หลังจากที่เดินขึ้นูเาเข้าไปในถ้ำแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นััได้ถึงความเย็น ร่างกายที่มีเหงื่อแตกพล่านกลับแห้งลง
พอพักมาได้ครู่หนึ่ง มู่อวิ๋นจิ่นมองไปทางดอกบัวดำในสระ ที่มีดอกหนึ่งผลิบานแล้ว
“ดอกบัวดำนี้มีสิ่งใดพิเศษที่สามารถแก้ไขค่ายกลที่อาจารย์คงซื่อสร้างไว้ได้?” มู่อวิ๋นจิ่นมองดอกบัวดำอย่างพินิจพิเคราะห์ พบว่านอกจากสีที่แตกต่างแล้ว ก็ไม่เห็นมีสิ่งใดผิดแปลกจากกันอีก
ภายในใจของนางกลับคิดขึ้นว่า ฉู่ลี่คงจะถูกพระรูปนั้นหลอกเข้าแล้ว
อันที่จริงฉู่ลี่ตั้งใจจะขอใช้เืมู่อวิ๋นจิ่นมาทดสอบ แต่พอเห็นร่างกายของนางไม่พร้อม กลับอยากพักไว้ก่อน
“เริ่มเถอะ” มู่อวิ๋นจิ่นพักจนรู้สึกดีขึ้นแล้ว เดินไปข้างกายฉู่ลี่ ก้มมองดอกบัวดำ “การทดสอบในครั้งนี้ อยากได้เืจากส่วนไหนทดสอบ?”
“เ้าไหวเหรอ?” ฉู่ลี่ขมวดคิ้วด้วยความกังวล
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับ ใบหน้าไร้ความหวาดกลัว “พักเหนื่อยหายแล้ว รีบเริ่มทดสอบได้แล้ว ้าเืจากส่วนไหน?”
“ใช้เข็มเจาะเอาเืจากนิ้วมือก็ได้แล้ว” ฉู่ลี่หรี่ตาลง
“อืม” มู่อวิ๋นจิ่นหยิบเข็มออกมาเล่มหนึ่ง เจาะเข้าที่นิ้วอย่างไม่ลังเล
จากนั้นบีบเืจากนิ้วหยดติ๋งๆ ลงในสระน้ำและหยดลงบนดอกบัวดำแต่ละดอก……
……
จากนั้นไม่นานนัก ดอกบัวดำก็ไม่เห็นมีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
สำหรับผลลัพธ์นี้ มู่อวิ๋นจิ่นไม่รู้สึกแปลกใจเลย ดอกบัวดำต้องใช้เืธิดาหงส์จึงผลิบาน นางไม่ใช่ธิดาหงส์เสียหน่อย ย่อมมิอาจส่งผลต่อดอกบัวดำได้
“เ้าไม่ต้องเสียใจไป ทุกอย่างต้องมีทางออกของมัน” มู่อวิ๋นจิ่นใช้ผ้าเช็ดหน้าพันแผลไปพลาง เอ่ยปลอบใจฉู่ลี่ไปพลาง
ฉู่ลี่ไม่ได้ตอบสิ่งใด สายตาของเขาจับจดอยู่ที่สระดอกบัวดำ “เปรี๊ยงๆๆๆ”
ข้างนอกูเามีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังขึ้นต่อเนื่องจนูเาสั่นไหว “เปรี๊ยงๆๆๆ””
จากนั้นฝนก็เริ่มตก ทำให้น้ำไหลซึมเข้ามาในถ้ำ อากาศภายในจึงหนาวเย็นขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นหนาวสั่นจนต้องยกมือลูบแขนสร้างความอบอุ่น ให้กับร่างกาย
ฉู่ลี่ดูด้านนอกฝนตกกระหน่ำอย่างรุนแรง จึงเอ่ยปากขึ้นว่า “เ้าอดทนหน่อย ยังออกไปข้างนอกในเร็วๆ นี้ไม่ได้”
“อืม” มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า
