ต้องบอกก่อนว่าสัตว์ิญญาระดับหกมีพลังเทียบเท่ากับผู้พิทักษ์ระดับพิภพเลยทีเดียวจึงทำให้เ้าวิหคสีเพลิงที่ถูกจัดอยู่ในสัตว์ิญญาระดับกลางนี้มีพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ระดับกลางในขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพเหมือนกันดังนั้นเมื่อเขาเห็นว่าข้าซึ่งเป็เพียงผู้ฝึกฝนในขั้นเทวิญญาแต่สามารถจัดการกับวิหคสีเพลิงได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ก็ต้องแปลกใจเป็ธรรมดา
ฟิ่ว!
กระบี่คมจันทราที่ทรงพลังพุ่งใส่วิหคสีเพลิงตัวที่สองอย่างรวดเร็วก่อนจะฟันลงไปถึงสามครั้งจนเืของมันไหลทะลักทว่าข้าก็แค่ทำให้มันาเ็สาหัสเท่านั้นแต่ยังไม่ได้ลงมือสังหาร
อีกด้านก็เป็ถงจั๋วที่กำลังต่อสู้อย่างเอาเป็เอาตายกับวิหคสีเพลิงตัวที่สามซึ่งเขาเอาแต่ปล่อยพลังของขวานลาวาเพลิงใส่โดยไม่ปล่อยโอกาสให้มันได้บินหนี
เมื่อเห็นแบบนั้นข้าก็พุ่งตัวเข้าไปและผสานของสามพลังรวมเป็หนึ่งแล้วฟันลงบนหลังของมันจนเกิดาแขนาดใหญ่ก่อนจะม้วนตัวแล้วล้วงเอากริชปลิดชีพออกมากรีดเข้าที่คอสีขาวทำให้มันร้องออกมาอย่างน่าเวทนามากขึ้นกว่าเดิม
ถงจั๋วที่ถือขวานลาวาแดงอยู่ในมืออดไม่ได้ที่จะถามพลางขมวดคิ้วเข้มอย่างสงสัย“ทำไมเ้าถึงไม่สังหารมันให้จบๆ เื่ไปเลยล่ะสหายปู้?”
ข้าเด็ดใบไม้ที่อยู่ใกล้ๆเอามาเช็ดเืที่เปื้อนอยู่บนกริชก่อนจะตอบ“ข้าได้คะแนนจากการสังหารมันไปแล้วหนึ่งตัวที่เหลืออีกสองตัวก็ให้เ้าจัดการแล้วกัน เพราะถึงอย่างไรเ้าก็ออกแรงมากกว่าส่วนข้าก็แค่มีหน้าที่ลอบโจมตีเท่านั้น”
ถงจั๋วหัวเราะร่าเสียงดังและใช้ขวานลาวาเพลิงของตัวเองกระแทกใส่ร่างของวิหคสีเพลิงอีกตัวที่มาทางข้าแล้วพูดขึ้น“ตัวนี้ข้าก็ให้เ้าด้วยแล้วกัน หลังจากนี้ก็ถือว่าพวกเราเป็เพื่อนกันแล้วนะ!”
ข้าชะงักเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปก่อนจะหันมาสังหารเ้าวิหคสีเพลิงที่อยู่ใกล้ๆจากนั้นพลังไสยศาสตร์ของมันก็ลอยเข้ามาในสายรัดผูกิญญาแล้วกลายเป็คะแนนสะสมของการประลองทันทีส่วนอีกฝั่งอย่างถงจั๋วก็จัดการตัดหัววิหคสีเพลิงอีกตัวเหมือนกัน
“ฮ่าๆๆ ทำงานกับผู้มีฝีมือมันดีอย่างนี้นี่เอง!”
ถงจั๋วล้วงเอาจินตานของวิหคสีเพลิงออกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงดังก่อนจะพูด“รีบจัดการให้เสร็จแล้วออกจากที่นี่กันเถอะ กลิ่นคาวเืพวกนี้มันเป็ตัวดึงดูดฝูงวิหคสีเพลิงได้ดีทีเดียวข้าว่าในแอ่งลาวาโลกันตร์แห่งนี้น่าจะมีวิหคสีเพลิงที่โเี้และดุร้ายอยู่ถึงพันตัวเลยล่ะ!”
