ต่อมาได้ยินว่าิเถี่ยจู้รับเลี้ยงดูสองพี่น้องคู่นี้ คนในหมู่บ้านต่างชื่นชมในความผูกพันแน่นแฟ้นของพี่น้อง การเลี้ยงเด็กมากขึ้นก็ยิ่งลำบากมากขึ้น
ต่อมาก็มีข่าวลือว่าิเป่าจูเป็เด็กตะกละเกียจคร้าน ไม่เคารพผู้ใหญ่
่ก่อน ก็ได้ยินว่าหวังซื่ออุตส่าห์หาครอบครัวดีๆ ให้นางแต่งงาน แต่นางกลับไม่ยอมแต่ง ยังหยิบมีดมาจะสังหารหวังซื่อให้ตาย
ิเถี่ยจู้สามีภรรยาหัวใจเย็นชืดหมดความอาวรณ์ ขับไล่สองพี่น้องกลับไปบ้านเก่าปล่อยให้ใช้ชีวิตเองตามยถากรรม
ใครจะรู้พอได้กลับไปบ้านเดิม สาวน้อยก็ยิ่งทำตัวเหิมเกริมหนัก ถึงกับกล้านัดพบบุรุษแปลกหน้าที่หลังเขากลางวันแสกๆ
ิเถี่ยจู้ได้รับคำแนะนำจากผู้วิเศษว่าิเป่าจูถูกปิศาจครอบงำ ตัดสินใจตัดญาติผดุงคุณธรรมเผาเรือนเดิมทิ้ง
คนในหมู่บ้านต่างยกย่องว่าเขาเป็คนเที่ยงธรรมมีเหตุผล
แม้ไฟจะมิได้เผาสองพี่น้องจนตาย แต่ก็ยังคงได้ผล ั้แ่นั้นเป็ต้นมาิเป่าจูก็สงบเสงี่ยมขึ้นมาก ไม่ค่อยมีข่าวลือออกมาว่านางไปก่อเื่งามหน้าอีก
แต่ความเชื่อของคนในหมู่บ้านหยั่งรากลึกเกินไป
ประกอบกับถูกิเถี่ยจู้ทั้งครอบครัวล้างสมองมาหลายปี ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนความคิดต่อสองพี่น้อง
แต่ไรมานางไม่เคยเข้าไปร่วมวงซุบซิบนินทากับหญิงชาวบ้านลิ้นยาว [1] เ่าั้ แต่ก็มิได้มีความรู้สึกที่ดีต่อิเป่าจูเช่นกัน ทว่าเมื่อพิจารณาการกระทำของอีกฝ่ายในวันนี้ ที่เป็ฝ่ายริเริ่มเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็น เสื้อผ้าบนตัวก็น่าจะเป็อาภรณ์เพียงชุดเดียวของนางแล้วกระมัง ไม่นึกว่านางจะฉีกออกมาให้คนแปลกหน้าคนหนึ่งใช้โดยไม่มีส่วนเสี้ยวของความลังเล
แม่นางน้อยที่มีความกล้าหาญจิตใจเอื้อเฟื้อเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจคิดเชื่อมโยงระหว่างนางกับคนในข่าวลือได้เลย
“เืพิษถูกขับออกมาแล้ว ท่านพักผ่อนสักครู่ อีกประเดี๋ยวความรู้สึกที่ขาก็จะกลับมา ข้าค่อยประคองท่านลงจากเขา”
นางจับชีพจรดู ยังเต้นเร็วอยู่บ้าง น่าจะมีพิษค้างในร่างกายบางส่วน
เคราะห์ดีที่กินฉงโหลวเข้าไป พิษที่คงค้างส่วนนี้จึงไม่กลายเป็ปัญหา ตอนนี้ก็แค่รอเท่านั้น
“หากท่านง่วงนอน พักก่อนก็ได้ ข้าจะอยู่เฝ้าท่านเอง ไม่ให้งูพิษเข้ามาใกล้ท่านได้อีก”
ิเป่าจูไม่จากไปไหน แต่ประคองสตรีนางนั้นขึ้นมานั่งแล้วช่วยฟื้นฟูการรับรู้ให้นาง
“แม่หนู ขอบใจเ้ามาก ไม่อย่างนั้นวันนี้ข้าคงไม่รอดแล้ว” นางลองขยับขา่ล่างของตนเอง แม้จะยังเคลื่อนไหวมิได้มากนัก แต่อย่างน้อยข้อเท้าก็ยังขยับได้
ตอนนี้นางไว้วางใจิเป่าจูอย่างเต็มที่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรนางก็เชื่อ
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าิเป่าจูเป็เด็กน่ารักชวนให้คนชมชอบ เื่โกหกเหลวไหลภายนอกล้วนเป็ข่าวโคมลอยทั้งเพ!
