เอริ ฐิติมน…..
“เชิญออกไปจากบ้านของฉันได้แล้ว…..”
“เอริ….ทำไมเธอใจร้ายแบบนี้วะ?”คราวนี้เป็ฟิวแทนที่เอ่ยถามฉัน ฉันก็ละสายตาจากใบหน้าของขุนศึกไปมองหน้าฟิวที่ยืนอยู่ด้านหลังของขุนศึกแทนโดยที่เขายังคงใช้แขนรัดร่างของทีอยู่เพื่อไม่ให้ทีพุ่งมาทำร้ายฉัน
“ใจร้าย?…..คนเราคบกันเพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้นแหละ…”ฉันเอ่ยบอกทีไปพลางยกยิ้มที่มุมปากขึ้นและใช้สายตาเหยียดหยามดูถูกขุนศึก เขาก็มองฉันแววตาสั่นไหวเขาคงจะกำลังระงับอารมณ์โกรธฉันอยู่สินะ
“ตอนนี้….นายหมดประโยชน์กับฉันแล้ว….เพราะฉะนั้น…”
“ชีวิตของฉันต่อจากนี้ไม่้านายอีกต่อไปแล้ว….”ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไปพร้อมกับแววตาที่เยือกเย็นไร้ความรู้สึกแต่ในใจเจ็บเจียนจะขาดใจตาย
“เอริ….”เสียงแ่เบาเอ่ยออกมาจากริมฝีปากหนาของขุนศึก เขาเอ่่ยเสียงแ่ราวกับคนที่กำลังหมดแรง
“ริกำลังเล่นละครหรือล้อขุนเล่นอยู่ใช่ไหม?”ขุนศึกยังคงคิดว่าฉันล้อเขาเล่น น้ำเสียงและสายตาที่เขามองฉันกำลังสื่อให้ฉันพูดบอกเขาออกไปว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้คือฉันกำลังล้อเขาเล่น
“หึ…..ฉันไม่ได้ล้อเล่น…ฉันพูดเื่จริง…”
“และก็เชิญนายออกไปจากบ้านของฉันได้แล้ว!”ฉันะโเสียงดังใส่หน้าขุนศึกพลางชี้นิ้วไล่เขาให้ออกไปจากบ้านของฉันที่เขาเป็คนซื้อให้
“ออกไป!!!”ฉันะโเสียงดังอีกครั้งแววตาดุดันเอ่ยไล่ขุนศึก เขาก็มองหน้าฉันพร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอ ฉันกลัวใจตัวเองว่าจะเผลอเดินเข้าไปกอดเขาและซับน้ำตาให้เขาจังเลย
“จะออกไปดีๆหรือจะให้ฉันโทรแจ้งความ?”ฉันกดเสียงต่ำเอ่ยถามขุนศึกไปอีกครั้ง แต่เขาก็ยังคงนิ่ง จ้องหน้าฉันนิ่งอยู่แบบนั้น
“หึ….ได้…ไม่ออกใช่ไหม?”
“เอริหยุด!”ฟิวเอ่ยสั่งฉันเสียงดังในขณะที่ฉันยกโทรศัพท์ของฉันเพื่อจะแกล้งโทรหาตำรวจเพื่อขู่ให้พวกเขาออกไป
“ไม่อยากให้ฉันโทร…พวกนายก็ออกไปจากบ้านของฉันสิ!”
“อยู่ไปนานๆสิ่งสกปรกโสโครกมันติดบ้านฉัน!!”
“สกปรกเหรอเอริ?”ขุนศึกเอ่ยถามฉันเสียงสั่นๆเขามองฉันแววตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำสีใสที่เตรียมพร้อมที่จะไหลริน
“ใช่….ผู้ชายอย่างนายอ่ะนะ…ที่นอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า…”
“นายคิดเหรอ?….ว่าฉันจะรักผู้ชายแบบนายลงจริงๆอ่ะ”
“แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมามันคืออะไรอ่ะ?”ขุนศึกเอ่ยถามฉันอย่างสงสัยและไม่เข้าใจกับความทุ่มเทของฉันที่ผ่านมาทั้งหมด บริษัทKAคือหัวใจของฉันอีกดวงที่ฉันอยากจะเห็นมันเจริญเติบโตไปไกลมากกว่านี้
“ก็เพื่อเงินไง….”ฉันตอบเขาไปเสียงแ่เบาแววตานิ่งเฉยเ็าไร้ความรู้สึกจนขุนศึกมองหน้าฉันอย่างผิดหวัง
“เสียแรงนะ…ที่ขุนรักริ…”
“รักเหรอ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างขำขันและรู้สึกสมเพชทั้งตัวฉันเองและตัวเขา
“ถ้านายรักฉันจริงๆเนี่ย….นายจะเที่ยวไปนอนกับผู้คนโน้นทีคนนี้ทีทำไม?”
