บทที่ 89 งานเลี้ยงรุ่น
ซูเหยียนนั่งอยู่ตรงตำแหน่งข้างคนขับ ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ประโยคนี้ล้วนใช้ได้กับคนทุกคน
ตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ซูเหยียนมักจะแต่งตัวเรียบง่าย
แต่งานเลี้ยงรุ่นในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะตั้งใจแต่งตัวมากเป็พิเศษ แถมยังแต่งหน้าอ่อนๆ ด้วย
ในตอนนี้เทพธิดาก็ได้เลื่อนขั้นเป็นางฟ้าไปแล้ว
ความจริงแล้วที่เธอแต่งหน้านั้นไม่ใช่เพราะต้องมางานเลี้ยงรุ่น แต่เพื่อเย่จื่อเฉิน
ผู้หญิงจะตั้งใจแต่งหน้าแต่งตาเพื่อคนที่ตัวเองรัก
เธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงรุ่นในครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ เธอแค่อยากให้เย่จื่อเฉินสนใจแค่ตัวเองก็เท่านั้น
โชคดีมาก ที่ความคิดของเธอเป็จริง
ั้แ่วินาทีที่ซูเหยียนเรียกเย่จื่อเฉินสายตาของเย่จื่อเฉินก็หยุดอยู่ที่เธอตลอดเวลา
ซูเหยียนรู้สึกเป็สุขอยู่ในใจ เมื่อได้รับสายตาจดจ้องจากผู้ชายข้างกาย
“ปู่ฉันคุยอะไรกับนายเหรอ เห็นั้แ่เข้าบ้านมาก็คุยกันอยู่สองคน”
ซูเหยียนจัดทรงผม เย่จื่อเฉินแอบกลืนน้ำลายลงคอ แล้วพูดกลั้วหัวเราะ
“ยังจะมีอะไรให้คุยอีกล่ะ ก็บอกว่าอยากจะกอดหลานชายแล้วน่ะสิ ปู่เธอคงอยากจะให้ฉันรีบกินเธอเร็วๆ หรือเปล่าเนี่ย”
“บ้า ปู่ไม่มีทางพูดแบบนั้นหรอก” ซูเหยียนแหวใส่เสียงแ่เบา
“เธอไม่เชื่อเหรอ คุณซูเป็คนยังไง หลานสาวแท้ๆ อย่างเธอน่าจะรู้จักดีกว่าฉันอยู่แล้วนะ” เย่จื่อเฉินยิ้มล้อเลียน
“ไม่สนใจนายแล้ว”
ซูเหยียนหน้าแดงพร้อมกับก้มลงจัดชายกระโปรงตัวเองไม่หยุด
ถ้าให้พูดตามที่เธอรู้จักนิสัยของปู่ชรา มันก็มีความเป็ไปได้ที่เขาจะพูดแบบนั้นออกมาจริงๆ
หรือว่าปู่จะพูดแบบนั้นกับเย่จื่อเฉินจริงๆ
ถ้าอย่างนั้น…
ซูเหยียนรู้สึกเขินขึ้นมาทันที
สถานที่จัดงานเลี้ยงรุ่นที่ซูเหยียนไปคือสโมสรธุรกิจหรูแห่งหนึ่ง ได้ยินว่าคุณชายไป๋อะไรนั่นได้เหมาสถานที่นี้เอาไว้
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วขึ้นมองรถที่จอดอยู่ข้างนอก
ทั้งออดี้ทั้งบีเอ็มจอดเรียงอยู่หลายคัน แม้แต่เฟอรารี่ก็ยังมี
ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะมีเงินกันขนาดนี้
ประโยคนี้เย่จื่อเฉินไม่ได้พูดเสียดสี แต่มันออกมาจากใจจริง
เพิ่งจะขึ้นมหาวิทยาลัยก็มีรถออดี้หรือบีเอ็มขับแล้ว สุดยอดไปเลย
เมื่อหาที่จอดรถได้แล้ว เย่จื่อเฉินถึงได้เห็นว่ารถของเขามันสะดุดตาจริงๆ
