วันที่สอง โหยวเสี่ยวโม่เดินตามคนอื่นๆ ไปยังโถงใหญ่เรือนหญ้าเซียน
เรือนหญ้าเซียนเป็สถานที่หลักของทัพพิภพ อีกทั้งศิษย์ทุกคนต้องไปที่นั่นทุกวัน
ศิษย์พี่หลีมีหน้าที่พาทุกคนมา แต่เขาเองก็มีการบ้านที่ต้องทำจึงไม่มีเวลาสอน พอดีกับศิษย์พี่ใหญ่ว่างพอดี เลยให้เขาช่วยดูแทน
“นี่เป็ครั้งแรกที่ทุกคนัักับของเหล่านี้ ที่มันยุ่งยากข้าจะข้ามไปก่อน เรามาศึกษาความรู้เบื้องต้นกัน สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเ้าก็คือหญ้าเซียนที่จำเป็ต่อการหลอมยา พวกเ้าศึกษาดูกันก่อน”
ฟางเฉินเล่อพูดพลางวางกระถางไม้ไว้ด้านหน้าพวกเขา
พวกโหยวเสี่ยวโม่จ้องมองหญ้าเซียนในกระถางอย่างฉงนสงสัย
หญ้าเซียนเป็ชื่อเรียกของยาสมุนไพรทั้งหมด แต่ใช่ว่ายาสมุนไพรทั้งหลายจะเป็ตระกูลหญ้าเสียหมด อย่างเช่น กระถางที่สองด้านซ้ายมือ คือดอกสงบจิตเป็หญ้าเซียนขั้นหนึ่ง
ต่อมาฟางเฉินเล่อก็อธิบายระดับขั้นของหญ้าเซียน
คล้ายกับนักหลอมโอสถที่แบ่งแยกขั้น จากขั้นหนึ่งถึงสิบสอง หญ้าเซียนขั้นยิ่งสูงจะถูกใช้หลอมเป็ยาเซียนตันชั้นสูง ทว่าต้องควบคู่กับระดับขั้นของนักหลอมโอสถเช่นกัน
นักหลอมโอสถระดับล่างสามารถหลอมยาเซียนตันขั้นหนึ่งถึงขั้นสาม
นักหลอมโอสถระดับกลางสามารถหลอมยาเซียนตันขั้นหนึ่งถึงขั้นหก
สำหรับนักหลอมโอสถระดับสูงเป็อาชีพที่สร้างรายได้และเป็ที่น่าอิจฉาที่สุดในดินแดนหลงเสียง เพราะพวกเขาสามารถหลอมยาเซียนตันได้ั้แ่ขั้นหนึ่งถึงขั้นสิบทีเดียว แต่ยิ่งเป็ยาเซียนตันขั้นสูง ความเป็ไปได้ก็ยิ่งต่ำ
เช่น ยาเซียนตันขั้นเก้าและขั้นสิบ
กระทั่งนักหลอมโอสถขั้นสูงที่มีชื่อเสียงยาวนานหลายท่านยังหวังไม่ได้เต็มร้อยด้วยซ้ำ นอกจากนั้นหญ้าเซียนทั้งสองขั้นนี้ช่างหาได้ยากนัก ยิ่งขั้นสิบเอ็ดกับขั้นสิบสองไม่ต้องพูดถึง คงเป็แค่เื่เล่าขาน
จากที่เล่าขานกันมา มีเพียงแค่ปราณิญญาเจ็ดสีถึงจะหลอมออกมาได้ แต่ดินแดนหลงเสียงที่ผ่านมานับหมื่นปีไม่เคยปรากฏบุคคลที่มีปราณเจ็ดสีมาก่อน เป็ได้แค่เื่เล่าสืบกันมา
และการค้นหาหญ้าเซียนสองขั้นนี้ก็ไม่ง่ายเช่นกัน
