แน่นอนว่าิเป่าจูรู้เื่นี้ ไม่เพียงแต่รู้เท่านั้น นางยังทำการค้ากับจี้ซั่นถังอีกด้วย
เพียงแต่ไม่คิดว่าเื่ใหญ่ดังกล่าวจะมีความเกี่ยวข้องกับจี้ซั่นถัง
“โธ่เอ๊ย เ้าดูข้าสิ พูดไปเสียไกล” ชายสูงวัยยิ้มอย่างเก้อเขิน
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ท่านลุง ท่านพูดต่อเถอะ” ิเป่าจูยิ้มอย่างไม่ถือสา
“่ก่อนจี้ซั่นถังนำต้นเกล็ดัไปที่หอหมื่นสมบัติ ราคาเรียกเริ่มต้นห้าสิบตำลึง แต่สุดท้ายราคาปิดสูงถึงร้อยตำลึง สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งเมือง” สีหน้าและน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“หอหมื่นสมบัติเป็สถานที่แบบไหนหรือเ้าคะ” ิเป่าจูถาม
“เ้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหอหมื่นสมบัติบ้างเลยหรือ นั่นเป็หอประมูลที่ใหญ่ที่สุดในเมือง หากมีของแปลก ของล้ำค่าหายากอะไร สามารถนำไปประมูลที่นั่นได้ บางครั้งอาจได้ราคาสูงกว่าราคาซื้อขายทั่วไปในท้องตลาดไม่รู้กี่เท่าตัว”
เขากล่าวด้วยความเสียดาย หากที่บ้านของตนเองมีสมบัติล้ำค่าสืบทอดมาจากบรรพบุรุษบ้างก็คงดี จะได้นำไปประมูลขายที่หอหมื่นสมบัติได้
หากได้เงินมา จะได้ไม่ต้องตื่นเช้า ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เร่ไปทั่วเมืองทุกวัน
“ช่างดียิ่งนัก!” ิเป่าจูทำท่าทางตื่นเต้นดีใจเหมือนสาวน้อย แต่แท้จริงแล้วกลับหัวเสียแทบตาย
ที่แท้ก็ยังสามารถนำไปประมูลได้ เื่ดีๆ แบบนี้ไฉนนางไม่รู้แต่แรก!
ตั้งร้อยตำลึงเต็มๆ ราคาสูงกว่าราคาที่เถ้าแก่หวังให้ตนเองถึงห้าเท่า
ต้องโทษตนเองที่อ่อนหัดเกินไป ก็เลยเสียเปรียบโดยไม่รู้ตัว แต่จะโทษเถ้าแก่หวังไม่ได้ นางไม่มีภูมิหลังที่ดีพอ อาศัยแค่ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะได้ราคาสูงถึงเพียงนั้นหรือไม่
แต่มีของล้ำค่าในมือ ต้องกลัวไม่มีคนเสนอราคาด้วยหรือ สมุนไพรที่หลังเขาเ่าั้มีแต่ของยากจะได้พบเห็นในท้องตลาด
เห็นทีนางจะต้องพิจารณาใหม่เสียแล้ว ว่าจะทำการค้ากับจี้ซั่นถังต่อไปหรือไม่
“เฮ่อ... เงินตั้งร้อยตำลึง ข้าไม่เคยเห็นเงินมากมายเท่านี้มาก่อนเลย” ชายชรายังคงถอนหายใจ โดยไม่สังเกตเห็นว่าิเป่าจูที่อยู่หลังเกวียนกำลังนั่งกอดเข่าครุ่นคิด อีกทั้งความคิดก็เปลี่ยนกลับไปกลับมาหลายรอบแล้ว
ไม่นานนักก็มาถึงที่หมาย ิเป่าจูขอบคุณชายชรา ทั้งสองอำลากันแล้วก็ต่างคนต่างไป
หลังเดินมาสอง่ถนน ป้ายจี้ซั่นถังก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า แต่จู่ๆ ิเป่าจูก็ถูกคนผู้หนึ่งขวางทางไว้
“แม่หนู มาขายสมุนไพรรึ”
