การกระทำเช่นนี้ของเหลยเทียนซิน แม้จะต้องสงสัยว่าผิดกฎ แต่ก็ช่วยให้เขาและเหลยอ้าวพ้นผิดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เหลยอ้าวกลับไร้เหตุผล มองเหลยอวิ๋นถิงด้วยสีหน้าชิงชัง
เหมือนจะไม่ยอมเลิกรากับเหลยอวิ๋นถิง
“ผู้าุโ ท่านยกโทษให้เหลยอวิ๋นถิงได้อย่างไร เขาทำผิดนะ...”
เหลยอ้าวยังเอ่ยไม่จบก็ถูกเหลยเทียนซินบริภาษ
“หุบปาก ข้าเป็ผู้าุโหรือเ้าเป็ผู้าุโ ข้าทำอะไรต้องให้เ้ามาชี้นิ้วบงการด้วยหรือ?” แววตาของเหลยเทียนซินเ็า ทำให้เหลยอ้าวใทันที
เหลยอ้าวรู้สึกถึงรังสีของเหลยเทียนซินก็ถอยกรูด
“สิ่งที่ข้าพูดคือกฎเกณฑ์ของตระกูลเหลย หากเ้ากล้าสงสัยก็ไปฟ้องข้ากับหัวหน้าหมู่บ้าน” เหลยเทียนซินยิ่งพูดน้ำเสียงยิ่งเ็า มองเหลยอ้าวด้วยสายตาผิดหวัง
เดิมทีเหลยเทียนซินค่อนข้างให้ความสำคัญกับเหลยอ้าว เพราะเขาเป็ผู้มีพร์โดดเด่น ถึงไม่เท่าเหลยเผิง แต่ก็ไม่เลว มีคุณสมบัติปานกลางค่อนไปทางสูง วันหน้าต้องมีความสำเร็จอยู่บ้าง แต่วันนี้การกระทำของเขาทำให้เหลยเทียนซินผิดหวัง
ถึงกับมองเจตนาของเหลยเทียนซินไม่ออก
คนเช่นนี้ต่อให้มีพร์โดดเด่นแล้วอย่างไร? ก็เป็แค่คนไร้สมองคนหนึ่ง!
เมื่อเหลยอ้าวได้ยินดังนั้นก็รีบคุกเข่าลง เอ่ยเสียงสั่นเทา “ผู้าุโ โปรดยกโทษให้กับการกระทำล่วงเกินของข้าด้วย ต่อให้ข้ามีความกล้าเทียมฟ้าก็ไม่บังอาจไปฟ้องท่านต่อหน้าหัวหน้าหมู่บ้าน!”
เหลยเทียนซินเห็นเหลยอ้าวที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็ตัดใจได้โดยสิ้นเชิง ‘หากเ้าไม่ฉลาดเ้าแผนการ มีความกล้า ก็มิใช่ว่าจะไม่ได้มา แต่เ้าไม่มีแม้กระทั่งความกล้า วันนี้เป็เขา หากวันหน้าเป็ศัตรู เ้าก็จะคุกเข่าขอความเมตตาหรือ?’
‘เ้าทำให้ตระกูลเหลยขายหน้าหมดแล้ว’
แม้เหลยเทียนซินผิดหวัง แต่ก็ยังเอ่ยว่า “ลุกขึ้นเถอะ” เพียงแต่ขณะนี้ เขาได้แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา
เหลยอ้าวมีสีหน้าแปรเปลี่ยน แตกตื่นและไม่สบายใจ
ในที่สุด เหลยอ้าวก็ไม่ได้พูดอะไร แต่แค้นเหลยอวิ๋นถิงเข้ากระดูก แค้นจนอยากดื่มเืกินเนื้อเพื่อคลายความแค้นในใจของเขา
เหลยเทียนซินมองเหลยอวิ๋นถิงและเริ่มพินิจพิจารณา การมองครั้งนี้ทำให้ดวงตาของเหลยเทียนซินเป็ประกาย เขาเห็นสายฟ้าอันทรงพลังจากร่างของเหลยอวิ๋นถิง ช่วยเหลือกันเหมือนรวมเป็ร่างเดียวกับเหลยอวิ๋นถิง
เขาเอ่ยทันทีว่า “เป็เคล็ดวิชาที่ทรงพลังยิ่งนัก!”
จากนั้น น้ำเสียงที่พูดกับเหลยอวิ๋นถิงก็อ่อนโยนขึ้นมาก
“อวิ๋นถิง เ้าอยู่ขั้นแรกกำเนิดเจ็ดชั้นฟ้าแล้ว?”
