เพราะจุนห่าวใช้พลังิญญามากเกินไปจนร่างกายอิดโรย เขาสลบไปเป็เวลาสองวันเต็มกว่าจะฟื้นขึ้นมา ตลอดสองวันที่ผ่านมานี้ หานรุ่ยคอยเฝ้าจุนห่าวอยู่ที่ข้างเตียงตลอด และวานให้จางหนิงคอยช่วยดูแลลูก ๆ ของเขาแทน แม้หานรุ่ยจะทราบดีว่า จุนห่าวไม่ได้เป็อะไรมาก แต่เมื่อเห็นจุนห่าวนอนซมยังไม่ฟื้นอยู่บนเตียง เขาก็รู้สึกกังวลใจอยู่ดี เขาไม่รู้ว่า พลังิญญาที่ได้รับความเสียหายของจุนห่าวเป็อย่างไรบ้าง เขารู้สึกว่า ครั้งนี้เขาบุ่มบ่ามเกินไป เขาเป็คนให้จุนห่าวปล่อยพลังิญญาเข้าสู่ลูกบอลทมิฬนั่นเอง เขาไม่คิดว่า ลูกบอลจะ้าพลังิญญามากมายขนาดนั้น จนทำให้จุนห่าวต้องใช้พลังิญญาไปมากจนอิดโรย
เมื่อจุนห่าวฟื้นและลืมตาขึ้นมา ก็เห็นหานรุ่ยนั่งคิ้วขมวดอย่างตึงเครียดอยู่ข้างเตียง และกำลังจ้องมองเขาอยู่ ใบหน้าของหานรุ่ยดูซีดเซียวและเป็กังวลมาก ดวงตาของเขาแดงก่ำ เมื่อเห็นหานรุ่ยเป็เช่นนี้ จุนห่าวก็รู้สึกทุกข์ใจ เขารู้ดีว่า ครั้งนี้เขาทำให้หานรุ่ยเป็ห่วงไปเสียแล้ว
หานรุ่ยที่ดูแลจุนห่าวมาตลอดสองวัน เมื่อเห็นจุนห่าวลืมตาขึ้นมามองเขา เขาก็เอ่ยอย่างเปี่ยมสุขว่า “จุนห่าว เ้าฟื้นแล้ว!” จากนั้นจึงเอ่ยอีกครั้งอย่างตื้นตันว่า “ตอนนี้เ้ายังปวดหัวอยู่ไหม? ไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า? หากรู้สึกไม่สบายตรงไหน เ้าต้องบอกข้านะ” พอกล่าวคำเหล่านี้จบ เขาก็รู้สึกอึดอัดใจอีกครั้ง และกล่าวว่า “ครั้งนี้เ้าทำข้าใแทบแย่ ข้าไม่เคยเห็นเ้าอ่อนแอแบบนี้มาก่อนเลย”
“ข้าสบายดี ไม่ปวดหัวแล้ว ข้ารู้สึกว่า ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วย เสี่ยวรุ่ย ข้าทำให้เ้าเป็ห่วงเสียแล้ว ครั้งนี้ข้าไม่ดีเอง ที่ใช้พลังมากเกินไปจนอิดโรย” จุนห่าวลุกขึ้นเอนกายพิงหัวเตียง ตอนนั้นเขาคิดแต่เพียงว่า จะไม่ยอมแพ้และจะต้องเอาชนะลูกบอลทมิฬให้ได้
“ขอเพียงแค่เ้าไม่เป็อะไรก็พอแล้ว จากนี้ไปเวลาทำอะไร เ้าต้องทำเท่าที่ไหวนะ ความปลอดภัยเป็สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งอื่นล้วนแต่เป็สิ่งนอกกายทั้งนั้น” หานรุ่ยกล่าวกับจุนห่าว เขาชะงักไปครู่หนึ่ง และกล่าวต่ออีกครั้งว่า “เื่นี้ข้าเองก็ผิดเช่นกัน สถานการณ์เช่นนั้น ข้าไม่ควรให้เ้าปล่อยพลังิญญาเข้าสู่ลูกบอลทมิฬเลย นี่เป็ความผิดของข้าเอง”
“ไม่เกี่ยวกับเ้าเลย ต่อให้เ้าไม่บอก ข้าก็จะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเสี่ยวรุ่ย เ้าไม่ต้องโทษตัวเองเลย เป็เพราะข้าคิดเื่ลูกบอลทมิฬมากเกินไป คราวนี้เป็เพราะข้าใช้พลังจนอิดโรยเอง” จุนห่าวกล่าวกับหานรุ่ย เมื่อกล่าวจบเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง พลันเปลี่ยนเื่และเอ่ยถามว่า “แล้วลูกล่ะ? เหตุใดลูกถึงไม่อยู่ในห้อง!” จุนห่าวมองไปรอบห้อง เมื่อไม่เห็นลูก จึงเอ่ยถามขึ้นมา จุนห่าวไม่อยากเห็นใบหน้าอันเป็กังวลของหานรุ่ยอีกแล้ว เขาไม่อาจรับประกันอะไรกับหานรุ่ยได้เลย ครั้งต่อไปหากพบเื่เช่นนี้อีก เขาจะไม่เสี่ยงอันตรายอีกแล้ว เขาเชื่อว่า หานรุ่ยก็คงรู้แล้วเช่นกัน
“ข้าให้จางหนิงคอยดูแลพวกเขาน่ะ พวกเขาเป็ห่วงเ้ามากนะ หลายวันมานี้พวกเขาเชื่อฟังข้ามาก” หายรุ่ยกล่าว ลูกก็คงจะใเช่นกัน
พอได้ฟังหานรุ่ยพูดถึงจางหนิง จุนห่าวจึงเอ่ยขึ้นว่า “นี่ข้านอนไปนานเท่าไหร่ จะทำให้การเดินทางล่าช้าขึ้นใช่ไหม?”
“เ้าสลบไปสองวันเต็ม เพราะเ้ายังไม่ฟื้น เราเลยออกไปจากเมืองซวงหวาไม่ได้” หานรุ่ยกล่าว
“นี่ข้าหลับไปสองวันเลยหรือ มิน่าข้าถึงได้รู้สึกว่า หลับไปนานอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ข้าดีขึ้นแล้ว เก็บข้าวเก็บของกันเถอะ หลังมื้อเที่ยงวันนี้เราจะกลับบ้านกัน เราต้องรีบกลับให้ทันก่อนที่ฟ้าจะมืด” จุนห่าวพูดกับหานรุ่ย พลางคิดในใจ คนที่บ้านจะต้องร้อนใจเป็แน่ ดังนั้นจึงควรรีบกลับให้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันด้วย
หลังจากมื้อเที่ยง จุนห่าวเช่ารถม้าจี๋เฟิงชั้นดี เพื่อออกจากเมืองซวงหวาและเดินทางไปทางหมู่บ้านเหมยหลิน โดยที่จุนห่าวไม่รู้ตัวเลยว่า ตอนที่พวกเขากำลังเดินทางกลับ ได้มีเงาดำวิ่งตามรถม้าของพวกเขาอยู่
