มู่จื่อหลิงอยู่ในฐานะผู้ถูกกระทำมาโดยตลอด จูบลงโทษของหลงเซี่ยวอวี่นี้ เผด็จการเกินกว่าจะเปรียบเทียบ แแ่จนไม่มีช่องให้อากาศผ่าน ไล่ต้อนนางจนไร้ทางหนี ได้แต่ถูกบีบบังคับให้ตอบสนองเขา
รอบกายเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง บรรยากาศคลุมเครือยังคงโอบล้อมไหลเวียนอยู่ในขณะนี้...
ในที่สุด ขณะที่มู่จื่อหลิงเกือบจะขาดใจ หลงเซี่ยวอวี่จึงปล่อยนางออกเล็กน้อย ทว่ายังคงแนบหน้าติดหน้าผากนาง จมูกชนจมูกอย่างอาลัยอาวรณ์
ดวงตาลุ่มลึกงดงามของหลงเซี่ยวอวี่เปล่งประกายขณะมองริมฝีปากอวบอิ่มที่ถูกเขากัดจนบวมน้อยๆ ราวกับยังไม่เพียงพอ
“มู่มู่ หายใจเข้าแล้วค่อยทำต่อ” เสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ของหลงเซี่ยวอวี่เจือไปด้วยความอ่อนโยนระคนความเย้ายวน เผยบรรยากาศที่ทำให้คนหลงใหลอย่างอดไม่อยู่
ค่อยทำต่อ?
มู่จื่อหลิงได้สติกลับมาอย่างฉับพลัน ถูก ‘ค่อยทำต่อ’ สามคำนี้ทำให้ประหลาดใจ จนไม่สังเกตถึงสรรพนามสนิทสนมของหลงเซี่ยวอวี่ และััความพิศวงในน้ำเสียงของเขาไม่ได้
นางรู้เพียงว่า ชายผู้นี้จะไร้ยางอายเกินไปแล้ว! ต่อให้เขาไม่ตบตีสตรี เช่นนั้นก็ให้นางตบด้วยฝ่ามือตนเองก็พอ มิเช่นนั้นก็หาคนอื่นมาตบก็ได้นี่! รังแกกันเกินไปแล้ว!
ถ้าจะไม่ยุติธรรมเช่นนี้จริงๆ เช่นนั้นฝ่ามือนี้ของนางก็มีค่ามากกว่าเงินทองเป็แน่ หากรู้เช่นนี้แต่แรกนางก็ควรมอบไปหลายๆ ฝ่ามือหน่อย
ถุยๆ รู้เช่นนี้แต่แรก รู้เช่นนี้แต่แรกนางก็ไม่คิดว่าเป็ความฝันเช่นนั้นแล้ว
นางก็ว่าแล้ว กลางวันแสกๆ เหตุใดจึงได้คิดถึงเ้าคนสารเลวที่ทั้งเ้าเล่ห์ทั้งสับปลับผู้นี้ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
์ช่าง ‘ทารุณ’ นางเสียจริง ให้นางมายั่วโทสะบุรุษที่ใจร้ายเ้าเล่ห์ผู้นี้ ล้วนต้องโทษที่สมองนางสับสนไปชั่วขณะ ต้องโทษมือที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของนาง
มู่จื่อหลิงยังไม่ทันหายใจไปเฮือกใหญ่ ก็ใช้โอกาสเดียวในการหายใจ เค้นออกมาสามคำ “ข้าขอคัดค้าน!”
“คำคัดค้านไม่มีผล!” หลงเซี่ยวอวี่ตัดสินใจทันที น้ำเสียงเผด็จการจนไม่อาจเอาชนะได้โดยง่าย
สิ้นเสียงพูด จุมพิตของเขาก็ครอบลงมาอีกครั้ง...
