ยิ่งใกล้วันเกิดเว่ยอี๋เหนียง หนีเจียเอ๋อร์ก็เริ่มกลัดกลุ้ม เพราะจนถึงตอนนี้ ยังหาของขวัญที่จะมอบให้มารดามิได้เลย ตรองดูแล้ว หมู่นี้ได้ยินอีกฝ่ายบ่นว่าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ทั้งยังป่วยบ่อย ทำให้หญิงสาวนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อชาติที่แล้ว ใน่เวลานี้ ตนเคยได้ข่าวว่าเ้าเมืองฝู ได้ทำการถวายเห็ดหลินจือที่มีอายุกว่าพันปี เป็เครื่องบรรณาการแด่ฮ่องเต้
คงจะดีไม่น้อย หากนางสามารถหามันมามอบให้เว่ยอี๋เหนียงได้
เมื่อคิดเช่นนั้น จึงตัดสินใจออกเดินทาง นางจะต้องชิงตัดหน้าหามันให้เจอ ก่อนที่เ้าเมืองฝูจะค้นพบ หนีเจียเอ๋อร์จึงมุ่งหน้าไปยังูเาลั่วหยินในเมืองฝูทันที
ทั้งนายท่านสกุลหนีและเว่ยอี๋เหนียงย่อมอดเป็ห่วงนางมิได้ เพื่อความสบายใจของคนทั้งสอง หญิงสาวจึงให้โจวชิงหวาเดินทางมาเป็เพื่อน
ระหว่างทาง ชายหนุ่มถามด้วยความฉงน “เสี่ยวเอ๋อร์ เ้ารู้ได้อย่างไร ว่าบนูเาลั่วหยินมีเห็ดหลินจืออยู่?”
หนีเจียเอ๋อร์เบิกตากว้าง ก่อนตอบเสียงอ้อมแอ้ม “ข้าก็แค่เคยได้ยินชาวบ้านเล่าลือ ว่ามีคนพบเห็ดหลินจืออายุนับพันปีบนูเาแห่งนั้น เลยลองมาหาดู เผื่อจะมีโชคกับเขาบ้าง”
หญิงสาวเอ่ย พลางคิดว่า หากเล่าเื่ที่ตนย้อนเวลากลับมาในอดีตให้คนตรงหน้าฟัง อีกฝ่ายจะคิดว่านางเป็บ้าหรือไม่?
แน่นอนว่า โจวชิงหวาไม่เชื่อข้ออ้างที่ถูกหยิบยกมาเมื่อครู่ แต่ในเมื่อหญิงสาวไม่อยากบอก มีหรือที่เขาจะบังคับให้นางเอ่ยปาก
…
ูเาลั่วหยิน
เมื่อเห็นหุบเขาอันสูงใหญ่ ซึ่งเห็นเพียงยอดโผล่พ้นทะเลเมฆา ก็ทำเอาหนีเจียเอ๋อร์ต้องเบิกตากว้าง ด้วยความตกตะลึง
ทั้งสองสวมเสื้อผ้าหลายชั้น เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ลุยเข้าไปในป่าทึบกลางหุบเขาอย่างอารมณ์ดีทันที
รอบด้านเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และวัชพืชนานาพันธุ์ หนีเจียเอ๋อร์พอจะจำตำแหน่งที่พบเห็ดหลินจือได้อยู่ แต่การออกค้นหาท่ามกลางป่าใหญ่นั้น มิใช่เื่ง่ายเลย พวกเขาใช้เวลาเกือบทั้งวันเพื่อเสาะหา แต่ก็ไร้ผล
แม้จะรู้สึกท้อแท้ แต่หญิงสาวก็ยังคงพยายามกวาดตามองไปทั่วทุกตารางนิ้ว นางก้มๆ เงยๆ อย่างถ้วนถี่ เพื่อค้นหาเห็ดหลินจือ จนใบหน้าชื้นเหงื่อเริ่มแดงก่ำ
โจวชิงหวากดไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนกล่าวเสียงทุ้ม “เสี่ยวเอ๋อร์ นั่งพักสักหน่อยเถอะ”
“เช่นนั้น เ้าก็นั่งพักด้วย!” นางว่า พลางดึงแขนเสื้อของชายหนุ่ม
โจวชิงหวามองมือเรียวเล็กแล้วคลี่ยิ้ม โน้มหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมใช้ปลายนิ้วเชยคางของหญิงสาว “เ้านั่งพักตรงนี้ก่อน เดี๋ยวข้าจะไปหาทางนั้น”
หนีเจียเอ๋อร์ทำหน้ามุ่ย ขณะจ้องเขม็ง “พี่ชายที่ดี ไม่ควรแสดงกิริยาเ้าชู้เช่นนี้กับน้องสาว”
ชายหนุ่มนั่งย่องๆ ก่อนพูดทีเล่นทีจริง “เ้ากับข้า หาได้มีความสัมพันธ์ทางสายเื ดังนั้น เลิกมองข้าเป็พี่ชายได้แล้ว!”
