รัชศกหงเต๋อปีที่ยี่สิบเก้า ฤดูใบไม้ผลิ
บรรยากาศภายในเมืองหลวงของแคว้นเฟิงเงียบสงัดไร้ชีวิตชีวาบนถนนหนทางมีผู้คนสัญจรเพียงน้อยนิดไร้ซึ่งความครึกครื้นรื่นเริงเช่นวันวานที่ผ่านมา เมื่อคืนมีพายุฝนโหมกระหน่ำเข้าโจมตีตัวเมืองอย่างกะทันหันครั้นฝนซาฟ้าสว่าง ภายในอากาศยังคงหลงเหลือกลิ่นฝุ่นละอองลอยตลบอบอวลทั่วทุกสารทิศเป็เหตุให้ยามสูดดมเข้าไปรู้สึกไม่ดีนัก
สตรีนางหนึ่งสวมชุดกระโปรงสีเหลืองทำจากผ้าไหมเนียนนุ่มยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ของจวนองค์รัชทายาทอันงดงามตระการตานางยืนนิ่งเงียบราวกับเป็เพียงหนึ่งในทัศนียภาพด้านหลังข้างกายมีหญิงรับใช้สวมอาภรณ์สีเขียวคอยยืนกางร่มให้นางนายและบ่าวผู้หนึ่งสวมอาภรณ์สีเหลือง ผู้หนึ่งสวมอาภรณ์สีเขียวช่างแลดูมีสีสันและให้ความรู้สึกแปลกใหม่
เมื่อวานบิดาของนางไม่ได้รับความเป็ธรรมถูกคุมขังอยู่ในคุกของกรมอาญาเื่เกิดขึ้นกะทันหัน นางขอพบเ้าขุนมูลนายที่สนิทสนมกับบิดาจนทั่วทั้งราชสำนักแต่กลับได้รับเพียงความว่างเปล่าเป็สิ่งตอบแทน หรงหว่านซีไม่เข้าใจบิดาของนางคือแม่ทัพใหญ่ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังด้านการศึกา หลายปีที่ผ่านมาฝ่าคมดาบและออกรบราไปทั่วเพื่อแคว้นเฟิงมาโดยตลอดไม่ว่าจะภายในราชสำนัก ต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าา หรือแม้แต่ต่อหน้าประชาชนทั่วหล้าบิดาของนางเป็ผู้เปี่ยมบารมีและชื่อเสียงผู้หนึ่งขุนนางผู้มีความดีความชอบเช่นนี้ เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงถูกคุมขังในคุกของกรมอาญากันเล่า? ท่ามกลางความคลุมเครือหรงหว่านซีคิดว่าเื่นี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทแน่นอน
เมื่อสามปีก่อนนางพึ่งจะอายุสิบสี่ปีเคยติดตามบิดาเข้าร่วมงานเลี้ยงอันหรูหราของราชสำนักไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทเมาจริงหรือแสร้งเมากันแน่ ขณะดื่มสุราแสดงความเคารพกับท่านพ่อสุราทั้งจอกกลับหกรดลงบนชุดกระโปรงหลากสีของนางนอกจากนั้นสายตายังฉายแววหยามเหยียด บุรุษเช่นนี้บิดาของนางจะยินยอมให้นางออกเรือนไปกับเขาได้อย่างไรกัน? ดังนั้นจึงเกิดเป็เื่ที่องค์รัชทายาททรงขอหมั้นหมายต่อหน้าเหล่าขุนนางทว่าแม่ทัพหรงกลับตอบปฏิเสธอย่างนุ่มนวลในทันที
และเื่ที่เกิดขึ้นกับบิดาในครั้งนี้ นอกจากองค์รัชทายาทเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือเข้าแทรก
นางคิดในใจเช่นนี้ทันใดนั้นเห็นผู้ดูแลจวนองค์รัชทายาทเดินออกมา เอ่ยพลางกดสายตาลงมองนายบ่าวทั้งสอง“คุณหนูหรงโปรดกลับไปเถิดขอรับ องค์รัชทายาททรงรู้สึกไม่สบายพระวรกายนักจึงไม่พบผู้ใดขอรับ”