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ แค่เื่เล็กน้อยมิได้เหลือบ่ากว่าแรง”
ชีวิตมีเพียงชีวิตเดียว นางมีวิชาแพทย์ติดตัว หากไม่รู้ก็แล้วไป แต่จะนิ่งดูดายกับคนที่ใกล้ตายได้หรือ
“แม่หนู ป้าขอถามสักคำเถอะ เ้าอายุน้อยเท่านี้รู้วิชาแพทย์ได้อย่างไร” ไม่แปลกที่นางจะสงสัย เป็ใครก็ประหลาดใจกันทั้งนั้น
ดรุณีน้อยอายุไม่มาก แต่กระบวนการลงมีด ขับเืพิษ ความคุ้นเคยกับสรรพคุณของสมุนไพร และการพันแผล ทุกขั้นตอนล้วนสุขุมมั่นคง ช่ำชองคล่องแคล่วอย่างไม่อาจหาไหนมาเปรียบปาน
มีเพียงคนที่ร่ำเรียนและฝึกฝนมายาวนาน รวมถึงเคยผ่านประสบการณ์มานับไม่ถ้วนถึงจะมีความชำนาญเช่นนี้
นางถามจบไปนานแล้ว แต่ิเป่าจูกลับยังนิ่งไม่ยอมพูด จึงช่วยหาทางลงให้ “ไม่เป็ไร หากเ้าไม่อยากพูดก็ช่างเถอะ”
“ใช่ว่าบอกไม่ได้ หากท่านป้าอยากรู้ข้าก็จะเล่าให้ฟัง” ิเป่าจูเอ่ยกลั้วยิ้ม
สตรีนางนั้นคิดว่าเด็กน้อยน่าจะมีความลับซ่อนเร้นบางอย่างที่ยากจะเอ่ยปาก
แต่ไม่รู้ว่าระหว่างนั้นิเป่าจูกำลังขบคิด ในที่สุดก็สามารถแต่งเื่ขึ้นมาได้อย่างเหมาะสม เพื่ออธิบายว่าตนเองเข้าใจหลักการแพทย์ได้อย่างไร
แน่นอนว่าบอกเื่ที่ตนเองข้ามภพมาพร้อมกับวิชาติดตัวไม่ได้ จากนั้นเื่ราวที่น่าประทับใจเกี่ยวกับบุคคลลึกลับที่เกิดความเวทนาต่อเด็กน้อยผู้เปราะบางน่าเวทนาก็พรั่งพรูออกมาจากปากของิเป่าจู
นางไม่เคยอิ่มท้องมาั้แ่เล็ก เสื้อผ้าที่มีก็ไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้ จึงมาขุดหาของป่ากินที่หลังเขาอยู่บ่อยครั้ง จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่คล้ายกับท่านป้าผู้นี้ นางหกล้มได้รับาเ็ เคราะห์ดีพบผู้สูงส่งช่วยชีวิตไว้
ผู้สูงส่งเห็นนางน่าเวทนาสงสาร หลังจากช่วยชีวิตนางได้แล้วก็รับนางเป็ศิษย์ สอนจนกระทั่งนางสามารถที่จะรักษาคนได้
แต่เมื่อนางร่ำเรียนได้พอประมาณแล้ว ผู้สูงส่งท่านนั้นก็ไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกเลย
ท่านป้าผู้นี้ฟังแล้วก็เกิดความะเืใจอย่างยิ่ง
เด็กคนนี้ยากลำบากมาั้แ่เล็ก ไหนเลยจะใช่อย่างที่หวังซื่อกล่าวอ้างว่าเลี้ยงดูมาอย่างดี เห็นอยู่ว่ามีแต่ทุบตีด่าทอ แม้แต่ข้าวก็ไม่เคยให้กินจนอิ่มท้อง เสื้อผ้าก็ไม่มีให้