แต่ครั้งนี้มู่จื่อหลิงก็ตาไวมือไวขึ้นมาแล้ว ยื่นมือออกไปกุมปากที่บวมแดงเล็กน้อยของนางแน่นตามสัญชาตญาณ
จูบที่ไม่มีเค้าลางล่วงหน้าของหลงเซี่ยวอวี่หยุดลงที่หลังมือขาวเนียนของนาง
“ไม่ดื้อนะ ปล่อยมือออก!” น้ำเสียงของหลงเซี่ยวอวี่ทุ้มต่ำ ราวกับเสียงจาก์ เย้ายวนคนเป็พิเศษ
มู่จื่อหลิงสั่นศีรษะอย่างตื่นๆ ดวงตางามใสกระจ่างที่แยกดำขาวชัดเจนจนคนสั่นไหวเต็มไปด้วยละอองน้ำ ขมุกขมัว ทว่ากลับมองเห็นถึงเสน่ห์อันหลากหลาย และมีชีวิตชีวาจนน่าหลงใหล
“ถ้าทำเช่นนี้ต่อ คงได้ขาดอากาศหายใจตายแน่” หลงเซี่ยวอวี่โน้มน้าว น้ำเสียงทุ้มต่ำ นำพาความเย้ายวนจู่โจมผู้อื่นอย่างสมควรตาย
ในใจมู่จื่อหลิงสั่นไหวอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้ายังคงไม่หวั่นไหว ส่ายศีรษะด้วยความหนักแน่น ต่อให้ขาดอากาศหายใจตายก็ไม่ปล่อย
เขาไม่ใช่ลูกสุนัข ยังกัดกันได้!
นานขนาดนั้นแล้วยัง ‘กัด’ ไม่พอ น่ารังเกียจจริงๆ! จนถึงตอนนี้ปากนางยังรู้สึกแสบๆ ชาๆ อยู่เลย!
นางไม่ใช่คนโง่ ถ้ากัดต่อไป แล้วนางจะไปพบเจอคนได้อย่างไร?
“ไม่ปล่อยจริงๆ?” ั์ตาที่ลุ่มลึกเหมือนเหยี่ยวของหลงเซี่ยวอวี่คู่นั้น เปล่งประกายสว่างไสว จ้องนางเป็เวลานาน ดวงตาที่ไร้จุดสิ้นสุดปรากฏแววเ้าเล่ห์
มู่จื่อหลิงสั่นศีรษะอีกครั้งอย่างแน่วแน่ แต่ครั้งนี้จู่ๆ ก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างลางๆ!
ลางสังหรณ์ของนางถูกต้องจริงเสียด้วย!
หลงเซี่ยวอวี่กุมข้อมือเล็กบางของนางไว้ มือใหญ่ข้างหนึ่งจับข้อมือบอบบางของนางพลิกไปด้านหลังได้อย่างง่ายดายและไม่เปลืองเรี่ยวแรง ส่วนมืออีกข้างก็ตรึงร่างของนางไว้แน่น
“ท่าน...ข้าแค่ไม่ตั้งใจตบไปหนึ่งครั้งเท่านั้น กัดเพียงครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว มิอาจกัดอีกได้” มู่จื่อหลิงอยากจะร้องไห้ไร้น้ำตานัก นางลืมได้อย่างไรว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลงเซี่ยวอวี่ ตนเองก็เป็แค่มดเขย่าต้นไม้ใหญ่ ไม่ดูกำลังตนเอง
ยิ่งเป็เื่ที่หลงเซี่ยวอวี่้าทำ ใครจะสามารถไปหยุดยั้งได้?
หลงเซี่ยวอวี่ชี้ไปที่แก้มที่ขึ้นรอยนิ้วมือทั้งห้านิ้วขึ้นมารางๆ พูดต่อไปอย่างเป็ธรรมชาติว่า “ดูสิ รอยนิ้วห้ารอยตรงนี้ ย่อมต้องกัดห้าครั้ง เมื่อครู่ก็แค่ดอกเบี้ย ยามนี้...”
“คนปลิ้นปล้อน!” มู่จื่อหลิงโมโหพลันกระทืบเท้า ขัดจังหวะคำพูดเขาโดยพลัน ไฟโทสะในใจที่ไม่ทราบชื่อพุ่งทะยานขึ้นสูง เรียกว่าเป็กองเพลิงได้เลย!
ขูดรีดผู้อื่นต้องมีขีดจำกัด นึกไม่ถึงว่าจะกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้!
