“ฝ่าาแสนดีที่สุดเลยเพคะ”เหยาโม่หว่านช้อนตาขึ้นมองด้วยความรู้สึกชื่นชมยินดี ปลายนิ้วนุ่มลื่นลูบไล้ไปบนแผงอกกว้างดั่งมิได้ตั้งใจแต่กลับกระตุ้นความร้อนรุ่มใต้ร่มผ้าที่เพิ่งสงบไปให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
สังเวียนสวาทรอบใหม่ได้เปิดศึกขึ้นอีกครายามมองเย่หงอี้ตักตวงความสุขจากเรือนร่างของตนเองอย่างลุ่มหลง ก้นบึ้งหัวใจพลันเกิดระลอกคลื่นบางๆ สายหนึ่ง เพื่อพิสูจน์ความเอาใจใส่ของเย่หงอี้ที่มีต่อนาง คงต้องรอดูไปว่าเขาจะฟังวาจาของตนเองมากน้อยแค่ไหน
วันรุ่งขึ้นเหยาโม่หว่านนอนเอกเขนกกอดเ้าปุกปุยในอ้อมแขนอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟยตัวเดิม ดูเหมือนกำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดขณะลูบไล้ไปบนเส้นขนฟูฟ่องสีขาวกระจ่างราวหิมะพอเห็นหลิวสิ่งเดินเข้ามา ก็ส่งแมวน้อยไปให้ทิงเยว่
“เป็อย่างไร?”
“ทูลพระสนมนางกำนัลผู้นั้นเกรงว่าคงช่วยชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว ยามนี้เริ่มเพ้อแต่ถ้อยคำอันไร้แก่นสารบ่าวคิดว่าน่าจะไม่พ้นคืนนี้” หลิวสิ่งกระซิบรายงานด้วยน้ำเสียงที่เผยถึงความหนักใจ
“ตายได้ก็ดีอยู่ไปมีแต่ความอัปยศอดสู ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีก” แววตาของเหยาโม่หว่านจมดิ่งสู่ก้นบึ้งทอดถอนใจเบาๆ
“พระสนมใครกันที่โเี้อำมหิต ถึงขั้นทำร้ายนางกำนัลจนาเ็สาหัสขนาดนี้?” เมื่อย้อนรำลึกถึงสภาพของนางกำนัลที่ตามเนื้อตัวมีแต่าแโลหิตไหลโซมทั่วร่าง สีหน้าของหลิวสิ่งก็ไม่อาจซ่อนเร้นความโกรธเกรี้ยวไว้ได้
“อันปิ่งซาน”เหยาโม่หว่านแค่นเสียงลอดไรฟันเอ่ยออกมาสามคำ
“เป็เขานี่เองถือว่าตนเองเป็คนโปรดของฝ่าาแล้วจะทำสิ่งใดก็ได้ ช่างโอหังจนเกินขอบเขตไปแล้ว” สองมือของหลิวสิ่งกำหมัดแน่นเอ่ยวาจาอย่างเดือดดาล
“แล้วเปิ่นกงมิได้อาศัยความโปรดปรานของฝ่าาถึงกล้าทำโอหังผลักเฉินเฟยตกน้ำหรือไร” เหยาโม่หว่านตวัดหางตาใส่หลิวสิ่ง ตอกวาจาทุกถ้อยคำทุกประโยค
“พระสนม...”ดูเหมือนว่าหลิวสิ่งจะเริ่มััได้ถึงอารมณ์กรุ่นโทสะของผู้เป็นาย จึงรีบซ่อนเร้นความรู้สึกก่อนยืนรอรับคำสั่งอย่างนอบน้อม
“เปิ่นกงอยากบอกให้เ้ารู้ว่านี่คือความจริงผู้ใดได้รับความโปรดปราน ผู้นั้นย่อมสามารถเหิมเกริมอย่างไม่ต้องเกรงกลัวฟ้าดิน หลิวสิ่งเปิ่นกงรู้ว่าเ้ามีอุปนิสัยรักความชอบธรรม แต่กลับกลายเป็สิ่งต้องห้ามในวังหลังแห่งนี้อันปิ่งซานเป็คนที่ฝ่าาให้ความสำคัญ อย่าว่าแต่ขันทีกับนางกำนัลทั่วไป กระทั่งพระสนมกับขุนนางในราชสำนักยามพบเขายังต้องก้มศีรษะค้อมเอวให้ แสดงถึงความนอบน้อม แม้เ้าจะไม่พอใจเพียงใด ยามอยู่ต่อหน้าเขาก็จำเป็ต้องอดทนเข้าใจหรือไม่?” เหยาโม่หว่านตักเตือนด้วยสีหน้านิ่งขรึม