เหลยอวิ๋นถิงผงกศีรษะ ยิ้มบางๆ “เพิ่งบรรลุไม่กี่วันนี้ ต้องขอบคุณลั่วเฉินอวี่ที่ชี้แนะ ข้าจึงบรรลุสองขั้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้”
เขารู้สึกขอบคุณเซียวเฉินจากใจจริง เพราะหากไม่มีเซียวเฉิน เขาคงไม่มีวันนี้เด็ดขาด เขาคงเป็เศษสวะที่ถูกตระกูลทอดทิ้งดังเดิม แต่เซียวเฉินเป็คนสร้างเขาขึ้นอีกครั้งและให้ชีวิตใหม่แก่เขา
เขารู้สึกซาบซึ้งต่อเซียวเฉินอย่างยิ่ง ถึงขั้นเคารพนับถือ
แม้เซียวเฉินจะอ่อนวัยกว่าเขา แต่เขาตั้งใจที่จะเป็คนแบบเซียวเฉิน ยึดถือเซียวเฉินเป็เป้าหมาย!
เมื่อคำพูดนี้ออกมา เหลยเทียนซินก็หันไปมองเซียวเฉินทันที สายตามีคำถาม แม้ลั่วเฉินอวี่เป็องค์ชายแห่งแคว้นหนึ่ง แต่เป็ไปไม่ได้ที่จะอยู่ขั้นเสวียนเต๋า อย่างมากก็แค่ขั้นเสวียนฟ้า จะมีความสามารถอะไรไปสั่งสอนผู้อื่นได้?
ทั้งยังสอนได้อย่างโดดเด่น ใช้เวลาสามเดือนทำให้เหลยอวิ๋นถิงที่ฝึกวิชาทั้งปีก็ติดขัดบรรลุสองระดับขั้นติดต่อกัน
และย่างสู่ขั้นเสวียนฟ้าเจ็ดชั้นฟ้า!
จุดนี้ เหลยเทียนซินไม่ค่อยเชื่อถือนัก
“เ้าบอกว่าองค์ชายลั่วสอนเ้าฝึกวิชาจึงทำให้เ้าเลื่อนขั้นเร็วขนาดนี้?” เหลยเทียนซินมองเหลยอวิ๋นถิงแล้วถามอีกรอบ
“แน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วจะอย่างไรอีก?”
เหลยอวิ๋นถิงเอ่ยด้วยแววตาภาคภูมิ
จนแล้วจนรอดเหลยเทียนซินก็ยังครุ่นคิดอย่างฉงน
จากนั้นมองเซียวเฉินแล้วเอ่ยช้าๆ “องค์ชายลั่วมีฝีมือในการชี้แนะจริงๆ ถึงกับทำให้อวิ๋นถิงที่พลังฝีมือไม่ก้าวหน้ามาตลอดบรรลุสองขั้นติดต่อกัน ท่าทางชื่อเสียงของราชวงศ์แห่งแคว้นชางหวงเป็ของจริง”
เซียวเฉินฟังความหมายในวาจาของเหลยเทียนซินออก แต่เขายังยิ้มแย้มแล้วกล่าวว่า “ผู้าุโเหลยชมเกินไปแล้ว แค่เื่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึง วันหน้าพร์ของเหลยอวิ๋นถิงต้องเหนือล้ำกว่าเหลยเผิงแน่ หวังว่าตระกูลเหลยจะปฏิบัติกับเขาดีๆ ไม่เช่นนั้น หากพวกเ้าสำนึกเสียใจก็สายเกิน อย่าหาว่าข้าไม่เตือนล่ะ”
จ้อกแจ้ก!
คำพูดของเซียวเฉินทำเอาทุกคนในงานฮือฮา
มองเซียวเฉินด้วยสายตาเย้ยหยัน
เขาถึงกับนำเหลยอวิ๋นถิงมาเทียบกับเหลยเผิง? ทั้งยังบอกว่าวันหน้าพร์ของเหลยอวิ๋นถิงจะเหนือกว่าเหลยเผิง! เขากำลังล้อเล่นอยู่หรือ?
เหลยเผิงเป็ใคร?
นั่นคือผู้มีพร์อันดับหนึ่งของหมู่บ้านเหลยถิงเชียวนะ!
บุคคลขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้า วันหน้าถึงขั้นเหนือล้ำกว่าผู้าุโ แต่เขาถึงกับบอกว่าเหลยอวิ๋นถิงจะเหนือกว่าเหลยเผิง พูดจาเพ้อเจ้อ ความคิดเพ้อฝันจริงๆ
ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!
เซียวเฉินเอ่ยอย่างมั่นใจถึงเพียงนี้ ทำให้เหลยเทียนซินอดหัวเราะไม่ได้ “ข้าจะจำคำพูดขององค์ชายลั่วไว้ ข้าเห็นว่าเ้ามีความสามารถพอๆ กับเหลยเผิง แต่เ้ากลับบอกว่าวันหน้าเหลยอวิ๋นถิงจะเหนือล้ำกว่าเหลยเผิง เช่นนั้น เ้าในฐานะผู้ชี้แนะเหลยอวิ๋นถิง หมายความว่าวันหน้าเหลยอวิ๋นถิงจะเหนือกว่าเ้าใช่หรือไม่?”
