ซูอี้เฉิงตั้งใจมาเอาของที่เขาฝากูเี่อันซื้อเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ ูเี่อันจึงพาเขาขึ้นไปที่ชั้นบน
“พวกน้องแยกห้องนอนกัน?” ซูอี้เฉิงถาม
“ค่ะ”ูเี่อันเคยบอกกับซูอี้เฉิงเื่นี้แล้ว แต่ก็ยังอดหน้าแดงไม่ได้
ซูอี้เฉิงยิ้มบางเขานึกว่าลู่เป๋าเหยียนจะคืบหน้าไปได้มากกว่านี้ ที่ไหนได้ยังย่ำอยู่ที่เดิม
“วันไหนย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันแล้วไม่ต้องมาบอกพี่นะ”เขาเน้นย้ำ “ตอนนี้พี่ก็ยังปวดใจไม่หายทุกครั้งที่คิดว่าน้องแต่งงานไปแล้ว”
เขากับลู่เป๋าเหยียนอายุเท่ากันพวกเขาโตกว่าูเี่อันหกปี เขายังคงจำคำที่แม่พูดไว้ได้แม่บอกเขาว่าอีกไม่นานเขาจะมีน้องชายหรือไม่ก็น้องสาวแล้ว
แน่นอนว่า่แรกๆ เขาไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไรเขาความรักของแม่คนเดียวมาโดยตลอด แน่นอนว่าคงไม่อยากให้ใครมาแย่งความรักนั้นจากเขาไป
ตอนนั้นเขาไม่อยากใหู้เี่อันเกิดมาด้วยซ้ำ
แต่แล้วเธอก็เกิดมาพร้อมกับเสียงร้องไห้จ้าแสบหูดวงตาของเธอเหมือนกับแม่ไม่มีผิด แถมยังดูสวยงามใสบริสุทธิ์กว่าด้วยซ้ำเธออมกำปั้นของตัวเองขณะมองเขา ทำหน้าเหมือนกำลังยิ้ม
ภาพนั้นทำให้ใจเขาอ่อนยวบตอนนั้นเองเขาจึงเริ่มรู้ตัวว่าตนมีหน้าที่ต้องดูแลน้องในฐานะพี่ชายและเธอก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เจี่ยนอันยิ่งโตก็ยิ่งสวยเวลาเพื่อนของเขามาที่บ้านชวนกันเตะบอลไม่ก็ว่ายน้ำด้วยกันทีไรผลสุดท้ายพวกเขากลับเข้าไปรายล้อมเจี่ยนอันกันทุกคนบางคนถึงกับเอ่ยปากเรียกเขาว่าพี่ชาย พลางบอกว่าอยากจะเป็น้องเขยของเขาเขาเลยรีบกำหมัดวิ่งไล่เพื่อนพวกนั้นกลับบ้านไปแทบไม่ทัน
ตอนนั้นเขาอายุแค่สิบห้าปีส่วนูเี่อันเพิ่งจะเก้าขวบ เด็กสาวมีใบหน้างดงามราวนางฟ้า เธอมักจะเรียกชื่อเขาเบาๆพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน เขาตัดสินใจแล้วว่าชีวิตนี้เขาจะดูแลปกป้องเจี่ยนอันให้ดีที่สุดและมีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่จะทำหน้าที่นี้ได้
ส่วนพวกที่จะมาเป็น้องเขยเขาน่ะเหรอน้องสาวที่เขารักดั่งไข่ในหินคนนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่เหมาะสมกับเธอทั้งนั้น
หลังจากผ่านพ้นวันเวลาอันโศกเศร้าของการสูญเสียแม่อันเป็ที่รักเขาก็พบว่าน้องสาวที่เขาคอยปกป้องมาโดยตลอดไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่เคยคิดเธอนั่งเฝ้าอยู่ที่หลุมศพของแม่ข้ามวันข้ามคืนและใช้วิธีนี้บอกตัวเองว่าแม่ได้จากเธอไปแล้วจริงๆ เธอโตขึ้นมากหลังจากผ่านพ้นค่ำคืนนั้นไปได้
