พื้นที่บริเวณรอบตัวบ้านของเยี่ยจิงหลินนั้นกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยความสงบเงียบ ท่ามกลางธรรมชาติที่เปี่ยมไปด้วยความสวยงาม สวนสมุนไพรของนางเป็หนึ่งในแหล่งที่น่าหลงใหล ด้วยความหลากหลายของพืชสมุนไพรที่ปลูกอยู่ภายในนั้น บางต้นมีสรรพคุณทางยาที่มีประโยชน์มากมายต่อการรักษาโรค บางต้นก็เต็มไปด้วยพิษร้ายแรงที่สามารถทำลายชีวิตได้ในชั่วข้ามคืน
สวนสมุนไพรนี้มีการจัดเรียงต้นไม้และพืชพรรณอย่างลงตัว ราวกับเป็สถานที่ที่เต็มไปด้วยความงามลับลวง ต้นไม้ที่ปลูกในสวนของนางบางชนิดมีสีสันสดใสและกลิ่นหอมหวาน บางต้นก็มีใบที่เขียวชอุ่มและดอกที่บานสะพรั่งท่ามกลางแสงแดด แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้จักดี ก็อาจหลงคิดว่าเป็เพียงสวนที่เต็มไปด้วยความงดงามธรรมดา
อย่างไรก็ตาม ในความสวยงามนั้นก็มีสิ่งที่อันตรายซ่อนอยู่ ภายในสวนนี้มีพืชหลายชนิดที่มีพิษร้ายแรงซ่อนอยู่ เช่น เถาวัลย์ที่ดูเหมือนจะอ่อนโยน แต่หากััก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้ หรือดอกไม้บางชนิดที่ดูสวยงามแต่เป็พิษต่อร่างกายมนุษย์ หากรับประทานเข้าไปก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
แม้สวนสมุนไพรของเยี่ยจิงหลินจะเต็มไปด้วยความงดงามและเงียบสงบ แต่ก็แฝงไปด้วยความอันตรายที่รอคอยการค้นพบจากผู้ที่ไม่ระวัง และทุกสิ่งในที่นี้ล้วนถูกควบคุมและดูแลโดยนางอย่างระมัดระวังอย่างที่สุด
เยี่ยจิงหลินเองรู้ดีถึงความอันตรายที่ซ่อนอยู่ในสวนของตน ทุกสิ่งที่นางปลูกมีความหมายและจุดประสงค์เฉพาะตัว บางครั้งนางอาจใช้พืชบางชนิดในการรักษา แต่บางครั้งก็ใช้มันเพื่อปกป้องตัวเองจากผู้ที่เข้ามารุกราน
ั้แ่ที่เธอและแม่ย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านไท่ผิงชุนแห่งนี้ ชีวิตของคนทั้งสองก็เต็มไปด้วยความสุขและความสงบสุขอย่างแท้จริง ความอบอุ่นและความเมตตาของผู้คนในหมู่บ้านทำให้ทุกวันเป็วันแห่งความสุขที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หมู่บ้านไท่ผิงชุนเป็สถานที่ที่มีความเงียบสงบและอบอุ่น แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม พื้นที่ที่เต็มไปด้วยทุ่งนาเขียวขจีและต้นไม้ที่ร่มรื่น ทำให้เหมือนกับว่าโลกภายนอกไม่มีความวุ่นวายหรือความเครียดมารบกวน
ถึงแม้ว่าชีวิตในหมู่บ้านไท่ผิงชุนจะเต็มไปด้วยความสงบและความสุข แต่ภายในจิตใจของเธอยังคงไม่เคยประมาทแม้แต่น้อย ทุกๆ วันเธอยังคงฝึกฝนและพัฒนาทักษะในการป้องกันตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะเธอรู้ดีว่าความสงบสุขที่เธอกำลังััอยู่ในตอนนี้อาจจะไม่ยั่งยืนตลอดไป โลกภายนอกเต็มไปด้วยอันตรายที่อาจเข้ามาทำลายได้ทุกเมื่อ การที่เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่เตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
การฝึกซ้อมของเธอไม่เพียงแค่การฝึกทักษะการต่อสู้พื้นฐานเท่านั้น แต่เธอยังทุ่มเทในการฝึกฝนทักษะลับๆ ที่ได้เรียนรู้จาก่ชีวิตที่แล้ว ในอดีต เธอเคยเป็นักฆ่าผู้มีทักษะลอบสังหารที่ยอดเยี่ยม ทักษะเหล่านี้ไม่สามารถลืมไปได้แม้จะผ่านมานานแล้ว การฝึกซ้อมให้เป็หนึ่งเดียวกับปราน จึงเป็สิ่งที่เธอให้ความสำคัญในตอนนี้
การใช้ปรานที่เธอเรียนรู้จากชีวิตในปัจจุบันเป็สิ่งที่สำคัญไม่น้อย หากสามารถผสมผสานการใช้ปรานเข้ากับทักษะการลอบสังหารได้ ก็จะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น ปรานไม่เพียงแต่เป็พลังที่ช่วยรักษาชีวิตให้มีความยืนยาว แต่ยังสามารถใช้เป็เครื่องมือในการเพิ่มพลังการโจมตีและการป้องกันตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การฝึกฝนนี้ไม่ใช่เื่ง่าย แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ เมื่อใดก็ตามที่เธอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเหนื่อยหรือล้าจากการฝึกซ้อม เธอก็จะคอยเตือนตัวเองถึงเหตุผลที่เธอต้องฝึกฝน นั่นคือการเตรียมตัวให้พร้อมในวันที่ต้องเผชิญกับอันตรายที่อาจมาถึง
ณ จวนของท่านแม่ทัพซุนเทา
