คำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของหยวนโม่เพียงประโยคเดียวจุดประกายความคิดในใจของหลี่ลั่ว ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยใดเงินล้วนเป็สิ่งสำคัญที่สุด เมื่อมีเงินก็สามารถซื้ออำนาจ และสิทธิประโยชน์ได้ การที่เขากอดขาใหญ่เอาไว้ขอเพียงเขาไม่ทำเื่อันใดที่ผิดกฎหมาย มองให้กว้างขึ้นทั้งเมืองหลวง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่เขาไม่มีเงินนี่น่ะสิ ได้เงินมาจากกู้จวิ้นเฉินสองหมื่นตำลึงอย่างไม่ง่ายดาย ใช้ไปอีกห้าพันตำลึง หากเป็เช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้แล้ว วันหน้ายังมีเื่ที่จำเป็ต้องใช้เงินมากกว่านี้
ดังนั้นเขาจึงอยากหาเงิน
แล้วจะหาเงินอย่างไรเล่า?
คนในยุคปัจจุบันที่อยู่ในยุคสมัยโบราณแล้วหาเงินไม่ได้ก็เท่ากับว่าเป็เ้าคนไร้ประโยชน์แล้ว หลี่ลั่วคิดว่าเขาเป็คนยุคสมัยปัจจุบันที่องอาจ ย่อมสามารถหาเงินได้มากขึ้น หาเงินได้แล้วไม่ได้ใช้คนเดียว ต้องให้ขาใหญ่ใช้ด้วย ขาใหญ่นี้ ย่อมต้องเป็จ้าวหนิงฮ่องเต้ ฮ่องเต้ ไม่มีวันรังเกียจเงินจำนวนมากหรอก
เช่นนี้ หลี่ลั่วเกิดความคิดแล้ว ในเมืองหลวงแห่งนี้ เขามีขาใหญ่ของจ้าวหนิงฮ่องเต้ หากไม่ทำการค้าแล้วคงต้องผิดต่อตัวเองจริงๆ
หลี่ลั่วใช้กระบวยตักเหล้า ตักเหล้ามารินใส่ถ้วย “มา พวกเ้าทุกคนมาดื่มดูสักอึก”
หยวนโม่และลวี่ผิงยินดียิ่ง รีบยื้อแย่งมาดื่มก่อนเป็คนแรก รสชาติต่างจากเหล้าธรรมดาทั่วไป แต่มีกลิ่นหอมและความหวานขององุ่น รสชาติดียิ่งนัก
“อร่อยมาก ข้าอยากร้องไห้แล้ว” คำพูดของลวี่ผิงนี้ไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย ช่างมอมเมาคนยิ่งนัก เมาเสียจนอยากร้องไห้
หลี่ลั่วร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก “นำไปคนละขวด ก่อนเข้านอนให้ดื่มคนละอึก นำไปให้ผิงอันและเหนียนหงด้วย” ขวดสำหรับใส่เหล้าหนึ่งชั่งนี้ซื้อราคาส่งมาจากโรงเหล้า ขวดละสิบอีแปะ ถูกมากๆ หลี่ลั่วซื้อมาในราคาส่งหนึ่งร้อยขวด เพิ่งจะหนึ่งตำลึงเอง
“ขอบคุณโหวเหฺยเ้าค่ะ”
“โหวเหฺยช่างดียิ่งนัก”
สาวใช้ทั้งสองยิ้มอย่างมีความนสุข
“ไปนำออกมาอีกสิบขวด แบ่งไปให้ที่เรือนมารดา พี่ใหญ่ และพี่หญิงใหญ่ด้วย เรือนใหญ่ส่งไปให้ท่านลุงใหญ่หนึ่งขวด เรือนสามแม้ท่านอาสามจะไม่อยู่ก็ส่งไปขวดหนึ่งเถิด เรือนเหล่าไท่เหฺยส่งไปสองขวด”