ข้าได้ยินแล้วก็ถึงกับตะลึงก่อนจะถาม“เ้ารู้ได้ไงว่ามันมีถึงพันตัว?”
“เมื่อสามปีก่อนข้าเคยเข้าร่วมการประลองที่สนามเซินยวนแห่งนี้มาแล้วและยังถูกวิหคสีเพลิงพวกนี้ตามฆ่าจนต้องเป่าขลุ่ยกระดูกเล็กและละทิ้งการประลองไปด้วย”
“แบบนี้นี่เอง...”
ข้าเริ่มหลอมพลังเืของมันก่อนเพราะขนและกระดูกของวิหคสีเพลิงพวกนี้ถือเป็วัตถุดิบที่ไม่เลวเหมือนกันแต่ก็เลือกที่จะทิ้งไว้ก่อนถึงแม้ว่าจะดูไม่เลวแต่ก็อยู่แค่ระดับล่างๆ ไม่ได้ดีอะไรมากมายนี่ถ้าเป็พวกฟางชิงยวนกับมู้เซวี่ยนที่เกิดมาในตระกูลดีๆพวกนั้นก็คงไม่มองเลยด้วยซ้ำ
แต่เมื่อหันไปมองถงจั๋วก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเกิดมาในตระกูลที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรถึงได้เริ่มชำแหละซากของวิหคสีเพลิงแบบนั้นหลังจากที่เขาเลาะกระดูกปีกยาวๆของมันออกมาแล้วใส่ไว้ในผ้าห่อเอาและสะพายไว้บนหลังดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีแหวนกระดูกจักรภพด้วยสินะ
แต่ก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไรเพราะจะมีผู้ฝึกฝนิญญาที่ฐานะทางบ้านยากจนสักกี่คนที่มีแหวนกระดูกจักรภพกันล่ะเมื่อครั้งที่ข้าจะสังหารอินทรีัดำก็ยังไม่มีแหวนกระดูกจักรภพเหมือนกันนั่นแหละ
หลังจากหลอมพลังเืของวิหคสีเพลิงแล้วข้าก็ชูนิ้วที่สวมแหวนกระดูกจักรภพให้เขาดูก่อนจะบอกไป“นี่สหาย ข้ามีแหวนกระดูกจักรภพนะเอ่อ...ถ้าเกิดเ้าเชื่อใจข้าละก็เอาของของเ้ามาเก็บไว้ในนี้ก่อนก็ได้นะ”
ถงจั๋วชะงักไปก่อนจะพูดขึ้น“เอ่อ...ข้าเกรงใจน่ะ ช่างมันเถอะ ข้าแบกได้เท่าไรก็เท่านั้นแล้วกัน”
“เอาแบบนั้นก็ได้”
หลังจากหลอมพลังเืของวิหคสีเพลิงตัวที่สามเสร็จแล้วข้าก็เลาะกระดูกส่วนปีกของมันออกมานิดหน่อยรวมทั้งดึงขนของมันออกมากว่าร้อยเส้นเก็บไว้ในแหวนกระดูกจักรภพส่วนถงจั๋วก็มีสัมภาระพอๆกับข้าแต่โชคดีที่ของพวกนั้นไม่ได้หนักหนาอะไรจึงไม่กระทบต่อความเร็วในการเดินทางของเขา
“ไปกันเถอะ” ข้าพูด
“ช้าก่อน”
เขาว่าแล้วขึ้นไปบนต้นไม้ก่อนจะมองดูไข่ของวิหคสีเพลิงพวกนั้นพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น“สหายปู้ เ้ารอข้าสักพักได้หรือเปล่า ข้าว่าจะเอาไข่ของมันมากินสักหน่อย”
“กิน?”