ชายสองคนยืนขวางอยู่เบื้องหน้า คนหนึ่งอยู่ทางซ้าย อีกคนอยู่ทางขวา คนที่อยู่ขวาตัวเตี้ยหน่อย ดวงตาดูฉลาดมีไหวพริบ แต่งตัวดีกว่าคนที่อยู่ทางซ้ายอยู่ไม่น้อย
“ท่านเป็ใคร ้าสิ่งใด” ิเป่าจูจับสายสะพายไหล่แน่นขึ้นอย่างระมัดระวัง ถอยหลังไปหนึ่งก้าว รักษาระยะห่างกับพวกเขาสองคน
บุรุษที่อยู่ซ้ายมือเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างไม่นำพา แล้วอธิบายให้ิเป่าจูฟังด้วยความอดทน
“อย่ากลัวไปเลยสาวน้อย พวกเรามาจากหรงฮุยถัง เถ้าแก่ของพวกเราได้ยินว่าสมุนไพรของเ้าดีมาก จึงอยากจะซื้อในราคาสูง ถ้าสะดวก พวกเราจะขอเวลาคุยสักครู่หนึ่ง”
เขามองไปที่จี้ซั่นถัง บอกเป็นัยว่าการมายืนคุยหน้าประตูร้านของผู้อื่นไม่เหมาะสม
หรงฮุยถัง นางเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เป็ร้านขายยาเหมือนกัน สามารถแสดงตัวอย่างเปิดเผยเช่นนี้ คงจะไม่ใช่พวกต้มตุ๋นหลอกลวง
ิเป่าจูขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางกำลังลังเลว่าจะทำการค้ากับจี้ซั่นถังต่อดีหรือไม่ หากมีคนเสนอราคาที่สูงกว่าก็น่าจะลองดู ดังนั้นจึงตอบตกลง
ทั้งสองเดินนำ พาิเป่าจูตรงไปด้านหน้า แต่ในที่สุดขณะเลี้ยวเข้าตรอก ิเป่าจูก็พบความผิดปกติ
ในตรอกเงียบวังเวง ผู้คนเริ่มน้อยลงไปเรื่อยๆ ร้านขายยาที่ไหนจะมาเปิดในสถานที่ไกลห่างร้างผู้คนเช่นนี้ ยังจะทำการค้าอยู่หรือไม่!
จะหันหลังกลับแล้ววิ่งก็ไม่ทันแล้ว ปากตรอกที่เข้ามามีชายกำยำล่ำสันอีกสองคนเฝ้าปากทางเข้าออกอย่างแ่า
คนที่เดินนำเข้ามาผู้นั้นจึงเผยสีหน้าร้ายกาจพร้อมกับรอยยิ้มเ้าเล่ห์เหี้ยมเกรียมย่างสามขุมเข้ามา
“พะ...พวกเ้าจะทำอะไร ข้าเป็เพียงลูกชาวนา เข้าเมืองมาค้าขาย ไม่มีเงินให้พวกเ้าหรอกนะ”
ิเป่าจูกลัวมากจริงๆ ต้องโทษในความประมาทของตนเอง จึงต้องตกหลุมพรางของผู้อื่น
“อย่างเ้าเนี่ยนะ?” นึกว่าพวกเขาตาบอดหรืออย่างไร
คนที่เป็หัวหน้ามองพิจารณาิเป่าจูั้แ่หัวจรดเท้า ความหมายก็คือเนื้อตัวโกโรโกโสอย่างนาง ต่อให้พวกเขาคิดจะปล้นก็คงไม่หมายหัวนางแน่นอน
“เช่นนั้นพวกเ้ามีเป้าหมายอะไรกันแน่” คนรอบด้านต่างหัวเราะลั่น ิเป่าจูกลับถอนหายใจอย่างโล่งอก ทว่าเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
คนเหล่านี้ดูไม่เหมือนจะมาปล้นชิงทรัพย์ แต่หากเป็พวกลักพาตัวก็ยิ่งโชคร้ายหนัก ไม่รู้ว่าจะถูกขายไปที่ใด ต่อไปจะได้กลับมาหรือไม่ ถ้าเป็อย่างนั้นเป่าอวี้จะทำเช่นไร
“เป้าหมายอะไร ถุย! เ้ามาแย่งการค้าถึงถิ่นของพวกเรา พวกเราต้องละเว้นเ้าด้วยหรือ” ชายผู้นั้นถ่มน้ำลาย พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงรุนแรง
แย่งการค้า?
“พวกเ้าก็เป็คนขายสมุนไพร!”