หญิงสาวถอนหายใจ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าก็ไม่อยากจะนับถือคนกะล่อนเช่นเ้าเป็พี่หรอก แต่ทำอย่างไรได้ พวกเราต่างก็ดื่มนมจากเต้าเดียวกัน แม้มิใช่พี่น้องตามสายเื แต่ก็แน่นแฟ้นไม่แพ้กัน”
โจวชิงหวาไม่ตอบ เพียงเดินหายไปในทิศทางที่บอกก่อนหน้านี้ ส่วนหนีเจียเอ๋อร์ เมื่อคล้อยหลังอีกฝ่าย นางก็ลุกขึ้น แล้วเดินไปอีกทาง
ใช้เวลาค้นหากว่าหนึ่งชั่วยาม ในที่สุด หญิงสาวก็ทำสำเร็จ... นางพบมันแล้ว!
จึงไม่รอช้า รีบวิ่งไปยังเห็ดหลินจือพันปีทันที
อีกนิดเดียว ก็จะได้มาไว้ในแล้ว แต่ก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะััมัน หนีเจียเอ๋อร์ก็ต้องผงะ เมื่อพบว่าบริเวณที่ตนกำลังมุ่งหน้าไปนั้น เป็หน้าผาสูงชันแห่งหนึ่ง
แต่กลับผ่อนความเร็วมิได้ นางจึงหลับตาปี๋ด้วยความพรั่นพรึง
“กรี๊ด... ช่วยด้วย!”
ก่อนจะรับรู้ได้ถึงแรงโอบรัดที่รอบเอว จากนั้นก็ถูกดึงเข้าไปหาร่างของโจวชิงหวา “ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ปล่อยให้เ้าเป็อันตรายแน่”
พอเสียงคุ้นหูดังขึ้นเหนือศีรษะ ความหวาดผวาที่เกาะกินใจ พลันจางหาย
ชายหนุ่มโอบร่างอีกฝ่ายไว้แน่น แล้วพาหนีเจียเอ๋อร์กลับขึ้นไปโดยอาศัยแรงถีบ จากการะโขึ้นไปตามก้อนหินที่โผล่พ้นออกมา
ทันทีที่ขึ้นมาได้ เขาก็สำรวจตามร่างกายของหญิงสาวอีกครั้ง เมื่อแน่ใจแล้ว ว่านางมิได้รับาเ็ใดๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางคว้าร่างบางเข้ามาปลอบประโลม “ดีจริงๆ ที่เ้าปลอดภัย”
ใบหน้าของหนีเจียเอ๋อร์ปะทะเข้ากับหน้าอกแกร่ง นางจึงพูดเสียงอู้อี้ “ดูเหมือนเ้าจะกลัวกว่าข้าเสียอีก หน้าซีดเผือด ทั้งยังใจเต้นแรง ราวกับจะะเิออกมาก็ไม่ปาน”
โจวชิงหวาจิ้มนิ้วลงไปกลางหว่างคิ้วของสตรีตรงหน้า ก่อนกล่าวเสียงขรึม “ยังจะมาหยอกล้ออีก หากข้าไปช้ากว่านี้เพียงก้าวเดียวจะเกิดอะไรขึ้น? เ้าอาจตายได้เลยนะ!”
เอ่ยจบ ทั้งสองก็ก้มลงไปมองหน้าผาสูงชัน หนีเจียเอ๋อร์ลอบกลืนน้ำลายด้วยความหวาดหวั่น พลางพึมพำอย่างหวาดกลัว “ใช่! โชคดีจริงๆ ที่เ้ามาทัน หากช้ากว่านี้ ข้าคงตายเร็วกว่าชาติที่แล้วอีก”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น แล้วโน้มหน้าลงมาถามด้วยความกังขา “เมื่อครู่ เ้าว่าอะไรนะ?”
หนีเจียเอ๋อร์ตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง ก่อนสะบัดหน้า และชี้ไปยังเห็ดหลินจือที่อยู่ตรงขอบหน้าผา “นี่ก็เย็นมากแล้ว ข้าว่าเรารีบเก็บเห็ด แล้วกลับกันเถอะ!”