“นี่ เ้าจงใจใช่หรือไม่เหตุใดองค์รัชทายาทถึงไม่ให้ผู้ใดเข้าเฝ้าเสียแล้ว?เมื่อตอนบ่ายพึ่งจะเสด็จไปดื่มสุราที่หอเทียนเซียงมิใช่หรือ?”ชูเซี่ยผู้เป็หญิงรับใช้โมโหยิ่งนัก นางชี้นิ้วไปทางผู้ดูแลจวนองค์รัชทายาทและเกือบจะร้องบริภาษออกมา
หรงหว่านซีรีบห้ามชูเซี่ยและเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “ไม่เป็อะไรในเมื่อองค์รัชทายาททรงพระประชวร ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าค่อยมาใหม่ก็ได้”
“คุณหนู...”ชูเซี่ยไม่ยอม
หรงหว่านซีส่งสัญญาณผ่านสายตาเพื่อบอกให้ชูเซี่ยไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดอีกจากนั้นคนทั้งสองจึงไปขึ้นรถม้า
ภายในรถม้า ชูเซี่ยแสดงท่าทางโมโห “คุณหนูเ้าคะองค์รัชทายาททรงทำเกินไปแล้ว เขาจงใจทำเช่นนี้อย่างแน่นอนคนบ้าตัณหาเช่นนี้หมายปองคุณหนูมาั้แ่สามปีก่อนนึกไม่ถึงว่าตอนนี้ยังจะไร้ยางอาย กล้าใส่ร้ายนายท่านและใช้อำนาจคุกคามคุณหนูถึงเพียงนี้นี่ใช่ลักษณะของผู้ที่จะเป็องค์รัชทายาทหรือเ้าคะ?ในภายภาคหน้าคนเช่นนี้น่ะหรือจะมีเมตตาต่อราษฎร?”
“เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นเ้าก็ปากคอเราะรายเสียเหลือเกินแต่เ้าควรจะเบาเสียงสักหน่อย หากคำกล่าวเช่นนี้มีผู้ใดมาได้ยินเข้า ต่อให้เป็เทพเซียนบน์ชั้นสูงสุดก็ช่วยอะไรเ้าไม่ได้”หรงหว่านซียกยิ้มพลางมองชูเซี่ยอย่างเหนื่อยหน่าย
“หนูฉาย[1] ไม่กลัวเ้าค่ะ หนูฉายพูดเื่จริงมิใช่หรือเ้าคะ? ทั่วทั้งเมืองหลวงมีองค์ชายมากมายหลายพระองค์ แต่องค์รัชทายาทกับเฉินอ๋องมีชื่อเสียงฉาวโฉ่มากที่สุดด้วยความฉลาดปราดเปรื่องของคุณหนูจึงมิใช่ผู้ที่องค์รัชทายาทเช่นสุกรเยี่ยงนั้นจะคู่ควรดังนั้นการที่องค์รัชทายาททรงหมายปองคุณหนูจึงไม่ต่างจากกระต่ายหมายจันทร์สักนิดเ้าค่ะ” ชูเซี่ยติดตามรับใช้คุณหนูมาสามปีนางรู้ดีว่าคุณหนูเป็คนฉลาดหลักแหลม มีสติปัญญาและความสุขุมยามพบปัญหาครั้นเผชิญหน้ากับอันตรายก็ไม่ไหวหวั่นไม่ใช่ผู้ที่คุณหนูของตระกูลมั่งคั่งเ่าั้จะสามารถเทียมเท่า แต่น่าเสียดาย...คุณหนูเป็คนเก็บตัวจนเกินไป เก็บตัวจนตลอดสามปีที่ผ่านมาคล้ายกับผู้คนในเมืองหลวงจะไม่เคยพบเห็นหน้านางสักครั้งด้วยเหตุนี้จึงทำให้คุณหนูบุตรอนุของจวนอัครเสนาบดีคว้าสมญานามหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงไปครองภายในใจของนางรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนคุณหนูของตนยิ่งนัก
หรงหว่านซีไม่เอ่ยแย้งหลังได้ฟังสิ่งที่ชูเซี่ยกล่าวนางเพียงแต่ก้มหน้าและหมุนกำไลหยกมรกตบนข้อมือไปมาภายในหัวปรากฏภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในงานเลี้ยงฉลองอันหรูหราของราชสำนักเมื่อสามปีก่อน
เมื่อสามปีก่อนนางพึ่งจะอายุสิบสี่ปีเคยติดตามบิดาเข้าร่วมงานเลี้ยงอันหรูหราของราชสำนักไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทเมาจริงหรือแสร้งเมากันแน่ขณะดื่มสุราแสดงความเคารพกับท่านพ่อสุราทั้งจอกกลับหกรดลงบนชุดกระโปรงหลากสีของนางนอกจากนั้นสายตายังฉายแววหยามเหยียด บุรุษเช่นนี้บิดาของนางจะยินยอมให้นางออกเรือนไปกับเขาได้อย่างไร? ดังนั้นจึงเกิดเป็เื่ที่องค์รัชทายาทเอ่ยปากสู่ขอต่อหน้าเหล่าขุนนางทว่าแม่ทัพหรงกลับตอบปฏิเสธอย่างนุ่มนวลในทันที
ยามนี้กลับมาย้อนคิดดูแม้ตอนนั้นท่านพ่อของนางคิดจะปกป้องบุตรสาวทว่าในคราวเดียวกันก็มิได้คิดพิจารณาให้รอบคอบจนกลายเป็การฉีกพระพักตร์ขององค์รัชทายาทหากวันนี้จะแก้แค้นบิดาและนางก็คงไม่ใช่เื่แปลก เพียงแต่ท่านพ่อของนางตกที่นั่งลำบากเสียแล้วอายุปูนนี้เดิมทีควรจะถอดเสื้อเกราะกลับบ้านเกิด แต่ตอนนี้ต้องมาทนลำบากอยู่ในคุกของกรมอาญาเมื่อคิดเช่นนี้ ภายในอกหรงหว่านซีเกิดเป็ความรู้สึกห่อเหี่ยวใจนางทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาฉายแววโศกเศร้าเหลือคณาอย่างไม่รู้ตัว
จวนองค์รัชทายาท ภายในตำหนักหลักสีทองเรืองรองตระการตา
“ไปแล้วหรือไม่?” องค์รัชทายาทเปิดเปลือกพระเนตรพลางตรัสถามอย่างไม่ใส่พระทัยนัก
“อืม ไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ หนูฉายกล่าวตามที่เตี้ยนเซี่ย[2] ทรงกำชับไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก หรงหว่านซีผู้นี้ เปิ่นกง[3] จะคอยดูสิว่านางจะทนได้นานเพียงใด?” องค์รัชทายาทเฟิงเป่ยหลินในยามนี้กำลังเอนพระวรกายพิงเก้าอี้ประทับทำจากไม้ทรงโบราณ
องค์รัชทายาทเฟิงเป่ยหลินคือคนหนุ่มรูปร่างท่าทางสง่าผ่าเผยเขาโปรดปรานหญิงงามจนที่เป็ประจักษ์ของผู้คนทั่วหล้าบรรดาหญิงงามน้อยใหญ่ในเมืองหลวง ั้แ่บุตรสาวทองพันชั่งของบรรดาอ๋องและโหวจนแม้แต่นางบำเรอจากหอนางโลม ขอเพียงเขาถูกตาถูกใจย่อมไม่มีผู้ใดสามารถหนีพ้นเงื้อมมือเขาได้ทั้งนั้นเหตุที่เขาทำตัววางอำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้เป็เพราะมารดาของเขาคือฮองเฮาแซ่โจวของราชวงศ์ปัจจุบันนอกจากนั้นตระกูลโจวของฮองเฮายังเป็ตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของแคว้นเฟิงฝังรากหยั่งลึกถึงสามรัชสมัย ในบางคราแม้แต่ฝ่าายังต้องปิดพระเนตรข้างหนึ่งและลืมพระเนตรข้างหนึ่งให้กับตระกูลโจว