“อืม”
ขณะที่ข้ากำลังสงสัยและแปลกใจอยู่เขาก็หยิบไข่ของวิหคสีเพลิงขึ้นมาตอกจนแตกแล้วกลืนลงไปทันที
วิหคสีเพลิงถือเป็สัตว์ิญญาธาตุไฟที่บังเอิญตรงกับธาตุของวิชาวัวดินพฤกษาของเขาพอดีดังนั้นสำหรับเขาแล้วการกินไข่ของวิหคสีเพลิงถือเป็การบำรุงชั้นดีเลยล่ะ!
ข้านั่งลงบนขอนไม้แล้วมองดูเขากินไข่วิหคสีเพลิงลงไปฟองแล้วฟองเล่าซึ่งเขากินจุจนข้ายังต้องยอมคารวะเลยล่ะ
หลังจากที่กินไข่ทุกฟองจนครบหมดแล้วเขาก็เช็ดริมฝีปากแล้วมองเหมือนยังกินไม่อิ่ม
ข้ามองอย่างเอือมระอากับการกินของเขาก่อนจะพูดขึ้น“ไปได้แล้ว...”
“ฮ่าๆๆ ก็ได้ๆ รสชาติมันไม่เลวจริงๆ เหมือนไข่ไก่ไม่มีผิด!”
ข้าได้แต่ฟังโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
...
พวกเราเดินไปทางทิศตะวันออกมาเรื่อยๆกว่าห้าลี้ระหว่างทางก็จัดการสังหารวิหคสีเพลิงไปกว่าเจ็ดตัวจึงทำให้ข้ากับถงจั๋วมีการต่อสู้ที่เข้ากันได้มากยิ่งขึ้นซึ่งการต่อสู้แต่ละครั้งพวกเราก็ชิงจัดการกับวิหคสีเพลิงจนพวกมันไม่ทันได้โต้ตอบเลยด้วยซ้ำไปและการสังหารสัตว์ิญญาระดับหกไปเรื่อยๆแบบนี้ก็จะทำให้คะแนนสะสมของพวกเราเพิ่มขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ดีขึ้นเรื่อยๆและดูเหมือนว่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถสังหารสัตว์ิญญาระดับหกได้อย่างง่ายดายเหมือนกับพวกเรา
และตอนนี้เองก็มีศิษย์ที่หน้าตาละอ่อนหลายคนเหาะออกมาจากป่าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยแต่เมื่อเห็นว่าถงจั๋วเดินเข้ามา สองคนในจำนวนศิษย์พวกนั้นก็ยกมือขึ้นเรียก“ศิษย์พี่ถงจั๋ว พวกเราอยู่ทางนี้!”
“ซูชิงเสวียน จางข่าย พวกเ้าสองคนอยู่ที่นี่เอง!”ถงจั๋วหัวเราะด้วยความดีใจ
แต่ซูชิงเสวียนกลับมีสีหน้าซีดเผือดก่อนจะพูดขึ้น“ศิษย์พี่ พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
เขาทำท่าเหมือนกำลังปิดบังอะไรบางอย่างข้าจึงถามขึ้น “มีอะไรเกิดขึ้นอีกฝั่งของูเาอย่างนั้นเหรอ?”
ซูชิงเสวียนหันมามองข้าด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมก่อนจะพูดขึ้น“อีกฝั่งของูเามีรังนกอยู่สี่ห้ารัง ซึ่งพวกสำนักใจกลาง์กำลังโจมตีอยู่แต่หนึ่งในนั้นก็มีคนของสำนักหมื่นิญญาที่ชื่อถังเชวียหราน นาง...”
“เกิดอะไรขึ้นกับนาง?” ข้าถามขึ้นเสียงดัง
ซูชิงเสวียนขมวดคิ้วเข้มก่อนจะพูดขึ้น“เพราะนางเป็ผู้ฝึกฝนิญญาที่มีธนูเป็อาวุธจึงสามารถสังหารวิหคสีเพลิงได้จำนวนมากและได้คะแนนมากขึ้นไปด้วย เพราะแบบนี้จึงทำให้คนของสำนักใจกลาง์ไม่พอใจเลยบังคับให้นางแบ่งคะแนนให้แต่ว่านางไม่ยอม หลังจากนั้นพวกเราก็รีบหนีออกมาก่อนเพราะพลังของพวกเราก็สู้พวกนั้นไม่ได้อยู่แล้ว...”
