เป็ดังคาดหยางติ่งจวินเห็นเสวียนเทียนเอาพลังเข้าสู้กับเขา สีหน้าพลันตื่นเต้นดีใจจนหัวเราะเสียงดัง ะโว่า “ดี ข้าจะให้เ้าได้รู้ อะไรเรียกว่าพลังภายในลึกล้ำ”
ระหว่างที่พูด กระบี่ในมือของหยางติ่งจวินก็รับ ‘ท่าวายุแฉลบ’ ที่เสวียนเทียนฟันลงมา หนึ่งกระบี่ฟันออกไป กระบี่นี้รุนแรง รวดเร็วดุดันยิ่งกว่ากระบี่แรก
กระบี่หิมะเหมันต์กับกระบี่โลหะแดง พริบตาก็เข้าปะทะกัน
เคร้ง!
เสียงใสกังวานดังสนั่นขึ้นเสียงนี้ราวกับคงอยู่ชั่วพริบตา ดังขึ้นแล้วพลันดับหาย แต่ก็เหมือนกับลากยาวอ้อยอิ่งไม่จืดจาง
พริบตา พลังรุนแรงสายหนึ่งก็ส่งผ่านจากกระบี่ทะลักเข้ามาในร่างกาย
เสวียนเทียนรู้สึกราวกับถูกค้อนั์ด้ามหนึ่งฟาดเข้าใส่พลังมหาศาลแทบจะโจมตีเขากระเด็นปลิวไป จะสลายพลังของการโจมตีครั้งนี้อย่างน้อยก็ต้องถอยสามถึงห้าก้าวถึงจะได้
แต่ว่าร่างกายของเสวียนเทียนไม่ได้ถอยแม้สักครึ่งก้าว
พริบตานั้นเสวียนเทียนส่งพลังมหาศาลที่หยางติ่งจวินโจมตีมา แบ่งกระจายไปในร่างกาย ไหลไปตามเส้นปราณไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย
นี่เป็กายใช้ร่างเนื้อฝืนต้านการโจมตีของหยางติ่งจวิน
ร่างกายของเสวียนเทียนสั่นพริบตาร่างเนื้อทั้งร่างของเขาก็สะท้านขึ้นมา สุดบนกระหม่อมเหนือศีรษะล่างสุดปลายนิ้วใต้ฝ่าเท้า ภายในถึงสุดห้าอวัยวะหกทางเดิน ภายนอกถึงสุดปลายเส้นขน
คนนอกเห็นเสวียนเทียนถูกหนึ่งกระบี่ของหยางติ่งจวินฟันเข้าไปสะท้านทั้งร่าง ต่างก็ผวา
แต่ว่าดวงตาของเสวียนเทียนไม่มีแววเ็ปแม้แต่น้อยกลับกันตื่นเต้นอย่างที่สุด
“กระบวนท่าวายุสะบั้น”
ร่างเนื้อยังคงสะท้านแต่ในดวงตาของเสวียนเทียนแสดงใจสู้เต็มเปี่ยม ฟันออกมาอีกหนึ่งกระบี่
‘ท่าวายุสะบั้น’ กระบี่นี้เป็การโจมตีรุนแรงเข้าซึ่งหน้า เทียบกับ ‘ท่าวายุแฉลบ’ แล้ว พลังอำนาจและพลังโจมตีกล้าแข็งกว่ามาก
หยางติ่งจวินเห็นเสวียนเทียนสะท้านไปทั้งร่างกลับยังคงแข็งขืนเข้าสู้กับกับตน ยิ่งตื่นเต้น เขาหัวเราะออกมาเสียงดังะโดังลั่นว่า “ข้าจะฟันเ้าให้ตาย”
หยางติ่งจวินเพิ่มกำลังภายในจนถึงจุดสุดยอดฟันออกไปหนึ่งกระบี่ หนึ่งกระบี่ฟันอากาศจนแหวกออกอากาศส่งเสียงครวญครางราวกับกำลังร้องไห้
กระบี่หิมะเหมันต์กับกระบี่โลหะแดงปะทะกันหนักหน่วงรวดเร็วอีกครั้งหนึ่ง
เคร้ง...!
เสียงโลหะปะทะกัน ดังะเืแก้วหู
ร่างของเสวียนเทียนไม่ถอยแม้สักครึ่งก้าวแรงะเืทั้งหมดถูกเขาชักนำไปตามแขนขาและกระดูกทั้งร่าง ะเืไปทั่วร่างทั้งร่างสั่นอย่างรุนแรง
“ท่าวายุสะบั้น!”
