“ข้า…” อู่เอ้อร์รู้สึกอับอายยิ่งนัก “คุณชายสี่ ท่านอย่าไปถามท่านแม่ข้าเลย ท่านแม่ตบข้าได้ถูกต้องแล้ว ข้าทำผิด ต่อไปข้าจะไม่ทำอีก”
นางจางเป็คนพูดจริงทำจริง นางไม่ให้อู่เอ้อร์กินอาหารเย็นจริงๆ แม้หลี่ิ่หานจะนำแป้งย่างและเนื้อหมูตุ๋นพะโล้ไปให้อู่เอ้อร์ อู่เอ้อร์ก็ยังไม่กล้ากิน
เมื่อถึงตอนกลางคืนอู่เอ้อร์หิวจนหน้าท้องแห้งแทบจะติดกับด้านหลัง พลิกตัวไปมาด้วยความทรมานอยู่บนเตียงจนนอนไม่หลับ
อู่อวี๋เหนียนแย่งอาหารที่อู่ต้าซ่อนไว้ก้นหม้อเพื่อจะเก็บไว้ให้อู่เอ้อร์ไป “ยามเด็กขโมยเข็มยามโตขโมยเงิน ตอนเด็กข้ากับแม่เ้าเคยสอนเ้าแล้ว หลายปีมานี้ก็ทำได้ดี เหตุใดวันนี้จึงขโมยกินของเ้านายได้”
อู่เอ้อร์ทั้งอับอายและรู้สึกผิดหาใดเปรียบ ไม่อาจตำหนิที่ลูกชิ้นหมูของเ้านายหอมเกินไป ต้องตำหนิที่ตนเองโลภมากไปจนควบคุมไม่ได้
ด้วยเหตุนี้อู่เอ้อร์จึงไม่ทำความผิดซ้ำเดิมอีก
ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เสียงประทัดดังกึกก้องทั่วฟ้า หมู่บ้านหลี่ที่ถูกลมเหมันต์ปกคลุมจนเงียบสงัดเกิดความครึกครื้นขึ้นอีกครั้ง
บ้านหลี่มีสุราครบเดือนวางเรียงราย วันนี้ไม่โม่เต้าหู้และไม่ทำการค้า
คนตระกูลหวังทุกคน นอกจากครอบครัวหวังฝูจื้อที่ถูกคนในตระกูลรังเกียจล้วนส่งตัวแทนครอบครัวมาร่วมดื่มสุราครบเดือน
นอกจากตระกูลหวังแล้ว ครอบครัวสวี่ที่มีสัมพันธ์ดีกับบ้านหลี่ก็มากันทั้งครอบครัว ได้แก่ สองสามีภรรยาสวี่เจิ้ง เอ้อร์โก่วจื่อ ซื่อโก่วจื่อ และอู่โก่วจื่อ แม้พวกเขาจะเป็แขกแต่ก็ยังมาช่วยงาน วิ่งไปวิ่งมาอยู่ลานด้านหลังของบ้านหลี่ คอยยกโต๊ะ จัดชามกับตะเกียบ ยกอาหาร เช่น ถั่วลิสงทอด ขนมน้ำตาลก้อน ไหสุรา และอาหารต่างๆ ขึ้นโต๊ะให้แเื่ ยุ่งจนเท้าแทบไม่ติดพื้น
สหายที่เป็คนนอกหมู่บ้านของหลี่ซานสองคนออกเดินทางั้แ่ตอนกลางคืน เดินทางมาไกลถึงสี่สิบลี้
พวกเขารู้จักกับหลี่ซานตอนที่ไปทำงานสร้างกำแพงเมืองอยู่ที่เมืองเยี่ยน วันหนึ่งตอนที่กำลังแบกหิน พวกเขาเกิดอุบัติเหตุจนได้รับาเ็และได้ยาจากหลี่ซานไปทาจนหายดี คราวนี้นอกจากจะมาร่วมแสดงความยินดีแล้วยังมาเพื่อขอบคุณด้วย
งานเลี้ยงดื่มสุราครบเดือนจัดโต๊ะทั้งหมดหกโต๊ะ ในห้องโถงใหญ่มีทั้งหมดสามโต๊ะเป็โต๊ะสำหรับบุรุษ ในห้องนอนที่ครอบครัวอู่อยู่จัดอีกสามโต๊ะ ซึ่งล้วนเป็คนแก่ สตรี และเด็ก