“คนรักกัน….เขาไม่ทำแบบที่นายทำกันหรอกรู้ป่ะ….เพราะฉะนั้นเลิกพูดไอ้คำโง่ๆที่นายพร่ำบอกฉันสักที!!”
“รู้ไหมมันทั้งน่ารักเกียจและน่าขยะแขยง!!”
“และก็….ไร้สาระที่สุด^_^”ฉันเอ่ยเสร็จก็ยกยิ้มขึ้นอย่างคนที่เหนือกว่าเขา ขุนศึกก็ยืนมองหน้าฉันนิ่งแววตาของเขาที่มองมาที่ฉันมันเต็มไปด้วยความตัดพ้อความผิดหวังความเสียใจปะปนกันไป
“เอริ!!”ทีะโเสียงดังอย่างไม่พอใจฉัน
“นี่มันบ้านฉัน….ถ้าฟังที่ฉันพูดไม่ได้…ก็ออกไปดิ…”ฉันหันไปมองทีเสียงห้วนพลางทำหน้าทำตาให้เหมือนนางมารร้าย
“แต่นี่ไอ้ขุนมันซื้อ…”ฟิวเอ่ยบอกขึ้น ฉันก็หันกลับมามองหน้าขุนศึกและยกยิ้มที่มุมปากขึ้นอย่างสะใจ
“แล้วไง…ก็มันอยากโง่เองอ่ะ!”ฉันละสายตาจากขุนศึกไปมองฟิวและตอบเขาไป
“มันแรงมากเลยนะเอริ….”เป็เพลงขวัญเพื่อนสนิทที่สุดของฉันเป็คนพูดออกมา ฉันจึงหันไปมองหน้าเธอเธอเองที่มองฉันอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาผิดหวังเช่นกัน แต่ฉันเชื่อว่าขวัญจะเข้าใจฉันมากที่สุด
“ฉันผิดอย่างั้นเหรอ?”ฉันเอ่ยขึ้นถามทุกคน ทุกคนก็เงียบรวมถึงฉันที่เงียบเพื่อรอฟังคำตอบจากทุกคนด้วยเช่นกัน
“เธอ….ไม่ผิดหรอก…เอริ…”ขุนศึกเป็คนที่ตอบฉันมา เขามองหน้าฉัน ฉันก็มองหน้าเขาเราสองคนมองหน้ากัน แววตาคู่คมสวยของขุนศึกสั่นไหวและแดงก่ำเหมือนคนกำลังกลั้นน้ำตาไว้
“ใช่….ฉันก็คิดว่าฉันไม่ผิด…ถ้าเื่นี้มันจะมีคนผิดก็คงจะเป็…นาย…”
“ที่โง่มาให้ฉันหลอกเอง…”
“และก็ออกไปจากบ้านของฉันได้!!”ฉันเขวี้ยงแหวนเพชรที่ขุนศึกไม่ยอมรับมันคืนไปจากฉันใส่หน้าอกเขา จนมันกระเด็นโดนหน้าเขาเต็มๆก่อนจะตกลงสู่พื้นดินตรงหน้าของขุนศึก เขามองตามแหวนเพชรวงนั้นด้วยแววตาสั่นไหวและเ็ปอย่างเห็นได้ชัด
“ออกไป!!”ฉันเอ่ยเสียงดังไล่ทุกคนราวกับคนบ้า ถึงคราวนี้ฉันจะเสียทั้งเพื่อน ทั้งคนรัก ฉันก็ต้องยอมเพื่ออนาคตและทุกๆอย่างของผู้ชายที่ฉันรักและวันนี้เขาก็พิสูจน์ให้ฉันได้รู้แล้วว่า เขาเองก็รักฉันมากแค่ไหน แต่น่าเสียดายที่เราสองคนจะสานต่อความรักของเราไปต่อไม่ได้อีกแล้ว……
พรึบ
ตึกๆๆๆๆ
“เอริ!!”เสียงของทีเอ่ยเรียกชื่อตามหลังฉันมา ในขณะที่ฉันออกตัววิ่งเข้ามาภายในตัวบ้านแล้ว โดยที่ฉันไม่ลืมที่จะลงกลอนล็อคประตูหน้าบ้านของบ้านหลังใหญ่และหลังสวยนี้ บ้านที่ขุนศึกซื้อให้เป็ของขวัญวันครบรอบปีที่แปดของฉันกับเขาที่ครบกันมา เราเรียนเราทำงานเราช่วยกันสร้างบริษัทมาด้วยกัน เราผ่านทุกๆอุปสรรคมาด้วยกัน ฉันอยากจะบอกเขาว่าฉันก็จะชีวิตของฉันตอนที่ไม่มีเขาไม่ได้อีกแล้ว