สถานการณ์ในจวนของท่านแม่ทัพซุนเทาในเวลานี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด หลังจากที่การขโมยทรัพย์สมบัติของตระกูลยังไม่ถูกคลี่คลาย ชื่อเสียงและเกียรติยศของตระกูลเริ่มจะถูกตั้งคำถาม และการหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุยังคงเป็เื่ที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ความตึงเครียดในตระกูลซุนยังไม่ลดลง
ที่ส่วนหลังของจวน ท่ามกลางความมืดที่แฝงไปด้วยความเงียบสงบ อยู่เรือนของฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวิน ซึ่งเป็ผู้ที่มีอำนาจภายในจวน แม้ว่าเวลานี้เธอจะอยู่ในความสงบ แต่ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความโกรธที่ไม่มีที่สิ้นสุด ภาพของสองแม่ลูกที่ออกจากตระกูลไปแล้ว ยังคงเป็ความแค้นที่ฝังลึกอยู่ในใจของนาง
ฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวินยืนนิ่งอยู่ในห้อง ท่ามกลางทหารฝีมือดีนับสิบที่ยืนอยู่ตรงหน้าท่านอย่างมีระเบียบ ด้วยท่าทีที่เยือกเย็น นางออกคำสั่งด้วยเสียงที่หนักแน่นแต่เต็มไปด้วยความเ็า
"พวกเ้าจงไปดับลมหายใจของสองแม่ลูกนั่นซะ ถ้าพวกนางยังไม่ตาย จิตใจของข้านั้นคงไม่สงบ" คำสั่งของนางแฝงไปด้วยความเด็ดขาดและเยือกเย็น จนเหล่าทหารที่ยืนอยู่ตรงหน้าหมดสิ้นความลังเล ทุกคำพูดของนางเหมือนคำพิพากษาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ถึงแม้ว่าสองแม่ลูกนั้นจะตัดสินใจออกจากตระกูลไปแล้ว แต่สำหรับฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวิน ผู้ที่เป็มารในหัวใจของนางนั้นไม่อาจได้รับการยกเว้น หากปล่อยไว้ก็อาจจะเป็ภัยในอนาคต ภาพของทั้งสองแม่ลูกที่ออกจากตระกูลไปแล้ว จึงกลายเป็ความแค้นที่ไม่สามารถลบเลือนจากใจของนางได้
เหล่าทหารฝีมือดีที่ได้รับคำสั่งต่างรู้หน้าที่ของตนดี พวกเขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้มิดชิด หลีกเลี่ยงการถูกจับตามองจากผู้คนภายนอก จากนั้นก็เริ่มออกไปตามล่าตามคำสั่งของฮูหยินใหญ่ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะไม่ปล่อยให้เป้าหมายหลุดรอดไปแม้แต่คนเดียว
เยี่ยจิงหลินนั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าในขณะที่เธอกำลังใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในหมู่บ้านไท่ผิงชุน ภายใต้ความสงบของวันเวลา มีภัยอันตรายที่กำลังเข้ามาใกล้ตัวเธอและแม่ของเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เหล่าทหารชั้นยอดที่ถูกส่งตรงมาจากจวนของท่านแม่ทัพซุนเทาไม่ใช่เพียงแค่ทหารทั่วไป พวกเขาถูกส่งมาโดยมีภารกิจที่เฉพาะเจาะจง นั่นคือการกำจัดสองแม่ลูกให้สิ้นซาก
ความอิจฉาริษยาของสตรีนั้นเป็สิ่งที่น่ากลัวและยากจะคาดเดา เมื่อฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวิน รู้สึกถึงการคุกคามจากเยี่ยจิงหลินและแม่ของเธอ นางไม่อาจทนให้ใครมาท้าทายอำนาจของตนได้ แม้ว่าทั้งสองจะออกจากตระกูลไปแล้ว แต่ในใจของฮูหยินใหญ่นั้น ความแค้นและความริษยาที่สะสมอยู่ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆ การที่ทั้งสองแม่ลูกสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุข กลับกลายเป็สิ่งที่ทำให้ความโกรธของฮูหยินใหญ่ทวีคูณ
สำหรับนางแล้ว เยี่ยจิงหลินและแม่ไม่ต่างจากภัยคุกคามที่ต้องกำจัดออกไป เพื่อให้จิตใจของตนสงบ และไม่ให้ความคาดหวังหรือความสงบในชีวิตนั้นถูกทำลายลง เพราะไม่มีใครสามารถรู้ใจนางได้ ไม่มีใครเข้าใจว่าความแค้นนั้นลึกซึ้งและเ็ปแค่ไหน การที่เยี่ยจิงหลินและแม่สามารถหนีจากเงื้อมมือของตระกูลซุนได้ กลับกลายเป็การกระทำที่ท้าทายตัวตนของฮูหยินใหญ่
แต่สิ่งที่ฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวิน ไม่เคยคาดคิดก็คือ เยี่ยจิงหลินนั้นไม่ใช่เด็กสาวที่อ่อนแอและจะสามารถถูกรังแกโดยง่ายเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว แม้ในตอนนี้เธอจะดูเหมือนสาวน้อยที่อ่อนโยนและไร้พิษภัย แต่ในความเป็จริงแล้วเยี่ยจิงหลินได้ผ่านการฝึกฝนและประสบการณ์ในอดีตที่ทำให้เธอกลายเป็คนที่แข็งแกร่งและสามารถรับมือกับอันตรายได้อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้