อีกอย่างนางจำได้ว่าเมื่อก่อนบุตรชายของหัวหน้าหมู่บ้านป่วยหนักแทบตาย เชิญหมอมารักษาก็มาก แต่ไม่ได้ผล
ประจวบเหมาะมีคนจากนอกหมู่บ้านผ่านมา และมาขอข้าวหัวหน้าหมู่บ้านกิน หัวหน้าหมู่บ้านเห็นว่าเขาน่าเวทนาจึงให้อาหารแก่เขา หลังกินข้าวแล้วคนผู้นี้ก็บอกว่าตนเองช่วยบุตรชายของเขาได้
หัวหน้าจนปัญหาแล้วจริงๆ จึงยอมให้เขารักษา ไม่นึกว่าจะหายได้จริงๆ
หัวหน้าหมู่บ้านซาบซึ้งใจอยากจะตอบแทนบุญคุณ จึงถามที่อยู่ของคนผู้นั้น เขากลับไม่พูดอะไรเลย เพียงแค่ชี้ไปที่หลังเขา ทุกคนต่างนึกว่าคนผู้นี้เป็นักพรตเต๋าผู้สูงส่งที่เร้นกายอยู่บนูเา
ต่อมาหัวหน้าหมู่บ้านก็ขึ้นเขาไปหาคนอยู่หลายครั้งหลายหน แต่ก็หาไม่พบ จนหลายปีผ่านไปเื่ก็จบลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เป็ไปได้หรือไม่ว่า...
ผู้สูงส่งที่เคยช่วยชีวิตบุตรชายหัวหน้าผู้บ้านครานั้น จะเป็คนเดียวกันกับที่สอนวิชาแพทย์ให้ิเป่าจู
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่านี่เป็คำอธิบายที่เหมาะสม และเชื่อเื่ราวชีวิตของิเป่าจูโดยสมบูรณ์
ิเป่าจูเองก็ไม่นึกว่าเื่ที่ตนเองกุขึ้นมาจะไปสอดคล้องกับเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนพอดี ช่างโชคดีจริงๆ
หญิงวัยกลางคนผู้นั้นไร้ซึ่งความง่วง เหมือนว่ามีเื่คุยกับิเป่าจูไม่จบไม่สิ้น ทั้งสองสนทนากันอยู่ราวหนึ่งชั่วยาม
“ข้าจะตรวจดูให้ท่านอีกรอบ” ิเป่าจูพูดจบก็วางนิ้วแตะที่ข้อมือของอีกฝ่าย “พิษถูกขจัดไปไม่น้อยแล้ว ตอนนี้ลองดูว่าท่านยืนไหวหรือไม่”
นางโอบใต้วงแขนทั้งสองของหญิงวัยกลางคน เพื่อให้อาศัยแรงในการลุกขึ้น แม้จะต้องพยายามอยู่ครู่ใหญ่ แต่ในที่สุดก็ยืนสำเร็จ
ทั้งสองเดินมาตามเส้นทางลงเขา
หญิงวัยกลางคนเห็นความตั้งใจของิเป่าจูที่พยายามพาตนเองไปพื้นที่ราบเรียบ ก็ซาบซึ้งใจยิ่ง พูดขอบคุณนางมาตลอดทาง
จนกระทั่งถึงเชิงเขา ิเป่าจูก็หยุดเท้า
“ท่านป้าเ้าคะ เื่ที่ข้ารู้วิชาแพทย์ รบกวนท่านเก็บเป็ความลับได้หรือไม่” ิเป่าจูมองไปที่นางพลางเอ่ยอย่างจริงจัง
“นี่ไม่ใช่เื่ดีหรอกหรือ...”
