เกิดใหม่ในยุค 70 คุณหนูฟันน้ำนมขอสั่งลุย

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     พอหมี่หลันเยว่เอาเงินเก็บทั้งหมดของตัวเองใส่กล่องเล็กๆ มาวางตรงหน้าพ่อแม่ ทั้งสองเปิดกล่องเหล็กที่เคยใส่ขนมปังกรอบ ในนั้นไม่มีขนมปังกรอบแล้ว แต่เป็๲เงินสิบหยวนที่เรียงซ้อนกันอย่างเป็๲ระเบียบ และเงินปลีกย่อยอีกจำนวนหนึ่ง เหรียญถูกม้วนด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ม้วนละยี่สิบเหรียญ โดยมีป้ายบอกขนาดของเหรียญติดไว้ด้านนอก

        เมื่อหวังหย่วนฉิงเห็นเงินในกล่อง ก็รู้สึกจุกในอกเล็กน้อย นี่เป็๞เงินที่ลูกชายและลูกสาวต้องตากแดดตากลมหามาได้ตลอดหนึ่งเดือนเต็ม เธอจำได้ว่าในหนึ่งเดือนนั้น มีวันที่ฝนตกสองวันด้วย พอนึกถึงความยากลำบากที่ลูกๆ ต้องเจอ เธอก็รู้สึกไม่สบายใจมาก

        “ตอนที่ฝนตกสองวันนั้น พวกหนูหลบฝนกันยังไง แล้วหนังสือการ์ตูนเปียกฝนบ้างไหม”

        ในความทรงจำ ฝนตกหนักทั้งสองครั้ง เด็กทั้งสองคนก็ยังเล็กขนาดนี้ แล้วพวกเขาจะเอาตัวรอดจากฝนที่ตกกระหน่ำลงมาได้ยังไง

        “อ๋อ พอฟ้าครึ้มๆ พี่ชายกับหนูก็เตรียมตัวกลับบ้านแล้ว แต่เด็กๆ บางคนยังอ่านหนังสือไม่จบ พวกเขาไม่อยากให้พวกเรากลับ พวกเราก็ไม่กล้าจะเก็บหนังสือคืนทั้งที่พวกเขาอ่านไปได้แค่ครึ่งเดียว ก็เลยต่างคนต่างช่วยเหลือกัน พวกเขาช่วยพี่ชายกับหนูเอาแผงหนังสือไปหลบฝน…”

        “ก็คือข้างหน้าห้างสรรพสินค้าที่มีชานใหญ่ๆ ตรงประตูทางเข้าน่ะค่ะ ชานตรงนั้นใหญ่มาก มีคนไปหลบฝนกันเยอะแยะ พอดีทุกคนกลับบ้านไม่ได้ ก็เลยมาเช่าหนังสือของพวกเราอ่านกัน แม่คะ สองวันที่ฝนตก พี่ชายกับหนูหาเงินได้เยอะกว่าวันปกติอีกนะคะ”

        หมี่หลันหยางพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องสาว

        “ใช่แล้ว ฝนตกหนัก คนไปหลบฝนกันเบื่อๆ ก็เลยมาเช่าหนังสือการ์ตูนอ่านกัน วันหนึ่งผมจำได้ว่าเช่าได้ตั้งสี่หยวนแปดสิบกว่าเฟิน ใช่ไหม น้องสาว?”

        “ใช่ค่ะ ผู้ใหญ่อ่านหนังสือเร็วนี่คะ แป๊บเดียวก็จบเล่ม ถึงหนังสือในมือพวกเราจะไม่เยอะ แต่ก็สลับกันอ่านเร็วค่ะ วันนั้นเลยได้เงินเยอะจริงๆ”

        หมี่หลันเยว่นึกถึงภาพวันที่ตัวเองมัวแต่เก็บเงินจนแทบจะวุ่นวายไม่ไหว สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวัง

        เมื่อได้ยินลูกชายและลูกสาวพูด หวังหย่วนฉิงก็เริ่มหวั่นไหวเล็กน้อย นี่มันขุมทรัพย์ของจริงเลยนะ ปีที่แล้วทั้งปี เธอแทบจะเก็บเงินไม่ได้เท่านี้เลย แต่เงินที่อยู่ในกล่องตรงหน้า กลับเป็๲รายได้แค่เดือนเดียวของลูกชายและลูกสาวเท่านั้น ถ้าจะไม่ทำต่อ มันก็น่าเสียดายเกินไปจริงๆ

        ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็๞แค่การใช้เวลาว่าง ไม่ได้กระทบอะไรกับที่บ้าน ในเมื่อสามีก็เริ่มสนใจแล้ว เ๹ื่๪๫นี้ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย เด็กสองคนก็น่าจะไม่มีอันตรายอะไร หรือไม่ก็อาจจะให้เด็กๆ ได้พักบ้าง พอคิดทบทวนดูอีกครั้ง หวังหย่วนฉิงก็ตัดสินใจได้เด็ดขาดยิ่งขึ้น

        “หรือไม่ พวกเราจะทำต่อไปอีกสักเดือน?”

        หวังหย่วนฉิงหันไปมองหมี่จิ้งเฉิง เมื่อได้ยินแม่พูด หมี่หลันเยว่ก็ดีใจแทบจะ๷๹ะโ๨๨ตัวลอย รอฟังคำตอบของพ่อแทบไม่ไหว

        “เย้ แม่คะ แม่สุดยอดไปเลย”

        หมี่หลันเยว่วิ่งเข้าไปกอดแม่ กอดเอวแม่อย่างตื่นเต้น นี่ถือว่าไฟเขียวแล้วสินะ พอนึกถึงว่ายังเหลือเวลาหาเงินอีกตั้งหนึ่งเดือน เธอก็คิดว่าจะต้องหาซื้อหนังสือใหม่ๆ มาเพิ่มอีกสักหน่อย

        “ในเมื่อตอนนี้มีพ่อของพวกลูกไปเป็๲เพื่อนแล้ว ทุกวันก็ให้ไปแค่คนเดียวกับพ่อนะ ไม่จำเป็๲ต้องไปกันทั้งสองคน”

        หมี่หลันหยางและหมี่หลันเยว่มองหน้ากัน ทั้งสองคนต่างก็ยกมือขึ้นพร้อมกัน พวกเขาต่างก็อยากไปกันทั้งนั้น

        เมื่อเห็นว่าลูกทั้งสองคนยังอยากออกไปตั้งแผงอยู่ หวังหย่วนฉิงก็พึมพำกับตัวเองในใจ แล้วตัดสินใจลงไป

        “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ให้หลันเยว่ไปกับพ่อก็แล้วกัน ตอนนี้หลันหยางก็ไปโรงเรียนแล้ว การบ้านก็ต้องทำทุกวัน แผงหนังสือเล็กๆ แค่นี้ ไม่จำเป็๞ต้องใช้คนเยอะขนาดนั้น หลันหยาง ลูกอยู่บ้านนะ ให้แค่น้องสาวกับพ่อไปกันสองคนก็พอ”

        หมี่หลันหยางไม่ยอมที่จะถูกริบอำนาจในการตั้งแผงไปง่ายๆ แผงหนังสือเล็กๆ นี้ถึงแม้จะเป็๲ความคิดของน้องสาว แต่เขาก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปไม่น้อย แถมเขายังได้ผูกมิตรกับเพื่อนๆ อีกมากมายที่แผงหนังสือแห่งนี้ รวมถึงเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนร่วมโรงเรียนด้วย เขาไม่อยากที่จะถูกแม่ทิ้งไว้ที่บ้านแบบนี้

        “แม่ครับ ผมยังอยากไปที่แผงหนังสือครับ หนึ่งเดือนที่อยู่ที่แผงหนังสือ ผมรู้สึกว่าตัวเองได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะเลยครับ กล้าหาญขึ้นเยอะ กล้าพูดมากกว่าเมื่อก่อน ที่สำคัญที่สุดคือผมได้ผูกมิตรกับเพื่อนๆ เยอะแยะเลย เพื่อนๆ ในโรงเรียนของพวกเราหลายคนก็ไปที่แผงหนังสือของพวกเราด้วยนะครับ”

        “แม่ครับ ถ้าผมไม่ได้ไปที่แผงหนังสือ พวกเขาอาจจะไปกันน้อยลงก็ได้ นั่นก็เป็๲การสูญเสียอย่างหนึ่งใช่ไหมครับ แล้วการได้เป็๲เพื่อนกับพวกเขามันก็จำเป็๲มากนะครับ ใครจะรู้ว่าต่อไปในโรงเรียนผมอาจจะเจอกับความเ๱ื่๵๹ลำบากอะไรก็ได้ บางที ตอนนั้นผมอาจจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขาก็ได้”

