บทที่ 9 โสมกระดูกหิมะร้อยปี
ห้องโถงด้านในของเซียนเยว่ซวนเป็ลานกว้าง มีสวนสมุนไพรหลายชนิดปลูกไว้ที่ลานด้านหน้า ดูแน่นขนัดไร้ที่ว่าง ทว่ากลับเป็ระเบียบและส่งกลิ่นหอม
ฉู่อวิ๋นเดินตามชายชราแซ่เหยาเข้าไปข้างใน และเริ่มถามว่า "ท่านผู้เฒ่า ท่านเป็เ้าของเซียนเยว่ซวนหรือ?"
ผู้เฒ่าเหยายิ้มบางๆ แล้วพูดว่า "เซียนเยว่ซวนเป็เพียงสถานที่ที่ข้าสร้างขึ้นมาแก้เบื่อน่ะ ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรหรอก ข้านับได้ว่าเป็พ่อค้ามือเปล่า[1]กระมัง ฮ่าๆ"
ฉู่อวิ๋นพูดไม่ออก ผู้เฒ่าเหยาผู้นี้ไม่ได้ใส่ใจเซียนเยว่ซวนจริงๆ
ใครก็ตามที่สามารถเปิดร้านบริเวณกลางตลาดให้โด่งดังเช่นนี้ได้ นับว่าเป็คนที่เก่งมากๆ
ผู้เฒ่าเหยาคนนี้สามารถพัฒนาเซียนเยว่ซวนให้เป็ร้านปรุงยาลูกกลอนแห่งแรกในเมืองไป๋หยางได้ ความสามารถด้านการปรุงยา ความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ และภูมิหลังของเขาไม่ใช่เื่ง่ายอย่างแน่นอน
ดังนั้น ในใจฉู่อวิ๋นจึงระแวงขึ้นโดยไม่รู้ตัว และพูดอย่างไม่มั่นใจว่า "ข้าดูเหมือนจะเป็คนแปลกหน้าสำหรับท่าน เหตุใดท่านจึงต้องเชิญข้าเข้าไปด้วยหรือ?"
ผู้เฒ่าเหยายิ้มแล้วพูดว่า "เมื่อเร็วๆ นี้ข้าพนันกับสหายเอาไว้น่ะ แล้วมันก็เกี่ยวกับน้องชายด้วย จึงถือโอกาสเชิญเ้ามาที่นี่ หากทำให้เ้าหัวเราะได้แล้ว ข้ารับรองว่าหลังจากจบเื่จะมีรางวัลน้ำใจให้เ้าแน่นอน อย่ากังวลไปเลย”
“พนัน?” ฉู่อวิ๋นงงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถาม “ทุกคนต่างก็บอกว่าข้าเป็ดาวหายนะที่จะฆ่าใครก็ตามที่เข้าใกล้ ท่านผู้เฒ่าไม่กลัวหรือ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้เฒ่าเหยาก็ส่ายหน้าและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "หากเ้ามีพลังเช่นนั้นจริง พวกเราทุกคนในเมืองไป๋หยางคงต้องตายกันไปนานแล้วมิใช่หรือ? ต่อให้เป็เื่จริง แต่ข้าอยู่มานับร้อยปีแล้ว ดีไม่ดีอาจจะไม่พ้นพรุ่งนี้ ข้าจึงเลิกใส่ใจชีวิตตนเองไปนานแล้ว”
ฉู่อวิ๋นอึ้งไปชั่วขณะ ชายชราคนนี้ใจกว้างเกินไปแล้ว
แต่ก็ไม่น่ารำคาญเลย
อย่างน้อย เขาก็เป็หนึ่งในไม่กี่คนในเมืองไป๋หยางที่ไม่รังเกียจฉู่อวิ๋นที่เกิดมาพร้อมกับิญญายุทธ์พิการ
ทั้งคู่เดินผ่านสวนสมุนไพรแล้วเข้าไปในห้องด้านหลัง และเห็นชายชราอีกคนนั่งอยู่ในห้องโถง
ชายชราคนนั้นเลิกคิ้ว เม้มริมฝีปาก รูปร่างดูสูงกว่า และดูเหมือนจะอารมณ์ฉุนเฉียวและเ็ามากกว่า
ทันทีที่เขาเห็นทั้งคู่ ชายชราคนนั้นก็มองดูฉู่อวิ๋นโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วะโ "นี่...นี่เป็ไปได้ยังไง! ให้ตายเถอะตาเฒ่า เ้าให้เขากินยาอะไรไปใช่หรือไม่? ระดับการฝึกฝนของเขา...นี่...นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!"