ข้ารู้สึกเป็กังวลขึ้นมาทันทีก่อนจะพูด“นี่เ้าจะบอกว่าคนของสำนักใจกลาง์กำลังล้อมถังเชวียหรานอยู่อย่างนั้นเหรอ?”
“อืม มีศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักใจกลาง์อย่างหวังหนิงเป็หัวหน้าตามด้วยศิษย์ของสำนักและคนอื่นๆ อีกตั้งยี่สิบคน ข้าว่าตอนนี้นางอาจจะตายหรือไม่ก็เป่าขลุ่ยหนีกลับออกไปแล้วล่ะ”
“แม**งเอ๊ย!” ข้ากำหมัดแน่นก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ซูชิงเสวียนบอก
ถงจั๋วที่กำลังใะโคล้อยหลังเสียงดัง“สหายปู้ เ้าคนเดียวจะไปสู้พวกมันได้ยังไง? “แม**งเอ๊ย!”... เป็ไงเป็กัน เ้ารอข้าด้วย!”
ข้าใช้พลังของเพลงขาเมฆาหมอกจนถึงขีดสุดเพียงพริบตาเดียวก็พุ่งขึ้นไปยืนอยู่บนเนินเขาก่อนจะเห็นว่าถังเชวียหรานกำลังวิ่งหลบหลีกการตามฆ่าของผู้ฝึกฝนิญญาสายกระบี่กว่ายี่สิบคนด้วยพลังเบญจสลาตันของนางเองร่างกายของนางวูบไหวไปตามลมด้วยพลังขั้นเซียนที่กำลังประคับประคองร่างของนางอย่างขาดๆ เกินๆ
ฟิ้ว!
พลังของธนูลูกหนึ่งพุ่งออกมาจากป่าใหญ่พร้อมกับใบไม้ที่พัดปลิวไปตามแรงพลังโดยคนที่ยิงธนูลูกนี้ออกมาก็คือชายหนุ่มที่หน้าตาอัปลักษณ์แต่ได้ชื่อว่าเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักใจกลาง์และตอนนี้เขาก็กำลังทำลายขีดจำกัดของยาสะกดิญญาจนพลังในตัวเริ่มแสดงให้เห็นถึงขั้นการบำเพ็ญระดับสมบูรณ์ของผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ออกมาเขาคงคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากสินะถึงได้กล้าทำร้ายลูกสาวของเ้าเมืองในดินแดนกาฬวาตอย่างถังอานหลีแบบนี้
ทางวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้มีการตั้งกฎเกณฑ์เอาไว้แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสนามประลองก็ตามเมื่อออกมาแล้วจะต้องปล่อยเื่นี้จบไป ไม่อย่างนั้นทางวิหารศักดิ์สิทธิ์จะตามไปจัดการและนี่ก็คงจะเป็เหตุผลที่หวังหนิงกล้าลงมือทำร้ายถังเชวียหรานเพราะต่อให้เขาฆ่านางถังอานหลีก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ปั้ง!
เสียงพลังของลูกธนูะเิออกมากลายเป็คลื่นพลังขนาดใหญ่แม้ว่าถังเชวียหรานจะเบนตัวหลบแต่ก็ยังถูกลูกธนูนั้นยิงเฉียดเรียวขายาวๆจนเกิดรอยแผลยาวกว่าสามถึงสี่นิ้วยู่ดี
เ้าบังอาจทำร้ายเพื่อนของข้าอย่างนั้นเหรอหวังหนิง!
ข้าเคลื่อนพลังจนลุกโชนไปทั้งร่างก่อนจะประกบมือเข้าด้วยกัน จากนั้นพลังสีทองก็เปล่งประกายขึ้นแล้วแยกมือออกไม่นานคันศรอัคนีก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ระหว่างมือทั้งสองข้างแล้วล็อกเป้าไปยังหวังหนิงที่กำลังยืนอยู่ก่อนจะปล่อยลูกธนูที่ข้าฝึกฝนจนเข้าขั้นสูงอย่างกระบวนท่าศรทะลวงพิภพออกไปอย่างรวดเร็ว!
