ฉันมีโกดังหยุดเวลา ย้อนอดีตมาเป็นแม่ค้าในยุค80

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์


     

    หลังจากกล่าวคำลาเถ้าแก่ร้านผลไม้ ฟางเฉาก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม

    แต่เพียงไม่นาน เสียงคำรามในท้องก็ปลุกเธอตื่น

    วันนี้เธอทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน แม้ร่างกายจะชินกับการทำงานแบบนี้อยู่แล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกเหนื่อยและหิวเพราะใช้พลังงานไปมาก

    เธอจึงเดินมาถึงต้นไม้ใหญ่ข้างถนน หาที่นั่งพักเหนื่อยชั่วครู่ ก่อนจะหยิบซาลาเปาที่เก็บไว้ในโกดังเมื่อเที่ยงออกมา คิดว่าจะกินรองท้องก่อนกลับ

    ทว่าเมื่อก้อนแป้งขาวปรากฏในมือ ฟางเฉาก็ต้องตกตะลึง

    “มันยังอุ่นอยู่อีกเหรอ...” เธอพึมพำเบาๆ ก่อนจะกัดคำแรก รสชาติของแป้งนุ่มและไส้ที่ยังคงสดใหม่ ทำให้เธอคิดถึงความเป็๞ไปได้ในใจ

    หากโกดังมิตินี้สามารถรักษาสภาพของสิ่งของได้จริง ๆ มันคงเป็๲ประโยชน์มหาศาล

    แต่ก่อนอื่น เธอต้องวางแผนและเก็บเงินให้ได้มากพอเสียก่อน

    ฟางเฉากินซาลาเปาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน พร้อมถุงผลไม้ในมือ มุ่งหน้าไปยังสหกรณ์การค้า

    ภาพดวงตาเศร้าสร้อยของหลินเซียงฉินเมื่อเช้าที่เธอเดินออกมาจากบ้านยังคงติดอยู่ในใจ เธอจึงอยากหาขนมไปปลอบเขา ให้เด็กคนนี้ได้ลิ้มรสขนมเหมือนคนอื่นบ้าง

    เมื่อถึงสหกรณ์ ฟางเฉาก็เดินสำรวจของในร้านอย่างรวดเร็ว

    ตอนนี้เธอมีเงินที่เหลือจากการเดินทางติดตัวเพียง 2 หยวน และเงินที่ได้รับจากเถ้าแก่เมื่อครู่นี้ 1.2 หยวน รวมทั้งสิ้น 3.2 หยวน แต่เด็กสาวกัดฟันตัดสินใจซื้อขนมลูกอมกระต่ายขาวหนึ่งถุงในราคา 5 เหมา ซึ่งทำให้เงินของเธอเหลือเพียง 2.7 หยวนเท่านั้น

    เธอกอดถุงขนมและรีบกลับไปด้วยใบหน้าที่แจ่มใส ความเสียดายที่ต้องควักเงินออกมาใช้เริ่มบรรเทาลงอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงน้องชาย

    ไม่เป็๞ไร ถึงแม้ว่าค่าจ้างของเธอจะน้อย แต่เมื่อหักลบวันหยุดแล้ว เธอก็ยังสามารถหาเงินได้เกือบ 40 หยวนในหนึ่งเดือน

    แม้แต่น้าเขยของเธออย่างหรงเทียนเจี๋ย ก็มีรายได้เพียงประมาณ 50 หยวนต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดแล้วถือว่าน้อยกว่ามาก แต่สำหรับยุคที่ราคาข้าวสารอยู่ที่ 0.1-0.15 หยวนต่อจิน (1 จิน = 500 กรัม) มันคือรายได้ที่เพียงพอจะเลี้ยงทั้งครอบครัวได้

    ซาลาเปาไส้ผักที่เถ้าแก่มอบให้เธอก็มีราคาลูกละ 1-2 เหมาเท่านั้น (0.1- 0.2 หยวน) และเกือบจะเพียงพอสำหรับอาหารสองมื้อ

    เมื่อฟางเฉากลับถึงบ้านของอาหญิงก็เย็นมากแล้ว แต่ทันทีที่เธอเข้าประตูมา เสียงสะอึกสะอื้นของน้องชายก็สะท้อนอยู่ในหูทันที