แต่ละโต๊ะจะมีถั่วลิสงทอด เมล็ดแตงโมทอดจานใหญ่ ขนมน้ำตาลก้อน สาลี่ และแอปเปิลหั่นชิ้นวางอยู่
ถั่วลิสงและเมล็ดแตงโมเป็อาหารที่ธรรมดาที่สุด ราคาแบบดิบอยู่ที่ชั่งละห้าถึงหกทองแดง แต่นี่ไม่ใช่อาหารที่คนหมู่บ้านหลี่กินกันในชีวิตประจำวัน หากเป็ครอบครัวปกติจะกินแกล้มเหล้าเท่านั้น ไหนเลยจะใจกว้างเช่นครอบครัวหลี่ที่นำมาเลี้ยงแขกจานใหญ่ทั้งยังกองสูงเป็ฉื่อเช่นนี้
ขนมน้ำตาลก้อนชนิดธรรมดาชั่งละยี่สิบทองแดง แพงกว่าเนื้อหมูเสียอีก ราคาเกือบเท่าเนื้อแกะเลยทีเดียว คนหมู่บ้านหลี่จะซื้อกันมาสองสามชิ้นใน่ปีใหม่ให้เด็กๆ กิน เพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องงอแง
ขนมน้ำตาลก้อนที่บ้านหลี่ใช้รับแขกเป็ขนมระดับปานกลาง ถูกจัดไว้ให้ทุกโต๊ะ แขกนั่งโต๊ะละแปดคน ได้กินกันคนละห้าก้อน หนึ่งชามจึงมีขนมบรรจุไว้สี่สิบก้อนเต็มๆ แต่ละก้อนใหญ่ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ
ส่วนสาลี่และแอปเปิลยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในฤดูนี้ต้องเป็คนมีเงินเท่านั้นจึงจะซื้อได้
ในขณะที่อาหารจานหลักยังไม่ถูกยกขึ้นโต๊ะ ในปากของแเื่ก็เต็มไปด้วยรสหวานของขนมน้ำตาลก้อนและผลไม้ ทำให้รู้สึกพอใจยิ่งนัก
กลิ่นหอมของเนื้ออันเข้มข้นที่โชยออกมาจากห้องครัวแทบจะทำให้พยาธิในท้องของเหล่าแขกดิ้นออกมาอยู่รอมร่อ เติบโตกันขนาดนี้แล้วยังไม่เคยรู้สึกคาดหวังในการกินมากเพียงนี้มาก่อนเลย
ผู้ใดจะทราบว่าในขณะที่งานเลี้ยงใกล้จะเริ่ม ก็มีใต้เท้าอันดับหนึ่งแห่งศาลาพักม้าของตำบลจินจีปรากฏตัวขึ้น ซึ่งก็คือใต้เท้าหลิวและอัจฉริยะจางซิ่วไฉมาถึงบ้านหลี่ด้วยตนเอง นี่ยิ่งทำให้คนทั้งหมดในหมู่บ้านรวมไปถึงหวังไห่รู้สึกสั่นสะท้าน
“นี่เป็น้ำใจส่วนตัวของข้า ส่วนนี่เป็ของที่นายอำเภอไหว้วานให้ข้านำมามอบให้คุณชายน้อยทั้งสอง” ใต้เท้าหลิวหยิบซองแดงบรรจุตั๋วเงินออกมามอบให้หลี่ซาน
ห่าวทงย่อมไม่ทราบเื่นี้ ซองแดงของเขาใต้เท้าหลิวเป็คนจัดให้
ใต้เท้าหลิวได้รับตำแหน่งหัวหน้าศาลาพักม้าแห่งตำบลจินจี ผ่านทางอาหารชนิดใหม่ของบ้านหลี่ ทั้งยังได้สานสัมพันธ์กับจวนเยี่ยนอ๋องและได้รู้จักกับเสี้ยนกงโจวโม่เสวียนอีกด้วย นี่นับว่าไม่ใช่วาสนาธรรมดาเลย