เมื่อเห็นความความอับอายและโกรธเกรี้ยวของชายชรา ผู้เฒ่าเหยาก็หัวเราะอย่างภาคภูมิใจและพูดว่า "ฮ่าๆ ผู้เฒ่ากุ่ย ข้ากล้าเดิมพันย่อมกล้ายอมรับความพ่ายแพ้! ข้าไม่ได้รู้สึกไปเองหรอก ในคืนนั้นพลังิญญาหลั่งไหลมาจากทิศตะวันออกจากลานบ้านตระกูลฉู่…"
หลังจากได้ยินการสนทนาของทั้งคู่ ท่าทีของฉู่อวิ๋นก็เปลี่ยนไป เขารวบรวมพลังในร่างกายอย่างรวดเร็ว พร้อมที่จะหลบหนีได้ตลอดเวลา
ฉู่อวิ๋นคิดว่าชายชราสองคนสังเกตเห็นความแปลกประหลาดของิญญายุทธ์กระบี่บาป์ในทวารรับแสงศักดิ์สิทธ์ของเขา และ้าทำร้ายเขา
“น้องชาย ไม่ต้องกังวล เราไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใดหรอก” ผู้เฒ่าเหยามองไปยังฉู่อวิ๋นที่ดูประหม่า และตบหลังเขาเบาๆ ด้วยมือข้างเดียว
ทว่าด้วยการตบครั้งนี้ ฉู่อวิ๋นรู้สึกว่าพลังปราณในร่างกายของเขากำลังถูกระงับอย่างช้าๆ เขาใหน้าซีด และรีบตั้งสมาธิ บังคับให้พลังปราณทั้งหมดในร่างกายไหลเวียนอย่างรวดเร็ว!
"วิ้ว--"
มองเห็นเพียงผู้เฒ่าเหยาที่ยืนนิ่งราวกับูเาถูกผลักห่างออกไปหลายเมตร เขาก้าวเท้าสะเปะสะปะไปหลายก้าวก่อนจะทรงตัวให้มั่นคง
ใบหน้าของผู้เฒ่าเหยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แสดงถึงความประหลาดใจ ในใจเขาครุ่นคิด "ช่างเป็พลังปราณที่แปลกจริงๆ!"
"นี่… "
ฉู่อวิ๋นประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเขาเอาชนะผู้เฒ่าเหยาได้ด้วยการอาศัยพลังอันแข็งแกร่งที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง ทว่าเห็นได้ชัดว่าชายชราทั้งสองคนตรงหน้าเขาเป็ยอดฝีมือ เขาตกตะลึงได้เดี๋ยวเดียว ก่อนจะหันหลังรีบก้าวออกไป
แต่ก่อนจะก้าวออกจากห้องโถงก็รู้สึกว่ามีมือคู่หนึ่งจับไหล่ของเขาไว้ ในขณะที่กำลังจะสู้ตาย เขาก็ต้องประหลาดใจที่พบว่ามือใหญ่ๆ คู่นั้นดูเหมือนจะใช้กำลังแค่แ่เบา?
"ท่าน...ปู่..."
ทันใดนั้น เ้าของมือใหญ่นั้นก็พูดอะไรบางอย่างออกมาอย่างสั่นเทา
"อะไรนะ?"
ฉู่อวิ๋นหันกลับมาและพบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็ชายชราที่มีใบหน้าเคร่งขรึม แต่ในตอนนี้ ใบหน้าของเขาประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวซีด คิ้วของเขาสั่นเทา และอ้าปากพูดอีกครั้ง
“ท่าน...ปู่…”
“ใครคือปู่ของท่านกัน! ข้าไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย!” ฉู่อวิ๋นมึนงงเมื่อได้ยินชายชราเรียกเขาเช่นนั้น เขารีบผละจากมือนั้นทันที แล้วเดินไปที่อีกด้านของห้องโถง มองดูชายชราอย่างระมัดระวัง
“เชอะ! ข้าเป็ถึงปรมาจารย์ขั้นมหาสมุทรผู้ยิ่งใหญ่ กลับต้องมาเรียกเด็กน้อยอย่างเ้าว่าท่านปู่! ให้ตายเถอะ ตาเฒ่าเหยา! เ้าพอใจหรือยัง!” ชายชราที่ชื่อผู้เฒ่ากุ่ยบ่นกับผู้เฒ่าเหยา
ผู้เฒ่าเหยาหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า "แน่นอน ข้าพอใจแล้ว แต่เ้ายังติดหนี้ข้าอยู่อีกหนึ่งอย่างนะ อย่าลืมเล่า ฮ่าๆ!"