ในดวงตาของเสวียนเทียน ความใจสู้ยิ่งทวีเข้มข้นขึ้นทุกทีอีกกระบี่หนึ่งที่รุนแรงฟันตรงไปข้างหน้า ฟันไปทางหยางติ่งจวิน
พลังวัตรของเสวียนเทียนบรรลุถึงสุดชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดแล้วระหว่างการต่อสู้ในการแข่งขันจัดอันดับทั้งสิบสนาม เขาััได้ถึงกำแพงของขั้นแปดหากจะพึ่งพลังของตัวเองทลายกำแพงนั้น อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสิบวันถึงครึ่งเดือน
แต่ว่า ถ้ามีตัวช่วยจากข้างนอกแล้ว เวลานี้ก็จะหดสั้นลงไปได้อย่างมาก
การต่อสู้เก้ารอบก่อนหน้าพลังภายในของคู่ต่อสู้เมื่อเทียบกับเสวียนเทียนมีแต่อ่อนกว่าไม่มีแกร่งกว่าเสวียนเทียนเอาพลังเข้าสู้กับพวกเขาก็ไม่อาจบรรลุถึงขั้นะเืกำแพงของขั้นแปดได้
แต่หยางติ่งจวินนั้นต่างออกไป ปราณหยางบริสุทธิ์ของหยางติ่งจวินฝึกจนถึงขั้นที่เจ็ดพลังภายในลึกล้ำเหนือใดเปรียบ ทั้งศิษย์สำนักนอกไม่มีใครเทียบได้สูงกว่าปราณเบิกนภาขั้นห้าของเสวียนเทียนไปอีกขุมใหญ่
แข็งขืนปะทะกระบี่กับหยางติ่งจวินพลังมหาศาลนั้นเพียงพอจะะเืกระดูกและกล้ามเนื้อทั้งร่างของเสวียนเทียนให้สั่นสะท้านได้หากไม่ใช่มีกำแพงของขั้นแปดดูดซับพลังของหยางติ่งจวินไว้ขืนเข้าปะทะไม่กี่ครั้งก็เพียงพอทำให้เสวียนเทียนะเืจนาเ็ภายในได้แล้ว
ที่ทั้งร่างของเสวียนเทียนสั่นอย่างรุนแรงเป็เพียงปฏิกิริยาโต้ตอบตามสัญชาตญาณของร่างกายที่จริงแล้ว ร่างกายของเสวียนเทียนไม่ได้เสียหายจากพลังทั้งหมดของหยางติ่งจวินเลย
เสวียนเทียนชักพาแรงะเืรุนแรงนั้นแบ่งสลายไปในร่างกายนำไปยังกระดูกนับร้อย เส้นปราณนับไม่ถ้วนในร่าง แรงะเืที่โจมตีแต่ละครั้งพลังอันแข็งแกร่งนั้นล้วนกระแทกโจมตีกำแพงขั้นแปด
ดูไปแล้วเสวียนเทียนเหมือนฝืนสู้กับหยางติ่งจวินอยู่แต่ที่จริงแล้วกำลังยืมพลังอันกล้าแกร่งของหยางติ่งจวินมาทำลายกำแพงขั้นแปด ทะลุสู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้า
ความแข็งอ่อนระหว่างพลังภายในของเสวียนเทียนกับหยางติ่งจวินนั้นถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้ต่างถึงขั้นต้านทานไม่ได้หยางติ่งจวินอยากจะฟันเสวียนเทียนกระบี่เดียวให้ตาย หรือจะฟันให้าเ็หนักเสียนั่นเป็ไปไม่ได้เลย
อีกทั้งการโจมตีที่ไม่ต่อเนื่อง พลังอันกล้าแกร่งอย่างน้อยเจ็ดส่วนขึ้นไปก็ถูกเสวียนเทียนชักนำมาทำลายกำแพงขั้นแปดโจมตีมาแต่ละครั้ง กำแพงขั้นแปดก็สะท้านไหวรุนแรงจนมีรอยแตกรอยหนึ่งปรากฏขึ้นเลือนราง
เคร้ง!
เคร้ง!
เคร้ง!
..........
..........
...........