บ้านหลี่เป็พ่อค้า แต่ในบ้านก็มีหมอเทวดาน้อยอยู่ด้วย ทั้งยังมีบัณฑิตอีกสี่คน ต่อไปยังไม่แน่ว่าจะทะยานสูงเพียงใด
ใต้เท้าหลิวเสริมสร้างมิตรภาพกับบ้านหลี่ั้แ่เนิ่นๆ มอบออกไปไม่มาก แต่กลับได้รับมิตรภาพจากบ้านหลี่ตอบแทนมามากมาย จะมีอะไรที่ไม่ดีเล่า
ส่วนจางซิ่วไฉชื่นชอบเด็กชายทั้งสี่จากใจจริง อีกทั้งบ้านหลี่ก็ยังมอบของขวัญให้เขามาไม่น้อย พี่ชายภรรยาของเขาก็ทำการค้ากับบ้านหลี่ด้วย ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทำให้เขามาร่วมงานดื่มสุราครบเดือนที่บ้านหลี่ด้วยตนเอง
หลี่ซานตื่นเต้นจนหน้าแดง เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก ยังคงเป็หวังไห่ที่พาหลี่เจี้ยนอันและน้องชายทั้งสามไปต้อนรับแขกอย่างอบอุ่น
เมื่อหลี่หรูอี้ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจ รีบออกจากห้องครัวไปต้อนรับแขกสูงศักดิ์ทั้งสองท่านทันที โดยเฉพาะใต้เท้าหลิว บ้านหลี่มีวันนี้ได้ก็เพราะเขา ที่บ้านหลี่ขายอาหารได้ ที่มีชื่อเสียงเล็กๆ ในท้องที่โดยไม่ถูกอันธพาลกลืนกินเช่นนี้ ล้วนเพราะมีใต้เท้าหลิวคอยค้ำจุน
“ท่านยุ่งเพียงนี้ แต่ยังนึกถึงบ้านข้า ขอบคุณมากจริงๆ เ้าค่ะ”
“ข้ามีวาสนากับครอบครัวเ้า ครอบครัวเ้าส่งเทียบเชิญให้ข้า ข้าย่อมต้องมา” ใต้เท้าหลิวสนิทสนมกับหลี่หรูอี้เป็อย่างยิ่ง พวกเขาพบเจอกันหลายครั้งจนรู้ว่านางเป็ผู้ตัดสินใจเื่การค้าของบ้านหลี่ และไม่ได้เห็นว่านางเป็เด็กน้อยมานานแล้ว
การที่บ้านหลี่ส่งเทียบเชิญงานเลี้ยงให้ใต้เท้าหลิวและจางซิ่วไฉแต่ไม่ได้ส่งให้นายอำเภอห่าวเป็เพราะเคยพบกันเพียงครั้งเดียว และยิ่งไม่กล้าส่งให้จวนเยี่ยนอ๋อง นั่นเป็คนระดับสูง ไม่ต้องพูดถึงครอบครัวหลี่เลย ต่อให้เป็นายอำเภอ ห่าวก็ยังไม่กล้าสนิทสนม
หลี่หรูอี้ยิ้ม “ท่านมาบ้านข้าน้อยนับเป็เกียรติยิ่งนัก” จากนั้นจึงหันไปคารวะจางซิ่วไฉ
“ผู้น้อยคารวะอาจารย์จางเ้าค่ะ พี่ชายของผู้น้อยกล่าวถึงท่านทุกวัน น่าเสียดายที่ผู้น้อยไม่ได้เป็บุรุษ มิเช่นนั้นคงไปกราบกรานเพื่อขอเรียนหนังสือกับท่านถึงบ้านแล้ว”
จางซิ่วไฉได้ยินเื่ราวเกี่ยวกับหลี่หรูอี้มานานแล้ว เห็นนางมวยผมกลมๆ สองลูก รูปโฉมงดงาม ดวงตาทั้งสองเปล่งประกายราวกับดวงดาราดูฉลาดเฉลียวยิ่งนัก ต่อให้สวมเสื้อผ้าสีเขียวธรรมดา แต่ก็แตกต่างจากเด็กหญิงในหมู่บ้านหลี่ที่อยู่ที่นี่ เมื่อรวมกับที่นางมีพี่ชายสี่คนที่ไปเรียนหนังสือกับตนแล้ว ก็ยิ่งทำให้มีความรู้สึกที่ดีต่อนางมากขึ้น
