ผ่านไปสามวันอาการป่วยของเสิ่นเยว่ก็ดีขึ้น หลี่เซวียนหยุดงานเพื่อดูแลนางอยู่ที่จวนความสัมพันธ์ของทั้งสองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การที่เขาหยุดงานมาดูแลนาง แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่และความห่วงใยที่มีต่อนาง สิ่งนี้สร้างความประทับใจให้กับนางเป็อย่างมากและมันส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา
เสิ่นเยว่ที่อุดอู้อยู่ในห้องหลายวันวันนี้นางรู้สึกดีขึ้นมาก สีหน้าของนางก็ไม่ได้ซีดขาวเหมือนก่อนหน้านี้ นางจึงขอร้องให้หลี่เซวียนพานางออกปเดินเล่นและหลี่เซวียนก็ไม่ปฏิเสธนาง เสิ่นเยว่สังเกตว่าหลี่เซวียนใส่ใจนางมากกว่าเดิมั้แ่ที่นางเริ่มป่วย นั่นยิ่งทำให้นางรู้สึกผิดต่อเขายิ่งกว่าเดิม
“เ้ามีที่อยากไปหรือไม่หรือถ้าไม่รู้ว่าอยากไปที่ใดข้าแนะนำว่าไปเดินเล่นริมทะเลสาบว่านเหลียวก็ดี บรรยากาศร่มรื่นทั้งยังมีภัตรคารที่สร้างขึ้นริมแม่น้ำอาหารที่นั่นอร่อยใช้ได้ เ้าคิดว่าอย่างไรอยากไปที่นั่นหรือไม่”
เสิ่นเยว่ยิ้มให้เขา
“ที่นั่นก็ดี ข้าเคยได้ยินชื่อภัตรคารว่านเหลียวมานานแล้วแต่ไม่เคยไปสักครั้งพวกพี่ชายของข้าเคยเล่าให้ฟัง”
ทั้งสองคนเดินจูงมือกันขึ้นรถม้าไปอย่างอารมณ์ดี ทุกคนในจวนสกุลหลี่ต่างถอนหายใจโล่งอก ั้แ่ฮูหยินน้อยป่วยบรรยากาศที่จวนก็ดูเหมือนจะตึงเครียด วันนี้เห็นทั้งคู่เดินจูงมือกันบ่าวอย่างพวกเขาก็มีความสุข
การที่เขาพานางมาเดินเล่นที่ริมทะเลสาบสถานที่ที่ชาวเมืองนิยมไปพักผ่อนหย่อนใจ แสดงให้เห็นว่าเขา้าสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกับนางเสิ่นเยว่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
แต่แล้วบรรยากาศที่แสนมีความสุขของทั้งสองก็กลายเป็ขุ่นมัวเมื่อต้องมาเจอศัตรูในทางแคบ หลินซูเมิ่งกับเจียงหลีก็มาเดินเล่นที่นี่เหมือนกัน
สถานการณ์นี้สร้างความอึดอัดให้กับทั้งเขาและนางไม่น้อย นี่เป็เื่บังเอิญหรือจงใจเสิ่นเยว่ไม่รู้ แต่ว่านางไม่มีทางปล่อยเื่นี้ไปแน่
“ช่างบังเอิญเสียจริงท่านแม่ทัพน้อยก็มาเดินเล่นที่นี่ด้วยอย่างนั้นหรือ”
หลินซูเมิ่งะโทักหลี่เซวียนเสียงดังมาแต่ไกล นางเห็นหลี่เซวียนกับเสิ่นเยว่ั้แ่ที่ลงมาจากรถม้าแล้ว นางจึงได้รีบเดินตรงมาที่นี่เลย
“เป็เื่บังเอิญหรือไม่ไม่มีใครรู้ แต่เ้าเป็สตรีที่ยังมิได้ออกเรือนกลับระริกระรี้ ทักสามีชาวบ้านเช่นนี่มันช่าง....”
