เสิ่นม่านะโ เยี่ยนชีเองก็มีปฏิกิริยาว่องไว เหินตรงไปที่คนนั้นและยื่นมือกระชากตัวเขาไว้ทันที
ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆ “มิจำเป็ต้องลงมือ ข้าไม่ได้จะหนีไปไหน” หลังจากพูดจบ เขาเป็ฝ่ายเดินมาหาเสิ่นม่านเอง
หิมะเพิ่งตก ทางเดินจึงลื่น คนผู้นั้นเดินลงเนินมาอย่างเงอะงะ ดูแล้วน่าขำนัก รอจนเดินใกล้เข้ามา เสิ่นม่านถึงอาศัยแสงจากท้องฟ้าและเห็นว่าคนผู้นั้นคือโจวฉี่เซียน อาจารย์ของลานศิลป์อู๋ถง
“อาจารย์โจว?”
นางขมวดคิ้ว “เหตุใดจึงเป็ท่านได้?”
อากาศหนาวเย็น โจวฉี่เซียนพ่นไอร้อนจากปากใส่มือและถูฝ่ามือ จากนั้นถึงเอ่ยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ข้าได้ยินว่าเกิดเื่ประหลาดบนที่ดินบ้านข้า จึงมาดูความครึกครื้น”
ชัดเจนว่าไม่มีผู้ใดเชื่อ
หากจะบอกว่าไม่มีความคิดอื่นแฝง ไยจึงไม่มาดูความครึกครื้นตอนกลางวัน แต่มาดูตอนกลางคืน?
โจวฉี่เซียนหาได้ใส่ใจไม่ เขาวิ่งไปยังสถานที่พบศพตอนกลางวันและนั่งยองเพื่อดู “หลุมนี้เคยเป็ห้องเก็บน้ำแข็งของบ้านข้า ทำจากหินก้อนใหญ่ แข็งแรงอย่างยิ่ง เดิมทีที่ตรงนี้ยังมีประตูหิน แต่คงถูกคนะเิออก”
หลังจากโจวฉี่เซียนพูดจบก็ลุกขึ้นสะบัดดินและหิมะที่เกาะบนชุด แล้วเอ่ยอย่างแ่เบา “สองคนนั้น ไม่สู้ลองจับมาสอบถามดู ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ดังนั้นแล้ว เขามาเพื่อดูความครึกครื้นจริงๆ หรือ?
เป็ครั้งแรกที่เสิ่นม่านไม่มีความคิดเห็น นางหันไปสบตาหนิงโม่ เห็นเขาผงกศีรษะเบาๆ ให้เยี่ยนชีไปปลุกสองคนนั้นให้ตื่น
เยี่ยนชีไม่พูดจาแต่วักหิมะไปโปะหน้าสองคนนั้นเป็การปลุก ความหนาวทำให้ทั้งสองคนสะดุ้งตื่นขึ้น
ทั้งสองถูกสกัดจุดเส้นเสียง แม้อยากร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ทำได้แค่ดิ้นไปมาบนพื้น และส่งเสียงอื้ออ้า
เยี่ยนชีหิ้วพวกเขาซ้ายคนขวาคนราวกับหิ้วลูกไก่ จากนั้นโยนไว้หน้าหนิงโม่และไม่ลืมที่จะข่มขู่ “ฟังข้าให้ดี พวกเ้ารู้อะไรก็พูดมาตามนั้น หากกล้าะโเรียกคน คิดหนี หรือคิดโกหก ผลลงเอยจะเหมือนกับหินก้อนนี้!”
หลังจากที่เขาพูดจบ ก็ยกแผ่นหินหนาสามนิ้วที่อยู่ด้านข้างมา จากนั้นมีเสียงดัง ‘เปรี๊ยะ’ หินถูกผ่าออกเป็สองซีกด้วยมือเปล่า
เสิ่นม่านและโจวฉี่เซียนที่รู้สึกประหลาดใจ “...”
สองคนที่ถูกจับได้ “!!!”
