อวิ๋นโส่วจงปลอบ “เ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก ไม่มีอะไรน่าเป็ห่วง อีกอย่างก็ไม่ใช่คนอื่นไกล เป็ท่านเสนาบดีโหลว... ยิ่งไปกว่านั้น เื่นี้ท่านอาจารย์หม่าเป็คนออกหน้า ฉี่เยว่เป็ศิษย์ของท่านอาจารย์หม่า ติดตามไปดูแลอาจารย์ ใครจะว่าอะไรได้”
“ยิ่งไปกว่านั้นท่านอาจารย์หม่าไม่ได้ไปปล้นนักโทษจากลานปะาเสียหน่อย! แค่ไปพบหน้าสหายเก่าเป็ครั้งสุดท้าย และถือโอกาสช่วยเหลือครอบครัวของสหายเก่าเท่าที่จะทำได้”
“อีกอย่าง เ้าลืมไปแล้วหรือว่าเหตุใดพวกเราถึงให้ฉี่เยว่สอบเคอจวี่ [1] เพื่อเป็ขุนนาง? ยิ่งพวกเราจงใจมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูน่าสงสัยมากเท่านั้น ไม่สู้ทำตัวเป็เศรษฐีที่กลับมาบ้านเกิด ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายดีกว่า”
ฟางซื่อหัวเราะเยาะ “ท่านน่ะหรือ? ยังกล้าพูดว่าเป็เศรษฐีอีก เงินทองสมบัติในบ้านทั้งหมด ล้วนเป็เจียวเอ๋อร์ที่หามาได้”
อวิ๋นโส่วจงพูด “ข้าก็ได้อาศัยบารมีของเจียวเอ๋อร์มิใช่หรือ!” กล่าวจบก็ถอนหายใจ “ท่านเสนาบดีโหลว... น่าเสียดายจริงๆ”
ฟางซื่อถอนหายใจเช่นกัน “นั่นสิ เป็คนดีแท้ๆ...”
อวิ๋นเจียวจัดแจงตกแต่งรถม้าใหม่ ห้องโดยสารได้รับการปรับปรุงใหม่โดยอวิ๋นฉี่ซาน ภายนอกดูเรียบง่าย แต่ภายในนั้นไม่ธรรมดา
เบาะนั่งของรถม้าถูกย้ายไปไว้ด้านข้าง อวิ๋นฉี่ซานติดตั้งกลไกพิเศษเอาไว้ เพียงแค่ดึงเบาะออกมาก็จะกลายเป็เตียงเดี่ยว ในขณะเดียวกันพื้นที่ใต้เบาะนั่งก็แบ่งเป็ช่องๆ สามารถใช้เก็บของที่จำเป็ได้
อวิ๋นเจียวปูเบาะนุ่มๆ หลายชั้นบนเบาะนั่ง และเตรียมหมอนอิงหลายใบ พอตัวเองลองลงไปนั่งดูแล้วคิดว่านุ่มสบายดีถึงได้ยอมหยุดมือ
เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินทางกลับเมืองหลวงของอวิ๋นฉี่เยว่และท่านอาจารย์หม่า ทุกคนในครอบครัวต่างก็วุ่นวายกันจนดึกดื่น ฟางซื่อกับอวิ๋นเจียวตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกว่าไม่มีอะไรตกหล่น ถึงได้วางใจ มองดูน้องสาวตัวกลมป้อมเหมือนก้อนแป้งที่คอยวุ่นวายจัดแจงให้เขาอยู่ไม่ห่าง อวิ๋นฉี่เยว่ก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น อวิ๋นโส่วจงให้อากุ้ยขับรถม้าไปเมืองหลวงกับอวิ๋นฉี่เยว่ พอรถม้าหยุดที่ลานบ้านของอาจารย์หม่าและรับตัวเขาขึ้นมา อาจารย์เฒ่าก็รู้สึกประหลาดใจ
รถม้าสองคันนี้ดูธรรมดาๆ ไม่ต่างจากรถม้าทั่วไป เพียงแต่ล้อทั้งสี่ของรถม้าหุ้มด้วยหนังวัวทั้งผืน ดูโป่งๆ ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร
นอกจากนี้ตรงจุดเชื่อมต่อระหว่างตัวรถกับเพลา ก็มีบางอย่างเพิ่มเข้ามาต่างจากรถม้าทั่วไป แต่สิ่งนี้ก็ถูกหุ้มด้วยหนังเช่นกัน มองไม่เห็นกลไกภายใน เนื่องจากต้องรีบไปเมืองหลวง อาจารย์หม่าจึงล้มเลิกความคิดที่จะรื้อสิ่งเหล่านี้ออกมาดู