“เ้าค่ะ”
เมื่อนับเช่นนี้ก็เป็สิบเอ็ดขวดแล้ว ตอนนี้นำออกมาทั้งหมดยี่สิบขวดยังเหลืออีกเก้าขวด ให้ไห่กงกงสองขวด จ้าวหนิงฮ่องเต้สี่ขวด จวิ้นอีหนึ่งขวด ฉีอ๋องสี่ขวด และบวกตัวเขาอีกหนึ่งขวด เท่ากับสิบสองขวด
จากนั้นให้พ่อบ้านจี้หนึ่งขวด หลี่จงิสองขวด หลี่ฉางเฉิงหนึ่งขวด ซินหมัวมัวหนึ่งขวด และซินเป่าหนึ่งขวด ทั้งหมดหกขวด รวมจำนวนทั้งหมดเป็ยี่สิบเก้าขวด
เหล้าถังหนึ่งมีหนึ่งร้อยชั่ง เพิ่งจะยี่สิบเก้าขวดเท่านั้นเอง ยังมีเหล้าอีกมากมาย เสี่ยวโหวเหฺยยินดียิ่งนัก
จวนโหวเองไม่รู้ว่าวันนี้เป็วันอะไร พวกเขารู้สึกว่าเสี่ยวโหวเหฺยยินดี ทุกคนต่างก็ยินดีไปด้วย เรือนใหญ่และเรือนที่สามได้รับเหล้าผลไม้ เหล้าชนิดนี้ทำมาจากสิ่งใด พวกเขาลืมไปตั้งนานแล้ว คลับคล้ายคลับคลานึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อเดือนห้าที่เรือนโฉวงจี๋นำองุ่นมาหมักเป็เหล้า แต่หมักเช่นไรนั้น ดื่มหมดแล้วหรือไม่ พวกเขาล้วนไม่รู้ทั้งสิ้น
ยามนี้เมื่อได้รับเหล้าผลไม้ก็ไม่ได้คิดว่าหลี่ลั่วนำมาจากที่ไหน และด้วยความหอมของมันทำให้ทุกคนต่างก็มึนเมา อีกทั้งเหล้าเป็สีแดง ข้างในไม่มีองุ่น ดังนั้นสุดท้ายแล้วเป็เหล้าชนิดใดกันแน่ ไม่มีผู้ใดคิดไปถึงจริงๆ
เมื่อลวี่ผิงและหยวนโม่ไปส่งเหล้านั้น ได้แวะอยู่ที่เรือนหยวนเซ่อและเรือนของหลี่หลินพักใหญ่ ได้นำคำพูดของหลี่ลั่วมาบอกกล่าวกับหลี่หยางซื่อและหลี่หลิน ส่วนที่จะเชื่อหรือไม่ว่าช่วยเื่ความงามบำรุงผิวพรรณนั้นพวกนางไม่ได้ใส่ใจ สำหรับคำพูดของโหวเหฺยของพวกตนนั้น พวกนางเชื่อสนิท
หลี่จงิเคยดื่มเหล้าชนิดนี้เมื่อเดือนห้า แต่รสชาติในยามนั้นดีสู้ยามนี้ไม่ได้ เมื่อได้รับเขาจึงดื่มทันทีอึกหนึ่ง ความรู้สึกนี้ ทำให้เขาดื่มพรวดๆ ไปอีกหลายอึก
พ่อบ้านจี้ซาบซึ้งใจยิ่งนัก ไม่คิดว่าเสี่ยวโหวเหฺยจะจำเขาได้ด้วย
ที่ดีใจที่สุดเป็คนในเรือนโฉวงจี๋ ยามรักษาการณ์และบ่าวรับใช้ทำงานแรงงานเ่าั้ หลี่ลั่วให้ซินหมัวมัวจัดการให้พวกเขาดื่มคนละหนึ่งถ้วยในเวลาอาหารมื้อเย็น เหล้าหนึ่งถ้วยไม่ทำให้คนมึนเมา ซ้ำยังเป็เวลากลางคืน ย่อมไม่มีปัญหาอันใดและไม่ต้องกังวลใจ
แต่ยามนี้ยังไม่ใช่เวลากลางคืน ทางด้านหลี่ลั่วนั้นเมื่อแบ่งสรรปันส่วนเหล้าองุ่นเสร็จแล้วจึงเตรียมตัวจะเข้าวัง ผู้ติดตามยังคงเป็หลี่ฉางเฉิง แต่ก่อนที่จะเข้าวังเขาดื่มเหล้าองุ่นไปอีกหลายอึก ส่วนทางฉีอ๋องให้ซินเป่าไปจัดการ