“เ้านี่โหดร้ายนัก! เชอะ! ข้าพูดคำไหนคำนั้นแน่ เ้ารอไปก่อนเถอะ!” ผู้เฒ่ากุ่ยแค่นเสียงอย่างเ็า จ้องมองฉู่อวิ๋นที่กำลังใและสับสน จากนั้นจึงก้าวออกจากห้องโถง
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ฉู่อวิ๋นงุนงงเล็กน้อย
“ตาเฒ่าสองคนนี้กำลังเล่นอะไรกันอยู่?”
ในเวลานี้ ผู้เฒ่าเหยานั่งบนเก้าอี้ โบกมือให้ฉู่อวิ๋นแล้วพูดว่า "น้องชาย ไม่ต้องกังวล หากเราจะทำอะไรไม่ดีกับเ้าจริง ตอนนี้เ้าจะปลอดภัยเช่นนี้หรือ? นั่งลงเถอะ"
ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในใจของเขา หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นก็เชื่อในสิ่งที่ผู้เฒ่าเหยาพูดและนั่งลง
“ข้าจะเล่าเื่ทั้งหมดให้เ้าฟัง”
หลังจากนั้น ผู้เฒ่าเหยาก็เล่าเื่การพนันระหว่างเขากับผู้เฒ่ากุ่ยให้ฉู่อวื๋นฟัง
เมื่อคืนก่อนที่ฉู่อวิ๋นเปิดผนึกิญญายุทธ์กระบี่บาป์เป็ครั้งแรก ทำให้เกิดกระแสพลังิญญาที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งในเมืองบางคนตื่นตระหนก ทว่าผู้เฒ่าเหยาเชื่อว่ากระแสพลังนั้นเกิดจากฉู่อวิ๋น แต่ผู้เฒ่ากุ่ยไม่เห็นด้วย
ดังนั้น พวกเขาจึงเดิมพันกัน ถ้าผู้เฒ่าเหยาชนะ ผู้เฒ่ากุ่ยจะเรียกฉู่อวิ๋นว่าท่านปู่ด้วยตนเองและมอบสมุนไพรล้ำค่าให้กับผู้เฒ่าเหยา
เมื่อครู่นี้ ผู้เฒ่าเหยาและผู้เฒ่ากุ่ยอยู่ด้วยกันพอดี บังเอิญได้ยินเื่ทะเลาะกันระหว่างฉู่อวิ๋นกับชายชราที่โต๊ะคิดเงิน ผู้เฒ่าเหยาจึงออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเขาก็เห็นฉู่อวิ๋น และยังได้เห็นระดับการฝึกฝนพลังยุทธ์ของฉู่อวิ๋นในตอนนี้ด้วย
นั่นทำให้เกิดสถานการณ์เมื่อครู่นี้ขึ้น
หลังจากรู้ความจริงแล้ว ฉู่อวิ๋นก็อดกระตุกยิ้มไม่ได้ ตาเฒ่าสองคนนี้ช่างรู้วิธีเล่นจริงๆ
ทว่าไม่นาน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าคืนนั้นข้าจะประมาทเกินไป ต่อไปต้องควบคุมกระบี่บาป์ให้ดี”
เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมของฉู่อวิ๋น ผู้เฒ่าเหยาก็ถอนหายใจและพูดว่า "แม้ว่าข้าจะแก่ แต่ข้าก็ยังไม่เลอะเลือน ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับบุญคุณความแค้นของตระกูลฉู่ของเ้ามาบ้าง ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ทำร้ายเ้าหรอก"
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและถามอีกครั้ง "แต่ผู้เฒ่าเหยา ท่านรู้ได้อย่างไรว่ากระแสพลังิญญานั่นเกิดจากข้า บางทีข้าอาจไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ในลานตะวันออกตระกูลฉู่ก็ได้นะ”
ผู้เฒ่าเหยากล่าวว่า "แม้ว่าระดับฝึกฝนของข้าจะไม่สูง ได้แค่ระดับแรกของขั้นมหาสมุทรเท่านั้น แต่ข้าก็ไม่ได้ตาบอด เกรงว่าระดับพลังยุทธ์ของเ้าในตอนนี้คงอยู่ที่ขอบเขตควบแน่นพลังปราณระดับสามแล้วกระมัง?”