        “ยังมี...ยังมีอีกนะครับ แม่ ดูการบ้านของผมสิครับ”

        หมี่หลันหยางหยิบสมุดการบ้านของตัวเองออกมา เปิดมันออกแล้วยื่นไปตรงหน้าแม่ ทุกเล่มเขียนอย่างประณีตบรรจง ได้คะแนนเต็มร้อยสีแดงสดทุกหน้า

        “ดูการบ้านของผมสิครับ ทุกวันผมทำการบ้านเสร็จอย่างดี ไม่ได้ละเลยการเรียนเพราะการออกไปตั้งแผงนะครับ แม่ครับ เพราะงั้น แม่จะไม่ให้ผมออกไปตั้งแผง เพราะเหตุผลที่ผมไปโรงเรียนไม่ได้นะครับ ผมไม่ได้ทำให้การเรียนเสียเลย”

        หมี่หลันหยางยืนกราน เขาอยากที่จะทำให้เ๱ื่๵๹การตั้งแผงหนังสือนี้มีจุดเริ่มต้นและจุดจบ ไม่อยากที่จะล้มเลิกกลางคัน

        เมื่อเห็นลูกชายยืนอกผายไหล่ผึ่ง เถียงเธอด้วยเหตุผล แถมยังยกหลักฐานที่ทำให้เธอไม่สามารถโต้แย้งได้ออกมาอีก เธอเลยไม่มีเหตุผลอะไรที่จะขัดขวาง ในเมื่อไม่ทำให้การเรียนของลูกเสีย แถมยังได้ผูกมิตรอีก แบบนี้ก็น่าจะเป็๞ทักษะการฝึกงานนอกห้องเรียนอย่างหนึ่งด้วย หวังหย่วนฉิงเลยพยักหน้าในที่สุด

        ในเมื่อทั้งครอบครัวตกลงกันแล้ว วันรุ่งขึ้นแผงหนังสือเล็กๆ ก็ถูกตั้งขึ้นที่เดิมตามปกติ เมื่อเห็นลูกสาวจัดเรียงหนังสือการ์ตูนอย่างคล่องแคล่ว เป็๲ระเบียบเรียบร้อย วางซ้อนกันทีละเล่มๆ ไม่ได้วางกองสุมกันแบบแผงหนังสืออื่นๆ หมี่จิ้งเฉิงก็รู้สึกสนใจขึ้นมา

        “ทำไมลูกถึงจัดแบบนี้ล่ะ หลันเยว่ พ่อเคยเห็นคนอื่นตั้งแผง เขาวางทิ้งๆ ขว้างๆ รวมกันเป็๞กองๆ ทั้งนั้นเลย”

        หมี่หลันเยว่ตอบพ่อพลางจัดหนังสือไปด้วย

        “พ่อคะ ถ้าทำแบบนั้น คนอื่นจะเลือกหนังสือยากค่ะ”

        “พวกเขาจะต้องพลิกดูหนังสือทั้งหมด เสียเวลาพวกเขาเปล่าๆ แถมยังอาจจะทำให้หนังสือเสียหายได้ด้วย หนูจัดหนังสือให้เป็๲ระเบียบเรียบร้อยแบบนี้ คนที่มาเช่าหนังสือก็จะเห็นหนังสือที่พวกเขาอยากดูได้ในทันที แถมเด็กๆ ที่มาประจำบางคน ทุกวันเขาก็แค่ดูไล่ลงมาจากตำแหน่งที่เขาเช่าหนังสือไปเมื่อวานก็พอแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาเลือกหนังสือให้วุ่นวาย ประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยค่ะ”

        เมื่อหมี่จิ้งเฉิงได้ยินลูกสาวพูดแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปอยู่อีกฝั่งของแผงหนังสือ ก็จริงอย่างที่ลูกสาวพูด การดูหนังสือแบบนี้ เห็นได้ชัดเจนและเข้าใจง่ายมาก แถมเมื่อกี้ได้ยินลูกสาวพูดว่า บางคนสามารถดูไล่ลงมาจากตำแหน่งที่ตัวเองเคยดูเมื่อวานได้โดยตรง นั่นก็หมายความว่า…

        “หลันเยว่ หนูจัดหนังสือการ์ตูนแต่ละวันในตำแหน่งเดิมตลอดเลยเหรอ?”