พรึบ
“ขุน….ริขอโทษนะ”ฉันที่เดินมาแอบดูขุนศึกตรงประตูกระจกก็เอ่ยบอกเขาไปพร้อมกับน้ำตาที่ฉันพยายามอดกลั้นไว้ ขุนศึกยังคงยืนอยู่ที่เดิมเพิ่มเติมคือเขาหันหน้ามาทางนี้ ทางที่บ้านของฉันอยู่ เขากำลังร้องไห้และพร้อมกับก้มลงไปเก็บแหวนเพชรที่ฉันเขวี้ยงใส่หน้าเขาขึ้นมาถือไว้ ฉันแอบเห็นหยดน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยของเขา ฉันอยากจะไปซับน้ำตาให้เขาและโอบกอดเขา และเอ่ยบอกเขาให้เลิกทำตัวเ้าชู้ แต่ต่อไปฉันคงจะไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นกับเขาอีกแล้วล่ะ เพื่อขุนศึกและเพื่อบริษัทKAที่ฉันกับขุนศึกช่วยกันสร้างขึ้นมา มันจะอยู่คอยเตือนใจฉันในวันที่มันประสบความสำเร็จมากกว่านี้…
“ริไม่ได้หายไปไหน…ริยังคงยืนอยู่ข้างๆขุน…และยังคอยช่วยขุนบริหารบริษัทKAนะ…”
“CEOขุนศึก…สุดที่รักของริ…..”
พรึบ
ฉันทรุดตัวลงนั่งอย่างคนที่หมดแรง
“ฮืฮๆๆๆๆๆๆ”คราวนี้ฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนักพลางกอดเข่าตัวเองร้องไห้อยู่คนเดียว และพร่ำบอกว่าฉันทำถูกแล้ว……ฉันทำทุกอย่างถูกแล้ว
00:00น.
ผับWQ
ขุนศึก ขุนณรงค์….
พรึบ
กึก
“อึกๆๆๆๆๆๆ”
“ไอ้ขุน!”เสียงของเพื่อนผมไอ้ทีที่นั่งอยู่เบาะนั่งข้างๆผมเอ่ยออกมาอย่างใ ที่เห็นจำนวนขวด แอลกอฮอล์หลายสิบขวดที่ถูกผมดื่มเสร็จก็โยนมันทิ้งลงพื้นอย่างว่าเล่น นี่เป็การอกหักครั้งแรกในชีวิตของผม มันเจ็บมันปวดใจโคตรเลย!
“เสียใจไรว่ะ….แค่ผู้หญิงคนเดียว…”ไอ้ฟิวเอ่ยขึ้น ผมก็ตวัดสายตาคมมองมันอย่างไม่พอใจ จริงอย่างที่มันว่าจะเสียใจทำไมกับผู้หญิงแค่คนเดียว แต่เอริเป็คนเดียวที่ทำให้ผมรักเธอจนหมดหัวใจได้ แต่ดูสิ่งที่เธอทำกับผมสิ มันทำให้ผมรู้สึกเสียใจเสียดายเวลา และรู้สึกว่าผมโง่ไปเลยที่โดนเธอหลอกให้รัก ผมหมดเงินไปเยอะมากกับเอริ แต่ผมก็ไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เธอบอกผมสักเท่่าไหร่ มันมีอะไรมากมายดูขัดแย้งกันไปหมด
พรึบ
“ไอ้เชี้ยขุน!”ไอ้ฟิวสบถด่าผมที่ยกขาขึ้นไปหมายจะถีบยอดอกมันแต่มันหลบผมได้ทันซะก่อน ไม่งั้นล่ะก็หึ!