“หลิวสิ่งเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาล่ะพวกเ้าออกไปเดินเล่นเป็เพื่อนเปิ่นกงหน่อย” เหยาโม่หว่านเก็บสีหน้าเคร่งขรึมลงไปลุกขึ้นมาบิดี้เี ก่อนย่างเท้าออกไปจากตำหนักกวานจวี
“พระสนมพวกเราจะไปที่ไหนกันเพคะ?” ทิงเยว่เอ่ยถามอย่างระมัดระวังวาจา
“จะตายทั้งทีก็ควรตายอย่างมีคุณค่า...” เหยาโม่หว่านพึมพำเบาๆ ทิงเยว่กับหลิวสิ่งต่างมองหน้ากันแม้ไม่เข้าใจความหมายของผู้เป็นาย แต่กลับไม่กล้าถามซ้ำ ได้แต่เดินตามหลังออกไป
ห้องเครื่องตั้งอยู่มุมฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวังหลวงเมื่อมองไปโดยรอบจะเห็นว่ากินพื้นที่ถึงยี่สิบสามสิบห้อง แลดูโอ่โถงมีเอกลักษณ์ แต่บรรยากาศกลับคึกคักวุ่นวายห้องโถงสำหรับจัดสรรปันส่วนอาหารที่อยู่เบื้องหน้านับได้ว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด ทุกวันก่อนถึงเวลาเสวยพระกระยาหารทุกมื้อจะมีนางกำนัลของแต่ละตำหนักมายืนเรียงรายเลือกสรรอาหารอยู่ที่นี่ หลังจากนั้นจะมีขันทีน้อยรับหน้าที่จัดการส่งวัตถุดิบอาหารตามคำสั่งไปยังห้องเครื่องเล็กทั่วทั้งวังหลวงจะมีเพียงหวงตี้ หวงกุ้ยเฟย กุ้ยเฟย และสนมเอกชั้นผินที่มีห้องเครื่องเล็กเป็การส่วนตัวส่วนพระสนมที่ต่ำกว่าชั้นผินลงมาได้แก่ กุ้ยเหริน ไฉเหริน เหม่ยเหริน ไม่มีคุณสมบัติในการเลือกอาหาร
ทางห้องเครื่องใหญ่รับหน้าที่ดูแลจัดสรรปันส่วนอาหารให้ตามความเหมาะสม
ยามนี้เหยาโม่หว่านเดินอยู่บนเส้นทางผ่านจากตำหนักหวาชิงไปยังห้องเครื่อง
“พระสนมไฉ่อิ๋งมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พอเห็นเงาร่างของนางกำนัลคนสนิทของเหยาซู่หลวนปรากฏตัวขึ้นหลิวสิ่งก็รีบวิ่งมารายงานทันที
“ทิงเยว่เ้าว่าพี่ใหญ่จะซ่อนของเ่าั้ไว้ที่ไหน? ของสำคัญแบบนั้น น่าจะอยู่ที่ตำหนักของตนเองหรือเปล่า?”พอเห็นไฉ่อิ๋งเดินเข้ามาอยู่ในระยะสายตา เหยาโม่หว่านก็แสร้งเอ่ยวาจาให้ดังขึ้นกว่าปรกติ
“สมบัติของหวงโฮ่วต้องเป็ของล้ำค่าอย่างแน่นอนหากบ่าวจำไม่ผิด ทางไปตำหนักฉางเล่ออยู่ทางโน้นเพคะ เชิญพระสนม” ทิงเยว่แสร้งพูดร้องรับเป็ปี่เป็ขลุ่ยหลังจากนั้นก็พาเหยาโม่หว่านไปทางตำหนักฉางเล่อที่ประทับของอดีตหวงโฮ่ว