“มีคำกล่าวว่าศิษย์เหนือล้ำกว่าอาจารย์มิใช่หรือ?”
เอ่ยถึงตรงนี้ เหลยเทียนซินก็หัวเราะออกมา เมื่อเหลยเทียนซินหัวเราะ ทั้งงานยิ่งหัวเราะฮาครืน
พวกเขากำลังหัวเราะว่าเซียวเฉินไม่รู้จักประมาณตน
หัวเราะว่าเซียวเฉินไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!
ทว่าเซียวเฉินยังคงเฉยชากับเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของทุกคน ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มน้อยๆ เหมือนผู้ที่ทุกคนหัวเราะไม่ใช่เขา แต่เป็คนอื่น
จากนั้น เซียวเฉินเอ่ยเรียบๆ ว่า “ผู้าุโเหลย ข้าเคยบอกเมื่อใดว่าข้ามีความสามารถเท่าเหลยเผิง? เหลยเผิงยังไม่คู่ควรที่จะนำมาเทียบกับข้า ดุจอสรพิษไม่เอ่ยถึงความสามารถ ฉันใดก็ฉันนั้น เขามีพร์ธรรมดาสามัญ ยังห่างจากข้าหนึ่งแสนแปดพันหลี่”
คำพูดของเซียวเฉินทำเอาคนทั้งงานเงียบกริบ
สีหน้าของเหลยเทียนซินแปรเปลี่ยน อึมครึมลงนิดๆ
“ตอนนี้เขามีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้าแต่อายุยี่สิบแปดปีแล้ว ส่วนข้ามีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้าด้วยอายุยังไม่ถึงสิบเก้าปี แค่พร์ของข้าก็เพียงพอที่จะสยบเขาและใครๆ ในหมู่บ้านเหลยถิงได้แล้ว หากผู้าุโไม่ยอมแพ้ก็หามาสักคนให้พวกเราประลองกัน ขอเพียงมีคนอายุสิบเก้าปีบรรลุขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้าในหมู่บ้านเหลยถิง ข้าก็กล้าสู้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้าุโเทียนซินก็หน้าแดงก่ำทันที
อายุไม่ถึงสิบเก้าปีแต่มีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้า พร์เช่นนี้เพียงพอที่จะเรียกว่ามารร้าย สงบใจครุ่นคิดดู เขาก็มิใช่คนที่เหลยเผิงจะเทียบได้ และไม่มีคนอายุสิบเก้าปีที่บรรลุขั้นเสวียนฟ้าในหมู่บ้านเหลยถิงจริงๆ แค่จุดนี้เหลยเทียนซินก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว
เหลยเทียนซินมีโทสะอัดอกทันที รู้สึกแย่อย่างยิ่ง
เซียวเฉินยิ้มและเอ่ยต่อ “อีกอย่าง เหลยเผิงยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
ความมั่นใจในวาจาของเขา ทำให้ทุกคนใสุดขีด
เหลยเผิงมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา? หรือว่าคนทั้งสองเคยประมือกัน?
แต่เหลยเผิงคือผู้มีพร์อันดับหนึ่งของหมู่บ้านเหลยถิงนะ!
“พวกเ้าเคยประมือกันหรือ?” มีคนถาม
เซียวเฉินส่ายศีรษะ “ไม่เคย”
ทุกคนหัวเราะเยาะ “ไม่เคยประมือกัน แต่กล้าบอกว่าผู้มีพร์อันดับหนึ่งของหมู่บ้านเหลยถิงเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเ้าหรือ? หน้าไม่อายจริงๆ ไม่เคยเห็นใครหน้าหนาไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน ไม่กลัวว่าจะคุยโวจนฟ้าทะลุบ้างหรือ?”
แต่ประโยคต่อมาของเซียวเฉินกลับตบหน้าพวกเขาดังฉาด
“เพราะเขาไม่กล้า”
“ไม่กี่วันก่อน เขาเชิญข้าไปงานเลี้ยง ข้ากับเหลยเยี่ยเกิดความขัดแย้งจึงต่อสู้ตัดสินกัน เหลยเยี่ยใช้แขนข้างหนึ่งของเขาเป็เดิมพัน ผลคือเขาแพ้ เขาถูกข้าตัดแขนข้างหนึ่ง เหลยเผิงแค่มองดู ไม่เคยห้ามปราม”
ทุกคนในที่นั้นใบหน้าแดงเห่อ
เหลยเทียนซินก็เช่นกัน รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองถูกตบอย่างแรงหนึ่งที เ็ปและแสบร้อน
คนในตระกูลถูกตัดแขน แต่เหลยเผิงก็ยังคงเฉยเมย ไม่ลงมือ นี่คืออะไร! กลัวผู้อื่นหรือ!
ขายหน้าหมดแล้วจริงๆ