น่ากลัวเหลือเกิน! พวกเขาพยักหน้าราวกับไก่จิก ร่างกายสั่นเทาอย่างหยุดไม่อยู่
หลังจากทำให้ทั้งสองหวาดกลัวได้สําเร็จ เยี่ยนชีก็คลายจุดให้พวกเขา เข่าของสองคนนั้นสั่นเป็เ้าเข้าและคุกเข่าร้องขอชีวิตไม่หยุด
“ท่านจอมยุทธ์ได้โปรดไว้ชีวิต! พวกข้ารับเงินมาจึงทำงาน มีคนจ่ายเงินให้เรา ให้เรามาทำลายหลักฐาน เราไม่ใช่ฆาตกรนะ!”
เสิ่นม่านถามว่า “ใครให้พวกเ้ามา?”
“คือ...” ทั้งสองลังเล เยี่ยนชีแบกแผ่นหินมา จากนั้นกระแทกด้วยหัวเข่าจนหินหักเป็สองแผ่น!
ทั้งสองจึงยอมคายทุกอย่างออกมาราวกับถั่วเหลืองที่ถูกเทออกมาจากกระสอบ “คือ คือนายท่านเฉียนซานเจียง! เขาจ่ายเงินให้เราคนละสิบตำลึง ให้เรามาขุดกำมะถันในหลุมออกไป เพื่อไม่ให้คนหาหลักฐานได้...”
หน็อยแน่ เฉียนซานเจียง เ้าฟันทองนั่นอีกแล้ว!
เสิ่นม่านโกรธจัดจนทุบใส่แผ่นหินที่เยี่ยนชีเพิ่งโยนทิ้งเมื่อครู่ แผ่นหินถูกนางชกจนทะลุ สร้างความตื่นตะลึงให้แก่คนทั้งสาม
ทุกคน: นี่คือสตรีจริงหรือ?
มีเพียงเยี่ยนชีเท่านั้นที่มองนางอย่างเลื่อมใส ทั้งยังไม่ลืมที่จะชื่นชมนางจากก้นบึ้งของหัวใจ
“แม่นางเสิ่น เ้าเจ๋งยิ่งนัก!”
คำว่าเจ๋ง เสิ่นม่านเพิ่งสอนเขาไปสองวันที่แล้ว หมายถึงการบรรยายคนที่เก่งกาจอย่างมาก
เขารู้สึกว่าเสิ่นม่านเกิดมาเพื่อคํานี้!
คนทั้งหมดยังไม่ทันดึงสติกลับมาได้ อีกฟากหนึ่งก็มีเสียงฝีเท้าคนเดินมาอย่างเร่งรีบ คบไฟส่องสว่างจากรอบข้าง เสิ่นม่านเงยหน้าขึ้นและเห็นคนถือคบไฟจำนวนไม่น้อยวิ่งมาล้อมสถานที่ตรงนี้
มีคนะโเสียงดัง
“ฆาตกรตัวร้าย พวกเ้ากล้ามาทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ! เด็กๆ จัดการจับพวกมันเดี๋ยวนะ”
คนที่เป็ผู้นำคือชายหนุ่มที่หน้าตาเ้าเล่ห์เหมือนหนู บนตัวยังสวมชุดที่ทำจากขนสุนัขจิ้งจอก เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือที่มีหลายคนแบก ฤดูหนาวแต่กลับถือพัดโบกไปมา จากนั้นมองดูคนทั้งหมดด้วยท่าทางใจเย็น
เสแสร้งเก่งเหลือเกิน
มือปราบกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา ในมือพกดาบกันทุกคน ขอเพียงพวกเขากล้าขัดขืน เดาว่าอีกฝ่ายคงกล้าสังหารทันทีแน่!
เสิ่นม่านเหลือบมองคนทั้งหมด เดาว่าคงติดกับผู้อื่นเข้าแล้วเป็แน่!
“กุนซือเฉียน ลำบากท่านแล้วที่ต้องพาคนมาจับฆาตกรดึกๆ ดื่นๆ เช่นนี้ เป็ภาพที่หาชมยากเหลือเกิน”
โจวฉี่เซียนเป็คนแรกที่เอ่ย ด้วยท่าทางที่ประชดประชันเช่นนี้ ดูแล้วหาได้มีความกังวลไม่ เขาเงยศีรษะและจ้องมองว่าอีกฝ่าย้าจะทำอะไรกันแน่
กุนซือเฉียนที่นั่งอยู่้า หรี่ตาที่เล็กเท่าถั่วเขียวจ้องมองโจวฉี่เซียน จากนั้นแสยะยิ้มเบาๆ
“นึกว่าใคร? ที่แท้ก็บัณฑิตตกยาก มาร่วมสนุกสนานด้วยหรอกหรือ? ในเมื่อเ้ารนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าก็จะส่งเสริมพวกเ้าเอง… มือปราบ คุมตัวพวกเขาไปที่ว่าการอำเภอ ข้าจะไต่สวนพวกเขาคืนนี้เอง!”