ตอนนั้นเขากำลังเรียนอยู่ที่อเมริกายังไม่มีความสามารถมากพอจะพาน้องสาวตัวเองไปอยู่ด้วยกันหลายครั้งที่เขาคิดอยากจะลาออกเพราะเป็ห่วงว่าเจี่ยนอันจะถูกสองแม่ลูกคู่นั้นรังแกตอนอยู่บ้านเขากลัวว่าเจี่ยนอันจะดูแลตัวเองไม่ดีพอ กังวลว่าจะมีใครฉวยโอกาสนี้เข้ามาทำอะไรน้องสาวสุดที่รักของเขา
แต่เด็กสาววัยสิบห้าปีอย่างูเี่อันกลับบอกกับเขาว่า
“พี่กลับไปเถอะหนูรับปากว่าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกหนูได้หนูจะใช้ชีวิตให้เหมือนตอนที่พี่กับแม่ยังอยู่เคียงข้าง”
แววตาในตอนนั้นของเจี่ยนอันเต็มไปด้วยความเข้มแข็งแน่วแน่เกินวัย
เขาสงสัยมาโดยตลอดว่า อะไรกันที่ทำให้น้องสาวของเขายืนหยัดอดทนมาได้ถึงทุกวันนี้
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้ความลับของเจี่ยนอันจนได้
น้องสาวของเขาชอบลู่เป๋าเหยียน
เธอไม่ค่อยอ่านข่าวหรือนิตยสารสักเท่าไรแต่ถ้าวันใดสื่อพวกนั้นปรากฏชื่อของลู่เป๋าเหยียนแล้วล่ะก็เธอมักจะหยิบมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่เขาแกล้งเอ่ยถึงลู่เป๋าเหยียนั์ตาของเจี่ยนอันมักจะเปล่งประกายก่อนจะเลียบๆเคียงๆถามเขาถึงข่าวคราวของลู่เป๋าเหยียนด้วยสีหน้าท่าทางที่แเี
ตอนนั้นเองเขาถึงรู้ว่าน้องสาวตัวน้อยของเขาโตเป็ผู้ใหญ่แล้วเธอสามารถถือมีดผ่าตัดเผชิญหน้ากับศพเย็นๆ ได้ แถมยังมีคนที่ชอบแล้วอีกด้วยในที่สุดเขาก็เริ่มเข้าใจว่าตนคงไม่สามารถเหนี่ยวรั้งน้องสาวเอาไว้ข้างกายไปได้ตลอดคงมีสักวันที่น้องสาวคนนี้จะต้องอยู่ในอ้อมกอดของชายคนอื่น
แต่ยังโชคดีที่คนคนนั้นคือลู่เป๋าเหยียน
ด้วยเหตุนี้ก่อนที่ลู่เป๋าเหยียนและเจี่ยนอันจะมีใครเขากับถังอวี้หลันจึงวางแผนให้พวกเขาแต่งงานกัน
ส่วนเื่ความรู้สึกของทั้งสองคนเขามั่นใจว่าสักวันระหว่างูเี่อันกับลู่เป๋าเหยียนจะก่อเกิดสิ่งที่เรียกว่าความรักได้
ูเี่อันจัดการเอาของใช้ของซูอี้เฉิงแยกเป็สองถุง
“ปวดใจอะไรกันหนูไม่ได้แต่งงานไปไหนไกลสักหน่อย พี่คิดถึงหนูเมื่อไรก็มาหาได้เสมอนี่คะ”
“น้องไม่เข้าใจพี่เห็นน้องั้แ่เกิด เฝ้ามองน้องค่อยๆ เติบโตเป็ผู้ใหญ่แต่พี่ไม่เคยนึกเลยว่าน้องจะกลายเป็สาวเต็มตัวพอที่จะแต่งงานได้แล้ว จู่ๆ น้องก็กลายเป็ของคนอื่นแบบนี้เป็คณนายลู่ของทุกคนไปซะแล้ว” ซูอี้เฉิงถอนหายใจ“พี่รู้สึกเหมือนลู่เป๋าเหยียนมาเฉือนเนื้อของพี่ไปไม่มีผิดพี่ไม่เคยถูกใครเอาเปรียบมาก่อนในโลกธุรกิจ แต่คราวนี้พี่ขาดทุนเต็มๆ”
ูเี่อันยิ้ม“อีกหน่อยจะเป็ยังไงก็ยังไม่แน่ บางที...”