ตูม!
พลังิญญาสีเหลืองพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อข้าปล่อยมือออกลูกธนูอันทรงพลังพุ่งไปตามผืนดินจนแตกออกและเกิดเสียงดังก่อนจะถูกพลังของลูกธนูงัดขึ้นจนแปรสภาพจากผืนดินที่รกร้างกลายเป็คลื่นพลังที่ถาโถมเข้าใส่ผู้ฝึกฝนิญญาหลายต่อหลายคนที่ถูกคลื่นพลังดินม้วนตัวเข้าใส่จนลอยปลิวออกไปไกลพร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าเวทนา
หวังหนิงถึงกับตะลึงก่อนจะกระชับธนูในมือไว้แน่นแล้วะโหนีถึงแม้เขาจะมีพลังการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนสามารถะโหลบได้แต่ศิษย์ของสำนักใจกลาง์อีกสามคนที่เหลือกลับหลบไม่ทันทั้งสามถูกพลังของศรทะลวงพิภพพุ่งเข้าใส่จนลอยปลิวออกไปไกลแล้วกระอักเืออกมาโชคดีที่ศรทะลวงพิภพเป็พลังที่แตกกระจายออกไปรอบๆแทนที่จะพุ่งไปยังเป้าหมายจุดเดียวไม่อย่างนั้นข้าว่าผู้ฝึกฝนิญญาที่ถูกพลังของมันยิงเข้าใส่ไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน!
ชั่วพริบตาเดียวคนที่อยู่บริเวณนั้นก็พากันหันมามองข้าเป็ตาเดียวส่วนถังเชวียหรานที่ยืนอยู่บนกิ่งไม้สูงก็หันมาหาข้าก่อนจะพึมพำเสียงเบา“ปู้อี้เชวียน...”
ถงจั๋วที่ยืนอยู่ข้างๆมองดูผืนดินที่แยกเป็รอยร้าวกว้างๆ ด้วยความตกตะลึงก่อนจะพูดออกมา “พระเ้า...”
ข้าผายมือขึ้นก่อนจะเรียกกระบี่คมจันทราออกมาแล้วพูดขึ้น“ข้า้าให้ศิษย์ของสำนักใจกลาง์พวกนี้ถอนตัวออกจากการประลองทุกคนเ้าจะช่วยข้าหรือเปล่าสหาย?”
ถงจั๋วผายมือขึ้นแล้วเรียกขวานลาวาเพลิงออกมาก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม“ข้าเอาเ้าเป็หลักอยู่แล้ว เพราะคนอย่างข้าจะคอยเคียงบ่าเคียงไหล่เ้าเสมอขอเพียงเ้าลงมือ พวกข้าก็จะตามไปสมทบอย่างแน่นอน!”
“ดี!”
ข้ารู้สึกถึงพลังอันร้อนระอุที่กำลังเดือดอยู่ในร่างกายก่อนที่พลังของเพลงขาเมฆาหมอกจะะเิออกมาข้าพุ่งตรงเข้าไปหาหวังหนิงและคนอื่นๆ ดุจสายหมอกที่ปลิวไปตามสายลมแล้วตวาดขึ้นเสียงดัง“นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเ้าจะกล้าทำร้ายคนจากสำนักหมื่นิญญาของข้าดังนั้นไม่ว่าใครก็อย่าคิดหนี!”
เมื่อถงจั๋วเห็นแบบนี้แล้วก็เคลื่อนพลังของวิชาวัวดินพฤกษาออกมาจนถึงขีดสุดราวกับว่าเขาสามารถทำใหู้เาทั้งลูกพังทลายลงได้เมื่อพุ่งชน และสามารถทำให้น้ำทะเลเหือดแห้งไปได้เมื่อวิ่งผ่านพลังอันมหาศาลดุจวัวดินพฤกษาโบราณทั้งเขาและข้าต่างจึงมั่นอกมั่นใจว่าจะต้องเอาชนะเ้าสารเลวพวกนั้นได้อย่างแน่นอน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้