เสิ่นเยว่พูดขึ้นด้วยเสียงอันดังไม่ต่างจากเสียงที่หลินซูเมิ่งทักหลี่ เซวียน จนคนที่มาเดินเล่นที่ทะเลสาบว่านเหลียวหันมามองพวกเขาเป็ตาเดียว
“เ้าพูดอะไรไร้สาระ ข้าก็แค่ทักทายท่านแม่ทัพในฐานะคนรู้จักเท่านั้นอย่าได้พูดจาเหลวไหลจนคนอื่นเข้าใจผิด”
หลินซูเมิ่งก็ตอบกลับเสียงดังไม่แพ้เสิ่นเยว่
“อย่างนั้นหรือ สตรี่ที่เคยสารภาพรักกับสามีข้าเดินมาทักสามีข้านี่มันช่าง....เ้าจะให้ข้าคิดเป็อื่นได้อย่างไร”
เสิ่นเยว่ยังคงพูดเป็ปริศนา แล้วเื่ราวเมื่อสามปีก่อนก็ผุดขึ้นมาในหัวของทุกคนอีกครั้ง
หลินซูเมิ่งในวัยสิบสามตามติดหลี่เซวียนที่พึ่งได้รับตำแหน่งแม่ทัพน้อยในตอนนั้น นางได้สารภาพรักกับเขาท่ามกลางฝูงชนแต่ก็ถูกปฏิเสธกลับไปอย่างอ่อนโยนถือว่าฝ่ายชายยังไว้หน้านางอยู่บ้าง
หลินซูเมิ่งรู้สึกอับอายยิ่งนัก นางอยากจะฆ่าเสิ่นเยว่เสียแต่ตอนนี้
“เ้า ...นั่นเป็เื่ที่ผ่านมาหลายปี ตอนนั้นข้ายังเด็กไม่รู้ความจึงทำเื่เช่นนั้นออกไป”
เสิ่นเยว่เลิกคิ้วมองเจียงหลีที่เอาแต่เงียบอยู่เช่นเดิมปล่อยให้หลินซูเมิ่งต้องทนรับสายตาดูแคลนที่มองมาจากคนที่อยู่แถวนั้น โดยที่ไม่ช่วยนางแกไขความเข้าใจผิดดั่งเช่นที่เคยทำมาตลอด ช่างน่าแปลกใจนัก
ความจริงที่เจียงหลีมาวันนี้เพื่อที่จะมาดูหลินซูเมิ่งถูกทำให้ขายหน้าต่อหน้าหลี่เซวียน เพราะนางรู้ว่าอย่างไรหลินซูเมิ่งก็ไม่ใช่คู่มือของเสิ่นเยว่ หญิงสารเลวคนนี้ที่แย่งท่านแม่ทัพน้อยของนางไป
“คุณหนูเจียงเ้าก็เคยสารภาพรักกับสามีข้าเหมือนกันมิใช่หรือ เหตุใดถึงได้ปล่อยให้สหายร่วมทุกข์ของเ้าโดนคนอื่นรังแกเช่นนั้นเล่า”
หลินซูเมิ่งหันขวับมามองเจียงหลีทันที
“ที่นางพูดหมายความว่าอย่างไร เ้าเคยสารภาพรักกับท่านแม่ทัพน้อยเหมือนกันหรือ ทั้งที่เ้าก็รู้ว่าข้าชอบเขาแต่เ้าก็ยังทำเช่นนั้น”
หลินซูเมิ่งตวาดเจียงหลีเสียงดังเหมือนคนเสียสติ เจียงหลีมีท่าทางลนลานนางคงไม่คิดว่าเสิ่นเยว่จะรู้เื่ที่นางเคยสารภาพรักกับหลี่เซวียน ถึงนางจะรู้เื่ของหลินซูเมิ่งก็ไม่แปลกอันใดเพราะใครๆ ในเมืองหลวงต่างก็รู้กันทั้งนั้น แต่เื่ของนางเสิ่นเยว่รู้ได้อย่างไร