ซูอี้เฉิงรู้ดีว่าน้องสาวจะพูดอะไรจึงรีบขัด
“เจี่ยนอันอย่ามองโลกในแง่ร้ายั้แ่แรกสิ บางที...ถ้าน้องกล้ามากกว่านี้พี่เชื่อว่าถ้าน้องเริ่มเข้าหาลู่เป๋าเหยียนก่อนบ้างจะต้องได้ผลแน่”
ูเี่อันโต้กลับพี่ชายสีหน้านิ่ง
“พี่คะ ในโลกนี้มีพี่นี่แหละที่ต่อให้เข้าหาก่อนยังไงก็ไม่ได้ผล”
ลั่วเสี่ยวซีเข้าหาพี่ชายเธอก่อนมาตลอดสิบปีที่ผ่านมาแต่ก็ไม่เห็นได้ผลตรงไหน
ซูอี้เฉิงได้ยินดังนั้นจึงรีบจบหัวข้อสนทนานี้อย่างรวดเร็วเขาเผลอไปเห็นกล่องเนกไทที่วางอยู่บนเตียงของน้องสาวจึงยื่นมือไปหยิบ
“อันนี้ก็ของพี่งั้นเหรอ”
เขายังไม่ทันมองเนกไทในกล่องูเี่อันก็ดึงกลับไป
“ไม่ใช่...มัน...”
“ซื้อให้เป๋าเหยียนล่ะสิ”ซูอี้เฉิงหิ้วถุงขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจยาวและเดินลงไปที่ชั้นล่าง
ูเี่อันวิ่งตามไป“พี่จะกลับแล้วเหรอคะ”
“ตอนที่พี่มาพี่เห็นพวกลุงสวีนั่งคุยกันอยู่ข้างนอกดูแวบเดียวก็รู้ว่าพวกเขาไม่อยากเข้ามารบกวนน้องกับเป๋าเหยียน” ซูอี้เฉิงอธิบาย“พี่เองก็ไม่อยากกลายเป็ กขค”
ูเี่อันทำหน้าไม่ถูก“ยังเช้าอยู่เลย พี่กลับไปคงเบื่อแย่ ไปกินข้าวกับเสี่ยวซีก่อนดีไหม”
พูดจบไม่ทันไรูเี่อันก็แย้งความคิดของตัวเองทันที
“แต่ว่าวันนี้เธอกำลังเทรนอยู่เห็นว่ากว่าจะเลิกก็คงสี่ทุ่ม ดูท่าต่อให้เป็พี่ก็คงนัดเธอได้ยาก”
“วันนี้ไม่ใช่วันหยุดเหรอ”ซูอี้เฉิงถาม
“ลู่เป๋าเหยียนบอกว่าจะให้เธอเข้าวงการเร็วกว่ากำหนดเสี่ยวซีเองก็รับข้อเสนอเลยต้องฝึกเข้มกว่าเดิม แม้แต่วันหยุดก็ไม่ได้พักค่ะ”ูเี่อันตอบพลางสำรวจสีหน้าของคนเป็พี่ ว่าพอจะหลุดแววตาเห็นอกเห็นใจออกมาบ้างหรือไม่
แต่มันไม่มีสักนิด
ซูอี้เฉิงขึ้นรถก่อนจะโยนถุงของใช้ไว้ตรงที่นั่งด้านหลัง
“เธอเป็คนเลือกเองไม่เกี่ยวกับพี่ พี่กลับก่อนนะ”
ูเี่อันโบกมือลาพี่ชายก่อนจะยืนส่งเขาจนลับสายตา
รถปอร์เช่สีขาวเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านก่อนจะขึ้นทางด่วนไป
ูเี่อันพูดถูกแล้วตอนนี้ซูอี้เฉิงพบว่าตัวเองนอกจากจะเบื่อแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดีอีกด้วย