ฉู่อวิ๋นรู้ว่าไม่อาจปิดบังผู้เฒ่าเหยาได้ เขาจึงพยักหน้า
“ถ้าข้าจำไม่ผิด ไม่นานมานี้ ตอนข้าออกไปเก็บยา เห็นเ้ากำลังลากโลงศพพอดี ตอนนั้นเ้ายังไม่อาจฝึกฝนได้ แต่ตอนนี้เ้ากลับทะลวงผ่านระดับสามได้ภายในเวลาอันสั้น หากสิ่งนี้ไม่สามารถเรียกกระแสพลังิญญามาได้ แล้วจะมีผู้ใดทำได้อีก?”
เมื่อได้ยินคำว่า "ลากโลงศพ" ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาและพูดอย่างเรียบเฉยว่า "เช่นนี้นี่เอง"
เมื่อคิดได้ว่าตนเองอาจพูดอะไรผิดไป ผู้เฒ่าเหยาจึงรีบเปลี่ยนเื่ "พูดก็พูดเถอะ ครั้งนี้ข้าได้รับโสมกระดูกหิมะร้อยปีจากตาเฒ่ากุ่ยมา ส่วนหนึ่งก็เป็ความชอบของเ้า ข้ามีความรู้เื่การปรุงยาอยู่บ้าง ถึงตอนนั้น ข้าใช้มันกลั่นยาเม็ดหิมะให้เ้าเป็อย่างไร?”
ยาเม็ดหิมะเป็ยาอายุวัฒนะลำดับสองที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง หลังกินแล้วจะช่วยปรับสภาพร่างกาย ร้อยโรคไม่อาจกล้ำกลาย
ฉู่อวิ๋นที่เรียนเื่นี้มาจากหนังสือ เมื่อได้ยินก็ประหลาดใจ เขาไม่อยากเชื่อเลยสักนิด "ผู้เฒ่าเหยา ของขวัญชิ้นนี้มากเกินไปหรือไม่?"
“ไม่มากหรอกๆ ทำให้เ้าหัวแข็งนั่นเรียกเ้าว่าปู่ได้ ข้าสุขใจมาก!” ผู้เฒ่าเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้น...ข้าคนนี้เคารพไม่[2]สู้เชื่อฟัง! ขอบคุณผู้เฒ่าเหยา!”
ฉู่อวิ๋นไม่คิดปฏิเสธ หากเขามอบยาเม็ดหิมะให้พี่สาว ร่างกายของนางก็จะดีขึ้นอย่างมาก จะได้ไม่ต้องทรมานกับโรคภัยไข้เจ็บในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้น การจ้างนักปรุงยาที่มีประสบการณ์นั้นราคาสูงมาก ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถจ่ายได้
เมื่อเห็นท่าทางดีใจของฉู่อวิ๋น ผู้เฒ่าเหยาก็ยิ้มแล้วพูดว่า "ไม่ต้องเกรงใจ เ้าสมควรได้รับมัน อีกอย่าง เมื่อครู่ที่โต๊ะคิดเงินเหมือนว่าข้าได้ยินว่าเ้ากำลังจะซื้อยาเสริมิญญาหรือ?"
ฉู่อวิ๋นพยักหน้า
“เช่นนั้นรอสักครู่...”