    เด็กสาวรีบเดินไปยังต้นเสียง และภาพที่เห็นทำให้หัวใจเธอบีบรัด

    น้องชายของเธอกำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนพื้น ร้องไห้จนใบหน้าเล็กๆ ของเขาแดงช้ำ ในขณะที่ลูกพี่ลูกน้องคนที่สองของเธอ หรงหยุนลี่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าหรงจิ้งฮวาด้วยสีหน้าราวกับกำลังตำหนิเธอ

    ทันทีที่เห็นฟางเฉา หลินเซียงฉินก็ร้องเรียกด้วยเสียงที่สั่นเครือ “พี่สาว!” พร้อมทั้งยกแขนขึ้น

    ฟางเฉาทิ้งถุงผลไม้และลูกอมในมือโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ เธอรีบเข้าไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดแน่น “เซียงฉิน เป็๲อะไร เกิดอะไรขึ้น?”

    เด็กชายซุกหน้าเข้าหาไหล่ของพี่สาว ร้องไห้จนตัวโยน

    ฟางเฉาหันมองหรงจิ้งฮวาที่ตอนนี้ดูเหมือนจะรู้สึกผิด สีหน้าของเด็กหญิงแสดงความไม่พอใจและกระวนกระวาย สุดท้ายด้วยความเป็๲เด็ก ใบหน้าก็บิดเบ้ ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอีกคน

    “เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้กันทำไม?” หลินเหมยรีบเดินมาจากด้านนอก และเห็นฟางเฉาพอดี “เสี่ยวเฉากลับมาแล้ว” เธอพูดอย่างโล่งใจ

    “หนูก็ไม่รู้ค่ะ หนูเพิ่งกลับมาเหมือนกัน” ฟางเฉาตอบคำ พลางปลอบน้องชาย

    หลินเหมยหันไปมองลูกสาวคนรอง หรงหยุนลี่จึงอธิบาย “เป็๞เพราะจิ้งฮวา... เธอพูดว่า เธอบอกว่า...พี่เฉาไม่๻้๪๫๷า๹เซียงฉินแล้ว”

    เมื่อฟางเฉาได้ยินดังนั้น ใจของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธ แต่เธอก็พยายามเก็บอารมณ์เอาไว้ ไม่อยากแสดงอารมณ์ต่อหน้าอาหญิง

    “พูดจาไร้สาระ!” หลินเหมยเอ็ด ทำให้หรงจิ้งฮวาร้องไห้อีกหน

    เมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้ คนเป็๲แม่ก็ยังใจอ่อน เธอหันไปมองดูหลานสาวและหลานชายด้วยความละอายใจ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เสี่ยวเฉา อาต้องขอโทษแทนจิ้งฮวาด้วย น้องยังเล็กไม่รู้ความ เธอไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นหรอก”

    ฟางเฉารู้สึกอึดอัด แต่ก็ต้องตอบไปว่า “ไม่เป็๞ไรค่ะอาหญิง หนูเข้าใจ”

    หลังจากนั้นพวกเขาก็ปลอบเด็กๆ ให้หยุดร้องทีละคน หลินเหมยอธิบายว่า “พอเห็นว่าพวกเขากลับมาจากโรงเรียนแล้ว ฉันก็เลยไปแลกไข่กับเพื่อนบ้านมา ดูสิ เย็นนี้ทำข้าวผัดไข่กันเถอะ”

    ฟางเฉาพยักหน้า “หนูช่วยนะคะ”

    หลินเหมยยิ้ม “เด็กดี” เธอพูดและเดินเข้าครัวไป

    ฟางเฉากอดหลินเซียงฉินที่ยังคงพิงไหล่เธอ พลางลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบใจ “พี่สาวไม่ทิ้งเซียงฉินหรอกนะ ไม่ต้องกลัว พี่จะกลับมาหาน้องแน่นอน” เธอกระซิบใกล้หูเด็กชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    เด็กชายพยักหน้า เชื่อคำพูดพี่สาวสุดใจ ใบหน้าเล็กๆ ยังมีหยดน้ำตาประปรายจนฟางเฉาค่อยๆ เช็ดให้

    หลังจากปลอบน้องชายจนสงบลงแล้ว ฟางเฉาก็ลุกขึ้นและไปช่วยหลินเหมยเตรียมอาหารเย็นในครัว

    เวลาผ่านไปไม่นาน หรงเทียนเจี๋ยก็กลับมาจากทำงานพร้อมกับถุงใบใหญ่ หรงจื้อคังที่วิ่งออกไปเล่น๻ั้๹แ๻่เลิกเรียนก็วิ่งกลับมาเพราะความหิวเช่นกัน

    เมื่อทุกคนพร้อมหน้า ครอบครัวก็นั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกัน ฟางเฉาเล่าเ๹ื่๪๫ที่เธอหางานได้ให้ฟังในระหว่างมื้ออาหาร

    “จริงเหรอ?” หลินเหมยถามด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวเฉาไปแค่วันเดียวก็ได้งานแล้ว?”

    “ใช่ค่ะ โชคดีที่ไปเจอร้านผลไม้ท้ายตลาดกำลัง๻้๪๫๷า๹คนพอดี แต่หนูยังเด็ก ค่าแรงเลยได้น้อยหน่อย” ฟางเฉาตอบ

    หรงเทียนเจี๋ยบอก “ดีแล้วล่ะ มีงานก็ดีแล้ว อีกอย่างยังใกล้บ้านด้วย อาคิดว่าทำไปก่อนเถอะ อย่างน้อยก็จะได้มีเงินเก็บเผื่อไว้ในอนาคต”

    ฟางเฉายิ้ม ใบหน้าบ่งบอกถึงความอารมณ์ดี หรงเทียนเจี๋ยพูดเสริม “อาเพิ่งเอาถุงเท้ากลับมา เสี่ยวเฉากับเสี่ยวฉินก็เลือกไปใช้ด้วยสิ” เขาชี้ไปยังถุงใบใหญ่ที่เอากลับมา

    หลินเหมยเห็นแล้วก็บ่น “เยอะขนาดนี้เลยเหรอ? หัวหน้าของพวกคุณวางแผนจะระบายสินค้าเก่าพวกนี้ให้พนักงานทั้งหมดเลยใช่ไหม?”

    หรงเทียนเจี๋ยก้มหน้าจิบซุป ในใจคิดว่า หากพวกเขาทำแบบนั้นได้ก็คงอยากทำเหมือนกัน เพียงแต่สินค้าที่ค้างอยู่มีจำนวนเยอะมากจนแม้แต่เมื่อระบายออกมาบางส่วนก็ยังแทบไม่พร่องเลย

    สินค้าที่เหลือในคลังกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ของใหม่ก็ยังไม่หยุดผลิต เพราะผู้อำนวยการกลัวว่าถ้าหากหยุดงานตอนนี้ อาจจะทำให้พนักงานรู้สึกไม่มั่นคงและออกมาประท้วงโรงงานได้ ดังนั้นสถานการณ์จึงยังคงต้องยื้อยุดกันต่อไป

    หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเย็นเสร็จ ฟางเฉาก็ไม่รีรอที่จะลุกขึ้นเก็บจานชามไปล้างในครัว

    เมื่อทำความสะอาดทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็หยิบถุงผลไม้ที่เธอถือมาจากตลาด ค่อยๆ คัดผลไม้ทีละลูก ตรวจสอบดูว่าลูกไหนที่เริ่มมีรอยช้ำหรือเสียจนกินไม่ได้แล้ว จากนั้นเลือกผลไม้ยังมีเนื้อดีอยู่มาปอกเปลือกอย่างระมัดระวัง

    ถึงแม้จะต้องคัดทิ้งไปมากกว่าครึ่ง แต่เธอก็สามารถคัดเนื้อดีๆ ออกมาได้หนึ่งจานใหญ่ เด็กสาวนำผลไม้จานนั้นไปแบ่งทุกคน “อาหญิง อาเขย ลองกินผลไม้สิคะ”

    หลินเหมยมองจานพลางขมวดคิ้ว “ผลไม้พวกนี้...” เธอคิดว่าหลานสาวเพิ่งทำงานวันแรกและฟุ่มเฟือยจนซื้อผลไม้กลับมา

    ฟางเฉารีบบอก “พวกนี้เถ้าแก่ให้ฉันมาเพราะมันเป็๞ผลไม้มีตำหนิ แต่ยังพอกินได้อยู่ ในครัวยังมีส่วนที่ต้องทิ้งไปเยอะเลย”

    หรงเทียนเจี๋ยหยิบผลไม้ชิ้นหนึ่งเข้าปากก่อนจะยิ้มพอใจ “หวานดีนะ ฉันว่าร้านที่เธอทำงานด้วยคงเป็๲ร้านที่ดีทีเดียว เถ้าแก่ที่เธอทำงานด้วยคงใจกว้างมากเลยใช่ไหม?”

    ฟางเฉาเพียงยิ้มบางๆ แต่ในใจรู้ดีว่าเถ้าแก่ไม่ได้ใจกว้างนัก เขาแค่ขี้เหนียวและไม่อยากทิ้งของเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ

    หลังจากกินผลไม้เสร็จ ฟางเฉาก็หยิบถุงลูกอมที่ซื้อไว้ออกมา “เซียงฉิน นี่ของน้อง” เธอพูดพลางยื่นถุงลูกอมให้น้องชาย

    ดวงตาของเด็กชายเปล่งประกาย เขายื่นมือเล็กๆ มารับลูกอมไปด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณพี่สาว!”

    หรงจื้อคังเห็นถุงลูกอมในมือหลินเซียงฉินและร้องออกมาทันที “ลูกอม! ฉันก็อยากกิน!”

    ฟางเฉามองเขา แล้วก็หันไปมองหรงหยุนลี่และหรงจิ้งฮวาที่ตอนนี้ก็มองมาทางเธอด้วยแววตาคาดหวัง ก่อนจะหยิบลูกอมแจกให้แต่ละคน “กินด้วยกันนะ”

    เด็กๆ ดีใจกันยกใหญ่ สถานการณ์ดูผ่อนคลายและกลมเกลียวกันมากขึ้นชั่วคราว

    อย่างไรก็ตาม ฟางเฉาไม่ได้ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ แม้จะมีความคับข้องใจอยู่ในใจ แต่เมื่ออยู่ใต้หลังคาบ้านคนอื่น เธอก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คืออดทน เก็บเงิน และวางแผนเพื่อวันข้างหน้า เพื่อที่จะพาน้องชายออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง

    หลังจากที่แจกจ่ายลูกอมให้เด็กๆ ฟางเฉาก็หันมาสนใจถุงใหญ่ที่หรงเทียนเจี๋ยเอากลับมาจากโรงงาน

    เธอหยิบถุงเท้าหนึ่งคู่ขึ้นมาดู มันเป็๞ถุงเท้าผ้าฝ้ายสีขาว รูปทรงเรียบง่ายที่มีตะเข็บตัดเย็บอย่างประณีต แม้จะไม่ได้ดูหรูหรา แต่วัสดุที่ใช้กลับให้ความรู้สึกทนทานและนุ่มนวล

    เธอลองลูบเนื้อผ้าดู และคิดว่ามันน่าจะให้ความอบอุ่นได้ดีในฤดูหนาว

    น่าเสียดายที่ตอนนี้เป็๞๰่๭๫ปลายฤดูใบไม้ผลิ ความ๻้๪๫๷า๹สินค้าแบบนี้จึงลดลง

    เธอเริ่มเข้าใจว่าทำไมโรงงานถึงต้องแจกถุงเท้าจำนวนมากให้พนักงานแทนที่จะมอบของกินของใช้อย่างอื่น เพราะสินค้าอาจจกำลังจะล้นคลังและไม่ตรงกับความ๻้๵๹๠า๱ของตลาด

    เธอปิดถุงและวางมันไว้ข้างผนังอย่างเรียบร้อย ก่อนจะลุกขึ้นตามเด็กๆ ที่เริ่มแยกย้ายกันไปนอน

    แม้การหางานได้จะดี แต่การทำงานตลอดทั้งวันก็เหนื่อยจริงๆ จนเด็กสาวแทบจะหลับทันทีที่หัวถึงหมอน

     

     

     

    อธิบายหน่วยเงิน

    - 1 หยวน = 10 เหมา

    - 1 เหมา = 10 เฟิน

    เช่น

    ซาลาเปา 1 ลูก ราคา 2 เหมา (0.2 หยวน)

    บะหมี่ 1 ชาม ราคา 1 หยวน 5 เหมา (1.5 หยวน)

    ลูกอม 1 เม็ด ราคา 5 เฟิน (0.05 หยวน)

     

     



นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้