ที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่มีที่ไปที่ผับหลายแห่งคงมีเพื่อนเขาอยู่เหมือนกัน ในมือถือของเขาก็มีเบอร์สาวๆ มากมายที่จะนัดเดทเมื่อไรก็ได้
แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะขับรถไปบริษัท
สถานที่แห่งแสงสีแบบนั้นมีไว้สำหรับผลาญชีวิตตัวเองไปวันๆเขาไม่อยากไปที่แบบนั้น ส่วนนัดเดทงั้นเหรอ...ตอนนี้เขายังไม่อยากนัดใคร
ว่าแล้วเขาจึงปิดมือถือก่อนจะจอดรถไว้หน้าบริษัท
เมื่อรปภ.เห็นเขาก็ทักอย่างแปลกใจ
“สวีสดีครับผอ.ซู”
เขาพยักหน้าตอบรับก่อนจะเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวตรงไปยังห้องทำงาน
ในวันหยุดแบบนี้ห้องของเลขาและออฟฟิศของผู้ช่วยมืดสนิทเขาเปิดประตูห้องทำงานของตัวเอง สิ่งที่ต้อนรับเขาอยู่คือห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงไฟจากวิวภายนอกในยามค่ำคืนเท่านั้น
เขาตั้งใจไม่เปิดไฟก่อนจะอาศัยแสงสว่างจากตึกอาคารภายนอกเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน พลางจุดบุหรี่ในมืออย่างคล่องแคล่วก่อนจะพ่นควันของมันให้ล่องลอยไปพร้อมกับภาพตรงหน้า จู่ๆ เขาก็นึกอิจฉาลู่เป๋าเหยียนขึ้นมา
เดิมทีลู่เป๋าเหยียนก็เหมือนกับเขาไม่มีผิดวันๆ เอาแต่ทำงาน ชีวิตมีแค่บ้านกับที่ทำงาน บางครั้งอาจจะออกงานสังคมบ้างไปออกกำลังกายบ้าง ไม่เคยได้ใช้ชีวิตในวันหยุดจริงๆ จังๆ
แต่เขาได้ยินมาว่าั้แ่ลู่เป๋าเหยียนแต่งงานก็ทำโอทีน้อยลง วันหยุดก็ไม่ไปบริษัทอีก
อย่างว่าที่บ้านมีภรรยาแสนสวยรออยู่แบบนั้น ใครกันจะมานั่งจ้องหน้าคอมพิวเตอร์กับเอกสารอยู่ที่ทำงานในวันหยุดกัน
ซูอี้เฉิงดับบุหรี่ก่อนจะกดสวิตช์ไฟแสงสว่างเข้าปกคลุมไปทั่วห้องในทันที เขาเปิดคอมพิวเตอร์และเอกสารตรงหน้าก่อนจะเริ่มลงมือทำงานเหมือนทุกๆ วัน
ตอนทำงานเวลามักจะผ่านไปไวเสมอแค่ชั่วพริบตาก็สี่ทุ่มแล้ว
เมื่อก่อนูเี่อันมักจะดุเขาเื่สูบบุหรี่แต่่นี้มักจะบ่นเขาเื่การพักผ่อนน้องสาวของเขาชอบกำชับไม่ให้เขานอนดึกเกินไปทำให้เขาติดนิสัยนอนเร็วตื่นเร็วไปแล้ว นี่ก็ดึกแล้วเขาจึงปิดคอมเตรียมตัวกลับบ้าน
ทว่าเขาขับรถไปขับรถมาดันผ่านมาหน้าประตู Lu Media ซะได้ ทั้งๆ ที่เขาสามารถตรงไปยังอพาร์ทเมนต์ของตัวเองได้แท้ๆแล้วอ้อมมาที่นี่ทำไม?