เสียงโลหะปะทะกันดังก้อง ดังขึ้นไม่ขาด
เสวียนเทียนไม่ถอยสักก้าวรับการโจมตีของหยางติ่งจวิน กระบี่หนึ่งเร็วกว่ากระบี่หนึ่งกระบี่หนึ่งหนักกว่ากระบี่หนึ่ง ฟันออกไปทางหยางจิ่งจวินประกายใจสู้ในดวงตายิ่งเข้มข้นขึ้น
คนทั้งหลายล้วนตกตะลึงพลังภายในสู้ศิษย์พี่หยางไม่ได้แน่หรือ? ทำไมดูไปแล้ว เสวียนเทียนยิ่งสู้ยิ่งแกร่งราวกับว่าจะดุดันกว่าศิษย์พี่หยาง?
ในหมู่ศิษย์ชั้นหัวแถวเจิ้งอวี้หงขยี้ตาทั้งสองข้าง หลังจากนั้นดวงตาก็เบิกโตดวงตาเต็มไปด้วยความไม่คาดคิด
เสวียนเทียนดึงดันสู้กับศิษย์พี่หยางซึ่งหน้าถึงแม้ว่าทุกครั้งร่างกายจะถูกะเืจนสั่นอย่างรุนแรง แต่เสวียนเทียนไม่เป็อะไรเลยแม้แต่น้อยกลับกันยิ่งโเี้มากขึ้น แข็งแกร่งมากขึ้น ราวกับว่ามีเรี่ยวแรงไร้ขอบเขตช่วยไม่ได้ที่จะเรียกให้คนตื่นตะลึง
ศิษย์สำนักนอกทั้งหมดล้วนเบิกตากว้างอ้าปากค้างถ้าพวกเขารู้ว่าที่เสวียนเทียนภายนอกสั่นสะท้าน แท้จริงเป็แค่เปลือกนอกหลอกตาพลังโจมตีของหยางติ่งจวินล้วนถูกเขาสลาย ใช้ทะลวงกำแพงพลังวัตรขั้นแปดยังไม่รู้ว่าจะตื่นตะลึงไปถึงเพียงไหนกัน
“เป็ไปไม่ได้ ต่อหน้าข้าเ้าก็อ่อนแอราวกับมดตัวหนึ่ง จะต้านพลังของข้าไว้ได้อย่างไร? ข้าจะฟันเ้าให้ตาย ข้าจะอัดพลังใส่เ้าจนตายไปทั้งอย่างนั้นเสีย!”
หยางติ่งจวินกู่ร้องเสียงดังอย่างบ้าคลั่งเสวียนเทียนยังคงใช้แข็งต้านแข็ง ต้านทานการโจมตีของเขาทำให้เขาคาดไม่ถึงที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เขายิ่งรู้สึกโกรธจัดจนไม่มีสิ่งใดเทียบ ทั้งร่างของเขาะเิพลังออกมากระบี่แล้วกระบี่เล่าฟาดฟันลงไปหาเสวียนเทียน โจมตีใส่ทุ่มพลังขั้นสุดยอด
เคร้ง!
เคร้ง!
เคร้ง!
.........
.........
เสียงะเืดังลั่นไม่ขาดสาย
แรงะเืของการโจมตีแต่ละครั้งทำให้กำแพงขั้นแปดในร่างของเสวียนเทียนค่อยๆ ปริแตก พังทลายในที่สุด!
กระบี่ที่ยี่สิบ!
กระบี่ที่สามสิบ!
..........
..........
กระบี่ที่เจ็ดสิบ!
กระบี่ที่แปดสิบ!
..........
กระบี่ที่หนึ่งร้อย!
..........
