจะเป็ประเภทไหนกันผีดิบผมขาว ผีดิบผมดำ ผีดิบอื่นๆ นั้นไม่ได้ดูทรงอานุภาพเช่นนี้แน่
มีเงาดำมืดพุ่งมาบนท้องฟ้าจากที่ห่างไกลโดยเท้านั้นไม่ได้ััพื้นแม้แต่น้อย ฟังจากเสียงร้องแล้วตอนนี้น่าจะอยู่บนหัวของฉินโจ้วพอดิบพอดี
"ไม่จริงน่ามันบินได้อย่างนั้นหรือ"
ฉินโจ้วถึงกับอ้าปากค้างนี่มันไม่ใช่เื่ตลกเล็กน้อยเสียแล้ว ทีนี้จะสู้อย่างไรดีในสถานการณ์ปัจจุบันย่อมไม่ปล่อยให้เขามีเวลาคิดมากมายนักผีดิบขนาดใหญ่ผิดปกติราวเทือกเขาไท่ซานกำลังพุ่งมาจากบนฟ้าตรงเข้ามาหาฉินโจ้วด้วยความแรงอย่างมหาศาล กรงเล็บยาว 5-6 เิเซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเื มันดูดุร้ายและน่าหวาดกลัวเป็อย่างมาก
"แกคิดว่าตัวเองเป็เทือกเขาไท่ซานหรืออย่างไรกัน"ฉินโจ้วรู้สึกโกรธ เวลาต่อยตีกันใครเขาตีที่หน้ากันและจะเหยียบคนเขาก็ไม่เหยียบหัวกันหรอก เ้าผีดิบตัวนี้ช่างไร้การศึกษาสิ้นดีในขณะที่พุ่งตรงเตรียมจะเหยียบไปที่หัว ฉินโจ้วก็ลุกขึ้นมาเขาจะไม่อดทนอีกต่อไปแล้ว ก่อนจะร่ายเวท "อ่อนแรง" โจมตีใส่ผีดิบแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เกิดผลอะไรขึ้นเลย ดูท่าระดับคงต่างกันมากเกินไป
หอกทั้งสี่เล่มโจมตีไปที่เท้าของผีดิบตัวนั้นในเวลาเดียวกันนั้นเองก็เกิดเสียงกระทบกัน ฟังแล้วคล้ายกับก้อนหินกระทบกับทองผีดิบที่กำลังบินอยู่เกิดอาการสั่นไหวเล็กน้อย ในขณะที่ทหารโครงกระดูกทั้งสี่ร่างกายก็พลันสั่นสะท้านไปในเวลาเดียวกัน กีบเท้าม้าถึงกับจมลงไปในดินพลังทำลายของผีดิบตัวนี้ค่อนข้างร้ายแรงอยู่ทีเดียว
อาศัย่เวลานี้ฉินโจ้วรีบตรวจสอบชื่อของผีดิบทันที
นางฟ้าผีดิบ: บอส เลเวล 35 พลังชีวิต 1,050,000 หน่วยเพราะว่า่ต้นได้ดูดเืไปเป็จำนวนมากเลยก่อเกิดหยดโลหิตแดงขึ้นมาอยู่ในร่างกาย หลังจากผ่านมาเป็พันปีก็ก่อเกิดปัญญาขึ้น และหลังจากดูดซึมแสงจันทร์ ก็กลายร่างเป็นางฟ้าผีดิบ ทักษะ :บิน,ดูดเื, เปลี่ยนร่าง
ทักษะการบิน: สามารถเคลื่อนที่ในอากาศด้วยความเร็วสูง
ดูดเื: ดูดเืศัตรูและเปลี่ยนมาเป็พลังชีวิตของตน
เปลี่ยนร่าง: ในขณะที่ดูดเืจะปล่อยพิษซากศพออกไปพร้อมกันและทำการเปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็ผีดิบสูงสุดไม่เกิน 6 ศพ
พลังชีวิตมากกว่าหนึ่งล้านแล้วจะสู้ยังไงเนี่ย นี่มันมากกว่าบอสระดับ 35 ทั่วไปถึงสองเท่าเลยนะเกือบทำให้เขาต้องะโด่า ออกมาทีเดียว เขาแทบจะสู้คนเดียวไม่ไหวปัญหาเื่ผีดิบก็เื่หนึ่ง และแถมยังมีพวกพี่น้องอีกเป็โขยงนี่สิ
สายลมกระโชกแรงออกมาจากนางฟ้าผีดิบอีกครั้งมันจู่โจมลงเป็ครั้งที่สอง
"อ่อนแรง"
"อ่อนแรง"
กระแสลมสีเทาสองสายพุ่งตรงไปที่นางฟ้าผีดิบเมื่อพบว่าไม่มีหนทางเราก็ต้องกล้าที่จะยอมแพ้ ซึ่งในเวลานี้ไม่มีสิ่งใดจะพูดนอกจากว่า "เอ๋... วิ่งดิเอ๋" วิธีสู้พอมี แต่คงต้องเหนื่อยหน่อยเขารู้แล้วว่าทำไมนางฟ้าผีดิบจึงโจมตีเขาแบบแปลกๆ ถึงสองครั้งเพราะรอบนอกของทหารโครงกระดูกตอนนี้เต็มไปด้วยเปลวเพลิงแต่เฉพาะตรงบริเวณที่ฉินโจ้วอยู่นั้นไม่มีแสดงว่านางฟ้าผีดิบนั้นมีความฉลาดอยู่บ้าง มันรู้ว่ามันกลัวไฟเลยพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีเปลวไฟ และเนื่องจากมันมีทักษะการบินดังนั้นจึงเลือกโจมตีเฉพาะจากทางอากาศ
ปัง!