“ซูเมิ่งเ้าฟังข้าก่อนนี่เป็เื่เข้าใจผิด อย่าไปฟังนางข้าเป็เพื่อนสนิทของเ้าข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรนางกำลังยุให้เราสองคนทะเลาะกันนะ”
เจียงหลีรีบลนลานอธิบาย
“เ้าจะบอกว่าที่เ้าสารภาพรักกับหลี่เซวียนเป็เื่เข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ เ้าจะบอกว่าเ้าไม่เคยชอบเขาอย่างนั้นหรือ หรือว่าทั้งหมดที่เ้าเคยพูดกับหลี่เซวียนป็นเื่โกหก”
เสิ่นเยว่ชี้ไปที่หลี่เซวียน เจียงหลีมีท่าทีอึกอักเมื่อมองไปที่เขา ท่านแม่ทัพน้อยกำลังมองมาที่นางอยู่ตอนนี้ แล้วนางจะกล้าบอกว่านางไม่เคยชอบเขาได้อย่างไรเช่นนั้นเื่ที่นางสารภาพรักเมื่อหนึ่งปีก่อนก็เท่ากับนางโกหกเขา แล้วต่อไปนางจะกล้ามองหน้าเขาได้อย่างไร
“ข้า....”
หลินซูเมิ่งเห็นสหายที่ตนสนิทที่สุดมีท่าทางอึกอัก ก็รู้ว่าที่เสิ่นเยว่พูดเป็ความจริง
“เ้ากล้าทรยศข้าหรือเจียงหลีหลายปีมานี้ข้าเคยทำไม่ดีกับเ้าหรือเหตุใดเ้าถึงได้หักหลังข้า”
เจียงหลีมองหลินซูเมิ่งด้วยดวงตาแข็งกร้าว
“เ้าดีต่อข้าอย่างนั้นหรือ หลายปีมานี้ถ้าหากไม่มีข้า คนที่เอาแต่ใจนิสัยแย่อย่างเ้าจะมีใครที่อยากคบหา สำหรับข้าแล้วเ้ามันก็เป็แค่คนที่ไร้สมองดีแต่ใช้ปากโวยวาย”
หลินซูเมิ่งกับคนที่อยู่รอบๆ ต่างตะลึงกับคำพูดของเจียงหลีสตรีที่เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ เสิ่นเยว่มองนางยิ้มๆ เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ
“ก็ดี วันนี้ข้าได้เห็นธาตุแท้ของเ้าแล้วเจียงหลีเ้ากับข้าั้แ่วันนี้เรามิใช่สหายกันอีก”
พูดจบหลินซูเมิ่งก็สบัดหน้าเดินจากไปทิ้งให้เจียงหลียืนอยู่ท่าม กลายสายตาดูแคลนจากคนอื่น
หลายคนต่างรู้จักนางในฐานะคุณหนูผู้เรียบร้อยอ่อนหวาน มีคุณธรรมเห็นใครถูกรังแกชอบเข้าไปช่วยเหลือวันนี้นางได้เปิดเผยตัวตนของนางออกมาแล้ว เสิ่นเยว่ยืนกอดอกมองนางยิ้มๆ
“เป็อย่างไรเล่าความรู้สึกที่ถูกคนรอบข้างที่เคยชื่นชมเ้าประณาม เจียงหลีที่ผ่านมาที่ข้าไม่เคยตอบโต้เ้าเลยก็เพราะสำหรับข้าแล้วการกระทำของพวกเ้ามันก็เป็แค่เพียงเื่ไร้สาระ ข้าจึงไม่เคยลดตัวลงไม่เล่นเป็เพื่อนกับพวกเ้า แต่วันนี้ข้าคิดว่าอยากจะเล่นเป็เพื่อนเ้าสักหน่อยแก้เบื่อ”