พออาจารย์หม่านั่งลงบนรถม้า อากุ้ยสะบัดแส้ รถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่ ร่างของอาจารย์หม่าจมลงไปในเบาะนุ่มๆ รู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก
เป็อย่างที่เ้าหนุ่มนั่นพูดจริงๆ รถม้าที่เขาปรับปรุงใหม่นั้นไม่โคลงเคลงเลย! เขาช่างเสียเวลานั่งรถม้าหลายสิบปีโดยเปล่าประโยชน์ ทุกครั้งที่นั่งรถม้าก็จะสั่นะเืจนรู้สึกปวดหัว เหมือนกำลังทรมานตัวเอง แต่การนั่งรถม้าครั้งนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลิน การปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ ที่เ้าหนูอวิ๋นฉี่ซานคนนั้นพูดถึง ผลลัพธ์ช่างดีเกินคาด
ความคิดของอวิ๋นฉี่เยว่แตกต่างจากท่านอาจารย์หม่า เขารู้ดีว่าการตกแต่งภายในรถม้าเป็ฝีมือของอวิ๋นเจียว รู้ว่าน้องสาวตัวน้อย้าให้การเดินทางไปเมืองหลวงครั้งนี้ของเขาสะดวกสบายที่สุด พอคิดถึงตรงนี้ ในหัวของอวิ๋นฉี่เยว่ก็ปรากฏรอยยิ้มอันสดใสของอวิ๋นเจียวขึ้นมา มุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
อาจารย์หม่าเปิดม่านรถม้าขึ้น เห็นทิวทัศน์ที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกว่ารถม้าคันนี้วิ่งเร็วกว่ารถม้าคันอื่นจริงๆ เขาคิดว่าหลังจากเสร็จธุระที่เมืองหลวงและกลับมาแล้ว จะต้องบังคับให้เ้าหนูอวิ๋นฉี่ซานทำรถม้าแบบนี้ให้เขาสักคัน
หากมีรถม้าแบบนี้ ต่อไปคนเฒ่าคนแก่อย่างเขาอยากจะไปเที่ยวชมูเาน้ำตกที่ไหนก็สะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าเดินทางด้วยรถม้านานๆ จะทรมานร่างจนอายุสั้นลงอีกต่อไป!
หมู่บ้านหยางหลิ่วที่จวนเจิ้นหย่วนโหว ฉู่อี้สวมชุดลำลองยืนอ่านตำราอยู่ข้างหน้าต่าง แต่แม้ว่าในมือของเขาจะถือม้วนตำราอยู่ แต่สายตากลับมองไปไกลลิบ ไม่รู้ว่ากำลังมองสิ่งใดอยู่ ขณะนั้นจางหลิงเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ฉู่อี้จึงได้สติและกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน
“เรียนท่านโหว อาจารย์หม่าออกเดินทางไปเมืองหลวงแล้วขอรับ เพียงแต่อาจารย์หม่าไม่ได้ให้คนของพวกเราไปส่ง แต่ใช้รถม้าของบ้านตระกูลอวิ๋นแทน อวิ๋นฉี่เยว่ก็เดินทางไปด้วย”
ฉู่อี้ปรือตาขึ้น เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ข้ารู้แล้ว”
“สอบสวนมือสังหารพวกนั้นได้ความแล้วขอรับ พวกเขาบอกว่ามีคนจ้างวานด้วยเงินจำนวนมากให้มาเอาชีวิตท่าน ส่วนคนที่อยู่เื้ัเป็ใครนั้น พวกเขาไม่รู้”
ฉู่อี้แสยะยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นก็ให้คนของพวกเรากลับมาเถอะ” เขารู้ดีว่าผู้ใดที่้าชีวิตเขา
เพียงแต่ไม่คิดว่าพวกนั้นจะทนรอไม่ไหวขนาดนี้ ฮ่องเต้เพิ่งมีรับสั่งให้เขารับสืบทอดบรรดาศักดิ์โดยไม่ลดขั้น พวกนั้นคงร้อนรนจนทนไม่ไหวแล้ว
“ทางที่ว่าการมณฑลส่งเทียบเชิญมาขอรับ ท่านผู้ว่าการของพวกเขา้ามาคารวะท่านโหวด้วยตัวเอง ส่วนเื่นายอำเภอจิ่วจิ้น ท่านผู้ว่าการของพวกเขาได้จัดการตามคำสั่งของท่านแล้วขอรับ”