นางฟ้าผีดิบถูกโจมตีอีกครั้งและคราวนี้ค่าความเสียหาย -150 -150 -150 -150 ได้ลอยขึ้นเหนือร่างกายของมันแทนที่จะไม่ได้รับาเ็เหมือนครั้งแรกรู้สึกว่าเวทของฉินโจ้วน่าจะใช้ได้ผลกับมันบ้างแล้ว
"อ่อนแรง"
"อ่อนแรง"
นางฟ้าผีดิบถูกโจมตีเป็ครั้งที่สามคราวนี้ค่าความเสียหายก็กลายเป็ -240 -240 -240 -240ทำให้ฉินโจ้วเปลี่ยนความรู้สึกท้อแท้กลายเป็ดีใจแทนได้แล้วดูเหมือนว่าจะมีข้อดีที่สำหรับใช้เป็ที่ฝึกฝนทักษะไปในตัวด้วย
ด้วยวิธีนี้ในที่สุดนางฟ้าผีดิบก็ตกลงจากท้องฟ้าซ้ำแล้วซ้ำอีกมันก็โดนโจมตีแล้วโจมตีอีกเช่นกัน สามชั่วโมงผ่านไปค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ -600 -600 -600 -600แต่นางฟ้าผีดิบก็ยังเหลือพลังชีวิตมากกว่า 600,000 หน่วยและตอนนี้ที่คอของฉินโจ้วก็เริ่มระบมจากการท่องคาถา แต่นางฟ้าผีดิบเองก็ไม่ได้นึกเอะใจเลยแม้แต่น้อยยังคงโจมตีด้วยวิธีเดิมๆ แม้แต่มุมในการโจมตีก็ยังไม่เปลี่ยนดูเหมือนว่าจะสามารถโจมตีได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแต่สำหรับฉินโจ้วเริ่มรู้สึกว่าอยากจะร้องไห้คร่ำครวญเสียแล้ว
เมื่อเปรียบกับผีดิบหรือโครงกระดูก และมอนสเตอร์ประเภทอื่นๆ แล้วความทรหดอดทนที่มีดูคล้ายกับว่ากำลังทำให้ตัวเองตกอยู่ในที่นั่งลำบากซึ่งในตอนนี้ฉินโจ้วได้รู้ซึ้งถึงความขมขื่นนั้นแล้วและทำได้เพียงแค่กล้ำกลืนฝืนทนต่อไป
สี่ชั่วโมงต่อมาพลังชีวิตของนางฟ้าผีดิบก็ลดลงต่ำกว่า 50,000 หน่วยแล้ว ในเวลานี้ดูเหมือนว่านางฟ้าผีดิบจะเริ่มอารมณ์ไม่ค่อยดีนักและรู้สึกวิตกกังวลก่อนจะส่งเสียงร้องคร่ำครวญอย่างต่อเนื่องด้วยการหวีดร้องเสียงเล็กแหลมออกมา
แทบจะในทันทีฉินโจ้วได้เจอกับกลุ่มของผีดิบผมขาว ผีดิบผมดำ และผีดิบดินที่ไม่ได้ปรากฏตัวในเวลาปกติโผล่ออกมาเป็กลุ่มย่อยๆ ก่อนจะตรงเข้ามาโจมตีเขา
"เวลานี้ก็มาถึงจนได้เขาเองไม่ได้รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ แต่เขาก็ไม่มีทักษะที่จะสังหารหมู่ดังนั้นในเวลานี้ก็มาถึง
แคร๊ก!เสียงที่น่าหวั่นใจก็ดังขึ้น แขนของทหารม้าโครงกระดูกหักหอกยาวสีดำก็หล่นลงสู่พื้น ถึงแม้ว่าจะยังไม่เสียชีวิต แต่ก็เท่ากับสูญเสียพลังต่อสู้ไปแล้ว
อาจเป็เพราะทหารม้าโครงกระดูกสามตัวถูกล้อมรอบด้วยผีดิบผมขาวผีดิบผมดำ และผีดิบดิน และพัวพันกันอยู่ทำให้เหลือทหารม้าโครงกระดูกเพียงตัวเดียวที่เผชิญหน้ากับนางฟ้าผีดิบซึ่งก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว
ฉินโจ้วรีบเปลี่ยนทหารม้าโครงกระดูกหลังจากร่ายเวทเสร็จสิ้น กระแสลมแรงก็ตีเข้าที่หน้า นางฟ้าผีดิบพุ่งมาอีกครั้งฉินโจ้วจึงต้องกลิ้งตัวหลบ
แคร๊ก...ทหารม้าโครงกระดูกอีกตัวก็หมดสภาพ ทีนี้ก็หนึ่งต่อหนึ่งแล้วทหารม้าโครงกระดูกนั้นไม่สามารถต่อกรกับนางฟ้าผีดิบได้อยู่ดี
หลังสูญเสียทหารม้าโครงกระดูกไปสองตัวฉินโจ้วเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง นายชอบเล่นใหญ่นักเหรอ ได้เลย...ผมเองก็มีพี่ใหญ่เหมือนกันนะ เดี๋ยวมาดูกันว่าใครจะใหญ่กว่า
"อัญเชิญอัศวินปฐี"
เมื่อนางฟ้าผีดิบกลับมาอีกครั้งหอกดำยาวก็แทงสวนกลับขึ้นไปบนฟ้า ราวกับเจาะทะลุกระดาษตัวเลขความเสียหายเด้งขึ้นมา -7,000หอกดำยาวนั้นถูกดึงกลับก่อนจะแทงกลับไปอีกครั้ง เงาของหอกดำนั้นสั่นไหวก่อนจะปรากฏร่องรอยการแทงออกไปหกครั้งในชั่วพริบตา พลังชีวิตของนางฟ้าผีดิบก็พลันหายไปถึง42,000 หน่วย ทำให้เหลือพลังชีวิตไม่ถึงหนึ่งพันหน่วยเสียแล้ว
แค่แทงไปอีกครั้งเดียวก็จะจัดการมันได้แล้ว
นางฟ้าผีดิบส่งเสียงร้องอย่างไม่พอใจออกมาก่อนเขี้ยวแหลมคมทั้งสี่ที่อยู่ในปากจะพุ่งออกมาในทันใด ฟิ้วว... ถูกเข้ากับอัศวินปฐีทันใดนั้นเขาก็เห็นพลังชีวิตของอัศวินปฐีลดลงทันทีครึ่งหนึ่งการแทงครั้งสุดท้ายจึงได้ชะงักงัน
"หน่วง"
กระแสลมสีเทาพุ่งชนนางฟ้าผีดิบทำให้มันร่วงหล่นตรงมาที่ฉินโจ้ว ค่าสถานะลดลงหลายร้อยได้แสดงขึ้นเป็แถวในที่สุดมันก็ได้ผลเสียที
"เข้ามาเลยแกคิดว่าฉันเป็ลูกพลับนิ่มนักหรือไง"ฉินโจ้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะเรียกใช้ทักษะ "ฝ่ามือวชิระเทวราช"
ลำแสงสีขาวส่องประกายจากฝ่ามือของฉินโจ้วก็พุ่งโจมตีใส่นางฟ้าผีดิบอย่างแ่เบาราวกับแมลงปอบินโฉบบนผิวน้ำ
นางฟ้าผีดิบปลิวออกไปด้วยพลังของฝ่ามือตัวเลขความเสียหาย -6000 ลอยขึ้น ค่าพลังชีวิตก็พลันหายไปจนหมดก่อนจะกลายเป็ลำแสงสีเทากลางอากาศ ตายสนิท และมีอุปกรณ์ร่วงหล่นลงมา
ใน่ที่นางฟ้าผีดิบถูกสังหารฉินโจ้วรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของกองทัพผีดิบจะลดลงหนึ่งระดับพวกผีดิบดุร้ายทั้งหลาย เช่น ผีดิบผมขาว ผีดิบผมดำ ผีดิบดิน และผีดิบอื่นๆต่างก็หนีหายกันไปจนหมด เมื่อพวกมันไม่อยู่ ความคุกคามก็ลดลงเป็อย่างมาก
ฉินโจ้วรีบส่งอัศวินปฐีกลับไปก่อนจะเริ่มเก็บกวาดสนามรบด้วยความรวดเร็ว