“รีบดูเร็วเข้า ดอกบัวดำผลิบานแล้ว!” ติงเซี่ยนพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ฉู่ลี่และมู่อวิ๋นจิ่นหันขมับมองไปที่สระดอกบัวพร้อมเพรียงกัน
ไม่รู้ว่าเป็เพราะลมแรงที่พัดเข้ามาหรือเหตุผลอันใด ส่งผลให้ดอกบัวดำที่ลอยกระจัดกระจาย มารวมตัวกระจุกกัน
จากนั้นดอกบัวดำที่มารวมกันจู่ๆ ก็มีควันดำรอยปกคลุมเอาไว้
มู่อวิ๋นจิ่นมองเหตุการณ์นั้นด้วยความใ ดอกบัวดำถูกควันดำที่ปกคลุมดูดกลืนกินลงไปด้านล่าง
สระบัวในเวลานี้จึงว่างเปล่าไม่เหลือดอกบัวดำแม้แต่ดอกเดียว
“เปรี๊ยง” เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นไปทั่วท้องนภา จนกระทั่งหินที่อยู่ในถ้ำร่วงหล่นลงมาหลายก้อน
“ฉู่ลี่ นี่มันคืออะไร?” มู่อวิ๋นจิ่นมองดูควันดำที่ค่อยๆ หดตัวเล็กลง
ฉู่ลี่ยืนกำมือ เม้มปากแน่น แววตาแน่นิ่ง มองดูดอกบัวดำเปลี่ยนแปลงด้วยความสงบนิ่ง
เมื่อควันดำค่อยๆ เล็กลง มู่อวิ๋นจิ่นกัดริมฝีปาก ยืนมือชี้ที่กลุ่มควันดำ “ทำไมควันยิ่งดูยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ? ถ้าเกิดเปลี่ยนแปลงต่อไปเรื่อยๆ จะทำยังไง?”
สิ้นเสียงแล้ว ด้านนอกถ้ำมีลมพัดรุนแรงโหมพัดเข้ามา จนกระทั่งหา้เช็ดหน้าที่พันแผลปลิวไปตามลม จนาแเปิดมีเืซึมไหลออกมา
กลุ่มควันดำเ่าั้อยู่ๆ หยุดนิ่งลง และลอยเข้าไปหามู่อวิ๋นจิ่นจนนางผงะถอยหลัง แต่กลุ่มควันดำกลับรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด มาปรากฏขึ้นเบื้องหน้านาง เป็ลำแสงสีดำ ซึมผ่านหว่างคิ้วมู่อวิ๋นจิ่นเข้าไปข้างใน
ทันใดนั้นมู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกเหมือนมดนับร้อยนับพันเหมือนกำลังรุมกัดกินอาหาร จนรู้สึกปวดหัวอย่างหนัก ล้มพับหมดสติลง โชคดีที่มีอ้อมกดเข้ามาสอดรับร่างนางไว้
……
มู่อวิ๋นจิ่นไม่รู้เลยว่านางสลบไปนานเพียงใด แต่ในระหว่างที่สลบนั้น นางฝันเห็นตัวเองกำลังพยายามหนีออกจากความมืดมิด แต่ไม่ว่าหนีอย่างไร ก็มิอาจพ้นไปได้
“มู่อวิ๋นจิ่น ตื่นเข้าแล้ว…”
“อ่าาาา”
มู่อวิ๋นจิ่นร้องเสียงแหลมเด้งตัวขึ้นจากเตียง หายใจกระหืดหระหอบ หน้าผากเหงื่อแตกพล่านหยดลงพื้น
ฉู่ลี่ยืนเฝ้าข้างเตียงมู่อวิ๋นจิ่นอยู่ตลอด “เ้ามีตรงไหนไม่สบาย?”
“ข้าสลบไปอีกแล้วเหรอ?” มู่อวิ๋นจิ่นมองไปทางฉู่ลี่ด้วยจนปัญญา ยกมือขึ้นนวดขมับ พยายามย้อนนึกเื่ราวระหว่างที่หมดสติไปป
ฉู่ลี่พยักหน้า “เ้าหมดสติไปั้แ่อยู่ในถ้ำแล้ว”
่นี้ร่างกายของมู่อวิ๋นจิ่นอ่อนแอเป็ที่สุด ขืนยังเป็แบบนี้ต่อไป นางคงต้องนอนติดเตียงอีกไม่ช้านาน!