ฉู่อี้เอ่ย “ไม่ต้องมาคารวะหรอก เ้าไปบอกพ่อบ้านให้จัดเตรียมของขวัญเล็กน้อยให้ผู้ว่าการนำกลับไปก็พอ” นี่คือการปฏิเสธที่จะพบกับผู้ว่าการชุยิเสวีย
“ขอรับ! ท่านโหว” จางหลิงรับคำ โค้งคำนับแล้วถอยออกไป
หลังจากจางหลิงจากไป หลิวเซียงก็มารายงานเื่ราวในเมืองหลวง “ท่านโหว ได้รับจดหมายจากท่านผู้นั้นที่เมืองหลวงแล้วขอรับ บอกว่าสิ่งที่พวกเราส่งไปคราวก่อนนั้นเป็ประโยชน์มาก ขอให้ท่านโหวเตรียมเพิ่มให้อีกห้าชุด”
ฉู่อี้ตอบ “ตอบกลับไป บอกว่าไม่มี!” อ้าปากก็ขอห้าชุด คงกำลังลองเชิงเขาอยู่แน่! คิดแล้วคงเป็คนในวังที่ได้ลองใช้แล้วติดใจ เลยเร่งให้เขาส่งไปเพิ่มสินะ
สิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดถึงก็คือเครื่องประทินผิวชั้นเลิศ เครื่องประทินผิวสูตรเข้มข้น แล้วก็น้ำตบที่อวิ๋นเจียวขายให้อวิ๋นเหนียงครั้งก่อน
หลิวเซียง “ขอรับ! ท่านโหว”
จากนั้นฉู่อี้ก็สั่งต่อ “เรียกอวิ๋นเหนียงมาพบข้า!”
“ขอรับ! ท่านโหว” หลิวเซียงรับคำแล้วถอยออกไป ฉู่อี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนเทียบเชิญ แต่พอเขียนเสร็จ เขาก็ขยำเทียบเชิญทิ้ง...
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น อวิ๋นเหนียงก็มาถึงบ้านของอวิ๋นโส่วจง ทันทีที่เข้าประตูบ้านก็เอ่ยขึ้นว่า “พี่หญิง ท่านช่วยสงสารข้าเถิด เครื่องประทินผิวชั้นเลิศและสูตรเข้มข้น แล้วก็น้ำตบคราวก่อนนั้น ยังมีเหลืออยู่หรือไม่?”
ฟางซื่อรีบเชิญนางไปที่ห้องโถง แล้วเอ่ย “พวกเราตกลงกันแล้วมิใช่หรือ ว่าพอสร้างบ้านเสร็จก็จะเปิดโรงผลิต ถึงตอนนั้นข้าจะส่งของให้เ้าเอง อีกอย่างเครื่องประทินผิวชั้นเลิศและสูตรเข้มข้นนั้นทำยากมาก”
อวิ๋นเหนียงเอ่ยยิ้มๆ “ข้ารู้ แต่ก็อดถามไม่ได้นี่นา อ้อจริงสิ คุณชายกลับจากเมืองหลวง นำของฝากมาด้วย ให้ข้านำติดมือมาให้พี่หญิง” กล่าวจบก็สั่งให้สาวใช้และคนขับรถขนของลงจากรถม้า
มีหีบสี่ใบ พอเปิดหีบใบแรกออกมาก็เป็ผ้าเนื้อดีที่กำลังได้รับความนิยมในเมืองหลวง มีทั้งสีอ่อนและสีเรียบๆ พอเปิดหีบใบที่สอง ก็เป็ขนมหวานและผลไม้เชื่อมต่างๆ ส่วนหีบใบที่สาม ก็เป็กล่องดอกไม้ประดิษฐ์และปิ่นปักผมต่างๆ ส่วนหีบใบที่สี่ กลับเป็ตุ๊กตา
พออวิ๋นเจียวเห็นก็ผงะไป เ้าหมอนั่นส่งตุ๊กตามาทั้งหีบ หมายความว่าอย่างไร? มองดูคนในบ้านสิ อายุมากกว่านางทั้งนั้น ใครจะเล่นอะไรแบบนี้? หรือว่าซื้อมาให้นางโดยเฉพาะ?
“ตุ๊กตาเหล่านี้น่ารักมาก เจียวเอ๋อร์ เอาไปเก็บไว้ในห้องเ้าก็แล้วกัน เวลาว่างๆ ก็หยิบออกมาเล่นแก้เบื่อ”
อวิ๋นเจียวเอามือปิดหน้า “...” นางเลยวัยที่จะเล่นตุ๊กตาแล้ว!
เชิงอรรถ
[1] เคอจวี่ (科举) หมายถึง การสอบคัดเลือกขุนนางสมัยโบราณของจีน หรือก็คือการสอบจอหงวน โดยมี 3 ระดับ ได้แก่ การสอบระดับท้องถิ่น การสอบระดับมณฑล การสอบหน้าพระที่นั่ง