พวกอันธพาลท้องถิ่น ผ่านโลกมาก็มากมายได้เห็นพวกเ้านายที่ดุร้ายมาไม่น้อย แต่นี่เป็ครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นคนอย่างหรงซิวที่ลงมือโดยไม่พูดกระไรสักคำ
กริชแทงเข้าไปในเนื้อในกระดูก เืไหลย้อยลงตามทาง
ในคืนที่เงียบสงัด เสียงเืหยดทำให้คนยิ่งหวั่นเกรง
หรงซิวมิได้รับคำตอบ เขาจึงลุกขึ้นช้าๆ เดินไปข้างหน้าอย่างสบายๆ เอนตัวลงเล็กน้อย ใต้เท้าของเขาเป็แอ่งเื
นักเลงทั้งสามตัวสั่นยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นตอบอย่างร้อนรนว่า “แม่...แม่นางเหลียนเหอพ่ะย่ะค่ะ…”
หรงซิวยืนตัวตรง ดวงตาเขาขยับเหมือนจะสังเกตให้ละเอียดขึ้น
ตามที่พวกเขาบอกคือ วันนั้นพวกเขาทานข้าวเสร็จก็เดินอยู่บนถนนปกติ จากนั้นก็เห็นแม่นางคนหนึ่งที่ดูสะอาดสะอ้านเดินเข้ามาหาพวกเขา พวกเขาทั้งสามขยิบตา ส่งสายตาให้นาง
เดิมทีก็้าจะหยุดสตรีผู้นั้นไว้ ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาพวกเขาก่อนเอง
ทั้งสามคนเบิกบานใจมาก คิดว่ามีลาภลอยตกลงมาจากฟ้า
แม่นางคนนั้นเอ่ยปากว่ามีเื่ให้พวกเขาทำเื่หนึ่ง ค่าตอบแทนสูง
“ให้พวกเ้าปล่อยข่าวลือหรือ?” ยาชิงขมวดคิ้วถามอย่างไม่พอใจ
พวกอันธพาลพยักหน้าพร้อมกัน ก็ถือเป็การยืนยันได้แล้ว
“พวกเ้ารู้ได้อย่างไรว่านางเป็แม่นางเหลียนเหอ?” ยาชิงถามอีกครั้ง เขามีความประทับใจที่ดีต่อเหลียนเหอ เหลียนเหอซื่อตรง นิสัยอ่อนโยน ความสัมพันธ์กับเขาก็ดีด้วย
“วันนั้นแม่นางเหลียนเหอให้พวกข้าไปเอาเงินที่นางพ่ะย่ะค่ะ ที่ประตูหลังของจวนท่านหญิงหว่านฉือ หลังจากติดต่อกันไม่นานเราก็เดาตัวตนของนางออก"
หลังจากการซักถามกว่าครึ่งชั่วยาม ก็รู้ความเป็ไปเป็มาของเื่อย่างชัดเจนแล้ว มิได้แตกต่างไปจากการคาดเดาก่อนหน้า
หรงซิวกุมขมับ รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย จึงพยักหน้าให้ยาชิง เสร็จสิ้นก็พลันลุกไปเรือนอื่น
ได้รู้เื่ข่าวลือชัดเจนแล้ว หินที่ห้อยอยู่ในหัวใจของเขาก็ตกลงพื้นได้เสียที สิ่งต่อไปที่จะต้องรู้ให้ชัดเจนก็คือที่หว่านฉืออยากจะแต่งเข้ามาเป็เพราะเขาหรือว่าเป็เพราะจุดประสงค์อื่น
หากเป็เพราะเขา เขาเพียงเลี้ยงอีกหนึ่งชีวิตเพิ่มขึ้นมา ก็คงจะเลี้ยงได้
ทว่าหากเพื่อจุดประสงค์อื่น เกรงว่าจะเกี่ยวกระไรกับไทเฮาหรือองค์ฮ่องเต้...