แอบคิดอยู่ในใจว่าไม่น่าฟังคำพูดของเซียวไห่เลย เท้าเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่ประตูฝั่งของซูเหยียน ก่อนจะเปิดประตูให้
“เชิญครับ เ้าหญิงของผม”
ตอนนี้ในสโมสรมีคนอยู่เยอะแล้ว งานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้คล้ายกับงานเลี้ยงในโรงแรม ทุกคนต่างมีไวน์แดงหรือไม่ก็แชมเปญอยู่ในมือ อีกทั้งยังไม่รู้ว่าพูดคุยหัวข้ออะไรกันอยู่ในวงสนทนา
ในกลุ่มคนพวกนี้ก็มีหลายคนที่ควงแฟนหนุ่มหรือแฟนสาวมาด้วย ในบรรดาแฟนสาวเหล่านี้ล้วนหน้าตาโดดเด่นสะดุดตากันทั้งนั้น
แต่เพียงแค่ซูเหยียนปรากฏตัว คนในงานก็หมองลงไปทันที
ผู้ชายในงานต่างมองซูเหยียนด้วยความตะลึงจนเสียอาการ ทำเอาผู้หญิงข้างกายขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ
เธอเพิ่งมา ก็แย่งเอาสายตาที่จดจ้องพวกเธออยู่ไปทันที
“อ๊ะ! ซูเหยียนมาแล้ว”
ตรงกลางของห้องโถงเป็ทางเดินเล็กอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ไม่นานผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งก็ดึงมือผู้ชายที่ดูซื่อๆ วิ่งมาทางเย่จื่อเฉิน
“ซูเหยียน”
ในจังหวะนี้ซูเหยียนก็ได้เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน ความดีใจปรากฏขึ้นในดวงตาคู่สวย
“หลินหรู”
หญิงสาวสองคนจับมือพูดคุยกันทันที โดยทิ้งชายหนุ่มข้างกายเอาไว้
ทั้งคู่ยิ้มประหม่าให้กัน เย่จื่อเฉินจึงเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มท่าทางซื่อๆ คนนั้น ก่อนจะยื่นมือออกไปพร้อมรอยยิ้ม
“เย่จื่อเฉิน”
ชายหนุ่มที่เห็นเย่จื่อเฉินยื่นมือออกมา จึงได้ใช้ผ้ามาเช็ดมืออย่างมีมารยาทแล้วจึงยื่นออกไป
“อู๋ฮ่าวอวี่”
เมื่อทั้งคู่รู้จักกันแล้ว เย่จื่อเฉินจึงได้แสดงท่าทางตามธรรมชาติของเขาออกมาทันที เขาโอบไหล่อีกฝ่ายแล้วพูดกลั้วหัวเราะ
“นั่นแฟนนายเหรอ”
“ใช่มั้ง ยังตามจีบอยู่น่ะ”
อู๋ฮ่าวอวี่เกาหัวซื่อๆ ในตอนนี้ซูเหยียนกับหลินหรูก็นึกถึงคู่ของตัวเองขึ้นมาได้ แต่พอเห็นว่าคู่ของตัวเองยืนโอบไหล่กันอยู่ ก็อดยิ้มขำออกมาไม่ได้
“เราสองคนนี่รู้จักหาคนจริงๆ”
หลินหรูขมุบขมิบปากยิ้ม เมื่อเธอเห็นสายตาของซูเหยียนที่มองเย่จื่อเฉิน เธอจึงยกมือขึ้นสะกิดซูเหยียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มร้าย
“ซูซู นั่นแฟนเธอใช่ไหม”
“อื้ม” ซูเหยียนหน้าแดง หลินหรูทำทีเป็ตกอกใทันที “ว้าว ดาวมหาลัยมีแฟนแล้ว”
ซูเหยียนไม่ได้ตอบรับคำพูดของหลินหรู แต่มองไปทางผู้ชายที่อยู่ข้างเย่จื่อเฉินแทน ก่อนจะพูดขึ้น
“ผู้ชายคนนั้นเป็แฟนเธอใช่ไหม?”
ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของหลินหรูแดงระเรื่อ แล้วเบ้ปากพูด
“ไม่ใช่สักหน่อย หมอนั่นโง่จะตาย ฉันไม่ได้ชอบคนแบบเขาสักหน่อย”
ในระหว่างที่พูด เธอก็หันไปชูกำปั้นใส่อู๋ฮ่าวอวี่
อู๋ฮ่าวอวี่ก็หันมาทางเธอพอดี เมื่อเห็นว่าหลินหรูมองเขาอยู่ เขาก็ยิ้มซื่อพร้อมเกาหัวตัวเองทันที
“เธอดูเขาสิ ซื่อบื้อจะตาย”
หลินหรูกระทืบเท้าด้วยความโมโห ซูเหยียนอดยิ้มขำไม่ได้
“เหมาะกับเธอออกนะ”
ทั้งสี่คนรวมกลุ่มกัน ซูเหยียนเกาะแขนเย่จื่อเฉินไว้ตลอดเวลา ราวกับเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่ง
กลับกันกับทางฝั่งของหลินหรูและอู๋ฮ่าวอวี่
อู๋ฮ่าวอวี่เอาแต่ตามติดอยู่ข้างกายหลินหรู โดยไม่กล้าพูดอะไรเลยแม้แต่ประโยคเดียว แต่สายตาของเขากลับไม่เคยละไปจากหลินหรูเลย
“ซูเหยียน เธอมาแล้วเหรอ”
ในขณะที่พวกเย่จื่อเฉินกำลังคุยกันอยู่สี่คน เสียงเรียกกังวานก็ดังขึ้น
พอเย่จื่อเฉินหันไปตามเสียง ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งในชุดสูท สวมรองเท้าหนัง เซตผมเป็มันวาวกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา
ข้างกายของเขายังมีเกาซ่าง คนที่วันนั้นได้ไปเชิญซูเหยียนให้มางานเลี้ยงรุ่นเดินตามมาด้วย
“ไป๋หยาง เขายังทำตัวน่ารังเกียจเหมือนเดิมเลย”
หลินหรูที่อยู่ข้างๆ เบ้ปากพูด สีหน้าของซูเหยียนก็เปลี่ยนไปในทางไม่ดีเช่นกัน
“เขาคือคุณชายไป๋คนนั้นเหรอ?”
“อือ”
ซูเหยียนผงกหัวตอบรับเสียงแ่
“ซูเหยียน เธอมาแล้วทำไมถึงไม่ทักทายกันเลยล่ะ ฉัน…”
รอยยิ้มบนใบหน้าไป๋หยางนิ่งค้างไปทันที เมื่อเห็นว่าซูเหยียนควงแขนเย่จื่อเฉินอยู่
หลินหรูหลุดขำออกมา แล้วพูดขึ้น
“คุณชายไป๋ นายเป็อะไรหรือเปล่า ดูสีหน้านายไม่ค่อยดีเลย ให้ฉันโทรเรียกรถพยาบาลให้เอาไหม?”
อู๋ฮ่าวอวี่ที่อยู่ด้านข้างกระตุกแขนหลินหรูเล็กน้อย เป็เชิงบอกให้ไว้หน้าไป๋หยางหน่อย
หลินหรูจึงย่นจมูกแล้วเก็บสีหน้าเยาะเย้ยนั่นไว้ แล้วเข้าไปยืนอยู่ข้างซูเหยียน
เย่จื่อเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของไป๋หยาง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ไป๋หยางที่ได้จัดการกับความรู้สึกของตัวเองจึงเดินมาหยุดอยู่ข้างเย่จื่อเฉิน หลังจากที่มองสำรวจเย่จื่อเฉินเล็กน้อย ก็ยื่นมือออกมาโดยในดวงตาฉายแววสมเพชออกมาวูบหนึ่ง
“ฉันไป๋หยาง เป็คนที่จีบซูเหยียนอยู่”
“ไป๋หยาง นายอย่ามาพูดจาเลอะเทอะนะ”
ซูเหยียนก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้วเหมือนกัน เย่จื่อเฉินตบมือเล็กของเธอเบาๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปแล้วพูดขึ้นด้วยความสุภาพ
“ไป๋หยาง? (อีกนัยหนึ่งหมายถึงราศีเมษ) เดี๋ยวนี้สังคมคนรวยเขาแนะนำตัวกันตามราศีเกิดแล้วเหรอ? สวัสดี ฉันราศีกรกฎนะ เป็แฟนคนปัจจุบันของซูเหยียน ดูเหมือนว่าราศีของเราสองคนจะไม่ค่อยถูกกัน มิน่าล่ะเราสองคนถึงได้เป็ศัตรูหัวใจ”
พรูดดด!
หลินหรูที่อยู่ข้างๆ กลั้นขำไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“ซูซู แฟนเธอตลกจัง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้