เมื่อได้ของที่้าแล้ว ทั้งสองก็ไม่รอช้า รีบกลับทันที แต่กว่าจะมาถึงตัวเมืองฝูก็ค่ำมืดเสียแล้ว ช่างโชคร้ายนัก เพราะนอกจากจะไม่มีข้าวให้กินแล้ว ตอนนี้ก็เหลือที่พักแค่ห้องเดียวด้วย
เสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยมที่ยืนหาวหวอดอยู่ด้านหลัง พาพวกเขาขึ้นชั้นบน ก่อนชี้ไปยังห้องด้านในสุด “เชิญลูกค้าทั้งสอง พักผ่อนตามสบาย”
โจวชิงหวาปัดฝุ่นตามร่างกายของตน แล้วเอ่ยเสียงขรึม “ช่วยจัดเตรียมอาหาร และต้มน้ำอาบให้ด้วย”
เสี่ยวเอ้อร์ยกยิ้มเจื่อนๆ ก่อนตอบว่า “นายท่าน นี่ก็ดึกมากแล้ว แม่ครัวไม่อยู่ อีกทั้งคนดูแลเตาไฟก็กลับบ้านไปแล้ว หาก้ารับประทานอาหาร เห็นทีต้องรอจนถึงพรุ่งนี้เช้าขอรับ”
โจวชิงหวาจึงหยิบตั๋วแลกเงินออกมาส่งให้ “หยุดพล่ามเสียที รับนี่ไป แล้วรีบนำอาหารมา!”
เสี่ยวเอ้อร์ตาเป็ประกาย รับตั๋วแลกเงิน ก่อนโค้งคำนับ แล้ววิ่งกลับลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว
หนีเจียเอ๋อร์มองตามหลังเสี่ยวเอ้อร์ไป ก่อนทอดถอนใจ “เงินตรา สามารถเปลี่ยนผู้คนได้จริงๆ”
โจวชิงหวาพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นจึงเป็เหตุผล ที่ข้าพยายามทำงานหาเงินอย่างหนัก”
เมื่อพูดถึงเื่เงินๆ ทองๆ หญิงสาวก็เริ่มคิดไม่ตกทันที เพราะหากจะจัดการกับกลุ่มผู้ลอบสังหารคนสกุลหนี ย่อมต้องใช้ทั้งทรัพย์สินและสติปัญญา ดังนั้น ตนก็ควรเตรียมพร้อมในเื่นี้เช่นเดียวกัน
นางลูบปลายคาง ราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง “ท่านพ่อข้ามักจะพูดเสมอ ว่าเ้าคือพ่อค้ายอดอัจฉริยะ หาเงินเข้ากระเป๋าได้ไม่เว้นแต่ละวัน แล้วตอนนี้ เ้ามีเงินมากแค่ไหนแล้ว?”
โจวชิงหวาเลิกคิ้ว โน้มตัวลงมาถามด้วยความสงสัย “ทำไมเ้าถึงสนใจใคร่รู้ เกี่ยวกับทรัพย์สินของข้าขนาดนั้น?”
หนีเจียเอ๋อร์เม้มปาก ก่อนตัดบท “หากเ้าไม่อยากพูด ก็ช่างเถอะ”
ทั้งสองหยุดการสนทนาลงทันที ที่เสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยมยกอาหารเข้ามา แม้จะเป็เพียงน้ำแกงง่ายๆ รสชาติไม่ได้ดีเลิศอันใด แต่ก็พอจะคลายหิวไปได้มากทีเดียว
ด้วยความหิว ไม่ช้าอาหารตรงหน้าก็หมดเกลี้ยง จากนั้น เสี่ยวเอ้อร์ก็เข้ามาเก็บถ้วยจานตะเกียบไป
หลังกินอาหารเสร็จ หญิงสาวจึงแช่เท้าเพื่อคลายความเมื่อยล้า
วันนี้ทั้งวัน พวกเขาเสาะหาเห็ดหลินจือไม่หยุดหย่อน ความเหนื่อยล้าจึงสะสม จนดวงตาของนางแทบจะปิดลงเสียเดี๋ยวนี้
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า จะให้พวกเขานอนด้วยกันได้อย่างไร?
อีกด้านหนึ่ง โจวชิงหวาที่เพิ่งกลับเข้ามา พบว่าหนีเจียเอ๋อร์กำลังนั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้ไม้ จึงไม่รอช้า รีบอุ้มอีกฝ่ายไปยังเตียงใหญ่
หญิงสาวที่เผลอหลับ สะดุ้งตื่นทันที “นี่เ้า... คิดจะทำอะไร?”
“อย่าดิ้น” โจวชิงหวาเอ่ย เดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงเตียงหลังใหญ่ เขาค่อยๆ วางร่างหญิงสาวลงเบาๆ ก่อนหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ “ข้าจะออกไปข้างนอก เ้าพักผ่อนเถอะ”
ได้ยินเช่นนั้น หนีเจียเอ๋อร์ก็ละอายใจเล็กน้อยที่หวาดระแวงอีกฝ่าย
พอเป่าเทียนดับ ห้องก็ตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง เมื่อพ้นกรอบประตู โจวชิงหวาก็งับประตูเบาๆ ลากเก้าอี้มาตั้งชิดวงกบ ทิ้งตัวลงนั่งกอดอก แล้วเฝ้ารอ จนกว่าคนด้านในจะหลับสนิท...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้