การต่อสู้ของทั้งสอง ทำให้หัวใจของทุกคนตะลึงงันใช้แข็งเข้าหักหาญ ต่อเนื่องมาจนถึงกระบี่ที่หนึ่งร้อยกว่า
หลังผ่านการปะทะอย่างรุนแรงถึงหนึ่งร้อยกว่ากระบี่กำแพงกลังวัตรขั้นแปดในร่างของเสวียนเทียน ในที่สุดจากกำแพงที่มั่นคงไม่อาจทลายก็ค่อยๆ พังทลายลงจนแตกเป็ชิ้นๆ ถล่มทลายหมดสิ้นในที่สุด
กระบี่ที่หนึ่งร้อยแปด
ลมปราณภายในร่างของเสวียนเทียนทันใดนั้นก็หมุนวนขึ้นมาเองปราณต้นกำเนิดที่โอบล้อมอยู่พันจั้งก็เริ่มขยับไหลบ่าเข้าไปในร่างของเสวียนเทียน ฉับพลันพลังของเสวียนเทียนก็พุ่งทะยานเพิ่มขึ้น ลมปราณในร่างโคจรคล่องไร้สิ่งกีดขวางกำแพงพลังวัตรขั้นแปดทลายลงหมดสิ้น ปราณบิกนภาที่เสวียนเทียนฝึกจากขั้นห้าเลื่อนระดับเป็ขั้นหก พลังภายในในร่างกาย คุณสมบัติเพิ่มสูงขึ้นอีกขั้นแปรเปลี่ยนเข้าใกล้ปราณแท้ของชั้นเบิกนภา ทันใดนั้น พลังภายในของเขาก็เพิ่มมากกว่าหนึ่งเท่า
ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จับจ้องต่อหน้าศิษย์นอก ผู้าุโและเ้าตำหนักสำนักนอกทั้งหมด
พลังของเสวียนเทียนเพิ่มทะลักขึ้นอย่างบ้าคลั่งพลังวัตรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องพริบตาจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดก้าวเข้าสู่พลังวัตรขั้นเก้า
ตื่นตะลึง! ไม่มีสิ่งใดน่าตื่นตะลึงไปมากกว่านี้แล้ว!
เลื่อนชั้นพลังทั้งที่อยู่ระหว่างการต่อสู้การกระทำของเสวียนเทียนทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นตกตะลึง
วินาทีนั้นศิษย์ที่สนับสนุนเสวียนเทียนก็ร้องะโให้กำลังใจขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ! ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ!”
“ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ! ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ!”
……..
……..
เสียงะเืไปถึงชั้นฟ้า ะเืขุนเขาะเืแผ่นดิน ะเืจนแก้วหูแทบดับ
พลังวัตรของเสวียนเทียนทะลุชั้นเก้าพลังทั่วร่างและความสามารถเปลี่ยนไปราวกับพลิกฟ้ากลับแผ่นดิน ดั่งดวงอาทิตย์สีแดงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าฉายแสงทั่วหล้า ไม่อาจหยุดยั้งได้
“จบแล้ว หยางติ่งจวินผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ไม่เพียงแค่มีพลังที่ทำลายได้ทุกสิ่งกีดขวางกระทิงถ่อยตัวหนึ่ง ต่อให้พลังแข็งแกร่งกว่านี้ ก็เป็เพียงกระทิงถ่อยข้าจะให้เ้าได้รู้ว่า อะไรคือมือกระบี่ที่แท้จริง”
คำพิพากษาของเสวียนเทียนดังขึ้นมา
“ท่าเกลียววายุ!”
แรงลมหมุน ฉีกกระชากเข้ามารอบทิศ
กระบี่ที่มีพลังแข็งแกร่งถึงที่สุดรุนแรงสยบฟ้าดินของหยางติ่งจวิน ท่ามกลางลมหมุนนี้กลับปัดป่ายไปมา พลังที่หมุนวนสายนั้นทำให้หยางติ่งจวินไม่อาจควบคุมกระบี่ในมือได้มีพลังแข็งกล้าเสียเปล่าแต่ไม่อาจสำแดงพลังออกมาได้ทั้งหมด
เสียงเคร้งดังขึ้นทีหนึ่ง สองกระบี่ปะทะกันครั้งนี้เสวียนเทียนไม่ได้ถูกแรงะเืจนสะท้านทั้งตัวอีกแล้วแต่ใช้แรงหมุนวนกระแทกกระบี่โลหะแดงออกไปด้านข้างอย่างชาญฉลาด
“ท่าวายุทลาย!”