เสิ่นเยว่เดินไปกระซิบข้างหูของเจียงหลี
“นางสารเลว ข้าจะฆ่าเ้า”
เจียงหลีเอี้ยวตัวไปยกมือขึ้นทำท่าจะตบเสิ่นเยว่ แต่นางถอยหลังออกจนพ้นรัศมีของมือที่วาดมา เจียงหลีที่พลาดเป้าหมายล้มลงบนพื้นอย่างอนาถ เสียงหัวเราะจากคนรอบข้างดังสนั่นหลี่เซวียนมองไปที่นางด้วยสายตาเ็า เขาเดินมาขวางหน้าเสิ่นเยว่เอาไว้
“คุณหนูเจียงครั้งนี้ข้าจะไม่ถือสา แต่ถ้าหากเ้าคิดจะทำร้าย ฮูหยินของข้าอีกละก็รับรองเื่นี้ได้ถึงหูบิดาของเ้าแน่”
หลี่เซวียนหันมาประคองเสิ่นเยว่แล้วเดินจากไป
“หลี่เซวียนเสิ่นเยว่ พวกเ้าจะต้องเสียใจที่ทำกับข้าในวันนี้”
เจียงหลีส่งสายตาอาฆาตไปที่คนทั้งสองที่เดินออกมาโดยไม่สนใจว่านางจะโกรธแค้นตนเพียงใด
“ท่านทำเช่นนี้กับนางรับรองว่านางจะต้องตามมาแก้แค้นท่านแน่ๆ”
เสิ่นเยว่พูดขึ้นหลังจากที่ทั้งสองขึ้นมาบนรถม้าแล้ว
“นางเป็เพียงสตรีในห้องหอ จะสามารถทำอันใดข้าได้”
หลี่เซวียนนั่งไขว่ห้างมีท่าทีสบายๆ
“ท่าดูถูกความเคียดแค้นของสตรีมากเกินไป ท่านทำให้นางโมโหขนาดนั้นรับรองว่านางจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ท่านตกอยู่ในสภาพเดียวกับนาง ระวังเอาไว้หน่อยก็ดี”
หลี่เซวียนมองเสิ่นเยว่ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“เ้ากำลังเป็ห่วงข้า”
เสิ่นเยว่ทำหน้าเหรอหรา
“ท่านพูดเื่อะไรใครห่วงท่านกัน ข้าแค่เป็ห่วงว่าถ้าหากท่านแม่ของท่านรู้เข้านางอาจจะไม่สบายใจ”
หลี่เซวียนย้ายมานั่งข้างเดียวกับเสิ่นเยว่
“เ้าพูดจริงหรือ”
เขากระซิบข้างหูนางพร้อมทั้งเป่าลมร้อนทำให้ขนอ่อนบนกายนางพร้อมใจกันลุกชัน
“ท่านกำลังเล่นอะไรเนี่ย ถอยออกห่างจากข้าหน่อยตอนนี้เราอยู่บนถนนนะคนอื่นเห็นเข้ามันจะไม่ดี”
หลีเซวียนหัวเราะน้อยๆ กับคำตอบที่แสนน่ารักของนาง
“ถ้าเช่นนั้นเ้าจะบอกว่าถ้าหากว่าอยู่ในห้องนอนข้าสามารถทำเช่นนี้ได้ใช่หรือไม่”
หลี่เซวียนคว้าร่างเล็กของเสิ่นเยว่ขึ้นมานั่งบนตักเขา
การสนทนาของทั้งสองคนไม่เบานัก คนขับรถม้าถึงกับหน้าแดงเมื่อได้ยินเ้านายทั้งสองคุยกัน ตอนนี้เขาอยากไปให้ถึงจวนเร็วๆ จะแย่เพราะคิดถึงภรรยาที่กำลังรอเขาอยู่