“กูคบกับริมาตั้งกี่ปี….มึงจะให้กูตัดใจจากเธอได้ง่ายๆเหรอวะ?”ผมถามไอ้ฟิวกลับไป มันก็มองหน้าผมอย่างเห็นใจผมนั้นแหละ และก็ได้มันสองคนนี้แหละที่พาผมออกมาจากบ้านของผมที่ซื้อให้ริ ถามว่าผมเสียดายเงินไหม ผมไม่เสียดายเลยเพราะตลอดเวลาที่ผมมีริอยู่ข้างกายผม มันดีมากจริงๆ มันดีจนผมไม่รู้ว่าผมจะอยู่ได้ไหมถ้าต่อไป ไม่มีเอริในชีวิตของผมจริงๆ เพราะผมจำตอนที่ผมไม่มีริไม่ได้แล้ว
“แล้วดูสิ่งที่เอริทำกับมึงสิ…เธอไม่ได้รักมึงด้วยซ้ำ”
“มึงอ่ะโง่เอง…แอ้มก็ไม่ได้แอ้ม…หมดตังค์ไปหลายล้านจิ้มสักทีก็ไม่เคย”ไอ้ฟิวไอ้ทีได้ทีก็ใส่ผมยับ ผมก็ทำได้เพียงแค่หยิบขวดเหล้าขึ้นมากระดกเพียวๆเพื่อย้อมใจ เข้าใจคนที่อกหักเลยว่าทำไมต้องมานั่งแดกเหล้าโง่ๆฟังเพลงเศร้าๆในผับด้วยและก็ที่สุดท้ายคือลงท้ายบนเตียงนอนกับคู่นอนในผับแห่งนี้ ซึ่งคืนนี้ผมไม่มีอารมณ์เลยสักนิด
“เอาหญิงไหมว่ะ….กูเห็นน้องคนนั้นมองมึงมาตั้งนานแหละ”เสียงของไอ้ฟิวเอ่ยบอกผมพลางหันไปพยัก หน้าไปทางด้านข้างของผม ผมก็หันไปมองตามมัน ก็พบกับผู้หญิงร่างเล็กผิวขาวสวมชุดเกาะอกสีดำกำลังยืนโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่ เธอยิ้มให้ผมอย่างเชื้อเชิญผมก็ยิ้มให้เธอกลับไปตามมารยาทและไม่นานเธอก็เดินมาถึงโต๊ะของผม
“พี่ขุนศึกคะ^_^”เสียงหวานของเธอพร้อมรอยยิ้มหวานหยดย้อยเอ่ยทักทายผม ผมก็ยิ้มให้เธอและขยับร่างเล็กน้อยเพื่อให้เธอได้นั่งลงข้างๆผม
“นั่งสิ….”ผมเอ่ยชวนเธอ
“ค่ะ…”เธอยิ้มหวานพลางพยักหน้าให้ผมและเธอก็นั่งลงข้างๆผม
“นี่ไอ้ฟิว…ไอ้ที….เพื่อนพี่น่ะ”ผมหันไปเอ่ยแนะนำไอ้ฟิวกับไอ้ทีที่นั่งมองหน้าผมอย่างอยากรู้เต็มทนว่าผมรู้จักผู้หญิงเซ็กซี่และสวยหยาดเยิ้มคนนี้ได้ยังไง ก็จะไม่รู้จักได้ยังก็เธอเป็ลูกสาวเพื่อนสนิทของแม่ผมหนิ ก็น้องนามิไง
“สวัสดีค่ะ….พี่ฟิว…พี่ที…หนูชื่อนามินะคะ^_^”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ^_^”นามิก้มศีรษะลงให้ไอ้ทีกับไอ้ฟิวและยื่นมือไปจับทำความทักทายเพราะเธอเป็เด็ก นักเรียนนอก ไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปี คงจะไม่ยกมือไหว้สวัสดีน่ะ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ….น้องนามิ^_^”ไอ้ฟิวกับไอ้ทีรีบยื่นมือมาัักับมือของเธอพลางทำหน้าเคลิบเคลิ้ม นามิก็ยิ้มให้สองคนนั้นอย่างเป็มิตรก่อนที่เธอจะหันมาให้ความสนใจผมต่อ
“พี่ขุน….มานานรึยังคะ?”
“ก็นานแล้วเหมือนกันครับ…”
“พอดี…นามิมาคนเดียวนะคะ…วานให้พี่ขุนไปส่งนามิหน่อยได้ไหมคะ?”
“ได้สิครับ…”ผมตอบไปส่งๆเพราะเห็นคุณแม่ของผมบอกว่ากำลังจะเชื้อเชิญคุณหญิงนวลปรางแม่ของนามิไปเปิดธุรกิจอะไรสักอย่างนี่แหละ ซึ่งผมฟังไม่แน่ใจ
“แต่พี่ขอนั่งดื่มต่ออีกหน่อยนะ…”
“ได้เลยค่ะ…ไม่มีปัญหา^_^”นามิยิ้มให้ผมและเธอก็ค่อยๆขยับหน้าอกตู้มๆของเธอมาเบียดเสียดกับท่อนแขนของผม มันทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเธอคนนี้้าอะไรจากผม….