“ใช่แล้ว กลุ่มควันดำเ่าั้……” มู่อวิ๋นจิ่นอึกอักจะพูดก็ไม่พูด ด้วยไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็เื่จริง หรือว่านางฝันไปเอง
ถ้ากลุ่มควันดำเ่าั้วิ่งซึมเข้าไปในร่างกายของนาง ไม่รู้ว่าจะส่งผลใดต่อร่างกายนี้ ดีไม่ดีนางอาจตายก็เป็ได้
“ิญญาดอกบัวดำได้เข้าไปในร่างเ้าเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เปิ่นหวงจื่อจะไปเ้าไปเมืองเซินเย้าพบใครบางคน” ฉู่ลี่ยกมือขึ้นนวดขมับให้มู่อวิ๋นจิ่นแสดงการปลอบใจ
ิญญาดอกบัวดำ……
มู่อวิ๋นจิ่นกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ แค่ชื่อของมันนางก็กลัวจนตัวสั่น……
นางเบะปาก มองค้อนไปที่ฉู่ลี่ “คราวนี้ข้าต้องพลีชีพครั้งใหญ่ เ้าต้องชดใช้ให้ข้า”
ฉู่ลี่หัวเราะเสียงเบา “ได้สิ เ้าอยากได้สิ่งใดเลือกได้หมดทุกสิ่ง”
“ตกลงตามนี้ รอให้ข้าคิดออกแล้วค่อยบอกเ้า” มู่อวิ๋นจิ่นเผยอมุมปาก ยกมือขึ้นเกี่ยวก้อยกับฉู่ลี่
แต่พอนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็ฉู่ลี่ นางกลับรีบดึงมือกลับทันที
สายตาของฉู่ลี่จับจ้องมู่อวิ๋นจิ่นโดยไม่มองไปที่อื่น เห็นั้แ่อารมณ์ที่แปรปรวน ก็อยากจะยกมือไปบีบแก้มนาง
“เห้ย เจ็บนะ” มู่อวิ๋นจิ่นนึกไม่ถึงเลย ฉู่ลี่จะบีบแก้ม ระหว่างที่ะโขึ้น สีหน้าก็แดงระเรื่อขึ้นช้าๆ
“ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้” ฉู่ลี่ขำเสียงแ่เบา ก่อนเดินออกจากห้องมู่อวิ๋นจิ่นไป
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งเบือนปากอยู่บนเตียง ด้วยใบหน้ายับยู่ยี่ ฉู่ลี่บอกว่านางน่ารัก?
……
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นพักผ่อนอีกพักใหญ่ๆ ก็เดินออกจากห้องไป ขยับเนื้อตัว มองรอบข้างพบว่าตนเองอยู่ที่เมืองธารรัตติกร
ในเวลานี้เป็ยามอู่สือ เมื่อครู่ฝนตกกระหน่ำ แสงตะวันถูกเมฆบดบังจนอากาศหนาวเย็นขึ้นมา
“พระชายาตื่นแล้วเหรอขอรับ?” ติงเซี่ยนที่ยืนเฝ้าอยู่นอกประตู ถามขึ้นเมื่อเห็นมู่อวิ๋นจิ่นจะเดินออกมา
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า ยืนพิงขอบประตู “ฉู่ลี่อยู่ไหนละ?”
“องค์ชายออกไปทำธุระแล้วขอรับ” ติงเซี่ยนเอ่ยยิ้มๆ
“อ่อ” มู่อวิ๋นจิ่นหมายกลับหลังกลับเข้าห้อง ประตูเรือนลี่เฉวียนกลับเปิดออก พร้อมกับฉู่ลี่เดินเข้ามา
ฉู่ลี่ขมวดคิ้วที่เห็นมู่อวิ๋นจิ่นยืนพิงขอบประตู จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ โยนของที่ห่อด้วยกระดาษให้นาง
มู่อวิ๋นจิ่นรับอย่างรู้ใจ เปิดกระดาษที่ห่อออก พบว่ากลิ่นหอมลอยโชยขึ้นจมูก ยิ้มด้วยความเบิกบานใจ “ที่แท้ก็เป็ขนมเปี๊ยะปิ้งนี่เอง!”
ติงเซี่ยนที่ยืนมองดูฉู่ลี่จึงถึงบางอ้อ ที่แท้ฉู่ลี่ออกไปข้างนอก เพื่อหาซื้อขนมเปี๊ยะปิ้งกลับมานี่เอง
แย่แล้ว แย่จริงๆ แล้ว สองคนนี้เกิดอะไรแปลกขึ้นเนี่ย
หลังจากรอมู่อวิ๋นจิ่นทานขนมเปี๊ยะปิ้งจนหมด นางค่อยเงยหน้าขึ้น “พรุ่งนี้พวกเราไปเมืองเซินเย้า ไม่รู้ห่างจากเมืองนี้ไกลไหม?”