ณ วังหลวง ห้องทรงพระอักษร
“หลี่ลั่วมาแล้วหรือ?” จ้าวหนิงฮ่องเต้วางพู่กันลง “น่าจะมาขอบคุณเื่พระราชทานสมรส ให้เขาเข้ามาได้”
เข้าวังหลวงราวกับมากินข้าวเช่นนี้ คาดว่าคงจะมีเพียงแค่เสี่ยวโหวเหฺยจงหย่งโหวเสียแล้วกระมัง เมื่อเดือนห้าหลี่ลั่วเข้าวังครั้งหนึ่ง เดือนหกกับเดือนเจ็ดไม่ได้เข้าวัง เว้นระยะไปสองเดือนไม่ได้พบหน้า จ้าวหนิงฮ่องเต้เมื่อเห็นเขาอีกครั้งยังรู้สึกคิดถึงเขาเสียแล้ว
เด็กผู้ชายตัวน้อยสวมชุดคลุมสีขาว ประดับรอยยิ้มอ่อนหวาน พาองครักษ์ติดตามเข้ามายังห้องทรงพระอักษรด้วย องครักษ์ผู้นี้จ้าวหนิงฮ่องเต้จำเขาได้ เป็บุตรชายของหลี่จงิ ครั้งก่อนที่หลี่ลั่วมานั้นก็พาเขามาด้วย คลับคล้ายคลับคลาว่าจะมาส่งของกิน จ้าวหนิงฮ่องเต้จึงพิจารณาดูหลี่ฉางเฉิง หิ้วตะกร้ามาหนึ่งใบอีกเช่นเคยจริงๆ ด้วย จ้าวหนิงฮ่องเต้พบว่าหลี่ลั่วในความทรงจำของเขานั้นดูเหมือนจะอยู่แต่กับเื่อาหารการกิน
“เสี่ยวเฉิน หลี่ลั่ว ถวายบังคมฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อม หลี่ฉางเฉิง ถวายบังคมฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้น ลั่วเอ๋อร์ไฉนจึงมาเยี่ยมเจิ้นเล่า? เจิ้นยังคิดว่าเ้ามัวแต่เที่ยวเล่นจนลืมเจิ้นไปแล้วเสียอีก” จ้าวหนิงฮ่องเต้ตรัสหยอกล้อ
หลี่ลั่วคิด ไม่ว่าสิ่งใดเขาก็ลืมได้ แต่ผู้มีความสำคัญประดุจบิดามารดาของเขาเช่นจ้าวหนิงฮ่องเต้นั้น เขาไม่มีวันลืมแน่ๆ “ฝ่าาทรงมีราชกิจมากมาย เสี่ยวเฉินจะมารบกวนบ่อยๆ ได้เช่นใดกันพ่ะย่ะค่ะ แต่ทว่าในใจของเสี่ยวเฉินนั้นยังคงจดจำฝ่าาได้นะพ่ะย่ะค่ะ” เขาพูดพลางลุกขึ้นยืน “ไม่พบหน้าไห่เหฺยเหฺยสองเดือน รู้สึกว่าไห่เหฺยเหฺยจะดูหนุ่มยิ่งขึ้นกว่าเดิมนะขอรับ”
พรืด...ไห่กงกงยิ้มจนแทบหุบปากไม่ลง “ปากของเสี่ยวโหวเหฺยนี้ ช่างหวานเสียจนหาใครมาเปรียบเทียบไม่ได้”
หลี่ลั่วหัวเราะฮ่าๆ “เสี่ยวเฉินถูกลักพาตัวเมื่อเทศกาลไหว้พระจันทร์ ต้องให้ฝ่าาเป็กังวลแล้ว เป็ความผิดของเสี่ยวเฉินจริงๆ วันนี้เสี่ยวเฉินมาส่งของขวัญ ขอฝ่าาทรงโปรดประทานอภัยให้เสี่ยวเฉินด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เจิ้นยังคิดว่าเ้าจะมาขอบพระทัยที่เจิ้นพระราชทานสมรสเ้าให้จวิ้นเฉินเสียอีก” จ้าวหนิงฮ่องเต้ล้อเขา “เป็เช่นใด? เจิ้นยกจวิ้นเฉินให้เ้า ดีใจหรือไม่?”