“ข้าจะดูว่าพวกเ้าคนใดกล้า?!”
เยี่ยนชีคำรามอย่างดุเดือด ขณะเดียวกันก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้กับพวกกระจอกที่ล้อมรอบ
เสิ่นม่านรู้สึกแปลก จึงถาม “นายอำเภอจางล่ะ? เมื่อใดกันที่ต้องให้กุนซือมาไต่สวนด้วยตนเอง?”
“นางผู้หญิงใจกล้า! นายอำเภอไม่อยู่ แน่นอนว่าก็ต้องเป็กุนซืออย่างข้าที่ใหญ่ที่สุด! พวกเ้าไม่มีสิทธิ์มานั่งสงสัย พวกเ้าก่อความผิด ข้าก็มีอำนาจไต่สวนเช่นกัน!”
กุนซือเฉียนตบที่พักแขน “ยังรีรออะไรอยู่อีก? คุมตัวไป!”
“ขอรับ!” ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับคําสั่งก็เข้ามาจับกุมคน
เยี่ยนชี้าต่อต้าน แต่เมื่อเห็นเ้านายของเขาส่ายหน้า เขาก็ยอมโดนจับไปยังที่ว่าการอำเภอแต่โดยดี
มือปราบจุดไฟในที่ว่าการ ไฟด้านในจึงส่องสว่าง โถงใหญ่ที่มืดสลัวถูกแสงไฟสะท้อนจนสว่างไปทั่ว ยกเว้นผู้ร้ายสองคนที่เพิ่งถูกจับก่อนหน้านี้ เสิ่นม่านกับคนที่เหลือต่างก็ยืนเรียงกันอยู่ที่ด้านล่าง
กุนซือเฉียนลูบเคราและเคาะไม้เสียงดัง เขาคร้านจะสนใจว่าพวกนั้นคุกเข่าหรือไม่ จากนั้นยิงตรงเข้าประเด็น
“สตรีที่ยืนอยู่ในโถงคือ เสิ่นม่านเหนียง สินะ?”
เสิ่นม่านยกเปลือกตาขึ้น “ใช่ มีอะไร?”
“มีอะไรหรือ?”
กุนซือเฉียนเคาะไม้อีกครั้งอย่างรุนแรง “หญิงใจเหี้ยมอย่างเ้า จิตใจชั่วช้า หลังจากสังหารหวังเอ้อร์โก่วแล้ว ยังกล้าพาคนไปทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุกลางดึกอีกหรือ?!”
เสิ่นม่าน “เ้าบอกว่าใครนะ?”
หวังเอ้อร์โก่ว?! คนที่เสียชีวิตบนเขตก่อสร้างของนาง ก็คือหวังเอ้อร์โก่วที่นางเคยเจอเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือ?!
แม้ว่านางจะรู้สึกว่าเ้าขยะตัวนี้ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ แต่นางก็เคารพกฎหมาย แล้วจะฆ่าเขาได้อย่างไร?
เสิ่นม่านปฏิเสธทันควัน “ข้าไม่ได้ฆ่าใคร การตายของหวังเอ้อร์โก่วไม่เกี่ยวกับข้า ข้าไปยังที่เกิดเหตุ เพียงเพราะข้าพบคนสองคนที่นั่น พวกเขาคือคนที่น้องชายเ้า เฉียนซานเจียง จ้างมาให้ทำลายหลักฐาน”
“เ้ายังกล้าพูดจาปลิ้นปล้อนอีกหรือ?”
กุนซือเฉียนะโด้วยความโกรธ “ก่อนหน้านี้มีคนเคยเห็นเ้าทำร้ายหวังเอ้อร์โก่ว หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไป เ้าต้องเป็คนฆ่าเขาแน่นอน!”
เสิ่นม่านยังคงปฏิเสธ “ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้ทำ!”
“ไม่ยอมรับใช่หรือไม่?”
ชายที่นั่งอยู่้าเผยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ “เ้าหน้าที่ เอาเครื่องทรมานออกมา!”
-----