        จะต้องชำนาญขนาดไหน ถึงจะทำให้หนังสือแต่ละเล่มไม่เปลี่ยนตำแหน่งได้

        “แน่นอนสิคะ แผงหนังสือของพวกเราถึงได้มีเด็กๆ มาซ้ำเยอะไงคะ พวกเขามาที่นี่ก็ไม่ต้องเสียแรงเลือกหนังสือ จะได้มีเวลาดูหนังสือเยอะขึ้นไงคะ”

        หมี่จิ้งเฉิงถอนหายใจ ลูกสาวเก่งเกินไปแล้ว ตัวเขาที่เป็๞พ่อกลับรู้สึกทำอะไรไม่ถูกไปเลย โชคดีที่เขาก็เตรียมตัวมาบ้าง ไม่อย่างนั้นคงจะดูไม่ได้เ๹ื่๪๫เกินไปแล้ว

        “หลันเยว่ พ่อก็เอาหนังสือการ์ตูนมาด้วยนะ ลูกดูว่าจะเอาไปวางตรงไหนดี?”

        เมื่อเห็นว่าหมี่หลันเยว่จัดหนังสือได้อย่างเรียบร้อย หมี่จิ้งเฉิงก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปแทรกแซง ในเมื่อเด็กๆ บอกว่าแผงหนังสือนี้เป็๞ของพวกเขาเอง เขาก็ขอเป็๞แค่ตัวประกอบก็แล้วกัน แค่คอยดูแลความปลอดภัยของพวกเขา ไม่เข้าไปยุ่งกับธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเขา แล้วคอยดูว่าลูกทั้งสองคนของเขามีความสามารถมากแค่ไหนกันแน่

        “อะไรนะคะ พ่อบอกว่าพ่อเอาหนังสือการ์ตูนชุดใหม่มาให้พวกเราด้วยเหรอคะ?”

        พอได้ยินว่าพ่อมีหนังสืออยู่ในมือ หมี่หลันเยว่ก็๷๹ะโ๨๨เข้าไปกอดพ่อทันที

        “ไหนคะ ไหนคะ รีบเอามาให้หนูดูหน่อยค่ะ”

        ที่แท้หนังสือสำคัญกว่าตัวเขาอีก ตัวเองตามมาตั้งนานแล้ว ยังไม่เคยเห็นลูกสาวแสดงความสนิทสนมขนาดนี้ พอพูดว่ามีหนังสือใหม่เข้ามา ตัวก็พุ่งเข้าใส่เลย ถึงแม้ในใจจะรู้สึกจี๊ดๆ เล็กน้อย แต่ก็ยังคงหยิบหนังสือออกมาส่งให้ลูกสาวแต่โดยดี

        “นี่ไง ลูกนี่ใจร้อนจริงๆ เลย”

        เมื่อเห็นพ่อหยิบหนังสือการ์ตูนออกมาจากกระเป๋าเป้ของตัวเองเป็๞ปึกใหญ่ ดูท่าทางน่าจะมีสักยี่สิบสามสิบเล่ม หมี่หลันเยว่ก็ตื่นเต้นมาก

        หนังสือการ์ตูนที่แผงของเธอ เด็กๆ ที่มาเช่าหนังสือดูจนเกือบหมดแล้ว ถึงแม้ว่าวิธีสับเปลี่ยนหนังสือจะใช้ได้ผลบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผลมากเท่าไหร่ สับเปลี่ยนได้แค่สิบกว่าเล่มเท่านั้น ตอนนี้มีหนังสือใหม่เพิ่มเข้ามาอีกยี่สิบสามสิบเล่ม แบบนี้แผงหนังสือเล็กๆ ของเธอจะต้องก้าวหน้าไปอีกขั้นแน่ๆ

        “ขอบคุณค่ะพ่อ พ่อดีที่สุดเลย ไม่ใช่แค่มาเป็๞เพื่อนพวกเรา แต่ยังเอาของดีๆ แบบนี้มาให้พวกเราด้วย”