ขณะที่เขากำลังบ่นกับตัวเองทันใดนั้นก็เห็นเงาอันคุ้นเคยของใครบางคนกำลังเดินออกจากประตูของ Lu Media
ลั่วเสี่ยวซี
เธอสวมชุดกระโปรงสั้นสีฟ้าที่อวดเรียวขางามใบหน้าไม่ได้แต่งเติมใดๆ แต่ก็ยังดูสวยยั่วเย้าใจคนไม่มีเปลี่ยน
วันนี้เธอไม่ได้ขับรถมาจึงโบกมือเรียกแท็กซี่และขึ้นไปนั่งบนนั้น
ยัยนี่โง่หรือไง? ซูอี้เฉิงคิดอยากจะลงไปลากลั่วเสี่ยวซีให้ออกจากรถแท็กซี่ดึกขนาดนี้แล้วยังจะกล้านั่งแท็กซี่ทั้งๆ ที่อยู่ในชุดแบบนั้นอีก
เขาสตาร์ทรถในทันทีถ้าพูดกันตามจริงก็ไม่นับว่าเขาขับรถตามแท็กซี่ของลั่วเสี่ยวซีเพราะตอนนี้เธอพักอยู่ที่บ้านซึ่งเป็ทางเดียวกันหากเขา้ากลับไปที่บ้านในเขตชานเมือง
หลังรถลงจากทางด่วนถนนหนทางก็เริ่มแคบลง ซูอี้เฉิงขับรถตามหลังแท็กซี่คันนั้นอยู่ตลอดถ้าขับต่อไปอีกสักห้านาที รถแท็กซี่ก็คงเลี้ยวไปอีกทาง
แต่เขาไม่นึกเลยว่ารถแท็กซี่สีเขียวคันนั้นจะเลี้ยวเข้าไปในถนนเล็กๆ เส้นหนึ่ง
ถนนเส้นนั้นคือทางขึ้นูเาอย่าว่าแต่คนเดินสัญจรไปมาเลย รถสักคันยังแทบไม่มี เพราะมันเป็ทางขึ้นูเาที่แสนแห้งแล้งลั่วเสี่ยวซีบ้าหรือเปล่า?
ซูอี้เฉิงไม่คิดต่อให้มากความเขาขับรถตามแท็กซี่ไปด้วยสายตาที่เริ่มเย็นเยียบขึ้นทุกทีๆ...
ทั้งที่ความจริงลั่วเสี่ยวซีไม่ได้รู้เื่อะไรเลย
วันนี้หกโมงเช้าเธอก็ถูกเทรนเนอร์โทรมาปลุกเขาบอกให้เธอไปที่บริษัทก่อนเจ็ดโมงครึ่งเธอจึงรีบลุกขึ้นมากินข้าวเช้าก่อนจะบอกให้คนขับรถไปส่งเธอเธอจะได้นอนพักระหว่างทางเพื่อเตรียมรับมือกับการฝึกหนักที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
สองชั่วโมงกับการออกกำลังกายต่อด้วยฝึกเดินแบบอีกครั้งวัน ตามด้วยอบรมความรู้เื่เวทีต่างๆกว่าจะเสร็จิญญาเธอก็เหมือนออกจากร่างไปแล้ว เธอเหนื่อยจนเหมือนจะลอยได้หลังบอกที่อยู่กับคนขับแท็กซี่เรียบร้อย เธอก็ปิดตาลงและหลับไปในทันที
เธอหลับสนิทโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคนขับรถแท็กซี่กำลังลอบมองเธอผ่านกระจกหลังสีหน้าและแววตาของเขาเต็มไปด้วยหื่นกระหาย
เพราะฉะนั้นเธอยิ่งไม่มีทางรู้เลยว่าคนขับแท็กซี่กำลังขับรถพาเธอขึ้นเขา
ที่เธอตื่นขึ้นมาเพราะร่างกายรู้สึกถึงััแปลกๆ บางอย่าง
มีอะไรบางอย่างกำลังััใบหน้าของเธอตามมาด้วยลมหายใจอุ่นร้อนที่อยู่ตรงซอกคอ กลิ่นเหงื่อของใครบางคนลอยเข้าจมูก
เธอเริ่มรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้นสมองเหมือนโดนฟ้าผ่า เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาไม่รู้ว่าคนขับแท็กซี่ตัวอ้วนคนนี้คร่อมทับร่างของเธอั้แ่เมื่อไรขณะนี้มือของเขากำลังรูดซิปกระโปรงของเธอ
“กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวดังขึ้นท่ามกลางความมืดบนทางขึ้นเขาอันไร้ผู้คนูเี่อันลองผลักชายตรงหน้า แต่เพราะเขาตัวหนักเกินไปทำอย่างไรก็ไม่ขยับสักนิด
จบกัน วันนี้เธอตายแน่ๆ
