แต่หลิวซื่อกลับตาแดงก่ำ พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “หวั่นชิว พวกเ้าสองสามีภรรยามอบเื่สำคัญเช่นนี้ให้พวกข้าดูแล แต่พวกข้ากลับทำได้ไม่ดี ป้ารู้สึกผิดกับเ้าเสียจริง พวกเ้าสร้างบ้าน ไม่ต้องให้ค่าแรงพิเศษกับลุงทงเป่าแล้ว ข้าเองไม่เอาเช่นกัน คิดเสียว่ามาช่วยเหลือกันเถิด”
“ท่านป้าพูดเช่นนี้เพราะไม่อยากมาช่วยแล้วใช่หรือไม่เ้าคะ” หลินหวั่นชิวพูดหน้าเศร้า
หลิวซื่อร้อนใจ รีบส่ายมือ “ไม่ใช่ๆ พวกข้ายินดีมาช่วย แต่แค่เกรงใจที่จะรับเงินเท่านั้น”
หลินหวั่นชิวพูดว่า “แต่ถ้าพวกท่านไม่รับค่าแรง ข้าจะกล้าขอให้พวกท่านมาช่วยได้อย่างไร!”
หวางทงเป่าหยุดหลิวซื่อที่ทำท่าจะพูดสิ่งใดต่อ เขาพูดกับหลินหวั่นชิวว่า “ภรรยาหงหย่วน อย่าไปฟังที่ป้าเ้าพูด ทำตามที่เ้าว่าเถิด”
หลินหวั่นชิวยิ้ม “ได้เ้าค่ะ พวกเราตกลงกันตามนี้ ท่านลุงรอประเดี๋ยว ข้าจะไปนำเงินมาให้”
“ผู้ใดกัน?” หลินหวั่นชิวส่งสองสามีภรรยากลับไป เจียงหงป๋อคุยกับนางว่าผู้ใดกันที่แอบปองร้ายครอบครัวพวกนาง
“คนที่พูดอย่างเปิดเผยว่าต้าเกอเ้าสมคบคิดกับโจรูเามีหลินฉิน ตอนนักการจากอำเภอมาวัดที่ให้บ้านพวกเรา สวีฝูก็เคยพูดต่อหน้านักการเช่นกัน ดังนั้น บ้านหัวหน้าหมู่บ้านกับบ้านตระกูลหลินมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเป็แน่ แต่เพียงข่าวลือไม่น่าทำให้ช่างอิฐพวกนั้นไม่มาทำงานกับพวกเรา ไม่แน่ว่าจะมีคนไปหาพวกช่างอิฐ ขู่ให้พวกเขากลัว บ้านเหล่าหลินไม่มีความสามารถเช่นนั้น แต่บ้านตระกูลสวีมี อย่าลืมว่าบ้านตระกูลสวีมีสวีเต๋อเซิ่งที่เป็มือปราบในอำเภอกับสวีเทาที่เป็มือปราบในตำบล”
ไม่มีชาวบ้านคนใดไม่กลัวมือปราบ
“สวีเต๋อเซิ่งไม่กลับหมู่บ้านมานานแล้ว ได้ยินว่าไปทำงานส่งตัวนักโทษ หรือจะเป็สวีเทา?”
(ขอแสดงความยินดี เ้าทายถูกเสียแล้ว!)
ที่หลินหวั่นชิวคิดถึงตระกูลสวีกับตระกูลหลินเพราะรู้สึกว่า หากช่างอิฐพวกนั้นไม่กล้ามาทำงานเพราะกลัวไม่ได้ค่าแรงจริงก็คุยกับพวกนางให้จ่ายค่าแรงล่วงหน้าส่วนหนึ่งก็สิ้นเื่
แต่คนเหล่านี้กลับปฏิเสธไม่ทำทันที
เื่นี้ไม่สมเหตุสมผล
เพราะในยุคโบราณ กว่าชาวบ้านจะหาเงินได้ไม่ใช่ง่ายๆ ไม่มีทางทิ้งโอกาสหาเงินเพียงเพราะได้ยินข่าวลือ
แน่นอนว่าอาจเพราะมีบางคนขี้ขลาดเช่นกัน แต่คนที่พวกนางเชิญมามีตั้งมาก ทิ้งงานกันหมดทั้งสิบยี่สิบคน หากไม่มีเลยกระไรสิแปลก
ดังนั้น เื่นี้ทำให้อดคิดไม่ได้จริงๆ
“เ้าวิเคราะห์ได้ไม่เลว!” หลินหวั่นชิวมองเจียงหงป๋อด้วยสายตาชื่นชม
แต่เจียงหงป๋อกลับดีใจไม่ออก วิเคราะห์คนที่ปองร้ายออกแล้วอย่างไร สภาพเขาตอนนี้ แค่จะไปแสดงความเห็นกับผู้อื่นยังทำไม่ได้
“เ้าไม่ต้องกังวลเื่นี้ ใต้หล้ามีผู้คนตั้งมาก จะหาคนมาทำงานไม่ได้จริงๆ หรือ?” หลินหวั่นชิวเห็นเด็กหนุ่มขมวดคิ้วแน่นเป็คนแก่ก็ปลอบใจด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องห่วง คนพวกนี้แสดงชัดเจนแล้วว่าทำกระไรพวกเราในที่แจ้งไม่ได้ ดังนั้นเลยได้แต่แอบเล่นสกปรก พวกเราน่ะ…ไม่ว่าพวกเขาจะกระทำสิ่งใดก็คิดเสียว่าดูละครแบบไม่เสียเงิน พวกเขายิ่งอยากให้เราลนลาน เราก็ยิ่งต้องสงบ ความรู้สึกที่อยากให้พวกเราตายแต่กลับต้องทนเห็นพวกเราอยู่ดีมีสุขคงทรมานไม่น้อย”
เหมือนว่าที่พี่สะใภ้พูด…จะมีเหตุผล
เจียงหงป๋อไตร่ตรองคำพูดของหลินหวั่นชิวอย่างละเอียด สุดท้ายก็ปล่อยวางเื่นี้ลง กลับไปตั้งใจอ่านหนังสือ
ตอนกลางคืน กิจการในบ่อนดีมาก กว่าเจียงหงหย่วนจะกลับมาก็เที่ยงคืนเสียแล้ว
เขาไม่อยากปลุกคนในบ้านให้ตื่น จอดรถล่อไว้นอกบ้าน ะโข้ามกำแพงเข้าไป ล้างมือล้างเท้าอย่างเงียบเชียบเสร็จก็กลับห้อง ทว่า…ประตูถูกภรรยาตัวน้อยลงกลอนจากด้านใน
จิตใจเจียงหงหย่วนห่อเหี่ยวไปชั่วครู่ ทำได้เพียงะโข้ามกำแพงกลับไปนอนในตู้รถ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินหวั่นชิวตื่นมาเห็นว่าด้านข้างไม่มีผู้ใดก็บ่นในใจ เหตุใดบุรุษผู้นี้ยังไม่กลับมาอีก?