เมื่อสามปีก่อนองค์รัชทายาทเฟิงเป่ยหลินเกิดรักแรกพบกับหรงหว่านซีนางคือบุตรสาวของแม่ทัพหรงที่พึ่งจะกลับเข้ารับราชการในราชสำนักแต่เพราะไม่อาจ ภายในใจจึงเคียดแค้นจากเื่นี้มาโดยตลอด
เมื่อหลายวันก่อนยังได้ยินว่าแม่ทัพหรงจะเกษียณราชการและพาบุตรสาวไปยังเมืองห่างไกลด้วยความร้อนรนไม่อาจตัดใจ จึงได้สร้างสถานการณ์ครั้งใหญ่เพื่อรอให้เหยื่อเข้ามาติดกับ
สำหรับเขาหรงหว่านซีช่างไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือที่จะบีบเมื่อใดก็ได้...แต่เขากลับนึกไม่ถึงว่าเื่นี้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
หากเฟิงเป่ยหลินรู้ว่าเื่ที่ตนสร้างขึ้นมาจะส่งผลลัพธ์เช่นไรในภายหลังคาดว่าต่อให้ต้องสังหารเขา เขาก็คงไม่มีทางทำเช่นนี้เป็อันขาด และแน่นอนว่าเื่เหล่านี้ได้กลายเป็เื่ที่ต้องถกเถียงในวันข้างหน้าเสียแล้ว
เช้าตรู่วันต่อมา หรงหว่านซีสวมชุดกระโปรงสีขาวลายดอกไม้นางพาชูเซี่ยผู้เป็หญิงรับใช้มายังจวนองค์รัชทายาทอีกครั้งอย่างมีน้ำอดน้ำทน
แต่ก็ยังถูกเรียนให้ทราบว่าองค์รัชทายาททรงพระประชวรเช่นเดิม...
เมื่อเห็นประตูจวนองค์รัชทายาทปิดสนิทต่อหน้าต่อตาชูเซี่ยจึงโมโหยิ่งนัก
“คุณหนูเ้าคะ พวกเราจะต้องรอไปจนถึงเมื่อใดกันเ้าคะ?” ชูเซี่ยไม่อาจทนดูองค์รัชทายาทจงใจกลั่นแกล้งคุณหนูเช่นนี้นางจึงรู้สึกเหลืออดมาั้แ่แรก
“รอไปก่อนเถิด เขาจะต้องพบข้าแน่นอน”หรงหว่านซีในยามนี้สุขุมยิ่งนักนางรู้ดีว่าองค์รัชทายาทวางแผนเช่นนี้เพราะ้าล่อนางออกมาด้วยเหตุนี้นางจึงมั่นใจ
ในขณะนั้น ไม่รู้ว่ามีรถม้าคันงามมาหยุดอยู่ข้างหลังั้แ่เมื่อใดตามด้วยเสียงเอ่ยอย่างเอ้อระเหยดังเล็ดลอดออกมาจากด้านในรถม้าว่า “เอ๋? แม่นางที่อยู่ตรงหน้าจวนองค์รัชทายาทมาจากตระกูลใดกัน?เหตุใดจึงหน้าตางดงามถึงเพียงนี้?”
หรงหว่านซีหันหน้ามา หลังเห็นชัดแล้วว่าคือผู้ใด แววตาพลันวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะรีบถอนสายบัวทำความเคารพ“เฉินหนวี่[4]คารวะเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะ”
[1]หนูฉายเป็คำใช้แทนตัวของข้ารับใช้แปลว่าทาสรับใช้
[2]เตี้ยนเซี่ยเป็คำใช้เรียกเชื้อพระวงศ์ผู้อื่นนอกจากฮ่องเต้
[3]องค์รัชทายาทใช้คำแทนตัวว่าเปิ่นกงเพราะได้รับการสถาปนาเป็ตงกงหรือตำหนักบูรพา
[4]เฉินหนวี่คือคำใช้เรียกแทนตัวกับเชื้อพระวงศ์โดยผู้ใช้แทนตัวสตรี เฉินคือทำเรียกแทนตัว แปลว่าขุนนางหรือเป็คำใช้เรียกทาสหนวี่แปลว่าผู้หญิง ความหมายโดยรวมคือข้าทาสที่เป็ผู้หญิง