        หมี่หลันเยว่๠๱ะโ๪๪เข้าไปหอมแก้มพ่อเต็มแรง แล้วอุ้มหนังสือการ์ตูนกลับไปที่แผงด้วยความร่าเริง หมี่จิ้งเฉิงลูบแก้มที่โดนลูกสาวหอม ก็เหม่อลอยไปเล็กน้อย

        “พ่อคะ พ่อนั่งตรงนี้คอยช่วยพี่ชายดูเด็กๆ ที่กำลังอ่านหนังสือก็พอค่ะ ที่แผงหนังสือมีหนูอยู่แล้ว”

        เมื่อเห็นว่าลูกสาวมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม หมี่จิ้งเฉิงก็พยักหน้า เปิดเก้าอี้พับที่เอามาด้วย แล้วนั่งลงทางด้านขวาของแผงหนังสือ แบบนี้จะได้ดูแลได้ทั้งสองฝั่ง หมี่หลันหยางก็นั่งอยู่ทางด้านขวาที่ห่างออกไปเล็กน้อย แบบนี้จะสามารถควบคุมเด็กๆ ที่กำลังอ่านหนังสือ ให้อยู่ในขอบเขตของตัวเองได้ เมื่อเห็นว่าแม้แต่ตำแหน่งที่นั่ง ลูกชายก็ยังคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว หมี่จิ้งเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความสามารถในการทำงานของลูกทั้งสองคนของตัวเอง

        ในวันนั้น หมี่จิ้งเฉิงเฝ้าดูลูกสาวทำงานอย่างขะมักเขม้นอยู่หน้าแผงหนังสือ คอยแนะนำหนังสือให้กับเด็กๆ ที่มาใหม่ คอยส่งหนังสือและเก็บเงินอย่างคล่องแคล่วให้กับเด็กๆ ที่มาประจำอยู่แล้ว โดยที่เขาไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อความปลอดภัยของลูกๆ หมี่จิ้งเฉิงก็คงจะรู้สึกว่าตัวเองเป็๞ส่วนเกินไปแล้ว

        “พ่อคะ แม่คะ นี่คือเงินของวันนี้ค่ะ พวกเรามานับกันเถอะค่ะ จากที่เคยทำมา น่าจะมีประมาณสี่หยวนกว่าๆ นี่เป็๲สถิติสูงสุดของพวกเราแล้ว นอกจากวันที่ฝนตกนะคะ”

        เมื่อกลับมาถึงบ้าน หมี่หลันเยว่ก็เทเงินออกมา กองรวมกันบนพื้น ทุกคนในครอบครัวนั่งล้อมวงอยู่ริมเตียง นับรายได้ของวันนี้

        “อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย สมองของหลันเยว่บ้านเรานี่ใช้ได้จริงๆ กะคร่าวๆ ได้ใกล้เคียงมากๆ เลย รวมแล้วได้สี่หยวนสามสิบหกเฟิน เป็๲เงินที่เยอะจริงๆ”

        หวังหย่วนฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่ง รายได้แบบนี้ เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลยจริง ๆ

        “แม่คะ เงินของวันนี้ พ่อก็มีส่วนสำคัญมากนะคะ วันนี้พ่อเอาหนังสือมาเยอะมาก ทำให้การเช่าหนังสือเยอะขึ้น หนังสือใหม่ๆ เรียกคนได้เยอะมากค่ะ”

        หมี่หลันเยว่ไม่ได้แย่งความดีความชอบของพ่อไป

        “พ่อลูกไปเอาหนังสือการ์ตูนพวกนี้มาจากไหน”

        หวังหย่วนฉิงถามด้วยความสงสัย เธออุตส่าห์เสียแรงไปหาซื้อหนังสือราคาถูกมาให้ลูกสาวตั้งมากมาย

        “มาจากห้องสมุดของโรงเรียนพวกเรา เขาจะคัดหนังสือที่หมดสภาพแล้วทิ้ง บังเอิญว่าหลันเยว่บ้านเราตั้งแผงหนังสือเล็กๆ นี่ขึ้นมา ฉันก็เลยซื้อหนังสือพวกนี้มาในราคาถูก ดีกว่าปล่อยให้มันถูกทำลายไปเปล่าๆ”