“ไม่ไกลหรอก” ฉู่ลี่ตอบ
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับทราบ พร้อมกับนึกถึงเื่ราวของ ‘ฉวีซูเหยา’ สตรีที่แปลกประหลาด ไม่รู้ว่าการเดินทางไปเมืองเซินเย้าในครั้งนี้ จะได้พบนางหรือเปล่า
แต่เื่ที่สำคัญเร่งด่วนในเวลานี้ กลับเป็ิญญาดอกบัวดำที่ซึมเข้าร่างกาย จนเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา
ช่างเหอะ มู่อวิ๋นจิ่นถามฉู่ลี่ขึ้น “ดอกบัวดำเ่าั้ ถูกข้าเร่งจนสมบูรณ์แล้วใช่ไหม?”
“ถูกต้อง” ฉู่ลี่ตอบรับ
มู่อวิ๋นจิ่นเกิดความสงสัยขึ้น มิใช่มีเพียงเืของธิดาหงส์หรอกหรือ ที่จะสามารถเรียกดอกบัวให้ผลิบานได้
ทำไมเืของนางถึงทำได้?
ครุ่นคิดมาถึงตอนนี้ มู่อวิ๋นจิ่นกลับคิดว่าเื่เล่าถึงเืของธิดาหงส์เป็เื่ไร้มูลความจริง ธิดาหงส์ย่อมอยู่ที่ดาวหงส์ จะเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับดอกบัวดำได้อย่างไร……
“ก๊อกๆๆๆ” เสียงเคาะประตูด้านนอกดังขึ้น
ติงเซี่ยนรีบวิ่งไปเปิด เห็นคนที่มายกมือประสานทำความเคารพ “เ้าเมืองสวี่……”
พอได้ยินคำว่า “เ้าเมือง” ความใคร่รู้ของมู่อวิ๋นจิ่นปรากฏขึ้นฉับพลัน จากนั้นหลังประตูมีคุณชายรูปงาม อาภรณ์สะอาดสะอ้าน ผมดำขลับปล่อยพาดหลัง ใบหน้าเปี่ยมด้วยความอบอุ่น
เ้าเมืองสวี่เดินเข้ามาใกล้ฉู่ลี่และมู่อวิ๋นจิ่นแล้ว ยกมือประสานทำความเคารพ “สวี่เหออวี๋ คารวะองค์ชายหก คารวะพระชายาหก”
“ตามสบาย” ฉู่ลี่เอ่ยเสียงเรียบ
สวี่เหออวี๋ขอบพระทัยองค์ชาย จากนั้นส่งยิ้มน้อยไปทางมู่อวิ๋นจิ่น “เหออวี๋ได้เป็เ้าเมืองคนใหม่ ด้วยอาศัยการสนับสนุนขององค์ชายหก บัดนี้เหออวี๋จะเป็เ้าเมืองที่ดีของเมืองธารรัตติกรขอรับ”
“ได้ยินมาว่าเ้ากับฉวีซินเหยา เ้าเมืองเซินเย้ามีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน?”
มู่อวิ๋นจิ่นไม่พูดขัดทั้งสองคนขึ้นมา ได้แต่รอฟังเื่ซุบซิบนินทาที่เคยได้ยินมาจากฉีฉี่ ดูสิว่าสวี่เหออวี๋ตัวจริงเสียงจริงจะตอบเช่นไร
“แค่กๆๆๆ” ฉู่ลี่ตั้งใจไอกระแอม ยกมือขึ้นดีดหูของมู่อวิ๋นจิ่น “เ้าเข้าไปพักผ่อนข้างในก่อน”
ถึงแม้มู่อวิ๋นจิ่นแสดงสีหน้าไม่เต็มใจอย่างมาก แต่ดูเหมือนฉู่ลี่มีเื่สำคัญพูดคุยกับสวี่เหออวี๋ นางก็ต้องปฏิบัติตตาม
ด้านนอก สวี่เหออวี๋มองฉู่ลี่ด้วยความขอบคุณ เขาควักกล่องที่ทำอย่างประณีตออกมาจากแขนเสื้อ “ได้ยินว่าองค์ชายหกจะไปเมืองเซินเย้าพรุ่งนี้ มิทราบว่าองค์ชายจะสะดวกนำของสิ่งนี้ส่งให้นางได้ไหมขอรับ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้