เสวียนเทียนฉวยจังหวะโจมตีออกไป หนึ่งกระบี่แทงออกมาอากาศถูกแทงแหวกออก เกิดเป็กระแสลมสองสาย กระบี่หิมะเหมันต์เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่อยู่ระหว่างกระแสลมทั้งสองสายท่วงท่ากระบี่ที่ผสาน ‘วิถีจิตเร็ว’ของเพลงกระบี่ดับเงาลงไป รวดเร็วถึงขีดสุด
ดวงตาของหยางติ่งจวินตะลึงกระบี่นี้ของเสวียนเทียนทำให้เขารู้สึกว่าไม่อาจป้องกันได้
หยางติ่งจวินถอยหลังต่อเนื่อง ในดวงตาตะลึงงัน
“ท่าไร้วายุ”
เงากระบี่ในมือของเสวียนเทียนฉับพลันก็หายไปไม่อาจมองเห็นนี่เป็ความเร็วที่เร็วจนถึงขีดสุดยามที่ตัวกระบี่แทงเข้าไปในอากาศว่างเปล่าด้วยความเร็วที่ตาเนื้อยากจะมองออกจึงจะปรากฏสภาวะเช่นนี้ได้
ท่าไร้วายุ เป็ท่าที่ต่อยอดมาจาก ‘เสียงลมสี่ทิศกระหน่ำ’ ของเพลงกระบี่ถลาลม
เสียงลมสี่ทิศกระหน่ำ เมื่อฝึกถึงขั้นสูงสุดหนึ่งกระบี่แทงออกมาไร้เงากระบี่ มีเพียงเสียงลมหวีดหวิวเท่านั้น
แต่ท่าไร้วายุร้ายกาจยิ่งกว่าไม่เพียงไม่มีเงากระบี่ แม้กระทั่งเสียงลมก็ไม่มีกระบี่ทั้งเล่มราวกับผสานไปในทุกที่ของอากาศธาตุ ทุกเวลาทุกที่สามารถปรากฏกระบี่หนึ่งแทงออกมาได้
ในใจของหยางติ่งจวินความกล้าหดหายร่างกายถอยหลังไปอีกครา!
“ท่าวายุถลา!”
ฉับพลัน ประกายแสงในดวงตาของหยางติ่งจวินก็มืดลงวินาทีนั้นราวกับว่าทั้งโลกสลายหายไป เหลือเพียงแสงกระบี่สายหนึ่งมาจากนอกขอบฟ้าปรากฏชั่วครู่ก็หายไป ความเร็วเกินกว่าที่ประสาทของหยางติ่งจวินจะทันตอบสนอง
อ๊าก...!
เสียงกรีดร้องโหยหวนเสียงหนึ่งดังขึ้นกระบี่หิมะเหมันต์แทงทะลุหน้าอกของหยางติ่งจวิน
ท่าวายุถลาเป็ท่าที่เสวียนเทียนอิงมาจากท่าไม้ตายที่รุนแรงที่สุดของเพลงกระบี่ถลาลม‘ถลาลมหนึ่งกระบี่’ ผสานเข้ากับวิถีจิตกระบี่เดียวดายเข่นฆ่าของเพลงกระบี่ดับเงาสร้างขึ้นมาพลังของกระบี่นี้เหนือล้ำกว่าเพลงกระบี่ชั้นทองขั้นสูง เทียบได้กับเพลงกระบี่ชั้นนิลขอเพียงเสวียนเทียน้า กระบี่นี้เสวียนเทียนสามารถแทงทะลุหัวใจหรือลำคอของหยางติ่งจวิน สังหารเขาตายในหนึ่งกระบี่ได้ทั้งสิ้น
เืสดสาดกระเซ็น ร่างกายของหยางติ่งจวินกระเด็นไปด้านหลังร่างกายได้รับาเ็สาหัสหล่นตกไปนอกเวทีประลอง
การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศรอบที่สิบเสวียนเทียนเอาชนะหยางติ่งจวิน ได้รับชัยชนะ ครองอันดับหนึ่งกลายเป็ศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักนอกอย่างสมชื่อ
กระบี่ที่ทำร้ายหยางติ่งจวินาเ็สาหัสนี้รวดเร็วเหลือเกิน ผู้คนยังคงไม่ทันได้สติ หยางติ่งจวินก็พ่ายแพ้ไปแล้วทั้งร่างกายยังได้รับาเ็สาหัสตกลงมานอกเวทีประลอง ทุกคนไม่มีใครไม่ตื่นตะลึง
ศาลาฟางบนยอดเขาฝั่งตรงข้ามผู้เฒ่าผมขาวฉับพลันก็ผุดลุกขึ้นยืน พูดอย่างตกตะลึงว่า “เพลงกระบี่ดับเงา ไม่นี่ไม่ใช่กระบวนท่าของเพลงกระบี่ดับเงา แต่เป็ภาวะจิตของเพลงกระบี่ดับเงา”