กัดห้าครั้ง? แล้วยังคิดดอกเบี้ย? เช่นนั้นริมฝีปากนางจะไม่ถูกกัดจนแหลกหรือ
ตกลงมันไม่ถูกต้องตรงใดกันแน่?
นี่ยังใช่ฉีอ๋องผู้ทรงอำนาจ หยิ่งยโส และเด็ดขาดที่นางรู้จักอยู่หรือไม่?
นี่ยังใช่ฉีอ๋องผู้รักความสะอาดขั้นรุนแรง ไม่ให้ผู้อื่นเข้าใกล้ โเี้เ็า ใครพบเห็นก็เกรงกลัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่หรือไม่?
ไม่ ไม่ใช่! ไม่มีทางใช่อย่างแน่นอน!
นี่ นี่มันคนเสเพลชัดๆ!
ถึงขั้นแสดงเนื้อแท้ที่นิสัยไม่ดีออกมาจนหมด หลอกล่ออย่างเป็ธรรมชาติโดยหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว
รอบนี้ศีรษะของมู่จื่อหลิงไม่ได้ถูกจับไว้ นางส่ายศีรษะเอียงซ้ายเอียงขวา ไม่ให้หลงเซี่ยวอวี่สมปรารถนา
ทว่าหลงเซี่ยวอวี่ไม่ลังเลที่จะจูบริมฝีปากเล็กที่บวมแดงน้อยๆ ของนางอย่างแม่นยำด้วยความคลาดเคลื่อนระดับศูนย์จุดศูนย์ศูนย์ศูนย์ ซึ่งเป็ตัวเลขที่สามารถมองข้ามไปได้เลย
เขาเป็คนเสเพล แล้วจะทำอย่างไร?
ครั้งนี้ จูบของเขา ไม่ขบกัดอย่างรุนแรง แต่อ่อนโยน ถ่ายทอดแ่เบาราวขนนก ละเลียดชิมรสหวานอันโอชะในปากของนาง
สายหมอกพร่ามัวอันหนาทึบลอยขมุกขมัวอยู่รอบกาย ราวกับดินแดนเซียนที่เหมือนจินตนาการในความฝัน
วิเศษงดงาม อ้อยอิ่งวนเวียน ราวกับว่ากลายเป็โลกอีกโลกหนึ่ง!
ละเอียดลออ อ้อยอิ่ง ราวกับฝนที่ตกปรอยๆ ความรู้สึกอันลึกซึ้งถักทอแแ่ไปทั่วท้องนภา ดั่งประกอบตัวขึ้นเป็ภาพที่งดงามในโลกใบนี้
ความรักลุ่มหลง ความปรารถนายุ่งเหยิง!
ณ ขณะนี้ สมองของมู่จื่อหลิงว่างเปล่าไปอย่างสมบูรณ์ สติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่หลุดลอยไปอย่างไม่มีเค้าลางล่วงหน้า ในชั่วขณะนั้นก็ได้ลืมตัวตนไปจนหมดสิ้น
ตัวอ่อนปวกเปียกจมลงสู่ความหวามไหวของความอ่อนโยน ในห้วงแห่งความเผลอไผลนั้นหัวใจทั้งดวงก็ค่อยๆ ถลำลึกลงไป จนยากจะถอนตัว...
เหมือนว่าเวลาจะผ่านไปนานแสนนาน หลงเซี่ยวอวี่ถึงได้ปล่อยนางอย่างอาวรณ์
ระยะห่างของคนทั้งสองชิดใกล้ยิ่งนัก กลีบปากที่ผละออกจากกันดูเหมือนจะนำเส้นใยสีเงินยวงเบาบางติดตามไปด้วย พร่ามัว น่าหลงใหล
หลงเซี่ยวอวี่โอบร่างไร้เรี่ยวแรงของมู่จื่อหลิงเอาไว้ ตรึงสายตาไว้ที่นางนิ่งๆ แววตาที่สับสนซุกซ่อนความอ่อนโยนเอาไว้นับไม่ถ้วน!