เขาเป็องค์ชายผู้ทรงอำนาจ ฮ่องเต้อวี่ซวนมีความสงสัยในตัวเขาไม่น้อย ทั้งยังบอกว่าจะส่งสตรีงามมาที่จวน ก็ถูกเขาปฏิเสธไว้ด้วยเหตุผลต่างๆ นานาทุกครั้ง
คราวนี้หว่านฉือจะแต่งเข้ามา มันดูราบรื่นเกินไป ราบรื่นจนทำให้เขาอดมิได้ที่จะสงสัย
หรงซิวคิดแต่เื่หว่านฉือ จนลืมไปว่าเขายังมีเื่ที่ต้องอธิบายอยู่
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เขายังไม่ตื่นพ่อบ้านก็มาเคาะประตู พูดด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ฝั่งจวนอวิ๋นส่งสารมาพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวหายง่วงทันที เขาหันไปหาอวิ๋นอี้ก่อน โล่งใจที่เห็นว่านางยังไม่ตื่น จากนั้นจึงลุกขึ้นลงจากเตียงเบาๆ แล้วปิดประตูอย่างระมัดระวัง
พ่อบ้านยืนคำนับอยู่นอกประตู ในมือมีจดหมาย
หรงซิวรัดชุดของเขาให้แน่น แสงเช้าจางๆ ทำให้ริมฝีปากของเขาซีดเล็กน้อย
เขาคิดออกว่าเนื้อความในจดหมายจะเขียนไว้ประมาณใด
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็เปิดจดหมาย เหลือบมองดูลวกๆ แล้วปิดลง
“ฝ่าา..." พ่อบ้านพูด "้าให้ข้าไปเตรียมของกำนัลกลับจวนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"
"ไปเตรียมเถิด"
หรงซิวลำดับความคิดให้ดี รอให้อวิ๋นอี้ตื่นแล้วเอาจดหมายให้นางดู ทั้งสองคนจะกลับไปจวนอวิ๋นด้วยกัน
อวิ๋นอี้มองเขาอย่างสงสัย เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ “ฝ่าาจะไปด้วยจริงๆ หรือเพคะ? กระแสลมปากแหลมคมเช่นนี้ คิดด้วยนิ้วเท้าก็รู้ว่าเหตุใดท่านพ่อจึงเรียกข้ากลับไป หากฝ่าากลับไปด้วย…”
นางสูดหายใจเบาๆ แสดงความในใจชัดเจน
อวิ๋นเส่าต้าวเป็คนที่รักลูกสาวที่สุด นางได้รับความเดือดร้อนมากมายเช่นนี้ เขาคงยอมมิได้แน่
หากเป็บิดาคนอื่นๆ บุรุษของลูกสาวตนจะไปแต่งงานกับสตรีอื่น หนำซ้ำลูกสาวยังได้ชื่อว่าเป็สตรีร้าย ผู้ใดจะทนไหวเล่า?
หรงซิวบีบมือของนางอย่างเข้าใจ พูดอย่างตรงไปตรงมาและช่วยมิได้ว่า “เื่นี้เป็ความผิดของข้า หากท่านพ่อจะตีข้าว่าข้าก็ไม่เป็ไร วันนี้ที่ข้าไปคือจะไปรับโทษ”
ฮึ่ม
พูดได้ดี
หรงซิวมีหลายวิธีที่จะทำให้พ่อตาของเขาพอใจ
เมื่อทั้งสองมาถึงจวนอวิ๋น ยามที่ประตูได้รับแจ้งแล้วว่าพระชายาจะกลับมาวันนี้ เมื่อเห็นรถม้า พวกเขาพลันเข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้นทันที
อวิ๋นอี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเข้าไปในบ้าน แล้วก็โดนอวิ๋นจ้านหยุดไว้ระหว่างทางเดินไปโถงใหญ่
บุรุษหนุ่มดูไม่พอใจ ใบหน้าของเขาดูมืดมนอย่างน่ากลัว ปกติเขาจะมีรอยยิ้มที่สดใสเสมอแท้ๆ แต่ในขณะนี้เขามีน้ำแข็งเยือกเย็นปกคลุมอย่างหนาแน่น เขาจ้องหรงซิวเขม็ง แววตาของเขาแทบจะพ่นเกล็ดน้ำแข็งได้
“มาที่นี่ทำไม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงไร้ความเคารพ “พวกเราจวนอวิ๋นไม่ต้อนรับท่าน! เชิญฝ่าาออกไปพ่ะย่ะค่ะ! จวนเล็กๆ ของเรารองรับคนสูงศักดิ์อย่างท่านมิได้หรอก!”
อวิ๋นอี้มุมปากกระตุก ในใจคิดว่าเขาคงต้องฟังเื่ข้างนอกมาแน่ๆ นางกำลังคิดว่าจะเริ่มพูดอย่างไร ก็เหลือบไปเห็นบุรุษคนที่อยู่ข้างๆ ฝ่ามือของนางก็ถูกคนจับไว้
การััปลายนิ้วเย็นเฉียบของเขาทำให้นางรู้สึกมั่นคงขึ้นมาบ้าง
หรงซิวยิ้ม ไม่สนใจความหยาบคายของอวิ๋นจ้าน แต่พูดอย่างสุภาพว่า "ข้ามาเพื่ออธิบาย"
"ฮึ่ม!" แม้ว่าอวิ๋นจ้านจะโกรธจัด แต่ก็เป็คนรู้ขอบเขต เขาเหลือบมองเขา แล้วหันหลังอย่างยโส และคว้าแขนของอวิ๋นอี้ "ท่านพี่เราไปกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!"
หือ?