หลังจากพูดจบ คุณผู้เฒ่าเหยาก็เดินเข้าไปในห้องเก็บยา หยิบกล่องเล็กๆ ที่สลักลวดลายสวยงามหลายกล่องออกมา แล้วมอบให้ฉู่อวิ๋น
“ก่อนหน้านี้ อาฝูของเราทำให้เ้าลำบาก ช่างทำให้เซียนเยว่ซวนขายหน้าจริงๆ ข้าขอโทษเ้าแทนเขาด้วย นี่คือค่าชดเชยเล็กน้อย ยาเสริมิญญาสามเม็ดและยาฟื้นเส้นลมปราณสามเม็ด เ้าจ่ายให้ข้าหนึ่งร้อยเหรียญทองก็พอ” ผู้เฒ่าเหยาพูด
“ฟื้นเส้นลมปราณหรือ นี่มัน…ไม่ดีหรอก ตัวข้ามีอยู่หกร้อยเหรียญทอง…ท่านเอาไปทั้งหมดเถิด”
ฉู่อวิ๋นรู้ว่ายาฟื้นเส้นลมปราณจะช่วยให้นักรบิญญาเปิดเส้นลมปราณได้ง่ายขึ้น ทั้งยังมีมูลค่าอย่างน้อยสองพันเหรียญทอง
ผู้เฒ่าเหยาไม่ลังเลเลยที่จะขายยาทั้งหกเม็ดให้เขาในราคาที่ต่ำเช่นนี้ แทบจะให้เปล่าๆ ทำให้เขาตกตะลึงในความเมตตาที่ได้รับ
ดังนั้น ฉู่อวิ๋นจึง้าปฏิเสธความเมตตาของผู้เฒ่าเหยา เขาไม่อาจรับของโดยไม่ออกแรงได้ เขาไม่้าเป็หนี้ผู้อื่น ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่อยากถูกคนอื่นดูถูก
ผู้เฒ่าเหยาถอนหายใจเบาๆ ใบหน้าดูแก่กว่าเก่าเล็กน้อยแล้วพูดว่า "เฮ้อ ข้าก็เคยมีหลานชายอยู่คนหนึ่ง แต่ตอนนั้นข้าหมกมุ่นอยู่กับการปรุงยา ไม่สนใจความรู้สึกของครอบครัว หนีมาจากบ้านเกิด ตอนนี้ข้าเหลือตัวคนเดียว เกรงว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอพวกเขาอีก”
“ข้าเห็นเ้าแล้วคิดถึงหลานชายขึ้นมา ถือเสียว่ามันเป็ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากญาติผู้ใหญ่ของเ้า”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ค่อนข้างเศร้าโศกของผู้เฒ่าเหยา ฉู่อวิ๋นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากซื้อยาหกเม็ดนี้ด้วยเงินหนึ่งร้อยเหรียญทอง
หลังจากนั้น ฉู่อวิ๋นก็โค้งคำนับผู้เฒ่าเหยาด้วยความเคารพและพูดอย่างจริงจัง "ขอบคุณผู้เฒ่าเหยามาก! หากคราหน้ามีเื่อันใดที่ข้าพอจะมีประโยชน์ต่อท่านบ้าง ข้าจะพยายามเพื่อช่วยท่านอย่างเต็มที่!"
ผู้เฒ่าเหยายิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า "ภายภาคหน้าหากมีโอกาส เ้าลองไปเก็บสมุนไพรที่ป่าสนธยาดูสิ หากเก็บมาได้ ข้าก็จะให้รางวัลเ้า อีกอย่าง คาดว่ายาเม็ดหิมะอีกสองวันก็กลั่นเสร็จ หากมีเวลาเ้าก็เข้ามารับไปเถอะ”
ฉู่อวิ๋นพยักหน้าแล้วพูดคุยกับผู้เฒ่าเหยาอีกสองสามคำก่อนจากไปพร้อมกับยาเสริมิญญาและยาฟื้นเส้นลมปราณ อย่างไรเสีย ตอนนี้พี่สาวของเขาก็ยังคงรอยาอยู่ที่โรงเตี๊ยม
นอกจากนี้ พรุ่งนี้ยังเป็วันที่สาม วันสุดท้าย เวลาเหลือน้อยแล้ว หากแข็งแกร่งเพิ่มได้หนึ่งส่วนก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น
ผู้เฒ่าเหยายืนอยู่หน้าประตูห้องโถง มองดูฉู่อวิ๋นจากไปด้วยแววตาประหลาดใจ "เขาเกิดมาพร้อมิญญายุทธ์พิการแล้วอย่างไรเล่า? ความสำเร็จในอนาคตของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่อาจพูดได้ ในร่างกายของเขามีพลังปราณชนิดใดอยู่กันแน่...? "
เมื่อก้มลงมองก็เห็นว่าฝ่ามือของผู้เฒ่าเหยาที่ถูกโจมตีด้วยพลังปราณของฉู่อวิ๋น ยังคงสั่นอยู่เล็กน้อย
--------------------
[1] พ่อค้ามือเปล่า หมายถึง บุคคลที่เพียงแต่ออกคำสั่งผู้อื่นและไม่ทำอะไรเลย และยังหมายถึง บุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงในนามและไม่มีความรับผิดชอบหรืองานใดๆ
[2] ความเคารพนับถือสู้การเชื่อฟังไม่ได้ การปฏิบัติตามศีลธรรมคำสั่งสอน ถือเป็การแสดงความเคารพที่จริงใจที่สุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้