แต่เมื่อเปิดประตูลานบ้านเห็นรถล่อผูกอยู่ด้านนอก
“หย่วนเกอ…”
เจียงหงหย่วนออกมาจากรถล่อเมื่อได้ยินเสียง เขาขี่รถล่อเข้าลานบ้าน ถอดตัวยึดออกแล้วจูงล่อไปผูกกับต้นไม้ริมกำแพง
เจียงหงป๋อรีบนำหญ้าไปให้ล่อกิน หงหนิงไปเรียนหนังสือแล้ว หน้าที่ดูแลล่อจึงกลายเป็ของเขา
ร่างกายเขาดีขึ้นทุกวัน อยากทำสิ่งใดที่พอทำได้ หรืออย่างมากก็ทำแล้วพักชั่วครู่ เขาสามารถปรับตัวให้ชินกับมันได้
หลินหวั่นชิวไม่ได้ห้ามเขา เพราะคนเราต้องขยับร่างกายและออกกำลังกายให้เหมาะสมจึงจะดี
“ท่านกลับมาเมื่อใด?” หลินหวั่นชิวถามเขา
“เพิ่งกลับมา ตอนดึกกิจการที่บ่อนจะดี กว่าพวกเราจะเลิกงานก็ใกล้เช้าแล้ว” เจียงหงหย่วนรับน้ำอุ่นที่หลินหวั่นชิวยื่นให้ พูดจบก็เงยหน้าดื่มน้ำจนหมด
“เช่นนั้นรีบอาบน้ำล้างตัวแล้วนอนพักเสียหน่อยเถิด ข้าจะเรียกท่านเมื่อทำมื้อเช้าเสร็จ” หลินหวั่นชิวรับชามเปล่าจากเขา ถูกอีกฝ่ายถือโอกาสจับมือเล็กน้อย
“ไม่ต้อง ตอนนี้หลับไม่ลง ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว เ้ารีบไปทำมาเถิด” เจียงหงหย่วนพูดจบก็นั่งลงหน้าเตา หยิบหินจุดไฟที่มุมห้องครัวมาจุดไฟ
หลินหวั่นชิวไม่โต้เถียง เห็นว่าเขาหิวก็ต้มบะหมี่
ต้มบะหมี่ไข่ใส่ผัก!
หั่นต้นหอม ตบกระเทียม สับกระเทียม…กระทะใหญ่ร้อนแล้วทอดไข่ก่อน น้ำในกระทะใบเล็กเดือดก็ใส่บะหมี่
่เวลาระหว่างรอกระทะร้อน หลินหวั่นชิวใส่เครื่องปรุงในชามสามใบ สองชามใส่น้ำมันพริก อีกชามไม่ได้ใส่ จากนั้นใส่น้ำลวกบะหมี่ลงไป กลิ่นหอมลอยโชยออกมา
นางคีบเส้นขึ้นจากกระทะ บะหมี่สามชามมีไข่ไก่ที่ทอดสวยสีทองวางโปะด้านบ้านและโรยต้นหอมกับกระเทียมสับ ผักถูกหลินหวั่นชิวลวกผ่านน้ำแล้วตักขึ้น…
เจียงหงหย่วนมองหลินหวั่นชิวยุ่งอยู่หน้าเตา ภายในใจถูกเติมเต็ม
เขาลืมไปหมดสิ้นแล้วว่าภรรยาที่หนีไปก่อนหน้านี้สองคนหน้าตาเป็อย่างไร จำได้แค่ว่าั้แ่พวกนางเข้าบ้านมาก็ไม่เคยทำกับข้าวสักครั้ง
ต่อมาอาศัยจังหวะที่เขาไปล่าสัตว์มาเอาเงินที่เขาขายสัตว์ได้หนีไป
แต่ภรรยาตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ยินดีใช้ชีวิตร่วมกับเขาจากใจจริง ไม่กลัวเขา ดูแลบ้านช่องได้เป็ระเบียบเรียบร้อย…ทั้งยังดีกับน้องชายทั้งสอง