อวิ๋นอี้สับสนและถูกลากออกไป
นางถูกดึงแขนไว้ ไม่สามารถดิ้นรนได้ เมื่อเห็นความโกรธของบุรุษหนุ่มที่ดูเหมือนจะะเิได้ทุกเมื่อ เดิมทีคิดจะปฏิเสธ ทว่ากลับพูดไม่ออก ได้แต่เดินตามเขาไปทีละก้าวอย่างเชื่อฟัง
ทั้งสองมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องโถงใหญ่
อวิ๋นเส่าต้าวรู้เื่แล้ว และรออยู่ที่ห้องโถง เห็นนางมาแต่ไกล ก็ยืนขึ้นและเดินไปหานางด้วยใบหน้าที่เศร้าโศกและสงสาร
หัวใจของอวิ๋นอี้ราวกับวุ้น ทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยน นางยิ้มแล้วเดินอย่างรวดเร็วไปทางอวิ๋นเส่าต้าว เรียกเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ท่านพ่อเ้าคะ! ท่านพ่อ! ข้ากลับมาหาท่านแล้วเ้าค่ะ!"
นางเอื้อมมือออกพลันถูกอวิ๋นเส่าต้าวดึงไปข้างหน้า มองดูนางทั้งบนล่างซ้ายขวา เมื่อเห็นว่ามิมีสิ่งใดผิดปกติ ก็ถอนหายใจแล้วพูด “เ้านี่นะ ยังจำได้อยู่หรือว่ามีพ่อผู้นี้!”
"แน่นอนสิเ้าคะ!" อวิ๋นอี้ยิ้มหวาน พูดเอาใจ "ท่านพ่อเป็คนที่ดีที่สุดในโลกสำหรับข้าเลย ข้าคิดถึงท่านพ่อทุกวันเลยนะเ้าคะ!"
"เกิดเื่ใหญ่กับเ้าเช่นนี้ ไม่คิดจะบอกพ่อบ้างเลย หากมิใช่ว่าข้างนอกมีข่าวประโคม เ้ายังคิดจะปิดพ่อไปถึงเมื่อใด?” อวิ๋นเส่าต้าวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นลง ฟังดูดุเล็กน้อย
อวิ๋นอี้รู้ว่าไม่ช้าก็เร็วนางก็คงหนีไม่พ้นเื่นี้ จึงได้แค่พูดไปว่า "ข้าก็กำลังจะบอกท่านพ่ออยู่เลยเ้าค่ะ แต่ท่านพ่อกลับรู้ก่อนเสียได้นี่..."
“คำโกหกเช่นนี้ของเ้า เด็กยังหลอกมิได้เลย ริจะใช้หลอกพ่อหรือ?” อวิ๋นเส่าต้าวพูดว่านางอย่างไม่เกรงใจ
อวิ๋นอี้มิมีทางเลือกนอกจากจะมุ่ยปากไม่พูดกระไร ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก็ฟังไม่ขึ้นอยู่แล้ว
เขานางก้มหน้าก้มตา ยืนอยู่ข้างๆ อย่างสลดใจ ทำให้อวิ๋นเส่าต้าวรู้สึกลำบากใจ ทั้งหมดปัญญามากยิ่งขึ้น คำกระไรที่คิดจะพูดก็ได้แค่กลืนลงไปจนหมด สุดท้ายทำได้เพียงแค่เอามือแตะไหล่เรียวบางของนาง แล้วตบลงเบาๆ “ช่างมันเถิด พ่อไม่โกรธเ้าหรอกนะ ข้าเพียงสงสารเ้า เ้านี่นะ...ทำให้คนอดเป็ห่วงมิได้เลยจริงๆ”
เขาให้โอกาสแล้ว อวิ๋นอี้ตามน้ำทันที นางเงยหน้าขึ้นดวงตาทั้งสองยิ้มจนเป็พระจันทร์เสี้ยวจากนั้นก็พูดกล่อมเขา “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านพ่อดีกับข้าที่สุดเลยเ้าค่ะ!”
“พอแล้ว พอแล้ว” อวิ๋นเส่าต้าวรักนางที่สุด ั้แ่เด็กก็ทำกระไรกับนางมิได้เลย กลัวจะละลายในปากอย่างไรเช่นนั้น เมื่อได้ยินลูกสาวพูดอ้อน สีหน้าเคร่งเครียดของเขาก็เกร็งไว้ไม่อยู่ เขาจึงได้เพียงกระแอม "ข้าได้ยินว่าองค์ชายเจ็ดกลับมากับเ้าด้วย แล้วเขาอยู่ที่ใดเล่า?"
"ท่านพ่อตาขอรับ ข้าอยู่นี่ขอรับ" เสียงหรงซิวดังมาจากด้านหลัง ทั้งสองก็หันหลังไปพร้อมกัน ก็เห็นร่างสูงของเขา คำนับให้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้