ต้องไม่ผิดแน่ ิเป่าจูไม่ใช่คนโง่เขลา นอกจากเข้ามาขายสมุนไพรในเมือง ก็ไม่ได้ทำการค้าอย่างอื่น
“โอ้ ยังฉลาดมากอีกด้วย เ้าเดาถูกแล้ว พวกเรารับผิดชอบจัดหาสินค้าให้จี้ซั่นถังโดยเฉพาะ”
การค้าของพวกเขาคือจัดหาสมุนไพรส่งตามร้านขายยาใหญ่ๆ ในเมือง และจี้ซั่นถังก็อยู่ในขอบเขตของพวกตน
ถึงแม้่นี้จี้ซั่นถังจะยังคงรับสินค้าจากพวกเขาตามปกติ แต่ของที่รับก็มีแต่สมุนไพรไร้ค่าธรรมดาทั่วไป
ไม่เคยซื้อของที่หายากหรือราคาแพง ส่งผลให้พวกเขาทำรายได้ได้น้อยลง จนลูกน้องต่างก็พร่ำบ่นกันถ้วนหน้า
หลังจากส่งคนไปจับตาดูเมื่อหลายวันก่อน ถึงพบว่าที่แท้ถูกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตัดหน้า
ความจริงเขาคิดจะลงมือั้แ่ครั้งก่อน แต่ตอนนั้นข้างกายนางมีบุรุษสองคนตามมาด้วย ไม่สะดวกลงมือ จึงปล่อยให้นางหนีไปได้
ไม่ง่ายเลยที่จะสบโอกาสได้พบนางอีกครั้ง และครั้งนี้จึงตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยนางไปเป็อันขาด
“เชิญเ้ามาครั้งนี้ก็เพราะ้าเตือนว่าต่อไปห้ามขายสมุนไพรให้จี้ซั่นถังอีก มิเช่นนั้นวันนี้ก็อย่าหาว่าพวกเราโหดร้ายที่ทำอะไรรุนแรง”
พวกเขาเริ่มตีกรอบล้อมิเป่าจูไว้ตรงกลาง นางตัวเล็กดูอ่อนแอน่าสงสาร แต่พวกเขาไม่ใช่คนที่จะเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
“ถ้าหากข้ารับปากว่าจะไม่ไปขายสมุนไพรอีก พวกเ้าจะปล่อยข้าไปหรือไม่” ิเป่าจูถาม
ที่แท้ก็พวกเดียวกัน มิน่าเล่า ถึงมีคำกล่าวว่าคนร่วมอาชีพก็คือศัตรู ตนเองไปแย่งการค้าจากผู้อื่น ทำให้พวกเขาทำเงินได้น้อยลง แน่นอนว่าย่อมทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
“นี่เป็เื่ที่แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราก็ชอบคุยด้วยเหตุผลมากกว่า พูดอะไรเชื่อถือได้”
แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง พวกเขาไม่เห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ไม่คิดจะให้เป็เื่ใหญ่ถึงขั้นเอาชีวิตคน มิเช่นนั้นจะได้ไม่คุ้มเสีย
“ได้ ข้ารับปาก ภายหน้าจะไม่ไปขายสมุนไพรให้จี้ซั่นถังอีก”
เดิมทียังลังเลใจอยู่ กะว่ากลับไปจะไตร่ตรองอย่างละเอียดอีกหน แต่ตอนนี้กลับสบโอกาสให้นางตัดสินใจได้ทันที
ถึงอย่างไรตนเองก็เป็สตรี มามือเปล่าไม่มีอาวุธ หากสู้กันจริงๆ ก็คงมีแต่ถูกตีเสียเปล่าๆ จึงล้มเลิกความคิดนี้ไป
คนที่เป็หัวหน้าเห็นิเป่าจูรับปากอย่างง่ายๆ ก็อึ้งงัน ถึงอย่างไรการค้าสมุนไพรก็นับว่าเป็รายได้ที่อู้ฟู่
แต่เมื่อเห็นท่าทางขลาดกลัวไม่เหมือนโกหกของอีกฝ่าย ก็คิดว่านางคงไม่มีความกล้าถึงเพียงนั้น จึงข่มขู่อีกสองสามคำก็ปล่อยคนไป
ิเป่าจูหัวใจเต้นแรง วิ่งออกไปจากตรอกอย่างรวดเร็วราวกับเหาะเหิน เพื่อป้องกันหนึ่งในหมื่นจึงใช้เส้นทางอ้อมไปอ้อมมาอยู่หลายหน กระทั่งพบว่าไม่มีใครตามมาแล้วถึงเดินไปทางจี้ซั่นถัง
ใช่ว่าคิดจะกลับคำผิดสัญญา แต่นางรับปากว่าจะไม่ทำการค้ากับจี้ซั่นถังในภายหน้า ดังนั้นครานี้จึงยังต้องขายสมุนไพรอยู่