เนื้อหาเหล่านี้ โหยวเสี่ยวโม่อ่านในตำรามาหมดแล้ว ถึงแม้พอรู้อยู่บ้าง แต่เขาตั้งใจฟังศิษย์พี่ใหญ่พูดจนจบ การเน้นย้ำความรู้มีแต่เป็ประโยชน์ต่อเขา
ฟางเฉินเล่อสังเกตเห็นศิษย์น้องตั้งใจฟังผงกหัวตาม
เพราะความรู้พวกนี้เป็เนื้อหาพื้นฐานมากๆ หาอ่านได้ตามตำรา ในตอนที่เขากำลังสาธยาย ศิษย์คนอื่นๆ ถึงไม่ค่อยตั้งใจฟังกัน แต่ศิษย์น้องผู้นี้กลับตั้งอกตั้งใจฟัง ฟางเฉินเล่อเองก็เหลือบมองอยู่หลายครั้ง
“หลังจากนี้ พวกเ้าทำความคุ้นเคยกับหญ้าเซียนขั้นหนึ่ง หนึ่งชั่วยามให้หลัง ข้าจะมาพูดเนื้อหาขั้นต้นเกี่ยวกับนักหลอมโอสถ”
ฟางเฉินเล่อพูดจบก็ให้พวกเขาแยกย้าย
ศิษย์คนอื่นต่างพากันดูหญ้าเซียน โหยวเสี่ยวโม่เอ่ยปากเรียกฟางเฉินเล่อ
เมื่อได้ยินเสียงแจ๋วเรียก หันขวับกลับมาก็พบดวงตาดำขลับศิษย์น้องจ้องมองเขาด้วยความตั้งใจ รู้สึกอดขำไม่ได้
“ศิษย์น้องเสี่ยวโม่ มีเื่อะไรหรือ”
โหยวเสี่ยวโม่ไม่คิดว่าศิษย์พี่จะจำชื่อเขาได้ ส่ายหัวอย่างเขินอายพร้อมเอ่ย “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าอยากไปดูแปลงสมุนไพร ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่”
ฟางเฉินเล่ออึ้งพร้อมกับจ้องเขาพลางผงกหัว “ได้น่ะได้อยู่หรอก ตอนแรกข้ากังวลว่าเนื้อหาในวันนี้จะเยอะเกินไปสำหรับพวกเ้า แต่หากเ้าร้องขอเอง มันก็ได้อยู่หรอก แต่ตอนนี้เ้าคงเข้าได้แค่แปลงสมุนไพรขั้นหนึ่ง”
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่” โหยวเสี่ยวโม่รีบกล่าวขอบคุณอย่างดีใจ
ฟางเฉินเล่อตอบไม่เป็ไร พร้อมกับพาเขาไป
แปลงสมุนไพรเป็สถานที่สำคัญที่สุดของสำนักเทียนซิน สำนักใดก็ตามที่ปรารถนาจะเติบโตก้าวไกลนั้นไม่สามารถขาดที่นี่ไปได้เลย ดังนั้นแปลงสมุนไพรจึงเป็ที่ต้องห้าม เว้นแต่จะมีป้ายสัญลักษณ์จากผู้ดูแล หรือไม่ก็พวกผู้าุโที่ดูแลแปลงสมุนไพรเหล่านี้
แต่หญ้าเซียนที่ปลูกในแปลงสมุนไพรนั้นล้วนมีั้แ่ขั้นห้าขึ้นไป ที่ต่ำกว่าขั้นห้าเป็สถานที่เปิด
สามเหล่าทัพจากแขนงโอสถมีแปลงสมุนไพรไว้ปลูกหญ้าเซียนอยู่ห้าส่วน ั้แ่หญ้าเซียนขั้นหนึ่งถึงห้า แบ่งเป็สัดเป็ส่วน
โหยวเสี่ยวโม่ซึ่งเป็แค่ศิษย์ฝึกหัด จึงเข้าได้แค่แปลงสมุนไพรขั้นหนึ่ง