แต่จะอย่างไรเขาก็เป็บุรุษทั้งยังเป็ผู้ใหญ่ที่รู้จักวางตัว พบหน้ากันคราแรกย่อมไม่อาจกล่าวชมมากเกินไป จึงทำได้เพียงพยักหน้าและแย้มยิ้มบางๆ ให้หลี่หรูอี้
ทักทายแล้วหลี่หรูอี้จึงกลับไปที่ห้องครัว
วันนี้หลี่หรูอี้เป็ผู้รับผิดชอบอาหารทั้งหมดในงานเลี้ยง นางตื่นแต่เช้าเพื่อพาหลี่สือและคนอื่นๆ ไปจัดเตรียมงานเลี้ยง คอยสั่งการอยู่หน้าเตาด้วยตนเอง จึงไม่อาจสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่สวยงามได้ อย่างไรก็ตาม อีกครู่หนึ่งเมื่ออาหารเรียบร้อยแล้วนางก็จะไปเปลี่ยนชุด
บุคคลสำคัญล้วนมารวมตัวกันแล้ว หลี่ซานพาทารกทั้งสองมาให้ทุกคนดู จากนั้นงานเลี้ยงจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็ทางการ
อาหารจานเย็นสี่ชนิด ได้แก่ ตับและหัวใจพะโล้ หัวหมูพะโล้ ลูกชิ้นหมูและลูกชิ้นมังสวิรัติ เต้าหู้คลุกผักดอง โดยจัดตับและหัวใจพะโล้ ลูกชิ้นหมูและลูกชิ้นมังสวิรัติ ให้เป็คู่อยู่ในจานเดียวกัน ทำให้อาหารสี่ชนิดกลายเป็อาหารสองชนิด ซึ่งหลี่หรูอี้ทำเพื่อให้แขกได้ชิมอาหารที่หลากหลายรสชาติยิ่งขึ้น
อาหารร้อนแปดชนิด ได้แก่ ขาหมูตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋นน้ำแดง ปลาเฉ่าทอดซงสู่ ซี่โครงนึ่งแป้ง หมูสามชั้นทอด เห็ดหูหนูผัดไข่ ผัดถั่วงอก และไก่ตุ๋น
เนื้อแพะแพงกว่าเนื้อหมูมาก ก่อนหน้านี้ไม่มีครอบครัวใดในหมู่บ้านหลี่ใช้เนื้อแพะในงานเลี้ยงเลย
ส่วนไก่ตุ๋นของบ้านหลี่ก็ใช้ไก่ทั้งตัว จัดโต๊ะละตัวหนักราวสามสี่ชั่ง บรรจุในถ้วยกระเบื้องอันใหญ่สีขาว น้ำแกงมีน้ำมันไก่ลอยอยู่ชั้นหนึ่ง ดูแล้วให้ความรู้สึกหอมอร่อยยิ่งนัก ปกติหากคนในหมู่บ้านหลี่จะจัดงานเลี้ยง ต่อให้เป็ครอบครัวของหวังไห่ก็ยังใช้เพียงไก่ชิ้น โดยไก่หนึ่งตัวนำไปทำได้ถึงสองสามชาม จะใจกว้างเช่นบ้านหลี่ที่ไหนกัน
ขาหมู เห็ดหูหนู ปลาเฉ่า ของเหล่านี้ล้วนเป็ของดี ส่วนหมูสามชั้นกับถั่วงอกไม่ต้องพูดถึงคนหมู่บ้านหลี่เลย กระทั่งใต้เท้าหลิวก็ยังไม่เคยกิน
ด้านอาหารจานหลักอย่างสุดท้ายถึงกับทำให้ทุกคนเบิกตากว้าง
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้