“ย่อมต้องดีใจพ่ะย่ะค่ะ” หลี่ลั่วตอบ
“อ้อ? เหตุใดจึงดีใจเล่า?” จ้าวหนิงฮ่องเต้ถามด้วยความประหลาดใจ สายตาลุ่มลึกยากจะคาดเดา
หลี่ลั่วก้มหน้าด้วยความขัดเขินพลางครุ่นคิด จากนั้นเงยหน้าขึ้น หน้าเล็กๆ นั้นแดงเล็กน้อย ที่จริงแล้วเป็เพราะว่าก่อนออกมาเขาได้ดื่มเหล้าองุ่นเข้าไปนั่นเอง แต่เมื่อจ้าวหนิงฮ่องเต้และไห่กงกงเห็นแล้วนั้น นั่นมิใช่สีหน้าของผู้ที่กำลังเขินอายเป็อย่างยิ่งหรอกหรือไร? หลี่ฉางเฉิงไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดก่อนเข้าวังหลี่ลั่วจึงต้องดื่มเหล้าองุ่นอีกหลายอึก ยามนี้เขากระจ่างแจ้งแล้ว ในใจนั้นสั่นสะท้าน ความคิดของเสี่ยวโหวเหฺยนั้น...ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
“ท่านพี่ฉีอ๋องหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างก็ดี ทั้ยังดีต่อข้า และ...และหากมีท่านพี่ฉีอ๋องเป็สามีของข้า ก็จะไม่มีใครรังแกข้าได้พ่ะย่ะค่ะ” หลี่ลั่วพูดเสียงเบา
ห้องทรงพระอักษรนั้นเดิมเงียบสงบอยู่แล้ว ต่อให้เสียงเบากว่านี้อีก จ้าวหนิงฮ่องเต้ก็ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน
ฮ่าๆๆ...จ้าวหนิงฮ่องเต้หัวเราะลั่น “เ้าเด็กคนนี้ช่างตรงไปตรงมาเสียจริง หากไม่ใช่จวิ้นเฉินเล่า? หากเจิ้นพระราชทานสมรสคนอื่นให้เ้าเล่า?”
“เช่นนั้นก็ต้องหน้าตาดี รูปร่างดี ดีต่อข้า ทั้งยังต้องปกป้องข้าไม่ให้ผู้อื่นมารังแกข้าได้พ่ะย่ะค่ะ” หลี่ลั่วตอบทันใด
ฮ่าๆๆ...จ้าวหนิงฮ่องเต้สนุกยิ่งนัก ฮ่องเต้ผู้สูงส่ง ชอบฟังที่สุดคือคำพูดของเด็กที่ไร้เล่ห์เหลี่ยมและตรงไปตรงมา หลี่ลั่วอายุยังน้อย ในคำพูดนั้นมีทั้งจริงและเท็จจ้าวหนิงฮ่องเต้ย่อมไม่ไปคิด ฮ่องเต้องค์หนึ่ง หากยังต้องไปคิดไตร่ตรองคำพูดของเด็กน้อยวัยห้าขวบ เช่นนั้นจะเหนื่อยเพียงใดเล่า
“คำพูดนี้ของเ้าควรจะให้จวิ้นเฉินได้ฟังสักหน่อย”
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ” หลี่ลั่วรีบเอามือปิดก้นตัวเองเอาไว้ “ท่านพี่ฉีอ๋องต้องตีก้นข้าแน่ๆ ฝ่าาอย่าบอกนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่าๆๆ...
องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องทรงพระอักษรตกตะลึง เสียงหัวเราะดังลั่นของฝ่าาพวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน จ้าวหนิงฮ่องเต้เป็คนเก็บเงียบ พูดน้อย เคร่งขรึม หลังจากขึ้นเป็ฮ่องเต้จึงค่อยๆ พูดมากขึ้น แต่ตัวตนจริงๆ ของฮ่องเต้องค์นี้กลับเ็าและเข้มงวดยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าจงหย่งโหวจะทำให้ฝ่าาหัวเราะได้เช่นนี้
ต่อไปหากจงหย่งโหวมา จะต้องเกรงใจสักหน่อยแล้ว
แม้ว่าท่าทางที่เด็กน้อยเอามือปิดก้นของตนไว้จะน่าขันนัก แต่ถ้าปล่อยให้เป็เช่นนี้ต่อไปภาพลักษณ์ของฝ่าาและเด็กน้อยจะไม่เหลือแล้ว ดังนั้นไห่กงกงจึงเอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวโหวเหฺย ท่านนำของขวัญอันใดมาถวายฝ่าาเล่า?”
หลี่ลั่วเปิดตะกร้า “เป็เหล้าองุ่นพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าจะคล้ายคลึงเล็กน้อยกับเมื่อเดือนห้า แต่รสชาติไม่เหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ” พูดแล้วหลี่ลั่วก็บิดฝาขวดออก เพียงชั่วพริบตาเดียวกลิ่นของเหล้าองุ่นก็ฟุ้งกระจายออกมา
กลิ่นหอมของเหล้าไม่เหมือนเมื่อเดือนห้าจริงๆ ด้วย ไม่หมือนกันเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีชายหนุ่มคนไหนไม่ชอบเหล้า ก่อนขึ้นครองราชย์นั้นจ้าวหนิงฮ่องเต้เป็ท่านอ๋องผู้เติบโตมาในกองทัพ อุปนิสัยของเขานั้นไม่มีความสุภาพเฉกเช่นองค์ชายในราชวงศ์ เมื่อได้กลิ่นหอมหวนเช่นนี้จึงนั่งไม่ติดทันที เขาลุกขึ้นเดินมาเบื้องหน้าหลี่ลั่ว หยิบเหล้าขึ้นมาดมกลิ่นอยู่ครู่หนึ่ง “เหล้าดี”
ที่จริงแล้วจ้าวหนิงฮ่องเต้เป็คนที่มีความอดทนอดกลั้นเป็เลิศ ที่สามารถมีกิริยาท่าทางเช่นวันนี้ได้ คาดว่ามีเพียงอยู่ต่อหน้าหลี่ลั่วเท่านั้น เขาดื่มไปอึกหนึ่ง ดวงตาเป็ประกาย “เป็เหล้าดีจริงๆ” อดไม่ไหวที่จะกล่าวชมขึ้นมาอีก “คิดไม่ถึงว่าในเมืองหลวงจะมีเหล้าดีเช่นนี้อยู่”
“ฝ่าา นี่เป็เหล้าที่เสี่ยวเฉินหมักเองพ่ะย่ะค่ะ” หลี่ลั่วฉวยโอกาสตอบ
“หืม?” จ้าวหนิงฮ่องเต้คาดไม่ถึงอย่างยิ่ง “คิดไม่ถึงว่าไอ้หนูเช่นเ้าจะหมักเหล้าเป็”