หญิงวัยกลางคนประหลาดใจอยู่บ้าง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดิเป่าจูต้องปิดบังซ่อนเร้น
ในความคิดของนาง แม่หนูน้อยคนนี้คล่องแคล่วปราดเปรียวในการรักษา ทักษะการแพทย์สูงส่งยิ่งกว่าท่านหมอหลี่มากนัก หากคนในหมู่บ้านรู้ ต้องมาขอให้นางรักษาโรคให้ ผู้คนจะเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อนางได้
จุดนี้ิเป่าจูย่อมเคยคิดมาก่อน แต่นางยัง้าเวลาตรึกตรองให้มากขึ้น อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาที่จะแสดงตน
ถึงตอนนี้ผู้คนจะรู้กันมากขึ้นว่าตนเองมีทักษะวิชาแพทย์ ก็แทบจะไม่มีประโยชน์ต่อนางเลย ในทางกลับกันอาจนำพาความยุ่งยากมาให้อีกด้วย
โดยเฉพาะครอบครัวของิเถี่ยจู้
ด้วยอุปนิสัยเห็นเงินแล้วตาโตของหวังซื่อ ถ้ารู้ว่านางมีความสามารถเช่นนี้จะต้องทำตัวเป็กอเอี๊ยะหนังสุนัข [2] คอยตามตอแย ใช้นางเป็เครื่องหาเงิน ถึงเวลานั้นอยากจะสลัดทิ้งก็สลัดไม่หลุดจริงๆ แล้ว
“ได้ ป้าจะไม่บอกใคร” นางััได้ถึงความแน่วแน่จากสายตาของิเป่าจู จึงรับปากอย่างรวดเร็วโดยไม่ถามเหตุผล
ิเป่าจูได้ยินแล้วก็เผยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใสใจจริง
แต่หญิงวัยกลางคนเห็นแล้วกลับรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย เด็กคนนี้ต้องผ่านความขมขื่นมามากมายเหลือเกิน...
ิเป่าจูทำหน้าที่จนถึงที่สุด ไปส่งคนจนถึงบ้านของอีกฝ่าย
สามีของท่านป้าเป็คนซื่อและเรียบง่าย บุตรสาวในครอบครัวออกเรือนไปหมู่บ้านใกล้เคียง ในบ้านจึงมีเพียงสองสามีภรรยาอาศัยอยู่ด้วยกัน
พวกเขาทั้งสองพยายามเหนี่ยวรั้งิเป่าจูให้อยู่กินมื้อกลางวันด้วยกัน แต่นางกลับปฏิเสธเพราะ้าขึ้นเขาอีกรอบ
หลังจากออกมาแล้วก็มิได้เร่งรุดขึ้นเขา แต่กลับไปดูที่บ้านก่อน
ิเป่าอวี้อุ่นอาหารที่เหลือเมื่อคืน กำลังนั่งกินกับหลี่ไหวฺอวี้อย่างเอร็ดอร่อย ไม่คิดว่าิเป่าจูจะกลับมาเร็วขนาดนี้ จึงรีบหยิบหมั่นโถวลูกหนึ่งส่งให้
เดิมทีิเป่าจูไม่รู้สึกอยากอาหาร แต่พอเห็นทั้งสองกินข้าวกัน ความอยากอาหารก็ถูกกระตุ้น จึงกินข้าวไปไม่น้อย
หลังกินเสร็จนางคิดว่าจะช่วยเก็บชามและตะเกียบ แต่น้องชายกลับไม่ยอม
ิเป่าอวี้เข้าใจว่าพี่สาวขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรทุกวัน ยังต้องเข้าเมืองไปขายเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวอย่างยากลำบาก แต่ตนเองกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นจึงอยากช่วยงานในบ้านทุกอย่างเท่าที่จะสามารถทำได้
หลังจากนั้นก็เกลี้ยกล่อมให้พี่สาวไปพักผ่อนในห้องสักครู่ ทว่าไม่นานนัก กลับเห็นนางสะพายกระบุงขึ้นหลังออกจากบ้านไปแล้ว
แต่น่าเสียดาย
เสาะหาอยู่ตลอด่บ่าย ผลลัพธ์กลับเหมือนเมื่อวาน ไม่พบเบาะแสใดๆ ของต้นเกล็ดั
เชิงอรรถ
[1] ลิ้นยาว หมายถึง คนที่ชอบซุบซิบนินทาเื่ชาวบ้านเป็เนืองนิตย์
[2] กอเอี๊ยะหนังสุนัข มักใช้เปรียบเปรยกับคนที่คอยตามตอแยผู้อื่นไม่เลิก เหมือนกับแผ่นกอเอี๊ยะ (แผ่นแปะยา) ที่เหนียวหนึบเวลาติดแล้วก็แกะออกได้ยาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้