มู่จื่อหลิงเบือนใบหน้าเล็กที่แดงก่ำไปอีกทางตามจิตใต้สำนึก ไม่ให้เขามอง ทว่าไม่นานก็ถูกเขาจับให้หันมาสบตากับเขาอย่างเผด็จการ
ขัดขืนไม่ได้ก็ไม่หลบอีก มู่จื่อหลิงสบสายตากับเขาอย่างไม่เผยความอ่อนแอออกมา สบตากับเขาด้วยความลึกซึ้ง มองก็มองเถิด เนื้อคงไม่แหว่งหรอก
ดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่ดำขลับราวหยดหมึก พร่ามัวและลุ่มลึก ราวกับสามารถดึงดูดิญญามนุษย์ให้ถลำเข้าไปได้ ทันทีที่ถลำตัวเข้าไปก็ไร้หนทางจะฝ่าฝืน
มู่จื่อหลิงมองเห็นตนเองที่มึนเบลอในดวงตาของเขา ทว่าอย่างไรก็มองความหมายในดวงตาของเขาไม่ออก
นางกับหลงเซี่ยวอวี่เป็สามีภรรยาที่แต่งงานกันเพราะการเมือง ไม่มีความรักใดๆอยู่เลย พูดให้ชัดเจนกว่านี้ก็คือไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันแม้แต่น้อย
แล้วยามนี้เล่า?
ทั้งคลุมเครือและสนิทสนมปานนี้ เกิดอันใดขึ้นกัน?
ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไปโดยที่ไม่รู้ตัว? ราวกับระหว่างพวกเขามีความสัมพันธ์บางอย่างต่อกันจริงๆ?
ใจที่กระสับกระส่ายของมู่จื่อหลิงเต้นผิดจังหวะ จุดอ่อนไหวที่ลึกสุดในใจเหมือนมีความรู้สึกแปลกประหลาดทะลักเข้ามา!
ดวงตาที่กระจ่างใสปรากฏแววสับสน ในท้ายที่สุดก็ยังพ่ายแพ้ หลบเลี่ยงสายตาที่คลุมเครืออ่านไม่ออกของหลงเซี่ยวอวี่ตามจิตใต้สำนึก
มู่จื่อหลิงดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของหลงเซี่ยวอวี่ ถึงได้รู้สึกตัวว่าตนเองยังอยู่ที่ป่าสายหมอก
นางกวาดสายตาไปโดยรอบด้วยความสงสัย
เย่จื่อมู่เล่า? ฝูงหมาป่าที่จ้องตาถมึงทึงก็ไม่เห็นแม้แต่เงา และต้นหญ้าเขียวขจีใต้ต้นไม้ที่พวกเขาใช้หลบภัยก็เป็สีดำทั้งหมด มีร่างหมาป่าไร้ชีวิตครึ่งตัวอยู่
มู่จื่อหลิงเดินเข้าไปด้วยความสงสัย นี่คือ? โลหิตพิษ เหมือนจะเป็ผลงานของเสี่ยวไตกู
หรือว่าเสี่ยวไตกูก็มา?
จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็ได้กลิ่นคาวเือันเบาบาง นางก้มศีรษะมองตนเองตามจิตใต้สำนึก
โอ้ว! เกิดอะไรขึ้น?
มู่จื่อหลิงใกับเสื้อผ้าอาบโลหิตที่ขาดวิ่น กลิ่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามิใช่เืของนาง
ระหว่างที่นางหลับเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แล้วหลงเซี่ยวอวี่มาได้อย่างไร? เย่จื่อมู่ไปไหนแล้ว เขามิได้เสียเืมากเกินไปจนวิ่งไม่ไหวหรือ?
ไม่ได้ถูกหลงเซี่ยวอวี่พบเข้า จากนั้นจึงถูก...
“หลง...ท่านอ๋อง ยามที่ท่านมาถึงพบผู้ใดหรือไม่?” มู่จื่อหลิงหันกายมามองหลงเซี่ยวอวี่ด้วยความสงสัย ถามอย่างระมัดระวัง
นางไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าตนเองเปรอะเปรื้อนเืหมาป่าไปทั้งตัวได้อย่างไร เหตุใดไม่เจอเย่จื่อมู่ หลงเซี่ยวอวี่พบเขาหรือไม่?
“ทำไม? เปิ่นหวางควรพบผู้ใด?” ดวงตาเ็าของหลงเซี่ยวอวี่หรี่ลงน้อยๆ สีหน้าเปลี่ยนเป็เ็าพอดี ถามกลับอย่างเฉยชา
เอ่อ...
มู่จื่อหลิงอึดอัดใจ ดูจากเช่นนี้หมอนี่คงไม่ได้เจอเย่จื่อมู่
แต่เย่จื่อมู่ลากร่างกายที่อ่อนปวกเปียกเช่นนั้นหายไปได้อย่างไร? ถ้าเขาจะไปเหตุใดจึงทิ้งนางไว้ที่นี่? ดังนั้น...เขาคงไม่ได้ถูกหมาป่ากัดกระมัง?
ในระหว่างที่มู่จื่อหลิงกำลังสงสัย ในป่าก็มีแสงสีม่วงะโออกมาจากในป่า ร่างเล็กๆ ของเสี่ยวไตกูก็ร่อนลงตรงหัวไหล่มู่จื่อหลิง
“เสี่ยวไตกู เ้ามาั้แ่เมื่อใด?” มู่จื่อหลิงประคองเสี่ยวไตกูไว้ใจกลางฝ่ามือ
เสี่ยวไตกูร้องอย่างสดใส “โอ้กๆๆ” นายน้อย ข้ามาตั้งนานแล้ว
“เ้าปล่อยพิษใส่ฝูงหมาป่าใช่หรือไม่ เ้าปล่อยพิษได้อย่างไร?” มู่จื่อหลิงใขึ้นมาโดยพลัน ในใจมั่นใจแล้ว ทว่าเสี่ยวไตกูต่อสู้กับหมาป่าฝูงใหญ่ได้อย่างไร
“โอ้กๆๆ” ใช้ลิ้นยาวปล่อยพิษ ข้ายังเหลือหมาป่าที่มีกู่ปรสิตด้วย นายน้อยข้าร้ายกาจหรือไม่?
เสี่ยวไตกูะโอย่างเริงร่า เสี่ยวไตกูแย่งความชอบของผู้อื่นด้วยท่าทางน่ารัก
มู่จื่อหลิงนึกได้ขึ้นมาทันที ใช่สิ นางลืมเื่นี้ไปได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ไม่นานเสี่ยวไตกูเพิ่งผ่านการเปลี่ยนแปลงมา ลิ้นเปลี่ยนเป็ยาวขึ้น ดังนั้นการจัดการฝูงหมาป่าก็มิใช่ปัญหาอย่างสิ้นเชิง
“ช่างร้ายกาจจริงเลย ลำบากเพียงนี้ กลับไปจะบำรุงให้เ้า” มู่จื่อหลิงพลันยินดีขึ้นมา ลูบเสี่ยวไตกูอย่างสนิทสนม
แม้พิษเสี่ยวไตกูจะไม่มีความก้าวหน้า แต่ลิ้นยาวนี่ร้ายกาจจริงๆ! ก่อนหน้านางรังเกียจจนแทบทนไม่ไหว มีลิ้นยาวนี่สะดวกสบายจริงๆ
เสี่ยวไตกูพลันยินดีจนแทบทนไม่ไหว ดีดขาและพลิกกายอย่างตื่นเต้น บำรุงที่นายน้อยบอกย่อมต้องเป็กู่ควบคุมใจ สิ่งที่มันชื่นชอบที่สุด
หนึ่งคนหนึ่งคางคกคุยเล่นกันเช่นนี้ ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อยว่ายังมีคนข้างกายที่ถูกเมินไป ใบหน้ามืดครึ้ม สีหน้าไม่ดีอย่างยิ่ง
“ก่อนหน้านี้เกิดเื่อะไรขึ้นเ้ารู้หรือไม่?” มู่จื่อหลิงถามอีก
“โอ้ก”
เสี่ยวไตกูเพิ่งออกเสียง ก็ได้รับสายตาเตือนอันหนาวเยือก เมื่อครู่เขาแอบเห็นแล้วว่านายน้อยถูกลงโทษเช่นใด
นายน้อยที่มันเลื่อมใสที่สุด ร้ายกาจที่สุด ถูกบุรุษแข็งแกร่งลงโทษจนขาแข้งอ่อนไปเสียอย่างนั้น?
น่ากลัวนัก!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้