“สิ่งที่เสี่ยวเฉินทำได้นั้นมีมากมายนักพ่ะย่ะค่ะ แต่ถนัดและชำนาญในเื่กินมากกว่า” หลี่ลั่วพูดอย่างภูมิอกภูมิใจ
“ช่างจินตนาการได้ยากนัก นิสัยเช่นหลี่ซวี่ไฉนจึงมีบุตรชายเช่นเ้าได้” จ้าวหนิงฮ่องเต้ถือเหล้าเดินกลับไปที่บัลลังก์ั “วันนี้เ้าอยากได้รางวัลอะไรเล่า? พูดออกมาเถิด เจิ้นย่อมทำให้เ้าสมปรารถนาแน่นอน”
หลี่ลั่วส่ายหน้า “เสี่ยวเฉินไม่ได้้ารางวัลพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าาได้ยกท่านพี่ฉีอ๋องพระราชทานให้กับเสี่ยวเฉินแล้ว”
พรืด...หากจวิ้นเฉินได้ยินว่าเขานั้นได้ถูกพระราชทานเป็รางวัลออกไป คาดว่าก้นของเ้าเด็กน้อยผู้นี้ต้องถูกตีแน่นอน “เช่นนั้นเงินก็ไม่้าแล้วหรือไร?”
หลี่ลั่วส่ายหน้าอีก “เสี่ยวเฉินละอายแก่ใจยิ่งนัก เสี่ยวเฉินฟังท่านอาหลี่พูดแล้วจึงรู้ว่าที่จริงแคว้นของเราหาเงินได้ไม่ง่ายดายเลยพ่ะย่ะค่ะ เหล่าทหารกล้าลำบากขนาดนั้น บางครั้งเงินเดือนของกองทัพก็ไม่ได้รับ”
จ้าวหนิงฮ่องเต้ที่เดิมมีรอยยิ้มแห่งความสุขค่อยๆ เก็บงำเงียบขรึมอย่างช้าๆ สายตาของเขาดำมืดดูไม่ออก ทว่าไม่ได้มองหลี่ลั่ว ภายในจิตใจรู้สึกเหนื่อยหน่ายท้อแท้เล็กน้อย ความจริงเป็เช่นนั้น ที่จริงแล้วไม่ได้มีเพียงเื่ที่กรมกลาโหมเป็อริกับกองทัพซีเป่ยเท่านั้น ท้องพระคลังไม่มีเงินมากมายอันใด การศึกวุ่นวายภายในเมื่อหกปีก่อนทำลายรากฐานไปหมดแล้ว ยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับขึ้นมา และจ้าวหนิงฮ่องเต้ไม่สามารถออกหน้าช่วยกองทัพซีเป่ยอย่างโจ่งแจ้งได้ ต่อให้จะอยากช่วยแค่ไหน แล้วเงินเล่า?
ท้องพระคลังของราชสำนักว่างเปล่า ไม่เพียงแต่ด้วยเหตุการศึกภายในเมื่อหกปีก่อน เมื่อครั้งเสด็จพ่อของเขาครองบัลลังก์นั้นท้องพระคลังก็ว่างเปล่าแล้ว ขุนนางราชสำนักขาดแคลนเงิน ยืมเงินจากกรมคลัง แม้แต่ขุนนางในราชสำนักยังไม่มีเงิน แล้วจะพูดถึงเงินเดือนของเหล่าทหารได้อย่างไร
ในบรรยากาศมีความกดดันเล็กน้อย
“พอแล้ว เงินเดือนของเหล่าทหารน้อยลง ก็ไม่บกพร่องเงินเล็กน้อยของเ้า” จ้าวหนิงฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “ต้าไห่ เ้าส่งจงหย่งโหวออกจากวังเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ”